TIA Column : 3 First Point for KING KENNY ^ ^
|
|
ในที่สุดก็มาแล้วค่ะ ชัยชนะนัดแรกและ 3 แต้มอันล้ำค่า ถึงแม้จะใช้เวลาถึง 4 นัด ในการหาชัยชนะ แต่ทุกนัดที่ผ่านมา ถ้าตาไม่บอดล่ะก็ เราน่าจะเห็นตรงกันว่า ลิเวอร์พูลกำลังกลับมาเป็นลิเวอร์พูลอีกครั้ง แม้จะยังไม่เนียนตา มีข้อผิดพลาดมากมาย แต่สิ่งที่คิง เคนนี่ ทีมสต๊าฟฟ์ และนักเตะทุกคนพยายามเปลี่ยนแปลง พยายามจะทำเพื่อทีม มันกำลังผลิดอกออกผลอย่างช้าๆ ที่สำคัญ มันคือแนวทางในแบบลิเวอร์พูล และทุกคนก็มุ่งมั่นทำในทิศทางเดียวกัน
สิ่งหนึ่งที่ คิง เคนนี่พยายามทำตั้งแต่กลับมาเป็นผู้จัดการทีมของเรา คือ การหลอมรวมทุกคนในสโมสรให้เป็นหนึ่งเดียว Boss ยังคงกลับไปดูเกมของทีมเยาวชน พูดคุยกับโค้ชและนักเตะเด็กๆให้เข้าใจตรงกันถึงเป้าหมายและแนวทางของสโมสร มันเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่ต้องทำเช่นนั้น เพราะองค์กรใดๆก็ตาม หากอยากจะพัฒนาไปข้างหน้าอย่างมั่นคง รากฐานขององค์กรต้องแข็งแกร่งและทำงานภายใต้นโยบายเดียวกัน เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายอันเดียวกัน แล้วเราจะได้เห็นกันว่า เมื่อวิถีแห่งแอนฟิลด์ที่เหมือนจะจางความเข้มข้นกลับมาอีกครั้ง มันจะเกิดอะไรขึ้น...
กลับมาที่เกมเยือนวูฟแฮมตันดีกว่าค่ะ ก่อนที่จะออกทะเลไปไกล นัดนี้เป็นนัดสุดท้ายที่กัปตันตัวจริงอย่างเจอร์ราร์ดโดนแบน และมันเป็นเกมเยือน ที่เป็นปัญหาต่อทีมมาโดยตลอด แต่แล้ว คิง เคนนี่ก็ทำให้มันต่างออกไป ทั้งแนวทางการเล่น ความกระหายในชัยชนะ และการปรับทีม สัญญาณที่ดีนั้นมีอยู่มากมาย แม้การเล่นของทีมจะยังไม่เนียนตา มีจ่ายเสีย จ่ายพลาด และความเข้าใจของนักเตะที่ยังมีปัญหาอยู่บ้าง แต่มันจะดีขึ้นแน่ๆ เพราะเหตุผลต่างๆที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
ข้อแรก ลิเวอร์พูลจะไม่ "นำแล้วอุด" อีกต่อไปแล้ว เห็นได้ชัดว่า เมื่อได้ประตูแรก นักเตะไม่ได้วิ่งหน้าตั้งลงมายืนปิดปากประตูของตัวเองอย่างเดียว แต่กลับทำเป็นลืมว่า ยิงประตูไปแล้ว และกลับมา "เดินหน้าฆ่ามัน" ต่อไป เราอาจได้ประตูมากกว่านี้ หากว่าจังหวะจบสกอร์เฉียบคมกว่านี้ หรือการตัดสินใจ "จ่ายหรือยิง" ของนักเตะดีกว่านี้ แต่ไม่เป็นไรค่ะ พวกเขาจะได้เรียนรู้แน่ๆ เพื่อให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นในเกมถัดๆไป
