ความคิดเห็นที่ 1 มาราโดน่า ถือกำเนิดจากครอบครัวยากจน ในย่านชุมชนแออัดชานกรุงบูโนสไอเรส ด้วยครอบครัวที่ยากจน มาราโดน่าต้องดิ้นร้นอย่างมากที่พาตัวเองให้พ้นจากสภาพแวดล้อมที่แย่ๆแบบนี้ แต่ราวกับพระเจ้าได้ส่งเขาลงมาเกิดมาประทานความสามารถในการเล่นฟุตบอลติดตัวมาด้วยเพื่อจะก้าวเป็นสุดยอดของโลก มาราโดน่า ในวัยเด็กมีความชื่นชอบฟุตบอลเหมือนเด็กอาร์เจนตินาทั่วไป ซึ่งสำหรับเด็กชาวอเมริกาใต้แล้ว ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬาหรือการเล่นสนุก แต่มันคือหนทางและบันไดที่จะพาชีวิตของเด็กคนหนึ่งให้ไปสู่ความสำเร็จและพลิกชีวิตได้ มาราโดน่านั้นเติบโตมาในครอบคัรวที่ยากจนมาก จึงได้แต่เล่นในพื้นที่แคบๆ ตามถนนในเมืองหลวงของอาร์เจนติน่า แม้เขาจะมีรูปร่างเล็กและเล่นฟุตบอลได้ด้วยเท้าซ้ายข้างเดียว แต่เจ้าหนูมาราโดน่ากลับแสดงทักษะที่เหนือกว่าเด็กรุ่นเดียวกันและผู้ใหญ่ได้อย่างน่าทึ่ง จนในที่สุดก็เป็นที่เข้าตาของ ฟรานซิส คอร์เนโฮ โค้ชของทีมอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส มาราโดน่า ถูกชักชวนให้เข้าเป็นเด็กฝึกหัดของสโมสรอาร์เจนติโนส ที่นี่เองเขาได้ฝึกปรือความสามารถในเชิงลูกหนังอย่างเต็มที่ แต่ด้วยความเก่งเกินตัวจนรุ่นเดียวกันสู้ไม่ได้ แม้ว่าโค้ชจะอยากให้ไปทีละขั้น ก็จำต้องส่ง มาราโดน่า ขึ้นเล่นในทีมชุดใหญ่และสร้างสถิติลงสนามด้วยวัยเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น ซึ่งนั่นเองคือจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ ในอีก 4 ปีต่อมา เจ้าหนูมาราโดน่ากลายเป็นนักเตะคนสำคัญที่พาทีมไม่แพ้ใครถึง 136 เกม ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วอเมริกาใต้ และจนถึงยุโรป กระทั่งฟุตบอลโลกอุบัติขึ้นในปี 1978 ซึ่งอาร์เจนติน่าเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งแรกนั้น หลายเสียงได้เรียกร้องให้ เซซาร์ หลุยส์ เมนนอตติ ผู้จัดการทีมชาติเรียกตัวมาราโดน่า ติดทีม แต่เขาก็โดนปฎิเสธ กระนั้น อาร์เจนติน่าก็สามารถคว้าแชมป์โลกครั้งแรกไปครองได้ ท่ามกลางความกังขาในเรื่องการตัดสินของกรรมการ รวมไปถึงคำถามปริศนาที่ว่า หากโยฮัน ครัฟฟ์ นักเตะที่เก่งที่สุดของโลกยุคนั้นยอมเดินทางมาเล่นกับทีมชาติฮอลแลนด์ในครั้งนั้นแล้ว อาร์เจนติน่าจะสามารถชนะฮอลแลนด์ในนัดชิงได้หรือไม่ หลังจากฟุตบอลโลก 1978 มาราโดน่าเริ่มกลายเป็นส่วนสำคัญของทีมชาติ เขาเป็นแกนหลัก พาติดทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 20 ปี คว้าแชมป์เยาวชนโลกได้ แล้วจึงได้เลื่อชั้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่สมใจ พร้อมทั้งย้ายไปร่วมทีมมหาอำนาจของอาร์เจนติน่าในเวลานั้นอย่าง โบคา จูเนียร์ส ด้วย ซึ่งเรื่องระหว่างโบคาและมาราโดน่านั้น ต้องกล่าวกันว่าเป็นความผูกพันที่ไม่ธรรมดา แม้ภายหลังมาราโดน่าจะออกมาโลดแล่นในยุโรปแล้ว เขาก็ยังคงติดตามข่าวคราวการแข่งขันของทีมโบคา ทีมรักในวัยเด็กของเขาตลอดมา มาราโดน่าเข้าร่วมฟุตบอลโลกปี 1982 ที่สเปน และเป็นการเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรก แต่กลับเป็นที่ผิดหวังแก่เขานักเพราะเขาพลาดท่าถูกไล่ออกในเกมพบกับบราซิล และอาร์เจนติน่าก็ทำได้เพียงรอบที่สองเท่านั้น แต่จากนั้นไม่นาน ทีมมหาอำนาจของสเปน เจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่าก็ดึงตัวมาราโดน่ามาร่วมทีมด้วย แต่ชีวิตการเล่นที่สเปน กลับไม่ประสบความสำเร็จนัก เหตุเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บเมื่อต้องปะทะกับกองหลังสไตล์ยุโรปที่เข้าบอลแบบรุนแรง ภายหลังบาร์เซโลน่า จึงขายมาราโดน่าให้กับ นาโปลี ในเวทีกัลโช่ของอิตาลีในราคา 220 ล้านบาท เป็นสถิติโลกในขณะนั้นแต่นั่นเองที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน เทพเจ้าแห่งเนเปิ้ลส์ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:29:19

