Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
TIA Column : ชัยชนะของ King Kenny ติดต่อทีมงาน

คงไม่ต้องบอกว่า มีความสุขมากขนาดไหนกับชัยชนะนัดล่าสุดของลิเวอร์พูลต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ไม่ใช่เพียงเพราะชัยชนะเท่านั้น แต่ความอิ่มเอมมันเกิดจากสีหน้า แววตา ท่าทาง ของชายผู้หนึ่ง ...ชายผู้กลายเป็นศูนย์รวมหัวใจของชาว The kop ทั้งมวลไปแล้วในเวลานี้ ใช่แล้วค่ะ ชายคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Boss ของเราเอง ...King Kenny

ก่อนเริ่มเกม มีเรื่องให้หนักใจเล็กๆ เพราะมีข่าวออกมาว่า เจอร์ราร์ดมีอาการบาดเจ็บ และอาจจะไม่ได้ลงเล่น มันน่าคิดว่าอาจจะเป็นความจริง เมื่อย้อมนึกถึงรูปซ้อมของทีมเมื่อวันศุกร์ ที่ไม่มีรูปไหนถ่ายติดกัปตันมาซักรูปเดียว มีเพียงรูปส่งมอบของขวัญวันเกิดให้คิง เคนนี่ เท่านั้น แต่ในที่สุด เขาก็ลงจนได้ เจ็บรึเปล่า ...ไม่รู้ และลิเวอร์พูลลงเล่นด้วยระบบ 4-4-2 อีกครั้ง เป็น 4-4-2 ที่ใช้แบ็คเติมเกมข้างหนึ่ง และใช้ปีกเติมเกมอีกข้างหนึ่ง ...จีเจทางขวา และมักซี่ทางซ้าย แดนกลางเป็นลูคัสคู่เจอร์ราร์ด ในขณะที่แดนหน้า วิ่งสลับตำแหน่งกันวุ่นวายไปหมด แต่ไม่ยักกะมั่ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซัวเรซ เดี๋ยวก็โผล่มาริมเส้นฝั่งซ้าย เดี๋ยวก็ขึ้นทางขวา และวิ่งสอดเข้าเขตโทษ ส่วนเซ็นเตอร์แบ็คเป็นคาร์ร่าคู่สเคอเทล และแบ็คซ้ายเป็นออเรลิโอ้ที่กลับมาลงสนามอีกครั้ง

แต่เล่นไปไม่เท่าไหร่ ออเรลิโอ้ก็เกิดเจ็บไปอีก ...เครียดเลยค่ะ เลยต้องโยกจีเจมาฝั่งซ้ายและให้คาร์ร่าเล่นแบ็คขวาแทน ให้คีเกียร์กอสลงแทน กลับกลายเป็นดีเพราะจากที่ต้องขึ้นฝั่งขวา จีเจต้องมาขึ้นฝั่งซ้ายแทน จนเป็นที่มาของประตูแรกที่ขอเรียกว่า

"ซัวเรซโชว์" เลยละกัน

...ไม่รู้จะบรรยายยังไง แต่มันตื่นเต้นจริงๆกับภาพที่ได้เห็น นานมากแล้วที่เราไม่เคยได้เห็นช๊อตแบบนี้จากนักเตะลิเวอร์พูล และมันทำให้เราได้ประตู แม้จะเป็นประตูของ เดิร์ก เค้าท์ แต่มันมาจากมันสมองและสองเท้าของซัวเรซล้วนๆ เท่านั้นไม่พอ นานี่เกิดมาใจดี ถวายพานแอดซิสเดิร์ก เค้าท์อีกคน ...นาทีนั้น เห็นสวรรค์เลยค่ะ

