ความคิดเห็นที่ 1 ทั้งสามเป็นนักเตะดัตซ์ที่เข้ามาสร้างชื่อเสียงและมีส่วนช่วยให้มิลานในยุคของซ้าคคี่และคาเปลโล่ ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด และเติมเต็มให้ระบบโซนเพรสซิ่งฟุตบอลสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกุลลิทนั้น จะพูดว่าเขาคือนักเตะคนแรกที่ทำให้ระบบโซนเพรสของซ้าคคี่และทีมมิลานก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ก็ว่าได้ เพราะในช่วงนั้น คู่แข่งแสนร้ายกาจของมิลานไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นนาโปลีภายใต้การนำของมาราโดน่า กุลลิทนั้นเป็นนักเตะดัตซ์ผิวสีคนแรกที่ก้าวเข้ามาสู่ทีมมิลาน ตอนนั้นเป็นยุคที่กระแสการเหยียดผิวยังรุนแรงและไม่หมดไปจากวงการฟุตบอล โดยเฉพาะที่อิตาลีนั้นเป็นปัญหาใหญ่มาก แต่กุลลิทก็สามารถฝ่าฟันและได้รับการยอมรับจากแฟนบอลมิลานได้อย่างดีเยี่ยม กุลลิทย้ายจากพีเอสวีมาร่วมทีมมิลานด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติของทีมตอนนั้น เพื่อมาทดแทนตำแหน่งของสตาร์ชาวอังกฤษอย่างเรย์ วิลกิ้น ซึ่งตอนที่กุลลิทย้ายมาครั้งแรกนั้น เขาถูกวางตัวให้ยืนเป็นตัวรุกอยู่หลังกองหน้า โดยเมื่อมาร์โก แวนบาสเท่นย้ายจากอาแจ็กซ์ตามมาแล้ว กุลลิทก็ถูกวางให้ยืนเป็นกองหน้าคู่ไป แต่เขาก็สามารถปรับตัวเองลงมาทำเกมรุกด้านหลังกองหน้าได้ ว่ากันว่ากุลลิทเป็นนักเตะที่มีความสมบูรณ์แบบและยืดหยุ่น สูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลจนถึงขณะนี้ เขาสามารถเล่นบอลได้สองเท้า มีความคล่องตัวสูง ไปกับบอลได้ดี ครองบอลเหนียวแน่น เล่นลูกกลางอากาศได้เยี่ยมจากสรีระที่สูงใหญ่ และยังยิงประตูได้เฉียบคม ทั้งยังสามารถเล่นได้แทบจะทุกตำแหน่งในสนาม และเล่นได้ดีเสียด้วย ดังนั้นหากจะพูดว่าเขาเป็นนักเตะที่ใกล้เคียงตามอุดมคติของระบบโททัลฟุตบอลก็คงไม่ผิด เมื่อกุลลิทเข้ามาเป็นหลักให้แนวรุกมิลาน คนที่ติดตามเข้ามาก็คือ มาร์โก แวนบาสเท่น กองหน้าผลผลิตจากทีมอาแจ็กซ์ ผู้มีลีลางดงามแต่เฉียบขาดในกรอบเขตโทษจนได้ฉายาว่า เพชฌฆาตพรายกระซิบ แวนบาสเท่นเป็นกองหน้าที่มีความสามารถรอบด้าน เล่นบอลได้ครบเครื่องทั้งสองเท้า และมีความคล่องตัวสูงผิดกับกองหน้าทั่วไปในสมัยนั้นที่หากไม่เน้นพละกำลังแล้วก็จะเน้นความเร็วไปเลย แต่แวนบาสเท่นมีครบทุกอย่างที่กองหน้าระดับโลกพึงมี แต่จุดที่ร้ายกาจที่สุดของเขาคือความเด็ดขาดของการสังหารประตูในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะในเขตโทษ คนสุดท้ายที่เข้ามาสร้างชื่อเสียงกับมิลานก็คือแฟร้งค์ ไรด์การ์ท นักเตะผิวสีร่างใหญ่ผู้เข้ามาเป็นหัวใจเกมแดนกลางของมิลานทั้งหมดในเวลาต่อมา ในการคุมแดนกลางและเกมรับของมิลานยุคนั้นไม่อาจขาดไรด์การ์ทได้ กล่าวกันภายหลังว่า ถ้าขาดกุลลิท หรือ แวนบาสเท่นไป มิลานก็แค่ยิงประตูไม่ได้ แต่ถ้าขาดไรด์การ์ทไป มิลานก็ถึงกับแพ้ได้เลย ในบรรดาทั้งสามคน ไรด์การ์ท เป็นคนที่ยืนระยะการเล่นได้ยาวนานที่สุด เขาอาจจะไม่ได้มีลีลาการเล่นสวยงามเหมือนกุลลิท และ แวนบาสเท่น แต่กลับเพิ่มเติมประสิทธิภาพ และความเด็ดขาดของการเล่นโดยเฉพาะเกมรับเข้าไป เขาสามารถจะเล่นได้ไม่ว่าจะเป็นตัวคุมแดนกลางหรือสวีปเปอร์ในแนวรับ การมีอยู่ของเขา ทำให้งานของบาเรซี่ในการบัญชาแนวรับให้มิลานนั้นง่ายดายขึ้นมาก ทั้งสามคนที่ว่ามานี้ นอกจากจะช่วยสร้างมิลานให้ยิ่งใหญ่แล้ว ยังเป็นกลุ่มนักเตะที่ทำให้ทีมชาติเล็กๆอย่างฮอลแลนด์ได้กลับมาผงาดอีกครั้งในโลกลูกหนังและยังเป็นที่กล่าวขานจนถึงยุคนี้ด้วย ซึ่งจุดเริ่มแรกและถือเป้นตำนานบทหนึ่งที่ยังถูกกล่าวขานถึงตอนนี้ คือการคว้าแชมป์ยูโร 88 ของฮอลแลนด์ อันเป็นแชมป์ระดับชาติครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของฮอลแลนด์ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 15:24:36