ความคิดเห็นที่ 2 ที่นาโปลีนั้น มาราโดน่า เริ่มต้นด้วยการลงเตะได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เพราะนาโปลีนั้นเป็นเพียงทีมระดับกลางค่อนไปทางเล็กของฟุตบอลกัลโช่ ซึ่งไม่ได้มีนักเตะเก่งกาจอะไรมาก ทำให้ทีมยังอยู่ท้ายตาราง  กระทั่งเข้าครึ่งฤดูกาลหลัง มาราโดน่าได้ระเบิดฟอร์ม โชว์ความสามารถทั้งยิงและจ่าย กลายเป็นหัวใจและทุกสิ่งทุกอย่างของทีม โดยทำได้ถึง 14 ประตู จากตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ และพานาโปลีรั้งอันดับ 8 เมื่อสิ้นฤดูกาล ฤดูกาลต่อมา มาราโดน่าได้กลายเป็นเทพเจ้าของชาวเมืองเนเปิ้ลส์ไปแล้ว  เพราะทีมนาโปลีภายใต้การนำของเขา สามารถเล่นเกมรุกได้อย่างมีสีสันและสนุกสุดยอด ผิดกับทีมอื่นๆในกัลโช่ที่เน้นแท็คติคและการเล่นเกมรับตามสไตล์คาเตนัคโช่เดิมแบบอิตาลี ในปีนี้ นาโปลีก้าวขึ้นมาท้าทายบรรดาทีมมหาอำนาจของกัลโช่อย่างมิลานและยูเวนตุสได้อย่างเต็มภาคภูมิ โดยปีนี้นาโปลีจบฤดูกาลในอันดับที่ 3 แล้วเมื่อฟุตบอลโลกอุบัติขึ้นที่เม็กซิโกในปี 1986 อันเป็นฟุตบอลโลกที่ได้รับการยกย่องว่าสนุกตื่นเต้นที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนัง การเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่อาร์เจนตินาเจอกับทีมชาติอังกฤษ  มาราโดน่าใช้มือปัดลูกบอลเข้าประตู ซึ่งภายหลัง เจ้าตัวเรียกมันว่า " Hand  of God"  หัตถ์ของพระเจ้า แม้คนทั้งโลกจะเห็นว่าเขาใช้มือปัดเข้าประตู แต่ผู้ตัดสินก็ให้เป็นประตูอย่างที่นักเตะจากอังกฤษยากจะทำใจยอมรับ แต่แล้วมาราโดน่าก็สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทั้งโลก เมื่อไม่กี่นาทีต่อมา มาราโดน่า โชว์ทักษะอันสุดยอด ด้วยการเลี้ยงบอลจากแดนตัวเองหลบผู้เล่นระดับท็อปของอังกฤษ อย่าง ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ และ ปีเตอร์ รีด  ก่อนที่จะโยกหลบ เทอร์รี่ เฟนนิค และ เทอร์รี่ บุทเชอร์ ปราการหลังตัวแกร่งของสิงโตคำราม เข้าไปในเขตโทษ และสุดท้ายยังโยกหลบนายทวารระดับแนวหน้าอย่าง ปีเตอร์ ชิลตัน อีกคนก่อนจะยิงประตูเข้าไปอย่างสุดยอด เป็นประตูตอกย้ำความสามารถอันหาใครเสมอเหมือนได้  ประตูนี้จึงถูกเล่าขานมาตลอดว่าเป็นประตูแห่งศตวรรษ ตลอดกาลของวงการลูกหนัง จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:30:30

