เปล่งประกายที่อคาเดมี่
ตั้งแต่ชื่อของสเตอร์ลิ่งเริ่มดังขึ้นมา เดฟ มอสส์ แมวมองของอคาเดมี่ไปดูฟอร์มเด็กหนุ่มคนนี้มาหลายครั้ง ก่อนให้ความเห็นว่านักเตะคนนี้มีพรสวรรค์มากพอที่จะปั้นให้กลายเป็นดาวได้
เดอะ เรดส์ ยื่นข้อเสนอราคา 600,000 ปอนด์ บวกกับออปชั่นที่อาจพุ่งสูงขึ้นไปถึง 5 ล้านปอนด์ตามฟอร์มของนักเตะ ขณะที่ 'เดลี่ มิร์เรอร์' รายงานว่าคู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยื่นข้อเสนอให้มากกว่าด้วยราคาประมาณ 1 ล้านปอนด์ บวกกับค่าเหนื่อยที่น่าจะสูงกว่า แต่สุดท้ายทางสเตอร์ลิ่งตัดสินใจเลือกลิเวอร์พูล
"ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ให้ความสนใจในตัวเขามาตลอด และแสดงความจริงจังมาตั้งแต่แรก นั่นอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาเลือกย้ายไปเมอร์ซี่ไซด์" นาดีน คุณแม่ของราฮีม สเตอร์ลิ่งให้ความเห็น
เช่นเดียวกับทางโรดอลโฟ บอร์เรลล์ เฮดโค้ชของอคาเดมี่ชาวสเปน ก็ยอมรับเช่นกันว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของทีมเจรจา และทีมแมวมองของสโมสร
"มันน่ายินดีมากจริงๆที่ราฮีมตัดสินใจเลือกเรา เขาทั้งเร็วและทักษะดีเยี่ยม น่าจะพัฒนาไปได้อีกไกลทีเดียว ต้องยอมรับว่านี่เป็นการคว้าตัวที่ยอดเยี่ยมมากของสโมสร"
สำหรับในสนาม จากเดิมที่เล่นปีกขวาเป็นหลัก แต่เมื่อย้ายมาลิเวอร์พูล สองโค้ชชาวสเปนอย่างโรดอลโฟ บอร์เรล และโจเซ่ เซกูร่า ได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ด้วยการโยกสเตอร์ลิ่งไปเล่นฝั่งซ้าย นั่นทำให้จากปีกขวาที่มีหน้าที่ ครอสบอล แปลงร่างกลายเป็นปีกซ้ายที่ตัดเข้ากลาง แล้วใช้ขวาข้างถนัดปิดสกอร์แทน
เกมประเดิมสนามนัดแรกของสเตอร์ลิ่ง กับลิเวอร์พูลเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดี เมื่อเขาสามารถทำประตูได้ในเกม U-18 กับเอฟเวอร์ตัน ด้วยการลากตัดเข้ากลางแล้วยิงเสียบมุมด้วยเท้าขวา เกมนั้นหงส์แดงจูเนียร์สเอาชนะไปได้ 4-3
และแน่นอน เกมนัดถล่มเซาธ์เอนด์ 9-0 สี่ประตูแรกที่เขายิงได้ คือผลประโยชน์จากการโยกมาเล่นฝั่งซ้ายชัดๆ
ที่น่าทึ่งมากกว่าก็คือ ปัจจุบัน ดิ อคาเดมี่ มีนักเตะในสังกัดทั้งหมด 37 คน แต่สเตอร์ลิ่งที่มีอายุน้อยที่สุดในนี้ กลับสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างเหนียวแน่น
พรสวรรค์แบบนี้ แถมยังฟอร์มร้อนแรงขนาดนี้ จะไม่ให้สาวกเดอะ ค็อปหวังได้อย่างไรล่ะ ว่าจะได้เห็นเด็กคนนี้ก้าวขึ้นมาสู่เสื้อสีแดงเพลิงของทีมชุดใหญ่ในอนาคต