ความคิดเห็นที่ 2 ไรนุส มิเชล ผู้จัดการทีมชาติฮอลแลนด์ซึ่งได้หวนกลับมาคุมทีมอีกครั้งตั้งแต่ออกจากทีมไปเมื่อปี 1974 และยังเป็นผู้คิดค้นปรัชญาโททัลฟุตบอลนั้น หมายมั่นมากที่จะนำฮอลแลนด์ชุดที่อาจจะเรียกว่ามาแรงที่สุดในขณะนั้นคว้าแชมป์ให้ได้ กุลลิท แวนบาสเท่น ไรด์การ์ท ถูกเรียกตัวมาเป็นกำลังหลักในฐานะสามประสาน เพื่อนำฮอลแลนด์สู่ความสำเร็จ ซึ่งนอกจากทั้งสามแล้ว ยังสามารถนับรวมโรนัลด์ คูมัน ปราการหลังตีนระเบิดเข้าเป็นคนที่สี่ได้ ฮอลแลนด์เข้าร่วมฟุตบอลยูโร 88 ในฐานะทีมที่น่าจับตามอง แต่นัดแรกที่ลงเล่นกับสหภาพโซเวียต ทีมแกร่งในเวลานั้น ฮอลแลนด์กลับพ่ายแพ้ไป ความกดดันที่ถาโถมเข้ามาจากความพ่ายแพ้ทำให้ฮอลแลนด์ถูกปรามาสว่าคงจะเป็นเพียงทีมที่สร้างสีสันได้วูบวาบแล้วก็ดับไปเหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่ทุกอย่างก็พลิกผัน เมื่อนัดที่สองกับอังกฤษ แวนบาสเท่นแสดงความเป็นกองหน้าระดับโลก ยิงแฮตทริคใส่อังกฤษและพาทีมเอาชัยชนะได้ท่ามกลางคงวามตกตะลึงของแฟนบอลทั่วโลก และนัดต่อมาก็เฉือนเอาชนะไอร์แลนด์ เข้ารอบสี่ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ในรอบสี่ทีมสุดท้าย ฮอลแลนด์ต้องเผชิญหน้ากับทีมที่แกร่งที่สุดในยุโรปเวลานั้นอย่างเยอรมันตะวันตก ซึ่งนำโดย มัทเธอุส เบรเม่ห์ ไบรท์เนอร์ เฮสเลอร์ และกองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงในเวลานั้นอย่างคลิ้นมันส์ ในรอบนี้ นักเตะฮอลแลนด์สามารถแสดงฝีเท้าได้อย่างยอดเยี่ยม สู้กับเยอรมันทีมแกร่งที่สุดได้อย่างสูสี แต่ก็ถูกยิงขึ้นนำไปก่อนจากมัทเธอุส กระนั้นฮอลแลนด์ก็ยังพยายามสู้และได้ประตูตีเสมอจากจุดโทษของคูมันด์ เกมล่วงมาถึงช่วง 2 นาทีสุดท้าย แวนบาสเท่นก็จัดการสังหารประตูที่ยอดเยี่ยมและแสดงสันชาตญาณกองหน้าระดับโลกด้วยการฉีกหนีตัวประกบแล้วเข้าสไลด์ยิงลูกผ่านเข้าประตูไป ทำให้ฮอลแลนด์สามารถแก้แค้นเยอรมันได้สำเร็จหลังจากนัดชิงบอลโลกปี 1974 ในนัดชิงชนะเลิศ ฮอลแลนด์ต้องพบกับสหภาพโซเวียต ทีมแกร่งเวลานั้นของยุโรปซึ่งเล่นฟุตบอลในสไตล์เคาน์เตอร์ ในรอบแรกของการแข่งฮอลแลนด์เคยแพ้ต่อโซเวียตมาแล้ว นัดนี้จึงเป็นการแก้มือกันอีกครั้ง และในที่สุดก็ทำสำเร็จ เมื่อกุลลิทยิงประตูขึ้นนำก่อน แล้วตามด้วยประตูที่ว่ากันว่าสวยและยากที่สุดลูกหนึ่งในประวัติศาสตร์ เมื่อแวนบาสเท่นพุ่งวอลเลย์ลูกที่เปิดผ่านมาหน้าประตูในมุมแคบ เสยหน้าผู้รักษาประตูระดับโลกในเวลานั้นอย่างตาฟาเยฟเข้าไปได้ ประตูของแวนบาสเท่นลูกนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นประตูที่ยิงได้ยิงได้ยากที่สุดและน่าจดจำที่สุดลูกหนึ่ง ส่งให้แวนบาสเท่นขึ้นครองตำแหน่งดาวซัลโวของฟุตบอลยูโรครั้งนั้น และฮอลแลนด์ก็คว้าแชมป์ระดับชาติมาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรก จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 15:25:28