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อจบฟุตบอลโลก มาราโดน่ากลับมาสู่กัลโช่ นำลูกทีมทัพนาโปลี ตะลุยเก็บคะแนนในลีกอย่างสุดยอด  กระทั่งทั้งเมืองนับถือเขาดุจเทพเจ้า มาราโดน่ายิงถึง 10 ประตู และยังใส่พานให้เพื่อนร่วมทีมอีกนับไม่ถ้วน สุดท้าย นาโปลีก็สามารถคว้าสคูเด็ตโต้  หรือแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ และในปีนั้น มาราโดน่ายังพาทีมนาโปลี คว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย กลายเป็นดับเบิ้ลแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรไปเลย ความสุดยอดของมาราโดน่า ยังทำให้นาโปลียิ่งใหญ่ต่อไป  เขาพาทีมได้แชมป์ยูฟ่า คัพ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร ความสำเร็จยังไม่ถึงที่สุด เมื่อในปี 1990 มาราโดน่ายังสามารถนำนาโปลีแหกด่านยอดทีมของโลกอย่างมิลาน คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรียอา อีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่   กลางปี 1990 ฟุตบอลโลกที่อิตาลีเป็นเจ้าภาพ มาราโดน่ายังเป็นเทพเจ้าของเมืองเนเปิ้ลส์อย่างแท้จริง ทีมชาติอาร์เจนติน่าของเขา เข้ารอบและเล่นกับคู่แข่งมาอย่างกระท่อนกระแท่น แต่ก็สามารถผ่านทะลุไปได้เรื่อยๆจนมาถึงรอบรองฯ ที่พบกับ อิตาลี เจ้าภาพ ซึ่งนัดนี้จัดที่เมืองเนเปิ้ลส์ แต่กลายเป็นว่าแฟนบอลอิตาลีจำนวนมากกลับหันมาเชียร์เทพเจ้าของเมืองแทนชาติพวกเขา และอาร์เจนติน่าก็สามารถล้มอิตาลี เข้าไปชิงชนะเลิศ กับเยอรมัน คู่ชิงครั้งก่อนได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็พ่ายเยอรมันไปด้วยลูกจุดโทษอันเฉียบขาดของ อันเดรียส เบรเม่ห์ กระนั้น ฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็ยังตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของมาราโดน่าให้โลกได้อยู่ดี จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:31:04

ความคิดเห็นที่ 4 แต่หลังจากนั้น ชีวิตของมาราโดน่ากลับเริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะยังคงร่ายฝีเท้าได้ร้ายกาจ แต่เพราะแสงสีและชีวิตที่ถูกจับตามองในฐานะสตาร์ของโลก ความกดดันที่ถาโถมทำให้เขาเริ่มมีข่าวฉาวกับการใช้สารกระตุ้นและยาเสพติด และทุกอย่างก็มาระเบิดขึ้นในปี 1994 ฟุตบอลโลกที่อเมริกา มาราโดน่าถูกสุ่มตรวจพบสารกระตุ้น ทำให้เขาถูกแบน ส่งผลให้อาร์เจนติน่าที่ไร้มาราโดน่าตกรอบไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นมาราโดน่าก็พบกับความตกต่ำของชีวิตไปเรื่อยๆ กระทั่งวันที่ 29 ต.ค. 1997 มาราโดน่า ประกาศแขวนสตั๊ด แม้ชีวิตต่อมาของมาราโดน่า จะเหลวแหลกแค่ไหน แต่ทุกคนก็ยังจดจำความสามารถในการเล่นฟุตบอลของเขามาก่อนเรื่องส่วนตัวเสมอ และยังเป็นเทพเจ้าของอาร์เจนติน่าอยู่ดี  แต่ใครจะคิดว่า ครั้งหนึ่ง มาราโดน่า ที่มีรูปร่างเตี้ยเพียงคนเดียวจะสามารถบันดาลแชมป์โลกให้อาร์เจนติน่ามาแล้ว และยังประสบความสำเร็จในการเล่นลีกที่อิตาลี ซึ่งน้อยคนนักจะทำได้อย่างเขา ซึ่งนักเตะชื่อก้องโลกในปัจจุบันของอาร์เตนตินาแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะลิโอเนล เมสซี่ หรือ เซร์จิโร่ กุน ต่างมีมาราโดน่าเป็นไอดอลแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้ ความยิ่งใหญ่ของมาราโดน่ายังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาวงการฟุตบอล โดยเฉพาะกัลโช่ที่ได้รับผลตรงนี้ไปไม่น้อย แต่เดิมฟุตบอลกัลโช่จะยึดการเล่นตามหลักคาเตนัคโช่ เน้นเกมรับเหนียวแน่น นักเตะทำตามแท็คติคเป็นหลัก จนบอลกัลโช่ถูกยกว่าเล่นกันได้น่าเบื่อมาก แต่การเล่นของมาราโดน่าได้มาช่วยยกระดับของกัลโช่ขึ้นมาอีกขั้นและยังทำให้ทีมระดับเล็กๆอย่างนาโปลีขึ้นมาสอดแทรกสร้างประวัติศาสตร์กับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่อย่างมิลานได้สำเร็จ กระนั้น ขณะที่มาราโดน่ากำลังเจิดจรัสบนโลกฟุตบอลด้วยการเป็นมนุษย์คนแรก และอาจจะคนเดียว ที่ทำลายทฤษฎีที่ว่าการเล่นฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่อาจรวมศูนย์การเล่นที่นักเตะคนเดียวได้ แต่ในเวทีกัลโช่ ยุคสมัยเดียวกันนั้น แนวคิดฟุตบอลอีกแบบหนึ่งก็กำลังถือกำเนิดขึ้นที่สโมสรที่มีประวัติยาวนานอย่างเอซีมิลาน ภายใต้แนวคิดของกุนซือเฒ่า นามอาริโก ช้าคคี่ ซึ่งแนวคิดนี้ก็จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ส่งผลต่อรูปแบบแท็คติคฟุตบอลทั้งมวลของโลกและส่งผลต่อฟุตบอลในยุคถัดมาอย่างยิ่งยวด ไม่แพ้ปรากฏการณ์ของมาราโดน่าเลย ซึ่งจะเป็นเรื่องราวอีกบทหนึ่ง สำหรับการกำเนิดของ "เพรสซิ่งฟุตบอล" แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 54 00:41:34 จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:32:45

