ความคิดเห็นที่ 1 ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ3 นัดรีเพลย์ วันอังคารที่ 18 มกราคม 2554 แมนเชสเตอร์ ซิตี้(พรีเมียร์ ลีก) 4 - 2 เลสเตอร์(แชมเปี้ยน ชิพ) สนาม : ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์     เกมนี้ เรือใบสีฟ้า ของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่จัดทีมผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามหลังจากตอนแรกมีข่าวว่าจะมีการหวุนเวียนตัวผู้เล่น เกมนี้มาในระบบ 4-2-3-1 โดยส่ง ปาทริค วิเอล่า ลงมายืนคู่ เจมส์ มิลเนอร์ ในแดนกลาง ปีกซ้ายเป็น อดัม จอห์นสัน ด้านขวา เป็น ดาบิด ซิลบา ด้านหน้า ห้อย คาร์ลอส เตเวซ ไว้คนเดียว     ส่วนทางทีมเยือน เลสเตอร์ ของ สเวน โกรัน อีริคส์สัน อดใช้งาน ยาคูบู ไอเย็กเบนี่ ดาวยิงตัวใหม่เพราะยังไม่ได้ลงทะเบียน นอกจากนั้นยังไม่มี ดาริอุส วาสเซลล์ เนื่องจากยังหายจากอาการบาดเจ็บ ทำให้ต้องส่ง สตีฟ ฮาวเวิร์ด ลงยืนหน้าเป้าตัวเดียว     เริ่มเกมขึ้นมา เลสเตอร์ได้ทักทายทันทีเมื่อ พอล กลัลากอร์ โยนไปหน้าประตู ให้ ลอยด์ ดายเออร์ โหม่งย้อนมาให้ สตีฟ ฮาวเวิร์ด วอลเล่ย์ แต่บอลไปแฉลบ โจลีออน เลสค็อตต์ ออกหลังไป     ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันทันที นาทีที่ 5 แมนฯ ซิตี้ ได้โอกาสจาก อดัม จอห์นสัน ที่ได้ยิงหน้าประตูแต่บอลก็ยังโดนเซฟโดน คริส วีล   ถัดมาอีก 3 นาที เลสเตอร์น่าได้ประตูออกนำ เมื่อ พอล กัลลาเกอร์ โยนบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ให้ สตีฟ ฮาวเวิร์ด แต่บอลไปโดนตัว โจลีออน เลสค็อตต์ เปลี่ยนทาง แต่ โจฮาร์ท ยังกลับมาเซฟเอไว้ได้     แต่เกมผ่านไป 15 นาที เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มาขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่ ปาโบล ซาบาเลต้า ทุ่มบอลไปให้ คาร์ลอส เตเวซ พลิกบอลเข้าไปหาประตูก่อนจะผ่านการสกัดของ แจ็ค ฮ็อบบ์ส ก่อนจะซัดด้วยขวา บอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูที่ 16 ของตัวเขา และเป็นประตูให้ เจ้าถิ่นออกนำ 1-0     แค่ 4 นาทีถัดมา เลสเตอร์ มาได้ลูกจุดโทษ เมื่อ ปาทริค วิเอร่า ไปสกัด ลอยด์ ดายเออร์ ล้มลงในเขตโทษ มาร์ค ฮัลซี่ย์ เป่าให้จุดโทษทีมเยือทันที เป็น พอล กัลลาเกอร์ ที่เป็นคนสังหารไม่พลาด เสเตอร์ ตีเสมอ เป็น 1-1     หลังจากตีเสมอสำเร็จ เลสเตอร์ ก็เริ่มครองบอลบุกได้บ้าง ส่วนทางด้านทีมเจ้าถิ่นก็ยังเล่นเกมอย่างมุ่งมั่น แต่ในนาทีที่ 29 เลสเตอร์ ก็ต้องมาเสีย พอล กัลลาเกอร์ ที่มีอาการบาดเจ้บจนเล่นต่อไม่ไหว และส่ง ฟร้องค์ มุสซ่า ลงมาเล่นแทน     เกมยังคงสูสีกันแต่ในนาทีที่ 36 เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มาได้ประตูนำ 2-1 อีกครั้ง จากจังหวะที่ ปาโบล ซาบาเลต้า เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนจะจ่ายมาให้ ดาบิด ซิลบา ยิงที่หน้าประตูแต่โดน ซูเลย์มาน บัมบ้า สกัดเข้าไว้ได้บนเส้น แต่บอลกระเด็นไปเข้าทาง ปาทริค วิเอร่า ยิงซ้ำเข้าไปง่ายๆให้ แมนฯ ซิตี้ นำ 2-1     หลังจากเสียประตูที่สอง เลสเตอร์ ก็ดูช็อตไปดื้อๆและมาเสียประตูที่สามในอีก  นาทีต่อมา จากจังหวะที่ ดาบิด ซิลบา ได้บอลกลางสนาม ก่อนจะจ่ายทะลุช่องให้ อดัม จอห์นสัน หลุดกัปดักล้ำหน้าเจ้าไปยิงผ่านตัว คริส วีล เข้าไปให้ "เรือใบสีฟ้า" นำห่าง 3-1     พอโดนนำห่าง เลสเตอร์ ก็เงียบไปเลยไม่สามารถต่อบอลเข้าไปลุ้นประตุที่สองได้ ผิดกับแมนฯ ซิตี้ ที่พยายามบวกประตูที่สี่ให้ได้แต่ก็ยังไม่สำเร็จ จบรึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ เจ้าถิ่น นำ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-1     ครึ่งหลัง ทีมเยือนแก้ลำด้วยการเปลี่ยนตัวเพิ่มโดยส่งแม็ตต์ โอคลีย์ลงไปแทนริชี่ เวลเลนส์    อย่างไรก็ดี เกมของแมนฯ ซิตี้เหนือกว่าบานตะไทแล้ว และนาทีที่ 59  เตเวซก็หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษก่อนจะโดนฮ็อบบ์สไล่กวดตามไปแหย่ขาดักล้มจึงเป็นลูกโทษ แต่กัปตันเรือใบสังหารเต็มแรงไปที่กลางประตูถูกวีลเซฟได้     นาทีที่ 62 กองหลังเลสเตอร์แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องอีกตามเคยเมื่อเตเวซชิพบอลเข้าเขตโทษให้จอห์นสันทะลุไปวอลเลย์ ดีที่ว่าไม่เต็มเท้าจึงถูกวีลผวาปัดได้ด้วยปลายนิ้ว     จากนั้นอีกสองนาที เรือใบก็เปลี่ยนแกเร็ธ แบร์รี่ลงไปแทนซิลบา ขณะที่เลสเตอร์ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายในนาทีที่ 69 โดยใช้งานมาร์ติน แว็คฮอร์นแทนสตีฟ ฮาวเวิร์ดที่ไร้บทบาท     นาทีที่ 75 ดายเออร์มีปัญหากับวิเอร่าจึงรับใบเหลืองทั้งคู่     นาทีที่ 83 ลอยด์ ดายเออร์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงให้ทีมเยือนไล่มาเป็น 3-2 นาทีที่ 90 อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ได้จังหวะซัดด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งเสียบมุมทำประตูนำห่างให้เจ้าบ้าน 4-2 ช่วงที่เหลือเลสเตอร์พยายามเดินเกมรุก แต่ไม่อาจพังประตูได้ จบเกมเรือใบสีฟ้าจึงกำชัยสุดมัน 4-2 ผ่านเข้ารอบสี่ไปดวลกับทีมรองบ่อนอย่างน็อตต์ส เคาน์ตี้ รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม     แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลต้า, โจลีออน เลสค็อตต์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ปาทริค วิเอร่า, ยาย่า ตูเร่, เจมส์ มิลเนอร์, อดัม จอห์นสัน, เดบิด ซิลวา, คาร์ลอส เตเวซ     สำรอง : เชย์ กิฟเว่น, แกเร็ธ แบร์รี่, โช, โคโล่ ตูเร่, ไนเจล เด ยองก์, เดดริค โบยาต้า, อเล็กซ์ นิเมลี่       เลสเตอร์ ซิตี้ : คริส วีล, ไคล์ นอห์ตัน, แจ็ค ฮ็อบบ์ส, ซูเลย์มาน บัมบ้า, บรูโน่ แบร์เนอร์, พอล กัลลาเกอร์, ริชี่ เวลเลนส์, ยูกิ อาเบะ, แอนดี้ คิง, ลอยด์ ดายเออร์, สตีฟ ฮาวเวิร์ด     สำรอง : คอนราด โลแกน, ร็อบบี้ นีลสัน, เจา เตเชร่า, แม็ตต์ โอ๊คลี่ย์, มาร์ติน แว็กฮอร์น, ฟร้องค์ มุสซ่า, ดานี่ เอ็นกูสซาน     ผู้ตัดสิน : มาร์ค ฮัลซี่ย์ http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110119_062.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 11:20:54