ความคิดเห็นที่ 3 ผลจากความสำเร็จของฮอลแลนด์ในครั้งนั้น ทำให้ระบบโททัลฟุตบอลกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง นักเตะดัตซ์เองกกลายเป็นสินค้าส่งออกที่ยอดนิยมในตลาดยุโรปมากขึ้น แต่ระบบโททัลฟุตบอลที่เป็นปรัชญาฟุตบอลในอุดมคติที่ฮอลแลนด์ใช้ในตอนนั้น ก็ยังไม่อาจเทียบชั้นรุ่น 70 ได้ กระทั่งโยฮัน ครัฟฟ์ ซึ่งเปรียบได้กับผู้ทำให้ระบบนี้สมบูรณ์แบบขึ้น จะนำมันมาวางรากฐานให้กับทีมบาร์เซโลน่าในต้นยุค 90 ในขณะที่ฮอลแลนด์สามารถประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ให้โลกประจักษ์ อีกชนชาติลูกหนังหนึ่งซึ่งพ่ายแพ้มาตลอดในยุค 80 ก็กำลังบ่มเพาะความเจ็บปวดนั้นและค่อยๆสร้างสมสไตล์การเล่นฟุตบอลอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาเองขึ้นมา และในที่สุด มันก็พุ่งขึ้นถึงจุดสุงสุดจนอาจเรียกว่าสามารถครองโลกฟุตบอลได้สำเร็จในต้นยุค 90 ซึ่งนั่นจะเป็นเรื่องราวในบทต่อไปกับ การครองโลกของฟุตบอลเยอรมัน และจุดสูงสุดของระบบลิเบอโร่ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 15:26:27