ความคิดเห็นที่ 5 รวมสุดยอดประตูของมาราโดน่า แต่ละลูกนี่ทำเหมือนกับกองหลังและโกลไม่มีตัวตนไงก็ไม่รู้ สังเกตว่าหลายลูกมาก ที่เฮียแกเล่นโกลซะหัวทิ่ม ตอนอยู่นาโปลี เคยมีพูดถึงกันในทีมนาโปลีว่า หากคิดอะไรไม่ออก ให้ส่งหรือโยนบอลไปให้มาราโดน่า เดี๋ยวเขาจัดการเอง แต่มาราโดน่านั้นให้เกียรติและยกย่องเพื่อนร่วมทีมมาก หลายครั้งที่เมื่อสื่อถาม เขาจะบอกเสมอว่า ทำไมคนถึงชอบคิดว่าประตูที่เขาทำได้เกิดจากตัวเขาคนเดียว แต่มันเป็นเพราะเพื่อนร่วมทีมคอยสนับสนุนและช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ต่างหาก และเขาจะยกย่องเพื่อนร่วมทีมของตนเองมากๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหน กล่าวกันว่า ในบรรดาเพื่อนร่วมทีมทั้งหมด คนที่มาราโดน่ายกย่องมากคือคานิกเกีย กองหน้าที่พูดได้ว่าเกิดมาเพื่อเล่นคู่กับมาราโดน่าในทีมชาติโดยเฉพาะ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:39:55

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนตัวแล้ว ชอบคลิปนี้ แกเกิดมาเพื่อเล่นกับลูกฟุตบอลจริงๆ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:40:33

ความคิดเห็นที่ 7 หากจะมีสักอย่างที่ เมสซี่ยังไม่อาจก้าวข้ามมาราโดน่าไปได้ ก็คงจะเป็นการที่สามารถแบกทีมชาติ อาร์เจนตินา ในฐานะผู้รวมศูนย์การเล่น ความหวัง และการพลิกสถานการณ์ให้กับทีม จนไปถึงตำแหน่งแชมป์โลกนั่นแหละครับ หรือจะให้พูดถึงอย่างง่ายๆหน่อย ก็คงเป้นเรื่องของจิตใจ บารมีผู้นำนั่นแหละ อาจเป็นเพราะชีวิตซึ่งสุดขีดทั้งด้านดีด้านเลว เลยหลอหล่อมให้เขากลายเป็นเช่นนี้ แม้มาราโดน่าจะไม่น่าเอาอย่างในหลายเรื่อง เช่นพฤติกรรมนอกสนาม การยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด แต่สำหรับในสนามแล้ว เราไม่อาจปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของเขารวมถึงความตรงไปตรงมาในวิถีชีวิตของเขาได้เลย จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:47:39

ความคิดเห็นที่ 8 ปัจจุบันแม้เสือเตี้ยจะอ้วนลงพุง แต่ทักษะฟุตบอลแกก็ยังเหลือร้ายครับ ส่วนตัวแล้ว ชอบรูปนี้นะ แม้ว่าเปเล่ และ มาราโดน่าจะมีจุดที่เหมือนจะไม่กินเส้นกันนัก แต่เราก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดเพราะสื่อเสี้ยมหรือไม่ ถึงยังไง ทั้งสองคนก็คือสุดยอดนักฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลก ที่อยู่กันคนละยุคและได้รับการยอมรับจากแฟนบอลทั่วโลกอยู่ดี จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:55:29

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านกันเพลินไปเลย ... ขอบคุณครับท่าน eagle1000 ที่พาผมย้อนอดีตไปยังยุคที่ฟุตบอลเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ ด้วยเท้า 2 ข้าง ของชายที่ชื่อ...." ดีเอโก้ อาร์มันโด มาราโดน่า "                                                                                                                  > Shine on you crazy diamond < จากคุณ : Romancini เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 01:07:29