ขออนุญาตพูดถึงการฟาล์วของคาร์ร่าหน่อย ยอมรับว่าไม่ได้ดูช๊อตนั้น ไม่รู้ว่ารุนแรงแค่ไหน แต่จากที่ถามจากหลายๆคน ก็ได้คำตอบว่า แรงมาก และทุกคนเสียวว่าจะโดนใบแดงด้วย และคงเป็นโชคดีจากการเป็นเจ้าบ้านนั่นแหละ ที่ทำให้คาร์ร่ารอดใบแดงมาได้ ในฐานะมนุษย์โลก ไม่อยากให้ใครต้องมาบาดเจ็บรุนแรงจากการแข่งขันกีฬา แต่เราก็ซื่อสัตย์พอจะยอมรับอย่างไม่อายในฐานะแฟนลิเวอร์พูลว่า ถ้าการเจ็บของนานี่ จะทำให้แมนยูน่ากลัวน้อยลง และมีโอกาสพลาดในเกมถัดๆไปมากขึ้น เราก็ออกจะยินดีเล็กๆ หวังว่าแฟนผีจะไม่โกรธกันนะ พูดกันแบบจริงใจเลย ไม่มีแฟนหงส์คนไหนอยากให้แมนยูได้แชมป์หรอกค่ะ

เราจบ 45 นาทีที่สวยหรู เปอร์เซ็นต์การครองบอล จำไม่ได้จริงๆ รู้แต่ว่าได้เตะมุมมากกว่า นั่นแสดงว่าเราบุกถึงเส้นหลัง ถึงเขตโทษของแมนยู ที่สำคัญ การต่อบอลของเราก็ถือว่าทำได้ดี มี one touch ให้เห็นสวยๆหลายจังหวะ ทุกคนเข้าบอลเร็ว และมีวินัยในการเล่น โดยเฉพาะ กัปตันที่รัก อิอิ เขาอาจจะดูเหมือนหายไปจากเกมบ้าง และมีส่วนร่วมไม่มาก จ่ายบอลเสียบ่อยกว่าลูคัสด้วยซ้ำ แต่เจอร์ราร์ดยืนต่ำหน้าแผงหลัง คุมแดนกลางได้ มีจังหวะที่หลุดขึ้นไปบ้าง 2-3 ครั้ง ที่ขึ้นแล้วลงไม่ทัน แต่โดยรวม ถือว่าทำได้ดี ฉะนั้น อย่าบ่นที่กัปตันหายไป ถ้าเคนนี่คิดว่าจะให้เขาเล่นตรงนี้ ต่อไปบทบาทในเกมรุกของเขาจะน้อยลง และมันไม่สำคัญเลยว่าเจ้าตัวเขาจะอยากเล่นหรือไม่ เพราะที่สุดแล้ว ถ้ามันเป็นการทำเพื่อทีม เขาทำแน่ และจะทำได้ดีอย่างที่เคยทำได้ดีในตำแหน่งอื่นๆที่เคยเล่นมาแล้ว

ครึ่งหลัง แอบรู้สึกว่า ตั้งรับลึกไปหน่อย มีช่วงเวลาที่โดนกดกันหนัก และได้เสียวหลายครั้ง แต่ทุกคนก็ยังช่วยกันได้ดี โดยเฉพาะลูกโยนเข้าเขตโทษที่ลิเวอร์พูลแทบไม่พลาดเลย จนถึงไอ้ลูกที่เสียประตูนั่นแหละ แต่ก่อนจะไปถึงลูกนั้น ขอกลับมาพูดถึงลูกยิงฝังผีหน่อย ...ลูกฟรีคิกฝั่งขวา และซัวเรซจะเป็นคนยิง นาทีนั้นหวังอยากให้เขาทำประตูได้ แต่ฟาน เดอ ซาร์ ดันปัดถึง ทั้งๆที่ยิงมุมสุดๆแล้ว แต่เดิร์ก เค้าท์ตามไปซ้ำลูกที่น้าซาร์ปัดออกมา เป็นประตูที่ 3 ของลิเวอร์พูล และของตัวเขาเองในนัดนี้ ...แฮตทริกแรกของเดิร์ก เค้าท์ ในสีเสื้อลิเวอร์พูล และเป็นแฮตทริกใส่ทีมที่ดีที่สุดในลีกในเวลานี้อย่างแมนยู ไม่ได้จะบอกว่า เดิร์ก เค้าท์เก่งกาจอะไร แต่แฮตทริกของเขามาจากความขยัน ความพยายาม และความมุ่งมั่น ซึ่งมันสำคัญไม่แพ้ฝีเท้าและทักษะ ...ที่สำคัญ ผลลัพธ์คือ เป็นประตูให้ลิเวอร์พูลชนะเหมือนกัน เพราะฉะนั้น อย่ามองข้ามความขยันของเดิร์ก เค้าท์ ว่าไร้ค่าเป็นอันขาด

