โซนเพรสซิ่งฟุตบอลเป็นจุดแรกเริ่มของการนำฟุตบอลเข้าสู่ยุคแห่งแท็คติคฟุตบอลสมัยใหม่ ด้วยเหตุที่ว่านักเตะเชิงรุกที่ฝีเท้าร้ายกาจเริ่มเกิดขึ้นมามากมายในยุคปลาย 80 ถึง ต้น 90 ไม่ว่าจะมาราโดน่า พลาตินี่ รวมถึงเหล่าเพลย์เมคเกอร์ที่เริ่มผุดขึ้นมากมาย การวางแนวรับเพื่อป้องกันการทำเกมรุกของนักเตะเหล่านั้นเริ่มทำได้ยากขึ้น บวกกับกฎล้ำหน้าที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ กองหน้าที่นับวันจะเร็วขึ้น ตัวใหญ่ขึ้น การที่กองหลังจะเจอกับนักเตะฝีเท้าร้ายกาจมีโอกาสมากขึ้น ดังนั้นการใช้แค่แนวรับ 4-5 คน เล่นเกมรับประกับตัวแบบมาร์คแมนทูแมน หรือให้ใช้ตัวผู้รับอีกชั้นคอยซ้อนก็เริ่มยากแก่การป้องกันอีกต่อไป และเมื่อป้องกันประตูไม่ได้ ก็เลิกคิดเรื่องการทำประตูเลย
เมื่อพูดถึงการกำเนิดของโซนเพรสซิ่งฟุตบอลแล้ว ก็ต้องพูดถึง อาริโก ซ้าคคี่ เขาเป็นปรมาจารย์ลูกหนังที่มีชีวิตเกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลมาตั้งแต่ยุคฟุตบอลเกมรุกระดับทวยเทพของฮังการี ในสมัยของ เฟเรนซ์ ปุสกัส พ่อมดแห่งแมกยาร์ด ผู้นำรีลมาดริดกลายเป็นมหาอำนาจของโลก ต่อมาถึงยุคของโททัลฟุตบอล ระบบการเล่นเกมรุกขั้นสูงสุดภายใต้การสรรสร้างของท่านนายพลไรนุส มิเชล และนักเตะเทวดาโยฮัน ครัฟฟ์ จึงไม่แน่ใจว่า ซ้าคคี่ได้รับอิทธิพลตรงจุดนี้ที่ต้องการเห็นฟุตบอลอิตาลีหันมาเล่นเกมรุกหรือไม่
ในสมัยที่ยูเวนตุสเริ่มเข้ามาครองอำนาจในเวทีกัลโช่ภายใต้การนำของนโปเลียนลูกหนัง มิเชล พลาตินี่นั้น ซิลวิโอ แบร์คุสโลนี่ ประธานคนใหม่ของเอซีมิลาน พยายามที่จะนำความยิ่งใหญ่ในอดีตของทีมกลับมา และสิ่งที่เขาได้ทำคือการปลดบุคลากรรุ่นเก่าจนหมด และแต่งตั้งอาริโก ซ้าคคี่ กุนซือของปาร์ม่าขึ้นรับตำแหน่ง ซึ่งสมัยนั้น ชื่อของซ้าคคี่ถือว่าใหม่มากในวงการลูกหนัง โดยเฉพาะกับตำแหน่งผู้จัดการทีมยักษ์ใหญ่อย่างมิลาน
และซ้าคคี่ก็แสดงให้อิตาลีและทั่วโลกเห็นว่า ทำไมเขาจึงถูกเลือกให้เป็นผู้กอบกู้มิลานกลับมา เมื่อซ้าคคี่ปฏิวัติแนวคิดการเล่นฟุตบอลแบบคาเตนัคโช่ของอิตาลี ที่เรียกง่ายๆว่า ตีหัวเข้าบ้าน จนหมดสิ้น
การเล่นเกมรับแบบคาเตนัคโซ่นั้น จะเน้นการเข้าประกบผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามแบบมาร์คแมนทูแมน ให้กองหลังเข้าประกบตายตลอดเกม และเพิ่มความเหนียวแน่นด้วยการวางตัวรับคอยซ้อนอีกชั้น ซึ่งแผนนี้ได้ผลมากในยุค 80 โดยแผนนี้ถูกสร้างมาเพื่อรับมือกับเหล่าเพลย์เมคเกอร์ของทีมต่างๆ ให้สร้างเกมรุกไม่ได้สะดวก ทั้งยังทำลายกองหน้าอีกฝ่ายด้วย ซึ่งในยุคนั้น การเข้าบอลหนักหน่วงของกองหลังไม่ได้มีข้อห้ามมากมายเหมือนตอนนี้ การเสียบสกัดจากด้านข้างหรือด้านหลังแล้วไม่เสียฟาล์วไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร
ซ้าคคี่มองว่าการเล่นแบบนั้น มีแต่จะทำลายวงการลูกหนัง สร้างความน่าเบื่อให้แก่คนดู แต่ขณะเดียวการเล่นเกมรุกแบบสุดโต่งตามลีลาแซมบ้าของพวกบราซิลก็ไม่ได้ช่วยให้บราซิลได้ถ้วยใดๆเลยตั้งแต่หมดยุคเปเล่ หรือแม้แต่ระบบโททัลฟุตบอลของฮอลแลนด์เอง ที่แม้จะดูสมบูรณ์แบบในเชิงแนวคิด ต่อเมื่อสิ้นยุคของนักเตะที่เป็นผู้บัญชาการในสนามระดับสุดยอดอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ แล้ว ฮอลแลนด์เองก็ไม่อาจขึ้นมาเป็นทีมแนวหน้าได้อีก
จากคุณ |
:
eagle1000
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.พ. 54 04:37:32
|
|
|
|