ความคิดเห็นที่ 2 อันเนื่องมาจากเซโก้19/01/2011 1:37:11 น.     พลันที่ไอ้ดินระเบิดบอสเนีย เอดิน เซโก้ อาละวาดพรีเมียร์ลีกหลายคนบนฐานบัญชาการของเราบอกว่าสอบผ่านๆ "ตังกุย" ก็เป็นหนึ่งในนั้นหลังเห็นลีลาร่ายเวทย์แมตช์กับวูล์ฟแฮมป์ตัน   27 ล้านปอนด์เรือใบเซ็นเช็กให้โวล์ฟบวร์กเข้ามาโค้งคำนับพร้อมกับเลียปากแผล่บๆ รับเงินสบายบรื๋อส์     ซึ่งตรงนั้นทำให้ดัชนี้ตัวเลขคว้านักเตะในยุคของ ชีค มันซูร์ พุ่งทะลุ 250 ล้านปอนด์ไปแล้ว   มันซูร์ ไม่ใช่เจ้าแรก ก่อนหน้านั้น "เสี่ยหมี" ก็เคยสั่นสะเทือนลีกผู้ดีด้วยการใช้เงินบัลดาลความสำเร็จกับเชลซีในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่   ครานั้นพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ คาร์ลิ่ง คัพ ไหลมาเทมา   กระนั้นก็ดีครั้งนี้เงินของท่านชีคยังไม่มีคำตอบว่าเรือใบจะมีแชมป์ลีกสูงสุดมาประดับตู้โชว์หรือไม่หลังจากครั้งสุดท้ายที่เคยสัมผัสเกียรติยศนั้นคือซีซั่น 1967/68 ขณะที่ ลีก คัพ คือถ้วยสุดท้ายอย่างเป็นทางการที่พวกเขาทำสำเร็จในปี 1974   พลังอัดฉีดของโครตเศรษฐีอาหรับแม้จะยังไม่มีคำตอบเรื่องดังกล่าวแต่ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่าเงินของเขาสร้างอณาจักร์อีสต์แลนด์ให้ยิ่งใหญ่ได้ในพริบตา   ซิตี้ ทีมที่เคยจรลีระหว่างการเลื่อนชั้นและตกชั้นสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นหนึ่งในทีมที่น่าจับตามองในโลกลูกหนัง พวกเขาพยายามผลักตัวเองออกจากร่มเงาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่อริร่วมเมือง โดยซีซั่นนี้ท้าทายถึงขนาดทำตัวเป็นหอกข้างแคร่ในการลุ้นแชมป์แบบเต็มตัว   ยิ่งการปรากฏตัวของ เซโก้ ด้วย ผองชนคนซิตี้เลยคึกคักกว่าเดิม "เรือใบ" ดู "หล่อ" ยิ่งกว่าเก่า ทำให้ระยะเวลาหลังจากนี้อีก 4 เดือนการลุ้นแชมป์ของพรีเมียร์ลีกจึงร้อนระอุเป็นทวีคูณ   จริงอยู่ด้วยประสบการณ์ไม่มีใครเถียงว่าพลพรรค "เฟอร์กี้เบบส์" ช่ำชองกับการแบกรับความกดดันได้ดีขนาดไหน โดยเฉพาะกับสองนัดที่แข่งน้อยกว่าอยู่ในกำมือเหนือ ซิตี้ กับแต้มเท่าที่ 45   และ 1 นัดที่น้อยกว่าในสถานการณ์ที่มีแต้มมากกว่า อาร์เซน่อล, เชลซี และ สเปอร์ส 2, 7  และ 8 คะแนนตามลำดับ   กูรูหลายสำนักมองว่า ยูไนเต็ด พลาดยาก   กระนั้นการที่ ยูไนเต็ดสะดุดแบ่งแต้มที่ไวท์ ฮาร์ทเลน  ขณะที่ อีกสามทีมใหญ่กำชัยรวดทำให้อะไรต่อมิอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดย เซอร์ อเล็กซ์ ฟันธงว่า 1 มีนาคมที่จะเยือนเชลซี นั่นแหละคือเกมชี้แชมป์ของทีม ตรงนั้นบ่งชี้ให้เห็นว่าตั้งแต่อันดับ 2-4 ป๋าแพนด้ามองว่ายังเป็นตัวแสบที่จะทำให้ผีแดงต้องกังวลอยู่ร่ำไป   ฉะนั้นการมาของเซโก้ จึงยิ่งทำให้ ยูไนเต็ด เพิ่มความกังวลใจกับคู่แข่งมากขึ้นเป็นธรรมดาและมันก็ทำให้พรีเมียร์ลีกถูกยกระดับให้เป็นลีกที่ลุ้นแชมป์ชนิดที่ต้องซู้ดปากซี้ดซ้าดเผลอๆบั้นปลายต้องใช้ภาพถ่ายตัดสิน   ตรงจุดนี้ล่ะครับที่ทำให้เรามองว่าเดิมจากที่ใครพยายามพูดกรอกหูว่า "การใช้เงินอัดฉีดสร้างทีมบันดาลความสำเร็จจะทำให้ช่องว่างของทีมใหญ่กับทีมเล็กนั้นห่างขึ้น"   มองผิวเผินอาจ "ใช่" แต่ลึกๆผมว่าก็ "ไม่" เสมอไป   ก่อนอื่นเราต้องถามตัวเองก่อนว่าเรากำลังตัดสินกันในแง่ไหน?   ถ้ามองว่าทีมเล็กหมดสิทธิ์เซอร์ไพรซ์ในการเป็นแชมป์ เขาอาจพูดถูก แต่ฟุตบอลก็เป็นเรื่องของธุรกิจการลงทุนไปแล้วและก็นานมากแล้วด้วยที่เราไม่เห็นทีมเล็กผุดขึ้นมาเบียดทีมลุ้นแชมป์   กระนั้นการควักเงินของหลายๆทีมในช่วงหลังรวมถึงการซื้อตัวผู้เล่นที่ถูกต้อง การจ้างโค้ชที่ใช่  นั่นก็ทำให้พรีเมียร์ลีกตื่นเต้นขึ้นกว่าเก่า   เราเห็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โผล่ ขึ้นมา สเปอร์ส ก็น่ากลัว พวกเขาเบียด ลิเวอร์พูล อดีตหนึ่งในบิ๊กโฟร์ตกขอบไปได้   ลิเวอร์พูล พุ่งชนเหวในวันนี้แต่ก็ไม่มีใครกล้าขีดชื่อของยักษ์ใหญ่แห่งลุ่มน้ำเมอร์ซีย์ออกในวันหน้าเพราะยี่ห้อของหงส์แดงทุกคนกล้าคาดหวังว่าพวกเขาไม่ตายแล้วตายเลย ฉะนั้นต่อไปก็คงมีทีมที่ลุ้นแชมป์มากขึ้นไม่ใช่แค่ บิ๊กโฟร์ อาจเป็น ท็อปไฟว์ หรือ ท็อปซิกซ์ หรือท็อปเซเว่น ก็ว่ากันไป   ดังนั้นมันเป็นการดีเหมือนกันไม่ใช่หรือที่การที่ลีกฟุตบอลมีคนมีคนเข้ามาลงทุนแม้จะโดนค่อนขอดว่าใช้เงินซื้อความสำเร็จก็ตามที!!!   ซึ่งมันผิดหรือที่ใช้เงินซื้อความสำเร็จ ฉะนั้นที่ผ่านมาเรานี่แหละที่เป็นเหยื่อ เราอาจโดนใคร "ฝังหัว" ไปเองโดยไม่รู้ตัวว่าทีมแชมป์ถ้าเจ๋งจริงต้องไม่ใช้เงินซื้อถ้วยแบบฟาสต์ฟู้ด   เพราะความคิดของคนเราไม่เหมือนกันบางคนการเป็นแชมป์เขาไม่เลือกหรอกว่าต้องใช้วิธีการไหนจะลัดหรือไม่ลัดไม่มีข้อห้ามบังคับอะไร   อีกอย่างถ้ามองกันอีกด้านบางคนบอกว่ายิ่งทีมใหญ่ลงทุนมากเท่าไหร่ทีมเล็กก็ยิ่งตาย ทว่าตอนนี้เรากลับเห็นว่าทีมเล็กๆก็พัฒนาตัวเองได้แข็งขึ้น   ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของการอยู่รอด   แบล็คพูล หรือจะ วูล์ฟแฮมป์ตัน, วีแกน พวกเขาสามารถชนะทีมใหญ่ได้เหมือนกันหรือไม่ก็ไม่ใช่สมันน้อยให้เคี้ยวได้คล่องคอในหลายๆเกมนั่นเพราะพวกเขาเรียนรู้ในวิธีการที่จะรับมือกับความเขี้ยวในลีกที่มีมากกว่าเก่า   จริงอยู่ในแง่การตลาดพวกเขาอาจเป็นเหยื่อของทีมใหญ่หลายหนโดนดึงสตาร์ในทีมไปกระนั้นก็ได้ซึ่งเงินก้อนหนึ่งมาชดเชย และถ้าพวกเขามีสายตากว้างไกล บริหารเงินก้อนใหญ่ที่ได้มาอย่างดี วันหนึ่งพวกเขาก็จะยืนหยัดและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้เช่นกัน   ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นชัดเจนว่าการลงทุนของทีมใหญ่ หรือการที่ใครค่อนขอดว่าใช้เงินซื้อความสำเร็จจริงๆแล้วก็ทำให้ทีมเล็กๆเรียนรู้วิธีการอยู่รอดได้เหมือนกัน   ซึ่งบางทีมันอาจทำให้ช่องว่างของพรีเมียร์ลีกถูกบีบให้แคบลงด้วยซ้ำ   เพราะเท่าที่เห็นมาตรฐานตอนนี้ก็ใกล้เคียงกันมากขึ้น   ด้วยเหตุนี้เชื่อครับว่าการมาของ เซโก้ และอีกหลายคนที่กำลังตามมาน่าจะทำให้พรีเมียร์ลีกดุเดือดมากขึ้นในทุกๆปีที่ผ่านไป   ทีมไหนตามการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน   มันก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรือที่ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ เต็ก บางจาก http://www.siamsport.co.th/Column/110119_022.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 11:22:20