ข้อสอง เวลาบุก เราจะไม่โยนยาวขึ้นไปให้ตอร์เรสเผชิญชะตากรรมอยู่คนเดียวอีกแล้ว แต่เราจะบุก "ยกแผง" ค่ะ ใช่แล้ว อย่างน้อย 3-4 คนจะวิ่งขึ้นไปพร้อมกัน เพื่อช่วยให้เกมรุกมีทางเลือกมากขึ้น ถ้าสังเกต ทุกครั้งที่ได้บุก เราจะได้เห็น ตอร์เรส เดิร์ก เค้าท์ เมยเรสเรส และมักซี่ เป็นอย่างน้อยที่จะรุกขึ้นไปถึงกรอบประตูคู่แข่ง แม้แต่จังหวะสวนกลับ ก็ยังวิ่งขึ้นมาถึง 3 คนเพื่อให้คนจ่ายบอลมีทางเลือกว่าควรจ่ายให้ใครถึงจะชัวร์ที่สุด ซึ่งถ้าจ่ายคมๆ วิ่งตำแหน่งดีกว่านี้ซักหน่อย อาจจะมีมากกว่า 3 ลูกก็ได้
นัดหน้าเจอร์ราร์ดกลับมา แค่คิดก็ขนลุกแล้วค่ะ
ข้อที่สาม แผงหลังกลับมาเล่นตั้งรับแบบคุมโซนอีกครั้ง ลิเวอร์พูลเคยเล่นคุมโซนมาตั้งแต่ยุคราฟา ซึ่งมันเป็นส่วนสำคัญมากที่ทำให้เปเป้ เรน่า ได้รางวัลถุงมือทองคำ 3 ปีติด แต่พอมาถึงยุคฮอดจ์สัน เราใช้วิธีคุมคน และคุมเสา แต่แทนที่มันจะดีขึ้นจากวิธีเดิมที่ใครต่อใครวิจารณ์กันนัก มันกลับเป็นหายนะของทีม เพราะเราแทบจะเสียประตุทุกนัด และจนบัดนี้ลูกได้-เสียยังติดลบอยู่เลย คิดๆไปก็เหมือนเอาผลงานของทีมตอกหน้าพวกช่างวิจารณ์เหมือนกัน และคราวนี้ ไม่ยักมีใครวิจารณ์การตั้งรับแบบคุมคนบ้าง
ที่สุดแล้ว อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า จริงๆแล้ว อะไรที่เหมาะกับทีมเราต่างหาก แผงหลังชุดนี้ (อย่างน้อยก็เซ็นเตอร์) เล่นตั้งรับแบบคุมโซนมา 5 ปี และดอกผลก็ชัดเจนที่รางวัลถุงมือทองคำของเรน่า ถ้ามันจะหลุดไปบ้าง มันก็ไม่ได้เป็นเพราะระบบหรอก แต่มันเป็นเพราะตัวบุคคลมากกว่า ซึ่งตอนนี้ คิง เคนนี่กำลังทำพยายามปลุกความมั่นใจในตัวนักเตะกลับมา และเชื่อเถอะว่า มันกำลังกลับมาจริงๆ
ข้อที่สี่ คุณเห็นหน้าตอร์เรสมั้ยคะ... ตอร์เรสดูมีความสุขขึ้นมากตั้งแต่เรามีผู้จัดการทีมที่ชื่อ เคนนี่ ดัลกลิช เขามีส่วนร่วมในทุกๆเกม ทำประตูได้ เล่นด้วยความมั่นใจ และกลับมายึดตำแหน่งดาวซัลโวของทีมคืนไปอีกครั้ง แน่นอนว่า ทีมที่ดีต้องไม่พึ่งนักเตะคนใดคนหนึ่ง แต่นักเตะบางคนมีความแตกต่าง และเราไม่ได้พึ่งเขา โดยไม่ช่วยเหลือ สนับสนุนเขา เราจะพึ่งพาเขาโดยให้การสนับสนุนเขาอยู่ข้างหลังต่างหาก เพราะไม่ว่าคุณจะเก่งขนาดไหน หากไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดี ความเก่งของคุณก็จะไร้ค่าในที่สุด
ข้อที่ห้า แม้ว่าคู่เซ็นเตอร์อย่างแอกเกอร์ - สเคอเทล จะยังไม่ลงตัวนัก แต่พวกเราก็เคยหวังกันไม่ใช่หรือว่า คู่นี้จะเป็น "คู่เซ็นเตอร์แห่งอนาคต" ของเราต่อจากคู่คาร์ร่า - ฮูเปีย ...ในเวลานี้ สเคอเทลอาจจะโฉ่งฉ่าง ฟอร์มไม่ดีเหมือนฤดูกาลแรกที่เข้ามา แต่เขาก็ยังอายุน้อย เขายังสามารถปรับปรุงได้ ให้โอกาสเขาหน่อย ถ้าเราอดทน เราจะได้เห็นคู่เซ็นเตอร์ในฝันคู่นี้แน่ๆ