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ^ กระทู้ผมดักคนแก่ได้หนึ่งแล้ว 5555 ผมติดตาอยู่เรื่องหนึ่งสำหรับมาราโดน่าตอนบอลโลก 90 ในนัดชิงกับเยอรมัน คือรู้สึกเหมือนว่ากรรมการเป่าเอนเอียงไปทางเยอรมันค่อนข้างมากไงไม่รู้ เพราะมาราโดน่าโดนมัทเธออุสและกองหลังเยอรมันเล่นงานอ่วมมากในนัดนั้น และในบอลโลก 94 กระแสความขัดแย้งที่มาราโดน่าค่อนข้างจะแสดงตัวว่าเป็นศัตรูกับฟีฟ่า เลยทำให้เขาถูกสุ่มตรวจโด้ป จนสมัยนั้นผมยังแปลกใจนะ เพราะมีนักบอลเข้าร่วมบอลลโลก ตั้งหลายร้อยคน ทำไมมาสุ่มที่มาราโดน่าล่ะ แถมช่วงก่อนเริ่มบอลโลก มีกระแสที่ประเทศบางประเทศจะแบนมาราโดน่าไม่ให้เข้าด้วย เพราะมองว่าเป็นตย.ไม่ดีต่อเยาวชน ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นญี่ปุ่น แล้วทางอเมริกา เจ้าภาพบอลโลกหนนั้น ก็ดูเหมือนจะกลัวเรื่องนี้ด้วย อาจเป็นเกี่ยวกับการเมืองก็ได้นะ เพราะสมัยนั้นกระแสเรื่องคอมมิวนิสต์ เผด็จการทหารยังมีอยู่ และมาราโดน่าก็ดันซี้กับฟีเอโดร คาสโตร ผู้นำของคิวบาด้วยสิ แล้วคาสโตรนี่ พวกอเมริกามองว่าเป็นศัตรูตัวร้ายสำหรับระบอบทุนนิยม จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 01:15:26

ความคิดเห็นที่ 11 ดักคนแก่ก็ดักเอ๊า สำหรับเทพเจ้าคนนี้ อิฉันยอมมมมมม เคยเขียนถึงเขาไว้ ตอนวันเกิดปีที่รับตำแหน่งโคช ขออนุญาตคุณ eagle1000 ร่วมแชร์นะคะ http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2008/10/S7154067/S7154067.html ขอบคุณสำหรับความตื่นตาตื่นใจ ความสนุกสนามบนสนาม (และข้างสนาม) จากคุณ : la liga fan เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 01:35:57

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ คุณ la liga fan มาราโดน่านี่ ยุคนั้นถ้าเป็นคนที่ชอบแกก็จะชอบไปเลย ถ้าไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลยนะ (คนที่ไม่ชอบก็มักจะเพราะเรื่องยาเสพติดและข่าวฉาวต่างๆ บวกเรื่องที่แกคบหากับผู้นำเผด็จการทหารอย่างคาสโตร) แต่พอเป็นเรื่องฟุตบอลแล้ว ทุกคนต้องซูฮกแกจริงๆ และเมื่อเลิกเล่นไป เรื่องนอกสนามพวกนั้นก็ไม่เกี่ยวแล้ว จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 01:41:44

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบเสือเตี้ยมากๆครับ เฮียแกดูเป็นคนที่ใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงจริงๆ จากคุณ : เกียงอุยศิษย์มังกรหลับ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 01:42:03

ความคิดเห็นที่ 14 ดักคนแก่อย่างผมได้อีกหนึ่ง haha นี่คือบุรุษผู้ที่สุดยอดที่สุดในชีวิตการดูฟุตบอลของผม นึกถึงช่วงเวลาที่พาทีมเล็กๆ กลางตารางจากเนเปิลส์ให้ขึ้นมายิ่งใหญ่เบียดกับมิลานเลย มาราโดน่านำทีมที่มีซิโร แฟร์ราร่าเป็นกองหลัง ตรงกลางมีอเลเมา เฟอร์นานโด เด นาโปลี คู่หน้ากาเรก้ากับอันเดรีย คาร์เนวาเล่ หลายคนอาจไม่ชอบมาราโดน่า เพราะพฤติกรรมอื้อฉาวหลายอย่าง แต่ขอยกด้านดีๆ ของมาราโดน่ามาเอ่ยถึงบ้าง นอกจากฝีเท้าที่เลอเลิศแล้ว สิ่งที่ผมคารวะเขาเลยคือ มาราโดน่าเป็นที่รักของเพื่อนร่วมทีมเสมอ ตลอดมาเขาให้เกียรติเพื่อนร่วมทีมทั้งระดับสโมสร และระดับชาติ เรียกว่าเป็นพี่ใหญ่ที่คอยปกป้องน้องๆ ตลอด ไม่เคยข่มเพื่อนร่วมทีม เวลาออกสื่อ ให้ข่าวสัมภาษณ์เขายกย่องเพื่อนๆ เสมอ มีอะไรก็หนุนหลังเพื่อนร่วมทีมตลอด นี่แหละบารมีของผู้ยิ่งใหญ่ ขาใหญ่ตัวจริง จากคุณ : sexy Boy of London เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 01:42:13