ความคิดเห็นที่ 3 วิลล่าทุบสถิติคว้าเบนท์ร่วมทัพเรียบร้อย สตัน วิลล่า ยืนยัน ได้จัดการคว้าตัว ดาร์เรน เบนท์ กองหน้าดีกรีทีมชาติอังกฤษ จาก "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ แล้ว โดย "สิงห์ผงาด" ควักกระเป๋าจ่ายเงินขั้นต้นในราคา 864 ล้านบาท และค่าตัวจะเพิ่มขึ้นอีก 288 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติการซื้อตัวของสโมสรแห่งนี้เลยทีเดียว     แอสตัน วิลล่า ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก แถลงการณ์ เมื่อวันอังคารที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา ระบุว่า สโมสรได้คว้าตัว ดาร์เรน เบนท์ หัวหอกจอมถล่มประตูจาก ซันเดอร์แลนด์ เรียบร้อยแล้ว ด้วยสัญญา 4 ปีครึ่ง พร้อมกับค่าตัว 24 ล้านปอนด์ (ราว 1,152 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการทำลายสถิติการซื้อตัวของทัพ "สิงห์ผงาด" เลยทีเดียว     วิลล่า จะต้องจ่ายเงินค่าตัวขั้นต้นในการซื้อ เบนท์ จำนวน 18 ล้านปอนด์ (ราว 864 ล้านบาท) แต่ค่าตัวของนักเตะจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 6 ล้านปอนด์ (ราว 288 ล้านบาท) โดยการดึงตัวดาวเตะดีกรีทีมชาติอังกฤษ เป็นการทำลายสถิติซื้อตัว เจมส์ มิลเลอร์ และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ที่ "สิงห์ผงาด" ควักกระเป๋าไปคนละ 12 ล้านปอนด์ (ราว 576 ล้านบาท)     เบนท์ ซึ่งออกมาเรียกร้องขอย้ายหนีทัพ "แมวดำ" เมื่อต้นสัปดาห์นี้ จะลงเล่นแมตช์แรกกับ วิลล่า ในเกมพบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนาม วิลล่า พาร์ค ในวันเสาร์ที่ 15 ม.ค.นี้ กล่าวว่า "แอสตัน วิลล่า เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และเท่าที่ผมรู้ พวกเขาสนใจอยากเซ็นสัญญากับผม ผมก็อยากย้ายไปเล่นให้พวกเขา"     "ด้วยขนาดของสโมสร และประวัติศาสตร์ของทีม เป็นเหตุผลหลักสำหรับผมที่จะย้ายไปเล่นกับ วิลล่า พวกเขามีนักเตะชั้นยอดมากมาย เต็มไปด้วยคุณภาพ และผมก็สามารถพูดคุยกับผู้จัดการทีม (เชราร์ อุลลิเย่ร์) และเจ้าของทีมเกี่ยวกับความทะเยอทะยานของสโมสร ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในสิ่งที่เราหวังจะประสบความสำเร็จ" อดีตดาวเตะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110119_026.html ดาร์เรน เบนท์ 24 ล้านปอนด์ เทียบกับ คุณภาพฝีเท้าแล้ว เซโก้ค่าตัวจิ๊บๆๆเลย จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 11:26:57

ความคิดเห็นที่ 4 บาโลแขวะรูนไม่ใช่แข้งดีสุดในแมนเชสเตอร์  มาริโอ บาโลเตลลี่ หัวหอกดาวรุ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปากอยู่ไม่สุข บอก เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิง แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นนักเตะที่เก่ง แต่ไม่ได้ดีที่สุดในเมืองแมนเชสเตอร์ แถมคุยไม่หยุดว่า ฝีเท้าของเขาเหนือกว่า อันโตนิโอ คาสซาโน่ ดาวยิงอารมณ์ติสต์ของ เอซี มิลาน     มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าทีมชาติอิตาลีของ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ปากว่างเป็นไม่ได้ ล่าสุดออกมาแขวะ เวย์น รูนี่ย์ หัวหอกเลือดเดือด "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าไม่ใช่นักเตะที่ดีที่สุดในเมืองแมนเชสเตอร์     ก่อนหน้านี้ "ซูเปอร์มาริโอ" เพิ่งแกว่งปากหาเรื่อง โชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์ เรอัล มาดริด ว่าต้องเรียนรู้เรื่องมารยาท และการเคารพผู้อื่น คราวนี้ไม่รู้นึกเคลิ้มอะไร ถึงได้กล่าวพาดพิง "รูน" ชนิดที่ไม่กลัวว่าจะโดนสาวก "เร้ด อาร์มี่" เล่นงาน ในเกมดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ ที่จะฟาดแข้งกันในเดือนหน้า "เขา (รูนี่ย์) เป็นนักเตะที่เก่งมาก แต่ไม่ใช่นักเตะที่ดีที่สุดในแมนเชสเตอร์"     หัวหอกวัย 20 ปี ยืนยันว่า แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดี "แฟนบอล ยูไนเต็ด พูดจาดูถูกผมหรือเปล่า? ไม่เลย พวกเขาเรียกให้ผมหยุดที่ถนน และก็พูดว่า -มาริโอ เรายินดีต้อนรับ- แต่ผมฝันอยากเอาชนะพวกเขา เพราะผมรู้ว่า แฟนบอล ซิตี้ ต้องการมากแค่ไหน พวกเขาดีกับผมมาก ตอนที่พวกเขาร้องเพลงชื่อผมหลังจากซัดแฮตทริก ผมรู้สึกผ่อนคลายจริงๆ"     นอกจากนี้ ดาวเตะผิวสี ยอมรับ อยากย้ายไปเล่นให้กับ เอซี มิลาน สโมสรขวัญใจในวัยเยาว์ และร่วมงานกับ อันโตนิโอ คาสซาโน่ กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช 2 หัวหอกจอมถล่มประตู "ผมอิจฉา คาสซาโน่ ที่ได้ย้ายไปเล่นกับ มิลาน ไหม? ก็นิดหน่อย ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ (เจ้าของทีม มิลาน) เคยพูดว่า คาสซาโน่ เป็นนักเตะอิตาเลียนที่ดีที่สุด เขาคิดผิด หรือไม่รู้จัก บาโลเตลลี่ ดีพอ ผมกับ อิบรา และ คาสซาโน่ เล่นร่วมกับที่ มิลาน เหรอ? มันคงจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ สำหรับปีนี้ และอีกปี ผมจะอยู่ที่ ซิตี้ ซึ่งเป็นที่ที่ผมรู้สึกดี" http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110119_009.html ช่วงนี้เกรียนโอ้เจ็บ เลยต้องบริหารฝีปากแทนฝีเท้าไปก่อน จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 11:28:37