ข้อที่หก มาร์ติน เคลลี่ ...(ยิ้มกว้างสุดๆ) เรากำลังได้เห็นกัปตันทีมในอนาคตของเรา เรากำลังได้เห็นเจอร์ราร์ดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แน่นอนว่า คนละตำแหน่ง แต่ว่าที่เหมือนกันคือ เขาเป็นเด็กปั้นของเราเอง เราไม่ได้จ่ายเงินซักเพนนีเดียวซื้อเขามา และเขาได้กลายเป็นสมบัติอันล้ำค่าของสโมสรไปเรียบร้อยแล้ว อันที่จริง เคลลี่เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ แต่ที่ผ่านมา พวกเราคงประจักษ์แล้วว่า เขาเล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงหลัง (เหมือนคาร์ร่าเลย แต่คงดีกว่ามากมาย) ด้วยอายุเพียงแค่นี้ ทุกนัดที่เขาลงเล่น สำหรับเรา เขาสอบผ่านเลยนะ ซึ่งต้องให้เครดิตราฟาด้วย ที่เป็นคนส่งเขาลงเล่นในเกมแชมเปี้ยนลีกส์กับลียง เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เกมนั้นเป็นเกมที่น่าเศร้าเกมหนึ่ง แต่ในความเศร้านั้น เราก็ยังได้เห็นประกายแห่งแสงสว่างจากเด็กคนนี้ น่าเสียดายที่เขาเจ็บหนักจากนัดนั้นเอง และต้องหลุดจากทีมของราฟาไป
จากนี้ จีเจคงจะลำบากแน่ทั้งในทีมลิเวอร์พูลและทีมชาติอังกฤษ เพราะนัดนี้ คาเปลโลมาดูเกมซะด้วย ไม่ต้องเดาเลยว่าผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเข้ามาดูใคร อิอิ
ข้อที่เจ็ด ขอยกให้ "ศรัทธา" แล้วกันค่ะ "ความศรัทธา" ที่ The kop มีให้ทีม มันกลับมาอีกครั้งด้วยความเป็น คิง เคนนี่ เขาทำให้พวกเราเชื่อมั่นอีกครั้ง อย่างที่เคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่า เราไม่ได้หวังให้ทีมกลับมายิ่งใหญ่อะไรในชั่วข้ามคืน แต่เราสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ หัวใจสู้แบบลิเวอร์พูลในตัวคิง เคนนี่ มันไม่ใช่เพราะเขาคือ "The King" แต่เพราะตัวตนของเขาต่างหากที่ทำให้ The kop ทุกคนศรัทธา และฉายา "The King" ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาจากความสามารถของเขาเท่านั้น กว่า 60% มาจากความรักที่เขามีต่อทีม สิ่งที่เขาทำเพื่อทีมมากกว่า เหมือนที่เคยเขียนถึงฮอดจ์สันไปก่อนหน้านี้ว่า ทำให้ The kop รักน่ะ ไม่ยากเลย แค่คุณโน้มตัวลงมา และยืนเคียงข้างพวกเรา ด้วยหัวใจสู้แบบเดียวกับเรา แม้คุณจะล้มลง แต่คุณจะไม่ล้มลงคนเดียว และพวกเราทุกคนก็พร้อมจะฉุดคุณขึ้นมาจากความผิดหวัง
น่าเสียดายที่ รอย ฮอดจ์สัน ไม่เคยเข้าใจมัน และสำหรับคิง เคนนี่ แล้ว มันยิ่งกว่าความเข้าใจเสียอีก เพราะเขาคือส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้
จิตวิญญาณความเป็นลิเวอร์พูลไม่เคยตาย ปู่แชงค์เคยพูดว่า
"I wanted results for the club, for the love of the game, to make the people happy."