ความคิดเห็นที่ 15 เดี่ยวว่าจะลงคืนนี้ต่อครับ สำหรับตอนต่อไปของกระทู้ดักคนแก่ 555 เรื่องการผงาดขึ้นมาของเอซีมิลาน และ เพรสซิ่งฟุตบอล ซึ่งหากมาราโดน่าคือการเล่นฟุตบอลแบบรวมศูนย์ มีออลสตาร์ระดับสุดยอดเป็นผู้บัญชาทุกอย่าง เพรสซิ่งฟุตบอลก็เป็นการเล่นในแบบที่กระจายไปทั่วทีม ทุกตำแหน่งของสนามคือนักเตะออลสตาร์ที่ช่วยกันขับเคลื่อนเกม จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 01:43:56

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ คห. 14 ผมไม่แน่ใจนะว่าการที่มาราโดน่าออกจากบารซ่าสมัยนั้น เพราะเรื่องที่แบรนด์ ชูสเตอร์ ไปทะเลาะกับประธานสโมสร เนื่องจากชูสเตอร์จะไปเตะนัดเทสติโมเนียลแม็ทซ์ให้เพื่อนร่วมทีมชาติเยอรมันอย่างพอล ไบร์ทเนอร์ แต่ชูสเตอร์ถูกห้าม เพราะไบร์นเนอร์ เป็นอดีตนักเตะของรีลมาดริด จนทะเลาะอย่างแรงกับประธานบาร์ซ่าตอนนั้น มาราโดน่าเลยเลือกเข้าข้างชูสเตอร์และพากันเข้าไปในห้องเก็บถ้วยรางวัล และทุ่มข้วาง ทำลายทุกอย่าง ถ้าผมจำผิด ท้วงติงด้วยนะครับ เพราะถ้าความจำผมไม่พลาด ชูสเตอร์ไม่ถูกกับไบร์ทเนอร์ กัปตันทีมชาติเยอรมัสมัยนั้นมาก เนื่องจากไบร์ทเนอร์ไม่พอใจนักที่ชูสเตอร์ไม่ชอบมาเตะเกมอุ่นเครื่องของทีมชาติ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 01:51:04

ความคิดเห็นที่ 17 ผมไม่แก่ครับ ตอนนั้น ป.6 อยู่หอที่อัสสัมศรีราชาต้องแอบ Master ลงมาดูรอบชิง 86  จอขาวดำเลย จนเป็นแฟนอาร์เจนมาทุกวันนี้ จากคุณ : Devilot เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 02:30:35

ความคิดเห็นที่ 18 ง่า..ผมไม่ทันยุคมาราโดน่าครับ  ยังเด็กอยู่    ดูบอลตอนประมาณปี 92 พอปี 94 ได้ยินว่าแกโดนจับโด๊ป ได้เห็นแกจริงๆจังๆก็จากคลิปต่างๆนี่แหละครับ ขอบคุณผู้อาวุโส eagle1000 นะครับที่มารำลึกอดีตของมาราโดน่าให้ฟัง   จากคุณ : หมูอ้วนพุงดำ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 05:03:45

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนต่อไป เรื่องราวของ การกำเนิดระบบโซนเพรสซิ่ง และสู่ความยิ่งใหญ่ของเอซีมิลานครับ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S10224711/S10224711.html จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 05:37:23

ความคิดเห็นที่ 20 แปะไว้ก่อน กระทู้อย่าเพิ่งตกเด้อ... จากคุณ : suatop เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 07:13:52

ความคิดเห็นที่ 21 ปี 90 เจอ บลาซิล ไล่บด อยู่ มาราโดน่า ส่งปลิดชีพ ทีเดียว ชนะไปเลย ^ ^ จากคุณ : kicub2 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 07:39:04

ความคิดเห็นที่ 22 This is my real HERO. จากคุณ : Obram เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 08:05:19

ความคิดเห็นที่ 23 1 ในดวงใจ จากคุณ : หง่าวแมน เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 08:25:56

ความคิดเห็นที่ 24 ผมยังจำลูกที่จ่ายให้เบอรูชาก้าเข้าไปยิงประตูชัย ชนะเยอรมัน ที่บอลโลก 1986 ได้เลย แต่อยากให้ดูช่วงเวลาบอลโลกปี 1982 - 1986 ครับ 1982 คุมอารมณ์ไม่อยู่ โดนใบแดงไล่ออก 1986 ได้แชมป์โลก! ถ้าไม่เอาเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัว หรือประเด็น HOG ผมว่าเค้าเป็นแบบอย่างที่นักเตะทีมชาติทั่วโลก ควรเอาแบบอย่างความมุ่งมั่นเมื่อเล่นให้ทีมชาตินะ ใส่เต็มร้อยเพื่อประเทศของตัวเอง จากคุณ : PEDestrain เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 09:21:26