ความคิดเห็นที่ 5 สเปอร์สยันคว้าตัวพีนาร์ร่วมก๊วนแล้ว ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยันตอนนี้ได้จัดการคว้าตัว สตีเว่น พีนาร์ มิดฟิลด์เนื้อหอม จาก "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน มาเล่นกับ "ไก่เดือยทอง" เรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าตัวสบายๆ 144 ล้านบาท     ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมฟอร์มแกร่งแห่งศึกพรีเมียร์ลีก แถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์สโมสร เมื่อวันอังคารที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา ระบุ สตีเว่น พีนาร์ ปีกทีมชาติแอฟริกาใต้ ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาเล่นในถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน เรียบร้อยแล้ว ด้วยสัญญา 4 ปีครึ่ง พร้อมค่าตัว 3 ล้านปอนด์ (ราว 144 ล้านบาท)     ดาวเตะวัย 28 ปี ผ่านการตรวจร่างกายที่สนามซ้อมของ "ไก่เดือยทอง" เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะสลัดน้ำหมึกเซ็นสัญญาในเวลาต่อมา โดยแถลงการณ์ของ สเปอร์ส ระบุว่า "เราดีใจที่จะประกาศว่า เราได้บรรลุข้อตกลงกับ เอฟเวอร์ตัน และ สตีเว่น พีนาร์ สำหรับเรื่องที่นักเตะจะย้ายมาเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้"     ช่วงที่ผ่านมา เชลซี เป็นทีมเต็งหนึ่งที่จะได้ตัวนักเตะรายนี้ไปร่วมทีม อย่างไรก็ตาม พีนาร์ ได้เคยยืนยันผ่าน "ทวิตเตอร์" เว็บไซต์ยอดนิยมว่า เขาจะย้ายมาเล่นกับ สเปอร์ส ทีมเดียวเท่านั้น "เพื่อยุติข่าวลือต่างๆ ผมจะย้ายไปเล่นกับ สเปอร์ส ผมมีช่วงเวลาหลายปีที่แสนวิเศษกับ เอฟเวอร์ตัน และมันคงจะเป็นสถานที่ที่พิเศษอยู่ในหัวใจผมตลอดไป ผมขอยืนยันได้เลยว่า ผมจะสวมเสื้อหมายเลข 40"     ทั้งนี้ พีนาร์ ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาค้าแข้งในถิ่น กูดิสัน พาร์ค เมื่อปี 2007 ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนที่จะย้ายมาเล่นแบบถาวรในปีถัดมา และการที่เขาตัดสินใจไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่ที่จะหมดลงหลังจบฤดูกาลนี้ ทำให้สโมสรจำเป็นต้องปล่อยตัวออกไปในช่วงเดือน ม.ค. เพื่อไม่ให้เสียนักเตะแบบไม่มีค่าตัว http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110119_047.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 11:29:56

ความคิดเห็นที่ 6 เอวร่าเชื่อใครก็อยากเห็นผีแดงแพ้ ปาทริซ เอวร่า แบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศส เชื่อเวลานี้ ทุกคนในอังกฤษต่างก็อยากเห็น "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความพ่ายแพ้เป็นนัดแรกในพรีเมียร์ลีก หลังทีมยืดสถิติไร้พ่ายออกไปเป็นนัดที่ 21 ติดต่อกันแล้วในฤดูกาลนี้     ผลเสมอ 0-0 กับ สเปอร์ส ทั้งที่เหลือผู้เล่นแค่สิบคน นอกจากจะช่วยให้ ยูไนเต็ด ขยับกลับไปนำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง ยังเพิ่มโอกาสของปีศาจแดงที่จะซ้ำรอย อาร์เซน่อล ในการไม่แพ้ใครทั้งฤดูกาลให้มากขึ้น โดยหนสุดท้ายที่ ยูไนเต็ด แพ้ในพรีเมียร์ลีก ต้องย้อนกลับไปในเกมเสียท่าแก่ เชลซี ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว     "ตอนนี้ทุกคนต่างก็อยู่ตรงข้ามกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใครๆ ก็อยากเห็นเราแพ้ การรักษาสถิติไม่แพ้ใครเป็นความท้าทายมากสำหรับเรา แต่สิ่งสำคัญที่สุดยังเป็นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ดี     "ผู้จัดการทีมพอใจกับเกมรับมาก ทั้ง ริโอ และ วิด้า ต่างก็เล่นได้เยี่ยม และจัดการกับลูกกลางอากาศได้ดี ทุกคนไม่พลาดในหน้าที่ของตัวเอง ผมหยุด อารอน เลนน่อน ได้ โดยไม่ปล่อยให้เขายิงประตูหรือผ่านให้เพื่อนยิง เท่านี้ผมก็พอใจกับผลงานของตัวเองแล้ว เพราะที่ผ่านมา มักมีการพูดกันว่าเขาสร้างปัญหาให้ผมตลอด แต่หลังจากเกมนัดชิงฯ คาร์ลิ่ง คัพ เมื่อปี 2009 ผมคิดว่าเขาไม่ได้เล่นดีกว่าผมอีกเลย http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110119_136.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 11:31:17

ความคิดเห็นที่ 7 คอลัมน์ คุยกับเอกราช โดย เอกราช เก่งทุกทาง เคนนี่ ดัลกลิช คือตำนานที่มีลมหายใจ แต่การกลับมาคุมทีม ลิเวอร์พูลรอบ 2 ก็เป็นงานเสี่ยงที่สุด ท้าทายที่สุดในชีวิต เช่นกัน "คิง เคนนี่" อาจจะเคยทำลิเวอร์พูลคว้าแชมป์บอลลีกถึง 3 ครั้ง ตอนปลาย ๆ ยุค 80 รวมทั้งสร้างแบล็กเบิร์นทะลุขึ้นมาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 95 แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเขาห่างงานกุนซือมานานร่วม 12 ปี เวลาเปลี่ยนไป เกมลูกหนังก็เปลี่ยนแปลง แถมสภาพหงส์แดงปัจจุบันยังไม่เป็นใจให้อีกต่างหาก ดัลกลิชกลับมาในยุคที่ลิเวอร์พูลตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่รูดลงมาอยู่อันดับต่ำสิบอย่างเดียว ชื่อเสียงสโมสรยังเสียหาย นักเตะที่มีก็หาดีได้แค่ 4-5 คน มองหามุมที่เป็นความหวังแทบไม่เจอ ตรงนี้แหละที่น่านับถือน้ำใจ ขนาดรู้ทั้งรู้ว่าความเสี่ยงสูง ทำดีแค่เสมอตัว พลาดขึ้นมาเครดิตเก่า ๆ อาจเสียหมด แต่คิง เคนนี่ ก็ยอมกลับมาช่วยลิเวอร์พูลที่เขารัก ในเวลาแบบนี้ อย่างเดียวที่จะช่วยหงส์แดงได้ก็เป็นความรักจริง ๆ ถึงเล่นแย่แค่ไหน ผิดพลาดร้ายแรงยังไง แต่ถ้าทุกคนในสโมสรยังรวมใจกันติด เชื่อมั่นในกันและกัน เชื่อมั่นในตัวกุนซือ โอกาสรอดยังมีนะครับ ผมว่าการกลับมาของดัลกลิชมีความหมายหลายอย่าง สำคัญสุดคือลิเวอร์พูลหวังว่าความเป็นเคนนี่ ดัลกลิช จะช่วยอุ้มสโมสรได้ อย่างน้อยก็คงหยุดไม่ให้ตกไปมากกว่านี้ รวมทั้งรวบรวมทีมที่กำลังจะแตกให้หันหน้าเข้าหากัน คิง เคนนี่ มีบารมีทำให้ลูกน้องเชื่อถือ ยิ่งล่าสุดไปดึงสตีฟ คลาร์ก อดีตผู้ช่วยโชเซ่ มูรินโญ่ มาเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่คนใหม่ ยิ่งทำให้ภาพของทีมสตาฟโค้ชดูดีขึ้นหลายเท่า หงส์แดงน่าจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แต่จะออกเดินกลับมาลุ้นอันดับต้น ๆ ตาราง หรือล่าโควตาบอลยุโรปได้ไหมขึ้นอยู่กับงานของทีมโค้ช รวมถึงนักเตะใหม่ที่ต้องหามาเพิ่มภายในเดือนนี้ ผมเองก็รู้สึกว่าที่ผ่านมา สตาฟโค้ชลิเวอร์พูลไม่ดีอย่างที่คิด ไม่สามารถเคี่ยวนักเตะให้เล่นเต็มฝีเท้าของตัวเองการจ้างสตีฟ คลาร์ก เข้ามา จึงถือว่าแก้ปัญหาถูกจุด แต่แน่นอนว่าหงส์แดงก็ต้องการตัวใหม่เพิ่มด้วย โดยเฉพาะกองหลังทั้งแบ็ก ทั้งเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันรั่วทั้งคู่ ทั้งช้า ทั้งขาด ลูกหนัก ไว้ใจไม่ได้แม้แต่คนเดียว เคนนี่ ดัลกลิช ต้องเริ่มด้วยการหยุดความผิดพลาดของนักเตะ ทำให้ทีมเล่นแบบเก็บแต้มได้เก่งขึ้น โดยเฉพาะเวลาออกนอกบ้านที่เป็นปัญหามาตลอด มันคือการเริ่มจากเกมรับสร้างทีมใหม่ตั้งแต่พื้นฐานกันเลย จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 11:33:21