ความคิดเห็นที่ 4 แวน บาสเท่น คว้าตำแหน่งดาวซัลโวของรายการ ทำให้เขากลายเนกองหน้าที่ดีที่สุดของโลกในเวลานั้น แต่ใครจะคิด แวน บาสเท่นกลับไม่สามารถยิงประตูในฟุตบอลโลกได้เลยแม้แต่ลูกเดียว และเขาก็มีโอกาสติดทีมเล่นในฟุตบอลโลกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะอาการบาดเจบ นับว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ๋ของวงการฟุตบอลมาก สาเหตุที่ทำให้เขาบาดเจ็บหนักแบบนี้ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันคือดาบสองคมจากระบบเพรสซิ่งฟุตบอลของมิลาน และการเข้าบอลอย่างรุนแรงของกองหลังในยุคนั้น จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 15:28:59

ความคิดเห็นที่ 5 แชมป์ยูโรของฮอลแลนด์ในปี 88 นั้น ได้รับการกล่าขานเรื่อยมาจนถึงยุคนี้ยิ่งกว่าแชมป์ยูโรครั้งใดๆ อาจเป็นเพราะมันคือฟุตบอลยูโรครั้งที่ได้รับการยอมรับว่าสนุกที่สุดและทีมที่คว้าแชมป์ก็เล่นได้อย่างสวยงามและยอดเยี่ยมที่สุดก็ว่าได้ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 15:31:25

ความคิดเห็นที่ 6 รวมไฮท์ไลท์เส้นทางสู่แชมป์ของฮอลแลนด์ในศึกยูโร 88 จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 15:39:54

ความคิดเห็นที่ 7 มีต่อไหมครับ กำลังเพลิน ผมเริ่มดูบอลก็ยุคนี้พอดี  ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆครับ(ผมแฟนฮอลแลนด์+บาร์ซ่า) จากคุณ : Kevin (suttipongc) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 15:59:30

ความคิดเห็นที่ 8 จากคุณ : Plakud04 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 16:51:07

ความคิดเห็นที่ 9 ฮอลแลนด์ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียนะครับ แม้จะอยู่ติดกับเดนมาร์กก็เถอะ เพราะบอสเนียอยู่ใกล้กับฟินแลนด์ ยังไม่นับเป็นประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียเลย กลุ่มสแกนดิเนเวียคือประเทศ นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ เท่านั้นเอง บอสเนีย โปแลนด์ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มยุโรปตะวันออกเก่าที่อยู่ในสนธิสัญญาวอซอ ส่วนฮอลแลนด์ถ้าจะนับกลุ่ม เขาอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า ประเทศในเขต เบเนลักซ์ คือ เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์กครับ เพราะกลุ่มนี้ใช้ภาษาราชการหลักเหมือนกัน คือเฟมมิ่ง หรือภาษาดัทช์ ส่วนประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย จะมีภาษาที่พัฒนามาจากภาษา Norge ของนอร์เวย์ อีกที พอดีกลับไปอ่านกระทู้เก่า เลยขอแสดงความเห็นครับว่า จริงๆ โททัลฟุตบอลของฮอลแลนด์ ต้นแบบไม่ใช่ไรนุส มิเชล ครับ แต่เป็นการต่อยอดความคิดมาจากทีมชาติฮังการีชุด Magic Magyar นั่นเอง ส่วนตัวสำหรับผมนะ ระบบนี้เป็นระบบที่ดีมากในการเล่นฟุตบอลแบบอุดมคติ แต่ในความจริง ระบบแบบนี้ต้องพึ่งพานักเตะที่เป็นกระดูกสันหลังของทีมหลายคนครับ ในยุคทีมชาติฮังการี นอกจาก เฟเรนซ์ ปุสกัส ยังมี กุสตาฟ เซเบซ โจเซฟ ซากาเลียซ รวมถึงคนอื่นๆ ฮอลแลนด์ยุค ไรนุส มิเชล นอกจาก ครอยฟ์ ยังมี โยฮัน นิสเก้น รุด ครอล คู่แฝด ฟานเดอเคอครอฟ ยุคสามทหารเสือ นอกจากสามคนที่เป็นแกนหลัก ยังมี โรนัลด์ คูมัน กับริชาร์ด วิชเก้ ร่วมด้วย ระบบโททัลฟุตบอลในความเห็นผม จำเป็นต้องอาศัยผู้เล่นที่มีทักษะฟุตบอลชั้นเลิศมากเกินไป แม้จะเป็นระบบที่ดี แต่ใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพได้ยาก มันเลยเป็นระบบที่ทำลายระบบทีมไปเลย เพราะจะเน้นเรื่องความสามารถส่วนตัวของนักเตะมากจนเกินไป แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 54 17:41:32 จากคุณ : Ace striker เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:16:16