การทำให้ผู้คนมีความสุขคือจิตวิญญาณของลิเวอร์พูล ถ้าเคยได้ยิน ได้ฟัง หรือได้อ่าน บทสัมภาษณ์นักเตะอย่างเจอร์ราร์ดหรือคาร์ราเกอร์ถึงสโมสร พวกคุณต้องได้ยินประโยคที่เขาพูดถึง "การทำให้ผู้คนที่รักลิเวอร์พูลมีความสุข" และคิง เคนนี่เองก็เช่นกัน สิ่งหนึ่งที่เชื่อได้ว่า เขา Inception (55+) มันลงไปในจิตใจของนักเตะลิเวอร์พูลทุกคน คือ การทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อแฟนบอล และรักทีมอย่างที่แฟนบอลรัก
"We can be really pleased with the football we played in the first half and we can also be pleased with our desire to show the supporters that we care as much about the football club as they do."
นี่คือคำพูดหลังเกมดาร์บี้ แมตซ์ ของ Boss และจากทั้ง 4 เกม เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้สึกได้ว่า นักเตะของเราสู้ในระดับที่ดีพอที่จะเรียกตัวเองว่า เป็นนักเตะลิเวอร์พูลได้
ชัยชนะนัดแรกของ Boss นี้ เชื่อว่า Boss คงอยากมอบให้ The kop ทุกคนได้มีความสุขกัน แต่พวกเราก็อยากบอกให้คุณรู้เช่นกันว่า จริงๆแล้ว ชัยชนะนัดนี้เพื่อคุณค่ะ เพื่อตอบแทนความพยายาม ความทุ่มเท ของนักเตะ อย่างที่ Boss ก็ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ และที่สุดแล้ว มันเป็นชัยชนะของเราทุกคนที่รักสโมสรแห่งนี้ แม้มันจะเป็นแค่ 1 ใน 38 นัด แต่มันคงสร้างแรงใจได้มากทีเดียว
สุดท้ายแล้ว ขอสรรเสริญ The kop ที่ตามไปเชียร์ทีม พวกเขาร้องเพลงเชียร์ ยืนหยัดเคียงข้างทีมไม่แพ้เมื่อยามอยู่ในแอนฟิลด์ ความมหัศจรรย์ของ The kop ไม่เคยจางหายไปไม่ว่าทีมจะเป็นอย่างไร พวกเราจะยังอยู่กับทีมเสมอในทุกโมงยาม ยอมรับทั้งความสุขและความทุกข์ร่วมกัน เพราะเราคือทีมเดียวกัน ชนะด้วยกัน เสมอด้วยกันและแพ้ด้วยกันตลอดกาล
นัดหน้า กัปตันจะกลับมา กลับมาทำทุกทางให้ คิง เคนนี่ ได้เป็น Boss ของเราต่อไปในระยะยาว
"...I want to do everything in my power to ensure that he (Dalglish) stays here for a long time, beyond the initial six months," Gerrard told the Liverpool FC weekly.
...นักเตะที่ดีที่สุด 2 คนเท่าที่ลิเวอร์พูลเคยมีมา จะร่วมมือกันทำงานหนักเพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จ เพื่อความสุขของพวกเราทุกคนที่รักทีม
คนหนึ่งเป็นผู้จัดการทีม อีกคนเป็นกัปตันทีม ...หัวใจที่ยิ่งใหญ่ 2 ดวงของชาย 2 คนนี้จะทำให้พวกเรามีความสุข...คอยดูกันได้เลย
แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 54 16:20:09
แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 54 15:51:39
จากคุณ |
:
howk_ky
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ม.ค. 54 15:23:46
|
|
|
|