ความคิดเห็นที่ 8 ดาเรน เบนท์ย้ายจากซันเดอรืแลนด์ไปแอสตันวิลล่า ไรอันบาเบลย้ายออกจากลิเวอร์พูลไปอาแยกซ์ อัมสเตอดัม จากคุณ : M11 3FF เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 11:35:20

ความคิดเห็นที่ 9 พีน่าร์นี่ค่าตัวถูกมากเมื่อเทียบกับความสามารถ แกไม่ยอมย้ายไปเชลซี ทั้งๆที่สโมสรรับข้อเสนอของเชลซีแล้ว ปลายฤดูกาลที่แล้ว เดวิด มอยส์ยืนยันว่าไม่ขาย ยกเว้นว่าได้ราคาสูงมาก พอพีนาร์สัญญาใกล้จะหมดและไม่ยอมต่อสัญญากับเริ่มออกอาการงอแงเท่านั้นแหละ สโมสรกลับลำ ยอมขายทิ้งถูกๆ ได้บ้างดีกว่าไม่ได้เลย เฮ้อ เป็นแฟนเอฟเวอร์ตันนี่ช้ำจริงๆ เก่งมากก็หาย รุ่งขึ้นมาก็หาย อีกสองวันเดวิดมอยส์คงบอกมาด่าสตีเฟ่น พีน่าร์ ฮ่าๆๆ จากคุณ : M11 3FF เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 11:41:07

ความคิดเห็นที่ 10 แมนเชสเตอร์ ซิตี้(พรีเมียร์ ลีก) 4 - 2 เลสเตอร์(แชมเปี้ยน ชิพ) จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 11:41:26

ความคิดเห็นที่ 11 สเปอสนี้มีอะไร ทำไมเจรจาต่อรองซื้อใครได้ถูกตลอดเลย อิจฉาจริงๆ แล้วเบนส์มาวิลล่ามาเจอซิตี้เรานัดแรกเลย อย่าเพิ่งมายิงนะเออ fa cup รอบต่อไปเจอทีมลีคทูหวังว่าคงไม่ต้องมาเหนื่อยรีเพลย์เตะดึกๆอีกนะ จากคุณ : อินจอง เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 12:03:22

ความคิดเห็นที่ 12 มาริโอ" โวแนวรุกเรือเจ๋งกว่าบาร์ซา-ชุดขาว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มกราคม 2554 00:05 น.       มาริโอ บาโลเตลลี กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติอิตาลี ออกโรงโวตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี ถือว่ามีแนวรุกเจ๋งที่สุดในโลก เหนือกว่าทั้ง บาร์เซโลนา และ "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด สองยักษ์ใหญ่แห่งลา ลีกา สเปน เสียอีก              แมนฯ ซิตี ทีมมหาเศรษฐีแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปฏิบัติการเติมความคมเพื่อสู้ศึกครึ่งฤดูกาลหลัง ด้วยการทุ่มเงิน 27 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.35 พันล้านบาท) กระชาก เอดิน เซโก หัวหอกทีมชาติบอสเนียมาจาก "หมาป่า" โวล์ฟสบวร์ก ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี              จากการได้ เซโก มาผนึกกำลังในแนวรุกร่วมกับ คาร์ลอส เตเบซ ทำให้ มาริโอ บาโลเตลลี ประกาศกร้าวผ่าน "เอ็กซตรา ไทม์" สื่อแห่งหนึ่งทำนองว่าตอนนี้ แมนฯ ซิตี จะมีเกมบุกสุดคม "เกมบุกที่มีตัวผม รวมถึง เตเบซ และ เซโก ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดในโลก เราแข็งแกร่งและดีกว่าทั้ง บาร์เซโลนา กับ รีล มาดริด"              นอกจากนี้ดาวเตะผิวสีวัย 20 ปี ไม่ลืมแขวะไปยัง เวย์น รูนีย์ กองหน้า "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อริร่วมเมือง "เขาเป็นนักเตะชั้นดี แต่ไม่ได้เจ๋งที่สุดในเมืองแมนเชสเตอร์ ส่วนเรื่องที่แฟนๆ ยูไนเต็ด จะด่าผมหรือไม่ ผมคิดว่าไม่น่าจะ เมื่อเจอผมตามท้องถนน พวกเขาอาจพูดว่า มาริโอ คุณมาอยู่กับเราเถิด อย่างไรก็ตาม ผมมีความฝันที่จะล้ม แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะผมรู้ว่าแฟนๆ ซิตี รักผมแค่ไหน พวกเขาทำให้ผมรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง" จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 12:07:21

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อคืนได้นอนจริง แต่ดันฝันว่า ดูแมนซิตี้ แล้วยิง 4 ประตูด้วยนะ     ตื่นเช้ามา เหมือนไม่ได้นอนเลย พับผ่าสิ สงสัย โดนอินเซบชั่น กระมัง อิอิอิ ได้ดูคลิปลูกที่ 4  แล้ว ชิลบา จ่ายดีมากๆ ถ้าเป็นคนอื่นไม่รู้จะจ่ายได้ดีเท่านี้หรือเปล่า อดัมก็วิ่งได้จังหวะดี ฉิวเฉียดที่จะล้ำหน้า ด้วย  เท่ากับว่า การจ่ายลักษณะนี้ เป็นการจ่ายแล้วได้ประตู เป็นครั้งที่ 4 ของฤดูกาล เชียวนะ ลูกแรกที เตเบส ลุยเข้าไป เหมือน เกมส์ที่แล้วเลย ที่เจอกับ วูฟ ครับ สงสัย ถ้ามีแบบนี้ ต่อไปจนจบฤดูกาล จะกลายเป็นลูกถนัดของเตเบส หรือเปล่านะ จากคุณ : CityEagle เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 12:36:27

ความคิดเห็นที่ 14 วิเคราะห์กันเล่นๆ 5 นัดสุดท้าย ของเราเจอทีมระดับกลาง และทีมโซนตกชั้น 5 นัดสุดท้าย แมนยู ต้องเจออาเซนอล และเชลซี         วันที่ 1 มีนา แมนยูแข่งนัดตกค้างกับเชลซี  ถึงวันนั้นจะเหลือแข่งมากกว่าแค่หนึ่งนัด  ถ้าคะแนน ต่างกันไม่เกินสามแต้ม(ในกรณีที่แมนยูนำเรา) เรามีโอกาสสูง คิดดูแล้วน่าระทึกใจมากแชมป์ปีนี้     ช่วงนี้ขอให้เกาะกลุ่มไปก่อน    ช่วงนั้นประมาณเมษา คงมีลุ้นระทึกเกาะติดนัดต่อนัด  ทั้งดูทีมเราและดูทีมคู่แข่ง จากคุณ : อมยิ้มไม่หวาน เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 13:01:42