ความคิดเห็นที่ 25 หัตถ์ของพระเจ้า เทพเจ้าจอมขี้โกง จากคุณ : phahurat เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 10:18:31

ความคิดเห็นที่ 26 อืมไม่น่าเอา Messi ไปเปรียบ กับ Maradona เลยจริงๆ Messi ยังต้องสะสมบารมีอีกเยอะจริงๆด้วยแหะ........... คนที่รู้ดีที่สุดคงเป็น Messi เอง จากคุณ : Sveron เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 10:47:00

ความคิดเห็นที่ 27 เริ่มเชียร์บอลก็เพราะมาราโดนา จำได้ว่าตอนนั้นอยู่ ม.1 ปีที่อาร์เจนเป็นแชมป์โลก จากคุณ : บ้านนอกตั้งแต่เกิด เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 11:19:34

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่ได้ต้องการจะแขวะอะไรใครนะครับ อยากทราบว่าผู้เล่นที่เล่นร่วมทีมอาเจนติน่ากับนาโปลีที่เป็นแชมป์คือใครบ้างครับ ผมสงสัยกับคำพูดที่คนพูดว่า "มาราโดน่าแบกทีมเป็นแชมป์" ทั้งที่เขาก็บอกว่าเพราะเพื่อนร่วมทีมเขาด้วย เลยอยากทราบว่าไม่มีคนเก่งๆในทีมเลยหรือ จากคุณ : sabertooth เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 12:01:48

ความคิดเห็นที่ 29 มาราโดน่ามีปัญหากับฟีฟ่าตั้งแต่ก่อนบอลโลกปี 86 เพราะไปวิจารณ์ว่าฟีฟ่างี่เง่าที่เลือกแข่งตอนกลางวันในประเทศเม็กซิโก ซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศา C ตอนนัดกับอังกฤษก็น่าจะโดนตรวจโด๊ปเหมือนกัน (ผมว่ามันโดนตลอดเพราะฟีฟ่าต้องการจัดการเจ้านี่อยู่แล้ว เพิ่งมาเจอเอาตอนปี 1994) อย่างบทสัมภาษณ์ของฮอดเดิ้ล http://www.independent.co.uk/sport/football-world-cup-maradona-haunts-hoddle-1168480.html "It was also at the forefront of Glenn Hoddle's mind. "It was a feeling of total injustice," he recalled yesterday of his mood after that World Cup quarter-final defeat to Argentina. "It took me four days to get over it when we got back." So Hoddle sat there in the stifling heat alongside Terry Butcher, each trying, in their dehydrated state, to produce a drug sample. Then in walked Diego Maradona. It was not as tricky a moment as might be imagined. "We didn't blame him, we blamed the referee [Tunisia's Ali Ben Naceur]. I shook hands with him on the pitch and I didn't have a problem with him. I didn't say anything, my Spanish isn't too good, but it was a good feeling in there - though I don't think big Terry was in the same frame of mind." ส่วนนัดชิงปี 1990 นายกสมาคมเม็กซิโกเคยออกมาสัมภาษณ์เมื่อประมาณปี 1997-98 ว่า ถ้า Codesal กรรมการนัดนี้ไม่ตัดสินเพื่อให้เยอรมันชนะ เขาจะไม่ถูกเลือกจากฟีฟ่า ก็คือมีการล็อคผลเรียบร้อยก่อนแข่งแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าอาร์เจนชนะ มาราโดน่าจะถูกยอมรับว่ายิ่งใหญ่กว่าเปเล่ เด็กดีของฟีฟ่า เคยมีเขียนใน wiki แต่โดนลบออกไปแล้ว http://en.wikipedia.org/wiki/Edgardo_Codesal#Legacy #28 ที่เขาว่าแบกทีม เพราะขนาดโดนกระทืบจนต้องเดินกระเผลกเล่นบอล โค้ชก็ไม่เปลี่ยนตัวออกครับ เพราะยังมีประโยชน์ต่อทีมมากกว่าผู้คนอื่นที่จะนำไปเปลี่ยนตัว นาโปลีที่ไม่มีมาราโดน่า เกมรุกแทบจะหาโอกาสยิงประตูไม่ได้เลย ลองดูสภาพของนาโปลีหลังจากมาราโดน่าโดนแบนก็ได้ครับ จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 14:03:46