ความคิดเห็นที่ 10 บอสเนียอยู่ติดฟินแลนด์?????? จากคุณ : ลูกชายคนที่7ของลูกชายคนที่7 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 18:50:45

ความคิดเห็นที่ 11 ไรการ์จ นี่ผมก็เป็นแบบนั้นหรือดัดเนี่ย จากคุณ : ยิงเสียบสามเหลี่ยม เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 19:00:43

ความคิดเห็นที่ 12 โทษทีครับผมมึน จริงๆ มันต้องเป็นเอสโตเนีย จากคุณ : Ace striker เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 19:00:57

ความคิดเห็นที่ 13 #11 หยิกแบบนั้นเลยครับ จากคุณ : Ace striker เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 19:31:03

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 9 ครับ total football จำเป็นจะต้องมีนักเตะสุดยอดทั้งทีมจริงๆ (อันนี้ ย.โย่งเคยพูดไว้ด้วย) ซึ่งฮอลแลนด์ 74 กับ 88 ก็มีลักษณะแบบนั้นอย่างชัดเจน (โดยเฉพาะปี 74 เป็นยุคที่มีนักเตะสุดยอดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮอลแลนด์เลยแต่คนรุ่นใหม่มักจะไม่ทราบ คิดว่ามีแต่ครัฟฟ์กับอีก 2-3 คน) น่าเสียดายที่ใครดูบอลยุคนี้จะติดภาพของฮอลแลนด์ชุดปี 2010 ซึ่งค่อนข้างเล่นเน้นผลแพ้-ชนะมากเกินไป แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 54 21:11:07 จากคุณ : Sharpshooter เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 21:09:30

ความคิดเห็นที่ 15 นอกจาก 3 ทหารเสือแล้ว เจอรัล วาเนนเบิก ก็สะดุดตาผมเช่นกัน กองกลางตัวเล็ก คล่อง ครองบอลดีมาก จิ๋วแต่แจ๋วเลยตัวนี้ เสียดายไม่ดังเท่าที่ควร ส่วนโรนัล คูมัน ก็โดดเด่นไม่แพ้กันครับ ผมเริ่มดูบอลตอนอังกฤษโดนฮอลแลนด์ถล่ม 3-1 พอดี วันนั้นแวน บาสเท่น ทำแฮตทริกด้วย ยูโร 88 จึงได้แจ้งเกิดเต็มตัว จากคุณ : คอบอล เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 22:02:45

ความคิดเห็นที่ 16 บอลโลก  74-78   ชื่อดังเกือบทั้งทีม ครัฟฟ์, โยฮัน นีสเก้นส์, อารี ฮาน, วิม แยนเซ่น, ร็อบ เรนเซนบริงก์ , รุด โครล       อย่าลืมว่า 71-74  อาแจกย์ได้แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัยติด ยูโร 88 ยุคนั้น  ฮอลแลนด์จะว่าไปก็สตาร์ทั้งทีมเช่นกัน  คูมัน  แจน วูเตอร์  อาโนล มูเรน  วิมคีฟ ปีนั้น PSV ก็ได้แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพด้วย   เรียกว่าพีคทั้งสโมสรและทีมชาติ จากคุณ : ม่อน เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 22:04:08

ความคิดเห็นที่ 17 ยุคนี้แหละครับที่ ทำให้ผมเชียร์ ฮอลแลนด์ มาจนถึงทุกวันนี้ หลังจากนั้น 3 ทหารเสือ ก็ไปต่อยอดความสำเร็จระดับ สโมสร ที่ AC Milan คิดถึงจริง ๆ ขอบคุณ จขกท.มาก ที่พาความหลังกลับมาให้ จากคุณ : ~CeZiiL of FlyingDutchMan~ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 22:10:45