ความคิดเห็นที่ 15 สเปอร์ ที่ได้ตัวดี ๆ ถูก ๆ ที่สำคัญเพราะได้ไป champion league ไง ทำให้ทีมดูดี มีราคา แถม ผจก. ก็ work เหมือน ฟาร์ท ที่เลือก สเปอร์ เพราะได้เตะ champion league จริง ๆ ตัวนี้ ลิเวอร์พูล ก็อยากได้ แต่เขาระบุเลยว่าต้องเป็นทีม ที่ได้ไปเตะ champion league เท่านั้น ถ้าแมนซิฯ ได้ไป  ก็คงจะไม่ต้องเอาเงินมหาศาลมาล่อนักเตะมากเหมือนปัจจุบัน จากคุณ : EviLveRstaRsHio เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 13:08:19

ความคิดเห็นที่ 16 ท้ายฤดูกาลปีนี้ดีหน่อย ไม่เจอโหดๆ ติดๆกันมากนัก ยังไงเก็บแต้มตุนไว้ก่อน ฮิฮิ จากคุณ : อินจอง เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 13:22:35

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเสียดายพีน่านะ  ทำไมมันชินี่ไม่สนใจก็ไม่รู้ สงสัย ราคาถูกไป ผมว่าตัวนี้ ครองบอลเหนียว คล่อง  พาบอลไปกับตัวได้  เล่นได้ปีกซ้าย ขวา กลาง  แทน ซิลบา ได้ แต่ก็นั่นแหละ  เล่นในระบบเอฟเวอร์ตัน  ไปอยู่ที่อื่นอาจจะฝีเท้าตกลงก็ได้ 24 ล้าน ซื้อเบนส์ กับ  27 ล้าน ได้เซโก้ เหอเหอ ใครเป็นเอเย่นของเบนส์เนี่ย สุดๆ  ขายได้ราคาตลอด ค่าคอมฯ บานตะไท จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 13:24:36

ความคิดเห็นที่ 18 ยินดีกับชัยชนะครับ เรือใบฉีดวัคซีนแล้ว หมากัดตั้ง 2 ตัวไม่เป็นไร ฮุฮุ จากคุณ : แมวเหมียว (cat30) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 13:27:31

ความคิดเห็นที่ 19 เรือใบกำลังจะแล่นฉิว... จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 17:17:22

ความคิดเห็นที่ 20 น่าจะซื้อเพลย์เมกเกอร์แนวเดวิด ซิลาวามาหน่อย มาเล่นคู่กับซิลวา หรือเล่นสลับกัน มีซิลวา เกมส์รุกของซิตี้ดีขึ้น เสียดายไอร์แลนด์ตอนท๊อปฟอร์ม เมื่อคืนซิตี้จบไม่คม ในกรอบเขตโทษ ก็ชิ่งกันอยู่ได้ ไม่ยิงเสียที แถมเตเบซยิงจุดโทษพลาดอีก ไม่งั้นสกอร์จะไหลกว่านี้ ไก่เก่ง ได้ผู้เล่นดีๆ ถูกๆมาหลายคน ซิตี้ปลายฤดูกาลดันแผ่ว แพ้สเปอร์คาบ้าน ปัญหาคือท๊อปโฟร์ไปชปล. ถ้าไก่ไม่ติดท๊อปโฟร์ ปีหน้าผู้เล่นไม่เผ่นกันเหรอ นึกภาพบิ๊กโฟร์เดิม บวกซิตี้ บวกสเปอร์ รวมแล้วตั้งหกทีม ต้องมีทีมผิดหวังสองทีม นี่เอฟเวอร์ตันกับแอสตันหลุดวงโคจรไปแล้วด้วย จากคุณ : M11 3FF เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 18:27:47

ความคิดเห็นที่ 21 ปีนี้โชคดีของทีมเรา หงษ์บินไม่ออกไปอยูกลางตารางซะนี่ สภาพทีมอย่างนี้หงษ์จะกลับมาท๊อปโฟร์คงไม่ง่ายแล้วละ ส่วนเชลซีแรงต้นฤดูกาล ตอนนี้ก็แผ่วลงแบบคาดไม่ถึง ดูรูปการณ์แล้ว ปีนี้ทีมเราน่าจะเบียดเข้าท๊อปโฟร์แบบลุ้นสบายๆหน่อย คงไม่หืดขึ้นคอตัดสินกันที่นัดท้ายๆอย่างปีที่แล้ว จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 18:46:08

ความคิดเห็นที่ 22 อูยส์ สงสัย จะเอาลูกแก้วออกจากสนามไม่หมด อิอิ จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 19:09:39

ความคิดเห็นที่ 23 นึกถึงเจ้าไอร์แลนด์ ถ้าจับมาฝึกคู่กับเจ้าเปี๊ยก ...ผมว่าน่าจะมีพัฒนาการพึ่งพากัน...ช่วยกันพัฒนาฝีตรีนให้สุดยอดได้ เสียดายเจ้าไอร์แลนด์เหมือนกัน จากคุณ : อเดเดช เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 19:39:18

ความคิดเห็นที่ 24 โยฮัน กุฟฟู น่าจะซื้อมานะ อยู่ทีม โอลิมปิค ลียง  น่าจะซื้อง่ายหน่อย สูงใหญ่คงเหมาะกับ พรีเมียร์ลีค จากคุณ : CityEagle เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 19:42:53

ความคิดเห็นที่ 25 โปรแกรมและผลการแข่งขันทุกถ้วยฤดูกาล  2010/2011 ของทีม แมนเชสเตอร์ซิตี้ เริ่มฤดูกาล วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ปิดฤดูกาล  วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 Update : ล่าสุด วันที่ 19/01/11 หลังเกมส์ แมนฯซิตี้ ชนะ เลสเตอร์ซิต้ 4-2 เกมส์ FA CUP รอบ 3 แม็ต Replay August 2010 14..[EPL]_D_[0-0]__Tottenham v Man City 19..[UPL]_W_[0-1]_ _FC Timisoara v Man City 23..[EPL]_W_[3-0]__Man City v Liverpool 26..[UPL]_W_[2-0]__ Man City v FC Timisoara 29..[EPL]_L_[1-0]_ _Sunderland v Man City September 2010 11..[EPL]_D_[1-1]__Man City v Blackburn   16..[UPL]_W_[0-2]__Red Bull Salzburg v Man City 19..[EPL]_W_[0-2]__Wigan Athletic v Man City 22..[CLC]_L_[2-1]__West Brom v Man City 25..[EPL]_W_[1-0]__Man City v Chelsea 30..[UPL]_D_[1-1]__Man City v Juventus October 2010 03..[EPL]_W_[2-1]__Man City v Newcastle 17..[EPL]_W_[2-3]__Blackpool v Man City 21..[UPL]_W_[3-1]__Man City v Lech Poznan 24..[EPL]_L_[0-3]__Man City v Arsenal 30..[EPL]_L_[2-1]__Wolverhampton v Man City November 2010 04..[UPL]_L_[3-1]__Lech Poznan v Man City 07..[EPL]_W_[0-2]__West Brom v Man City 10..[EPL]_D_[0-0]__Man City v Man Utd 13..[EPL]_D_[0-0]__Man City v Birmingham 21..[EPL]_W_[1-4]__Fulham v Man City 27..[EPL]_D_[1-1]__Stoke v Man City December 2010 01..[UPL]_W_[3-0]__Man City v Red Bull Salzburg 04..[EPL]_W_[1-0]__Man City v Bolton 11..[EPL]_W_[1-3]__West Ham v Man City 16..[UPL]_D_[1-1]__Juventus v Man City 20..[EPL]_L_[1-2]__Man City v Everton 26..[EPL]_W_[1-3]__Newcastle v Man City 28..[EPL]_W_[4-0]__Man City v Aston Villa January 2011 01..[EPL]_W_[1-0]__Man City v Blackpool 05..[EPL]_D_[0-0]__Arsenal v Man City 09..[FAC]_D_[2-2]__Leicester City v Man City 15..[EPL]_W_[4-3]__Man City v Wolverhampton 18..[FAC]_W_[4-2]__Man City v Leicester City 22..[EPL]_-_[---]__Aston Villa v Man City 30..[FAC]_-_[---]__Notts County v Man City February 2011 01..[EPL]_-_[---]__Birmingham v Man City 05..[EPL]_-_[---]__Man City v West Brom 12..[EPL]_-_[---]__Man Utd v Man City 15..[UPL]_-_[---]__Aris Thessaloniki FC v Man City 24..[UPL]_-_[---]__Man City v Aris Thessaloniki FC 28..[EPL]_-_[---]__Man City v Fulham March 2011 05..[EPL]_-_[---]__Man City v Wigan 19..[EPL]_-_[---]__Chelsea v Man City April 2011 02..[EPL]_-_[---]__Man City v Sunderland 09..[EPL]_-_[---]__Liverpool v Man City 16..[EPL]_-_[---]__Man City v Tottenham 23..[EPL]_-_[---]__Blackburn v Man City 30..[EPL]_-_[---]__Man City v West Ham May 2011 07..[EPL]_-_[---]__Everton v Man City 14..[EPL]_-_[---]__Man City v Stoke 22..[EPL]_-_[---]__Bolton v Man City FA CUP แมนฯซิตี้ ชนะ เลสเตอร์ซิต้ 4-2  รอบ 3 แม็ต Replay . จากคุณ : ดงตาล เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 19:45:24