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่เห็นด้วยเรื่อง ปี90 ครับ นัดนั้นผมว่าเยอรมันเล่นดีกว่าด้วยครับ มาราโดน่าไม่ได้โดนทำฟาล์วหนักๆอะไร เยอรมันก็ไม่ได้เล่นโหดหรือน่าเกลียดรงไหนเลย จังหวะคลิ้นสมันน์เรียกใบแดงก็โดนเตะจริงๆ ถึงจะกลิ้งหลายตลบไปหน่อย  นัดนั้นผมว่าเยอรมันเล่นดีกว่าจริงๆครับ ส่วนมาราโดน่าผมว่าเก่งกว่าเปเล่แน่นอน  คิลเลอร์พาสสุดยอดที่สุดแล้ว จากคุณ : ice-gooner เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 15:28:08

ความคิดเห็นที่ 31 25 ปีผ่านไป เดี๋ยวนี้ก็ยังมีคนพูดเหมือนที่มาราโดนาเคยพูดไว้ตอนเม็กซิโก 86 ว่าฟีฟ่าคือมาเฟีย ตอนนั้นนาโปลียังได้นักเตะดีๆ หลายคน เข้าทีมในยุคเสือเตี้ยเพราะบารมีมาราโดนาด้วยแหละ บางคนมาราโดนาชวนเองเลย และมาราโดนาก็รู้ดี บอกเองว่าก่อนเขาย้ายมาเล่นกับนาโปลี ไม่มีใครมันอยากมาร่วมทีมนี้หรอก จากคุณ : la liga fan เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 15:29:27

ความคิดเห็นที่ 32 เก่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ถ้าเมสซี่เป็นมนุษย์ต่างดาว มาราโดน่าคงเป็พระเจ้าของมนุษย์ต่างดาวอีกที แต่อย่าเป็นผู้จัดการทีมก็แล้วกัน จากคุณ : nookieman เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 15:39:10

ความคิดเห็นที่ 33 ปี 90 ไม่มี คานิกเกีย ในนัดชิง มีผลต่อ อาเจนติน่ามาก . นอกจากมาราโดน่าในปีนั้น ผมว่า คานิกเกีย นี่แหละที่โดดเด่นในปี 90 ถ้ามีเค้าในนัดชิง คู่นี้สนุกกว่าที่เห็นแน่นอน .. ปล. สมัยที่ สตาร์ซ๊อคเก้อร์ รายสัปดาห์ มีให้สั่งซื้อซื้อยี่ห้อ unisport ต้องส่งไปรษณีย์สั่งจ่าย ระบุเสื้อ  ระบุไซท์  เสื้อตัวแรกที่ผมซื้อ จากหนังสือเล่มนั้นเป็น ทีมนาโปลี ที่มีโลโก้ Mars อยู่บนหน้าอก . มาราโดน่า กาเรก้า อเลเมา ยังติดตาผมตลอด ..   ยังเชียร์นาโปลีมาถึงปรัจจุบัน . ปล. คนไหนยังเชียร์นาโปลีบ้างครับ แสดงตัวหน่อย .. จากคุณ : liverpoolism เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 16:37:16

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาแชร์ สดุดี มาราโดน่าด้วยคน ปี 90 อาร์เจนได้เล่นเปิดสนามในฐานะแชมป์เก่าปี 86 รู้สึกว่าจะเจอทีมจากทวีปอัฟริกาใต้ ก่อนเขี่ยบอลเริ่มเล่น นักเตะแต่ละคนก็วอร์มกันอยู่ กล้องจับไปที่มาราโดน่าพอดี แกยืนคร่อมบอล ( บอลอยู่ระหว่างเท้า ) แล้วเค้าก็สะบัดปลายเท้า โดยใช้ส้นเท้าเป็นจุดหมุน ลูกบอลวางอยู่บนพื้นหญ้า ก็ลอยขึ้นมาสูงพ้นหัวเค้า แล้วก็เดาะบอลต่อเลย ทำเหมือนง่าย ยังกะมายากลยังไงยังนั้น ทริคนี้ ผมพยายามหัดทำมาตลอด แต่บอลมันลอยขึ้นมาได้แค่ระดับเข่า แค่นั้นเอง จากคุณ : คอบอล เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 21:36:10

ความคิดเห็นที่ 35 คห.14 ตอบคห. 16 เลทเลย ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ว่าสาเหตุที่มาราโดน่าออกจากคัมป์ นู เอ๊ะ สมัยนั้นเรียกว่านู คัมป์สิครับ เพราะอะไรกันแน่ เรื่องที่ eagle1000 ว่ามา รู้สึกเคยอ่านเจอแว๊บๆ เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ ชูสเตอร์ไม่ถูกกับไบรท์เนอร์จริงๆ ครับ อย่างที่คุณ eagle1000 ว่ามา แต่รู้สึกชูสเตอร์จะไม่ถูกกับใครเขาเอาซะเลย ขออภัยครับ ไม่ได้ตอบอะไรเลย haha คนแก่ก็เงี้ย หลงๆ ลืมๆ เดี๋ยว จะตามไปอ่านเพรสซิ่งของมิลานต่อนะครับ จากคุณ : sexy Boy of London เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 01:01:14