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ชอบฮอลแลนด์ชุดบอลโลกล่าสุดเลย   มันยังกะคนละทีมจริงๆ จากคุณ : toytoytoy เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 22:28:01

ความคิดเห็นที่ 19 หายากนะครับ นักบอลที่เล่นตั้งแต่เซนเตอร์ ยันกองหน้าได้ แถมทุกตำแหน่ง เล่นได้ในระดับโลก ....แฟนแมนยู อย่าเอาโอเชียมาเทียบนะ อันนั้นระดับจักรวาฬ อย่ามาเทียบกะกุลลิตเลย จากคุณ : Kill11by1pass เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 22:51:26

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ จักรวาฬ ต้องเป็น ฬ ด้วยนะครับ555 (พูดถึงโอเชียแล้วก็เศร้า T__T) ผมไม่แน่ใจว่าไอ้คำจักรวาฬนี้ ใครเป็นคนเขียนผิดนะครับ เลยโดนล้อมาถึงทุกวันนี้ ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องราวการครองโลกฟุตบอลของเยอรมันช่วงต้นยุค 90 ครับ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 01:39:00

ความคิดเห็นที่ 21 ขอเรื่องภูมิศาสตร์นิดนึงนะครับ The Netherlands ไม่ได้อยู่ติดกับ Denmark นะครับ ส่วนกลุ่มสแกนดิเนเวีย Official จริงๆ จะมีแค่ Sweden, Denmark, Norway แต่บางทีคนก็จะนับรวม Finland กับ Iceland ไปด้วย ซึ่งจริงๆ แล้ว 5 ประเทศนี้จัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า Nordic countries ส่วน Holland จริงๆ คือชื่อเรียกภูมิภาคทางด้านตะวันตกของประเทศ ฝั่งที่ติดทะเล ของประเทศ the Netherlands หรือ Nederland ในภาษาท้องถิ่น (Dutch คือชื่อเรียก คนและภาษาของ the Netherlands)สามเมืองใหญ่ของประเทศคือ Amsterdam, Rotterdam และ The Hague (Den Haag)ก็อยู่ในภูมิภาคนี้ทั้งหมด หลายๆ ครั้งคนใช้คำว่า Holland ในการพูดถึงทั้งประเทศ แม้แต่คนท้องถิ่นบางคน ปัจจุบัน บริเวณนั้นถูกจัดเป็น North Holland กับ South Holland region. The Netherlands จัดอยู่ในกลุ่มประเทศ Benelux (BElgium,NEtherlands,LUXembourg) ซึ่งเริ่มมาจาก Customs union (โซนการค้าปลอดภาษี) แล้วพัฒนามาเป็น Economic Union จากนั้นคำว่า Benelux ก็ถูกใช้เรียก 3 ประเทศนี้ในเกือบทุกเรื่อง Benelux ไม่ได้เกี่ยวกับภาษาราชการแต่อย่างใดนะครับ เพราะว่าถึง Dutch จะเป็นภาษาทางการภาษาหนึ่งของ Belgium แต่ภาษาแรกจริงๆ ของ Belgium คือ French ซึ่งใช้ประมาณ 60% ของประเทศ ส่วนภาษาทางการของ Luxembourg คือ Luxembourgish, French กับ German และขอยอมรับว่าผมไม่เคยได้ยินคำว่า เฟมมิ่ง มาก่อนเลย จากคุณ : ย้ายจากฟินแลนด์ มาเนเธอร์แลนด์ (Roby) เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 04:25:15