ความคิดเห็นที่ 26 ตามมาอ่านข่าวครับ จากคุณ : yellow fins เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 20:50:26

ความคิดเห็นที่ 27 คอลัมน์ : ตะลอนบอลออนเน็ต โดย.. เต็ก บางจาก อันเนื่องมาจากเซโก้19/01/2011 1:37:11 น.     พลันที่ไอ้ดินระเบิดบอสเนีย เอดิน เซโก้ อาละวาดพรีเมียร์ลีกหลายคนบนฐานบัญชาการของเราบอกว่าสอบผ่านๆ "ตังกุย" ก็เป็นหนึ่งในนั้นหลังเห็นลีลาร่ายเวทย์แมตช์กับวูล์ฟแฮมป์ตัน 27 ล้านปอนด์เรือใบเซ็นเช็กให้โวล์ฟบวร์กเข้ามาโค้งคำนับพร้อมกับเลียปากแผล่บๆ รับเงินสบายบรื๋อส์   ซึ่งตรงนั้นทำให้ดัชนี้ตัวเลขคว้านักเตะในยุคของ ชีค มันซูร์ พุ่งทะลุ 250 ล้านปอนด์ไปแล้ว มันซูร์ ไม่ใช่เจ้าแรก ก่อนหน้านั้น "เสี่ยหมี" ก็เคยสั่นสะเทือนลีกผู้ดีด้วยการใช้เงินบัลดาลความสำเร็จกับเชลซีในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ครานั้นพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ คาร์ลิ่ง คัพ ไหลมาเทมา กระนั้นก็ดีครั้งนี้เงินของท่านชีคยังไม่มีคำตอบว่าเรือใบจะมีแชมป์ลีกสูงสุดมาประดับตู้โชว์หรือไม่หลังจากครั้งสุดท้ายที่เคยสัมผัสเกียรติยศนั้นคือซีซั่น 1967/68 ขณะที่ ลีก คัพ คือถ้วยสุดท้ายอย่างเป็นทางการที่พวกเขาทำสำเร็จในปี 1974 พลังอัดฉีดของโครตเศรษฐีอาหรับแม้จะยังไม่มีคำตอบเรื่องดังกล่าวแต่ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่าเงินของเขาสร้างอณาจักร์อีสต์แลนด์ให้ยิ่งใหญ่ได้ในพริบตา ซิตี้ ทีมที่เคยจรลีระหว่างการเลื่อนชั้นและตกชั้นสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นหนึ่งในทีมที่น่าจับตามองในโลกลูกหนัง พวกเขาพยายามผลักตัวเองออกจากร่มเงาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่อริร่วมเมือง โดยซีซั่นนี้ท้าทายถึงขนาดทำตัวเป็นหอกข้างแคร่ในการลุ้นแชมป์แบบเต็มตัว ยิ่งการปรากฏตัวของ เซโก้ ด้วย ผองชนคนซิตี้เลยคึกคักกว่าเดิม "เรือใบ" ดู "หล่อ" ยิ่งกว่าเก่า ทำให้ระยะเวลาหลังจากนี้อีก 4 เดือนการลุ้นแชมป์ของพรีเมียร์ลีกจึงร้อนระอุเป็นทวีคูณ จริงอยู่ด้วยประสบการณ์ไม่มีใครเถียงว่าพลพรรค "เฟอร์กี้เบบส์" ช่ำชองกับการแบกรับความกดดันได้ดีขนาดไหน โดยเฉพาะกับสองนัดที่แข่งน้อยกว่าอยู่ในกำมือเหนือ ซิตี้ กับแต้มเท่าที่ 45 และ 1 นัดที่น้อยกว่าในสถานการณ์ที่มีแต้มมากกว่า อาร์เซน่อล, เชลซี และ สเปอร์ส 2, 7  และ 8 คะแนนตามลำดับ กูรูหลายสำนักมองว่า ยูไนเต็ด พลาดยาก กระนั้นการที่ ยูไนเต็ดสะดุดแบ่งแต้มที่ไวท์ ฮาร์ทเลน  ขณะที่ อีกสามทีมใหญ่กำชัยรวดทำให้อะไรต่อมิอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดย เซอร์ อเล็กซ์ ฟันธงว่า 1 มีนาคมที่จะเยือนเชลซี นั่นแหละคือเกมชี้แชมป์ของทีม ตรงนั้นบ่งชี้ให้เห็นว่าตั้งแต่อันดับ 2-4 ป๋าแพนด้ามองว่ายังเป็นตัวแสบที่จะทำให้ผีแดงต้องกังวลอยู่ร่ำไป ฉะนั้นการมาของเซโก้ จึงยิ่งทำให้ ยูไนเต็ด เพิ่มความกังวลใจกับคู่แข่งมากขึ้นเป็นธรรมดาและมันก็ทำให้พรีเมียร์ลีกถูกยกระดับให้เป็นลีกที่ลุ้นแชมป์ชนิดที่ต้องซู้ดปากซี้ดซ้าดเผลอๆบั้นปลายต้องใช้ภาพถ่ายตัดสิน ตรงจุดนี้ล่ะครับที่ทำให้เรามองว่าเดิมจากที่ใครพยายามพูดกรอกหูว่า "การใช้เงินอัดฉีดสร้างทีมบันดาลความสำเร็จจะทำให้ช่องว่างของทีมใหญ่กับทีมเล็กนั้นห่างขึ้น" มองผิวเผินอาจ "ใช่" แต่ลึกๆผมว่าก็ "ไม่" เสมอไป ก่อนอื่นเราต้องถามตัวเองก่อนว่าเรากำลังตัดสินกันในแง่ไหน? ถ้ามองว่าทีมเล็กหมดสิทธิ์เซอร์ไพรซ์ในการเป็นแชมป์ เขาอาจพูดถูก แต่ฟุตบอลก็เป็นเรื่องของธุรกิจการลงทุนไปแล้วและก็นานมากแล้วด้วยที่เราไม่เห็นทีมเล็กผุดขึ้นมาเบียดทีมลุ้นแชมป์ กระนั้นการควักเงินของหลายๆทีมในช่วงหลังรวมถึงการซื้อตัวผู้เล่นที่ถูกต้อง การจ้างโค้ชที่ใช่  นั่นก็ทำให้พรีเมียร์ลีกตื่นเต้นขึ้นกว่าเก่า เราเห็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โผล่ ขึ้นมา สเปอร์ส ก็น่ากลัว พวกเขาเบียด ลิเวอร์พูล อดีตหนึ่งในบิ๊กโฟร์ตกขอบไปได้ ลิเวอร์พูล พุ่งชนเหวในวันนี้แต่ก็ไม่มีใครกล้าขีดชื่อของยักษ์ใหญ่แห่งลุ่มน้ำเมอร์ซีย์ออกในวันหน้าเพราะยี่ห้อของหงส์แดงทุกคนกล้าคาดหวังว่าพวกเขาไม่ตายแล้วตายเลย ฉะนั้นต่อไปก็คงมีทีมที่ลุ้นแชมป์มากขึ้นไม่ใช่แค่ บิ๊กโฟร์ อาจเป็น ท็อปไฟว์ หรือ ท็อปซิกซ์ หรือท็อปเซเว่น ก็ว่ากันไป ดังนั้นมันเป็นการดีเหมือนกันไม่ใช่หรือที่การที่ลีกฟุตบอลมีคนมีคนเข้ามาลงทุนแม้จะโดนค่อนขอดว่าใช้เงินซื้อความสำเร็จก็ตามที!!! ซึ่งมันผิดหรือที่ใช้เงินซื้อความสำเร็จ ฉะนั้นที่ผ่านมาเรานี่แหละที่เป็นเหยื่อ เราอาจโดนใคร "ฝังหัว" ไปเองโดยไม่รู้ตัวว่าทีมแชมป์ถ้าเจ๋งจริงต้องไม่ใช้เงินซื้อถ้วยแบบฟาสต์ฟู้ด เพราะความคิดของคนเราไม่เหมือนกันบางคนการเป็นแชมป์เขาไม่เลือกหรอกว่าต้องใช้วิธีการไหนจะลัดหรือไม่ลัดไม่มีข้อห้ามบังคับอะไร อีกอย่างถ้ามองกันอีกด้านบางคนบอกว่ายิ่งทีมใหญ่ลงทุนมากเท่าไหร่ทีมเล็กก็ยิ่งตาย ทว่าตอนนี้เรากลับเห็นว่าทีมเล็กๆก็พัฒนาตัวเองได้แข็งขึ้น ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของการอยู่รอด แบล็คพูล หรือจะ วูล์ฟแฮมป์ตัน, วีแกน พวกเขาสามารถชนะทีมใหญ่ได้เหมือนกันหรือไม่ก็ไม่ใช่สมันน้อยให้เคี้ยวได้คล่องคอในหลายๆเกมนั่นเพราะพวกเขาเรียนรู้ในวิธีการที่จะรับมือกับความเขี้ยวในลีกที่มีมากกว่าเก่า จริงอยู่ในแง่การตลาดพวกเขาอาจเป็นเหยื่อของทีมใหญ่หลายหนโดนดึงสตาร์ในทีมไปกระนั้นก็ได้ซึ่งเงินก้อนหนึ่งมาชดเชย และถ้าพวกเขามีสายตากว้างไกล บริหารเงินก้อนใหญ่ที่ได้มาอย่างดี วันหนึ่งพวกเขาก็จะยืนหยัดและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นชัดเจนว่าการลงทุนของทีมใหญ่ หรือการที่ใครค่อนขอดว่าใช้เงินซื้อความสำเร็จจริงๆแล้วก็ทำให้ทีมเล็กๆเรียนรู้วิธีการอยู่รอดได้เหมือนกัน ซึ่งบางทีมันอาจทำให้ช่องว่างของพรีเมียร์ลีกถูกบีบให้แคบลงด้วยซ้ำ เพราะเท่าที่เห็นมาตรฐานตอนนี้ก็ใกล้เคียงกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เชื่อครับว่าการมาของ เซโก้ และอีกหลายคนที่กำลังตามมาน่าจะทำให้พรีเมียร์ลีกดุเดือดมากขึ้นในทุกๆปีที่ผ่านไป ทีมไหนตามการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน มันก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรือที่ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ เต็ก บางจาก http://www.siamsport.co.th/Column/110119_022.html จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 21:49:08