นอกจากความขยันของเดิร์ก เค้าท์ อีกคนที่เราไม่ควรมองข้ามก็คือ ลูคัส ...ใช่ค่ะ...อ่านไม่ผิดหรอก ลูคัส เลว่า อนาคตแชมป์โลกกับบราซิล (ออกตัวแรงไปป่าวหว่า 555+) ลูคัส กลายเป็นคนที่ขาดไม่ได้ในแดนกลางของลิเวอร์พูลไปแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อน เราเคยพูดว่า "ขาดพี่เจิด ไม่เท่าไหร่ แต่ขาดพี่โซ่ เหมือนขาดใจ" ในวันนี้ กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า "ขาดพี่เจิดน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่ขาดลูคัส เหมือนขาดใจ" ...ลูคัสกำลังดีวันดีคืน เมื่อก่อน แฟนลิเวอร์พูลเคยด่าเจอร์ราร์ดยังไง ลูคัสโดนมาแล้ว และวันนี้แฟนลิเวอร์พูลเทิดทูนเจอร์ราร์ดขนาดไหน ถ้าลูคัสอยู่กับทีมเรานานพอ วันหนึ่ง เขาอาจจะได้รับการเทิดทูนในแบบเดียวกันก็ได้ เขาอาจไม่โดดเด่น แต่ทีมจำเป็นต้องมีเขา และมั่นใจเถอะว่า ลูคัสก้าวพ้นคืนวันที่เลวร้ายไปแล้ว เขาจะมีแต่ดีขึ้นๆทุกวัน

อีกคนที่ต้องพูดถึง คนที่เรายก MOM ให้ แม้จะไม่ได้ทำประตูให้ทีมก็ตาม แน่นอค่ะ ...นักเตะหมายเลข 7 คนล่าสุด "หลุยส์ ซัวเรซ" เขาคือความแตกต่างที่เราไม่เห็นมานาน เราอาจเคยมีนักเตะที่เร็ว คล่อง และทักษะดี แต่ที่เคยมีมา มักจะไม่มีใครเล่นเข้ากับทีม เข้ากับเพื่อนได้ บางคนมักเลี้ยงในจังหวะที่ควรจ่าย หรือจ่ายในจังหวะที่เลี้ยงได้ และให้เล่นยังไงก็ไม่กลมกลืนกับทีม ไม่ใช่นักเตะเหล่านั้นไม่เก่ง พวกเขาเก่ง แต่เก่งคนเดียวมันทำให้ทีมประสบความสำเร็จไม่ได้ แต่ซัวเรซ เป็นนักเตะที่แตกต่างจากที่เราเคยมี เขามีทักษะดี คล่อง เร็ว และขยัน มีส่วนร่วมกับทีมแทบทุกจังหวะการรุก ดูที่เขาเลี้ยงหลบกองหลังแมนยูสิ ดูเขายิงฟริคิกสิ ดูเขาต่อบอลกับเพื่อนร่วมทีมสิ ...ใช้คำว่า เฟอร์เฟ็คก็อาจจะเว่อร์ไป แต่เท่าที่นักเตะในตำแหน่งกองหน้าสักคนจะทำได้ นี่มันสมบูรณ์แบบแล้ว และถึงเขาจะตัวเล็ก แต่กลับสามารถเก็บบอลได้ดี มันอาจไม่สำคัญเลยว่าเขาจะทำประตูให้เราได้อีกเมื่อไหร่ หลังจากนัดแรกกับสโต๊ค แต่ถ้าสิ่งที่เขาทำในเกม ทำให้เราได้ประตูอย่างส่ำเสมอ ไม่ว่าจากใคร มันก็เพียงพอแล้ว กับมูลค่าเกือบ 23 ล้านปอนด์ที่เราเสียไป และนัดนี้ ถึงเดิร์ก เค้าท์จะทำแฮตทริก แต่เราก็อยากยก MOM ให้ซัวเรซ ...และอยากบอกว่า นักเตะหมายเลข 7 ของลิเวอร์พูลฟื้นคืนชีพแล้ว