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 18     ไม่ชอบฮอลแลนด์ชุดบอลโลกล่าสุดเลย   มันยังกะคนละทีมจริงๆ จากคุณ : toytoytoy ----------------------------------------- คิกๆ เหมียนกัลครับ แต่นักเตะทั้งเก่าและใหม่ก็ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ทีมตูเล่นสวยงาม ได้แต่คำชม แต่แม่มแทบจะไม่เคยได้แชมป์อะไรเลย คิกๆ อันนี้อาจจะยกเว้นโยฮัน ครัฟท์คนเดียวนะครับ ที่ไม่ได้พูดแบบนี้ ทีมบอลโลกครั้งที่ผ่านมาเล่นเน้นผล เกือบสำเร็จแล้วหละ ถ้ามีโชคในนัดชิงอีกหน่อย มีเฮ... แต่สำหรับแมว แฟนฮอลแลนด์ตั้งแต่ยุคสามทหารเสือ ถ้าฮอลแลนด์ชุดบอลโลกครั้งล่าสุดได้แชมป์โดยการเล่นสไตล์แบบนั้น แมวไม่ภูมิใจ แม้จะเข้าใจว่าทำไมต้องเปลี่ยนสไตล์ เกมรับช่วยให้ชนะการแข่งขัน แต่เกมบุกที่สวยงาม ชนะใจของคนดู อย่างน้อยก็แมวคนนึง... จำได้ว่าอ่านคำสัมภาษณ์ของแบตี้ โฟล์ค โค้ชเยอรมัน หลังเกมแพ้ฮอลแลนด์ในบอลยูโร 1992 โฟล์คบอกว่า ฮอลแลนด์เล่นบอลในแบบที่ผู้ชมส่วนใหญ่อยากดู ในทางกลับกัน เคยอ่านคำสัมภาษณ์ของเปาโล มัลดินี่ สุดยอดกองหลังของโลก ในก่อนเกมเจอฮอลแลนด์ในบอลยูโร 2000 ถ้าจำไม่ผิด นัดนั้นฮอลแลนด์น่าจะแพ้ มัลดินี่ให้สัมภาษณ์ว่า ทีมเราเล่นเพื่อชัยชนะ ลองเทียบสิว่า วิธีการเล่นของเรากับฮอลแลนด์ ใครได้แชมป์มากกว่ากัน ส่วนถ้าใครดูเราเล่นแล้วหลับ ขอแนะนำให้ไปดูกีฬาอื่น... คิกๆ ลุงตูถึงกะไล่ให้ไปดูกีฬาชนิดอื่นเลย... จนป่านนี้ แมวยังจำการเล่นของทีมชุดแชมป์ยูโร 1988 ได้เลย ส่วนทีมแชมป์อื่นๆทั้งบอลโลกและยูโรหลังจากนั้น แมวจำได้แต่ว่าใครได้แชมป์ แต่จำการเล่นไม่ได้แล้ว... เห็นด้วยกับหลายๆความเห็นครับว่า ทีมแบบนี้แม่มไม่ได้สร้างกันง่ายๆ ถ้าให้เดาคือการเล่นอุดแล้วคอยสวนกลับ เพื่อกล่อมคนดูและคู่ต่อสู้จนหลับ แล้วได้แชมป์ น่าจะง่ายกว่าเล่นบุกอุจจาระแตกแตน แล้วได้แชมป์... แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 54 12:22:38 แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 54 12:20:16 จากคุณ : แมวมึนส์ (tutorcat) เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 12:06:27

ความคิดเห็นที่ 23 ยุคนั้น แวน บาสเท่น เป็นคนแรกที่ย้ายมามิลาน (คนแรกไม่ใช่กุลลิตนะ) แล้วถึงตามด้วย กุลลิตและไรจ์การ์ด แวน บาสเท่น ย้ายมาด้วยค่าตัวแบบถูกสุดๆ เพราะมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังมาแต่ไหนแต่ไร  แมวมองของอินเตอร์สนใจแวนบาสเท่นก่อนมิลานซะอีก แต่ไม่จบลงที่อินเตอร์เพราะติดเรื่องอาการบาดเจ็บแต่มิลานกลับยอมรับเรื่องนั้นได้ ลงเล่นช่วงต้นฤดูกาลแรกแล้วผ่าตัดพักยาวแล้วก็มาลงสนามอีกทีช่วงท้ายฤดูกาล มีส่วนช่วยให้มิลานชนะนาโปลีจนได้แช้มป์ ดูเหมือนจะเป็นแช้มป์ลีกครั้งแรกของมิลานในรอบ 8 ปี จากคุณ : LiveGoodLife เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 16:38:44