ความคิดเห็นที่ 28 ช็อค!ต๊อตตี้หนีโรม่าเปิดตัวชูเสื้อยูเว่ โปรดใช้วิจารณญานในการชมเมื่อ ยูเวนตุส สร้างเซอร์ไพรส์แถลงเปิดตัวซูเปอร์สตาร์ ฟรานเชสโก้ ต๊อตตี้ สละปลอกแขนกัปตันทีมโรม่าตัดสินใจเซ็นสัญญา 2 ปีครึ่ง ต๊อตตี้ตกเป็นกระแสขัดแย้งกับ เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือทิงเกอร์แมนอย่างหนักโดยเฉพาะในเกมพบกับ ซามพ์โดเรีย สกอร์ยังตามหลัง 1-2 แต่กว่าจะเปลี่ยนเจ้าชายหมาป่าต้องรอทดเวลาบาดเจ็บไปแล้วสร้างความฉุนเฉียวต่อตัวนักเตะถึงกับเปรยผ่านสื่อว่ากำลังพิจารณาอนาคตในกรุงโรม ประกอบกับ ยูเว่ กำลังมองหากองหน้าคนใหม่หลังต้องเซ่นสังเวย ฟาบิโอ กวายาเรลล่า เจ็บยาว ขณะที่เพิ่งถอยแข้ง ลูก้า โทนี่ ดันเดี้ยงพักฟื้นเป็นเดือน สุดท้ายเว็บไซต์แฟนบอลพันธ์แท้ทีมยูเวนตุสฉวยโอกาสประกาศว่า ต๊อตตี้ เซ็นสัญญา 30 เดือนพร้อมเปิดตัวชูเสื้อสลักชื่อไว้ด้านหลังกับเบอร์ 27 แถมมีบทสัมภาษณ์ของเจ้าตัวอีกด้วย "ผมดีใจมาก การมาอยู่ที่นี่ถือเป็นความฝันที่เป็นจริง ยูเว่ยังเป็นยูเว่อยู่วันยันค่ำ นี่คือสิ่งที่ผมไม่อาจปฎิเสธแม้แต่นาทีเดียวและยอมรับข้อเสนอของพวกเขาทันที แม้ผมต้องเฉือนเนื้อตัวเองจากเงินที่ได้รับจาก โรม่า ก็ยอม" ต๊อตตี้แถลง _________________ สนับสนุนข่าวโดย www.sport4x.me แทงบอลออนไลน์ บาคาร่า หวยออนไลน์ ตลอด 24 ชม. http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=377892 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 22:23:02

ความคิดเห็นที่ 29 สื่อแฉเรือเซ็นล่วงหน้า "นิว ดร็อกบา" แล้ว บรรดาสื่อมวลชนจากประเทศเบลเยียมต่างพากันกระพือข่าวจนกลายกระแสที่มาแรงมาก ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บรรลุข้อตกลงล่วงหน้ากับ อันเดอร์เลชท์ ยอมขาย "นิว ดิดิเยร์ ดร็อกบา" โรเมลู ลูคาคู 18 ล้านปอนด์มีผลอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน หอกวัย 17 ฝนถือเป็นกองหน้าสุดฮอตตกเป็นข่าวกับทีมยักษ์ใหญ่มากมายไม่ว่าจะเป็น เชลซี,ลิเวอร์พูล,อาร์เซนอล,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,เรอัล มาดริด ขณะที่เจ้าตัวเพิ่งสัมภาษณ์ว่าสนใจค้าแข้งในอังกฤษโดยมี เชลซี เป็นทีมโปรดแต่ก็ไม่เกี่ยงขอเป็นทีมในพรีเมียร์ลีก แต่สุดท้ายสื่อจากเบลเยียมแห่งหนึ่งอ้างจากวงในประจำสโมสร อันเดอร์เลชท์ ออกมายอมรับว่า "เรือใบสีฟ้า" สามารถบรรลุข้อตกลงได้แล้วพร้อมจ่ายค่าโอนย้าย ลูคาคู 18 ล้านปอนด์โดยยินดีให้กองหน้าวัยทีนอยู่ค้าแข้งต่อจนจบฤดูกาลก่อนข้ามฟากมา ถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ในเดือนมิถุนายน http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=377876 จากคุณ : VanHelsing เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 23:26:41

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาตามข่าวครับ จากคุณ : sarasarat เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 00:35:24

ความคิดเห็นที่ 31 รายงานผล ที่ปรับปรุงใหม่ Mancity v Wolveshampton http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S10142712/S10142712.html#77 รูป: ผลการทาย Mancity v Leicester City เมื่อคืน. จากคุณ : น้ำองุ่น เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 00:45:50

ความคิดเห็นที่ 32 เอฟเอคัพ รีเพลย์แมทช์สุดท้าย ปืนบุกไปชนะลีดส์ ถึงถิ่นเอลเลนโรด ๑ - ๓ จากคุณ : M11 3FF เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 05:29:03

ความคิดเห็นที่ 33 นิวดร็อกบา นี้เหมือนตรงหน้าตาหรือเปล่า  เหมือนเป๊ะเลย จากคุณ : อินจอง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 09:22:39

ความคิดเห็นที่ 34 ยินดีต้อนรับ การกลับมา คุณ CityFC นะครับ จากคุณ : CityEagle เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 10:04:20

ความคิดเห็นที่ 35 ล๊อกอินเนมซุปเปอร์ซัพ สำรองสุดยอด ไว้ใช้เป็นสำรองจริงๆ ฮ่าๆ จากคุณ : M11 3FF เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 11:06:48

ความคิดเห็นที่ 36 ไชโย ! อีก 2 วันได้เชียร์รักใหม่ Dzeko show อีกแล้ว แล้วก็ลุ้นรักเก่าทุกคน เตเบซ ซิลบา อดัม ยาย่า และโคลารอฟ killer pass หรือยิงประตูแยะ ๆ. จากคุณ : น้ำองุ่น เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 11:57:27

ความคิดเห็นที่ 37 กระทู้วันใหม่ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S10151557/S10151557.html จากคุณ : ซุปเปอร์ซัพ สุดยอดสำรอง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 13:01:53