ส่วนลูกเสียประตู 3-1 ต้องบอกว่าเสียดาย เพราะทำให้สถิติคลีนชีตของเราหายไปอีกนัด จำไม่ได้จริงๆว่าใครเป็นคนเปิดบอลเข้ามา แต่กองหลังของเราพลาดที่ไม่ประกบติดชิชาร์ริโต้ ปล่อยให้เค้าโหม่งง่ายๆ และก็โหหม่งดีเสียด้วยสิ

จบเกมไปแบบยิ้มแก้มแทบปริ มีความสุข อิ่มเอมหัวใจสุดๆ ยิ่งนึกถึงช๊อตที่แฟนบอลร้องเพลง Happy Birthday ให้ คิง เคนนี่ โหยยยย.....ซึ้งมากมาย

คน 40,000 คนร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้คุณ ในวันแห่งชัยชนะของคุณ ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่า Boss จะมีความสุขขนาดไหน ดูที่เขาพูดสิ

"I don't know how long this birthday is going to last - I'll be 70 by the time it finishes!..."

"ผมไม่รู้ว่านานแค่ไหน วันคล้ายวันเกิดของผมครั้งนี้มันถึงจะผ่านไป คงตอนผมอายุ 70 ล่ะมั้ง..."


เอากะ Boss สิ

อ่านแล้วคิดยังไงค่ะ ถ้าคิง เคนนี่จะยืนข้างสนามในฐานะผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลไปอีก 10 ปี ...สำหรับเรามีแค่รอยยิ้ม และหัวใจที่พองโต... ก็อย่างที่เคยบอกมาแล้ว อาจมีคนมากมายที่เก่งกว่าเคนนี่ ดัลกลิช แต่ไม่มีใครรักลิเวอร์พูลเท่าเคนนี่ ดัลกลิช แน่นอน และแม้ว่า "แค่รัก" มันอาจบันดาลแชมป์ให้เราไม่ได้ แต่บางที "แค่รัก" ก็ทำให้เรามีความสุข แบบที่เทียบกับการได้แชมป์มันก็อาจสุขใจไม่ต่างกันนัก ที่แตกต่างก็อาจจะเป็นแค่ การเอาชัยชนะนั้นไปข่มคนอื่นมากกว่า ซึ่งนั่นมันสำคัญนักหรือต่อความสุขในหัวใจของเรา

คนอื่นๆจะเป็นยังไง ไม่รู้นะคะ แต่สำหรับเราแล้ว เวลาทีมชนะ เห็นสีหน้า แววตาของ คิง เคนนี่ แล้วมันปลื้มปิติยิ่งขึ้น ได้อ่านคำสัมภาษณ์แล้วยิ้มไม่หุบ และในยามที่เราไม่ชนะ คำพูดของ Boss ฉุดเราขึ้นมาจากความเศร้าได้ทุกครั้ง

สุดท้ายนี้ ขอบคุณนักเตะ กองเชียร์ สต๊าฟโค้ช และที่สำคัญที่สุด ผู้จัดการทีมของเรา ...เคนนี่ ดัลกลิช ที่สร้างวันแห่งชัยชนะวันนี้ขึ้นมา ให้เราได้ดื่มด่ำความสุขไว้ในความทรงจำของเราร่วมกัน และฝันถึงวันที่มันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ด้วยความศรัทธาว่ามันจะมีวันนั้นอย่างแน่นอน

ขอบคุณค่ะ

 
 

จากคุณ : howk_ky
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 21:08:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com