ความคิดเห็นที่ 1 GOD FOWLER ชื่อนี้ได้รับอธิพลมาจากหนังดังเรื่อง THE GODFATHER และเมื่อ MICHAEL OWEN เป็นดาวยิงรุ่นต่อมาเขาจึงได้ฉายาจาก THE KOP ว่า SAINT MICHAEL และนี่เองต้นเหตุของคำว่าทีมเทพ ผิดถูกประการใดเพื่อนๆ ชาว Pantip ช่วยกันต่อด้วยคร้าบบบ จากคุณ : BYNNP เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 14:42:02

ความคิดเห็นที่ 2 จากหนูน้อย สู่ดาวโรจน์ในชุดหงส์                ร็อบบี้ เบอร์นาร์ด ฟาวเลอร์  (Robbie Bernard Fowler)  เกิดในปี 1975 ที่ตำบลท็อกซ์เท็ทช์  ซึ่งอยู่ในเมอร์ซีย์ไซด์ ลิเวอร์พูลนั่นเอง เรียกได้ว่าเขาเป็นชาวสเกาท์เซอร์อย่างแท้จริง  แต่กระนั้นวัยเด็กของเดอะก็อด ก็ต้องบอกว่าเขามิใช่แฟนของทีมหงส์แดงแต่อย่างใด  ตรงกันข้ามหัวใจของเขากลับเป็นสีน้ำเงินของเอเวอร์ตัน คู่แข่งสำคัญร่วมเมือง ที่เขาใช้เวลาหลายปีเข้าไปชมในสนามกูดิสันปาร์คอยู่เป็นประจำ                 แต่จะด้วยฟ้ากำหนดหรือกรรมลิขิตก็ว่ากันไป ทำให้หนูน้อยฟาวเลอร์ได้คัดตัวที่โรงเรียนฟุตบอลของเอเวอร์ตันไม่ผ่าน เรียกได้ว่าท็อฟฟี่เมนทำของดีหลุดมือก็ว่าได้  แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมแพ้ทดลองไปสอบเข้าโรงเรียนฟุตบอลของลิเวอร์พูลในวัย 10 ขวบ  และด้วยความสามารถของเขาทำให้เตะตาของจิม แอสพินัล แมวมองของหงส์แดง ทำให้ได้รับโอกาสเข้ามาเป็นตัวเยาวชนของลิเวอร์พูลในที่สุด                 หนูน้อยฟาวเลอร์ได้ใช้เวลาศึกษาและฝึกหัดในโรงเรียนฟุตบอลชื่อดังแห่งเมอร์ซี่ไซด์อยู่หลายปี ก่อนจะสำเร็จการศึกษาออกมาด้วยวัยเพียง 17 ปี และเปรียบเสมือนของขวัญวันเกิดวัย 17 ปีนั่นเอง ที่ทีมหงส์แดงได้เสนอสัญญานักเตะอาชีพให้กับกองหน้าดาวรุ่งจากรั้วอคาเดมี่    ซึ่งผู้เห็นแววและให้โอกาสกับขวัญใจชาวหงส์แดงก็คือ แกรม ซูเนสท์  ผู้จัดการทีมที่เข้ามารับตำแหน่งต่อจากเคนนี่ ดัลกริช              แต่แม้ฟาวเลอร์จะได้สัญญาอาชีพตั้งแต่ปี 1992 แต่เขาก็ต้องใช้เวลาอีกเป็นปีกว่าจะได้ลงเล่นนัดแรกให้กับลิเวอร์พูล  โดยในเดือน มกราคม 1993 เขาได้ลงเป็นตัวจริงในนัดเจอกับโบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ใน FA คัพ  แต่ก็ยังทำประตูไม่ได้ และหลังจากนั้นก็ได้ลงเล่นประปรายก่อนจะมายิงประตูแรกในสีเสื้อหงส์แดงชุดใหญ่เมื่อเดือนกันยายน 1993 ในนัดปะทะกับฟูแล่ม โดยลิเวอร์พูลชนะไป 3-1 ในเลกแรกรอบที่ 1 ของฟุตบอลลีกคัพ(สมัยนั้นลีกคัพแข่งเหย้าเยือนทุกรอบ)               และเหมือนปลดปล่อยความกดดันออกไป ทำให้ในฤดูการแรกที่ฟาวเลอร์ได้เป็นตัวจริง เขาก็ยิงประตูระเบิดเถิดเทิงทีเดียว เขาใช้เวลาเพียง 5 นัดในฐานะตัวจริงก็จัดการยัดเยียดแฮตทริกใส่ทีมเซาท์แธมตัน ซึ่งถือเป็นแฮตทริกแรกในจำนวนอีกหลายครั้งที่กำลังตามมา               แม้จะจบฤดูกาลด้วยมือเปล่า แต่ฟาวเลอร์ก็ลงเล่นให้กับลิเวอร์พูลไป 34 นัด และยิงได้ถึง 18 ประตู โดย 12 ประตูเกิดขึ้นในเกมส์ลีค จาก 28 นัดของเขา  นับว่าเป็นดาวรุ่งที่เปร่งประกายขึ้นมาอย่างแท้จริง              นอกจากนี้ฟาวเลอร์ยังช่วยให้ทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี ครองแชมป์ยุโรมได้สำเร็จในปี 1993 ด้วย              เมื่อฤดูกาลแรกจบลงไปโดยไม่มีอะไรติดไม้ติดมือ หนุ่มน้อยฟาวเลอร์ก็เพิ่มพูนประสบการณ์และความกระหายประตูมากยิ่งขึ้น ทำให้ฤดูกาล 1994-1995 กลายเป็นปีแห่งความทรงจำ  จากเด็กน้อยที่ไม่มีคนรู้จัก กลายเป็นยอดศูนย์หน้าประดับลีคสูงสุดของอังกฤษ  โดยฤดูการนี้เขายิงได้ถึง 31 ประตูจาก 57 นัด  ซึ่ง 42 นัดในลีกเขาอัดไปถึง 25 ประตู เลยทีเดียว  เรียกได้ว่าในปีนั้นไม่มีกองหน้าคนไหนแรงกว่าเขาอีกแล้ว               แต่ถึงแม้ฟาวเลอร์จะยิงประตุได้เป้นกอบเป็นกำ ทีมหงส์แดงก็คว้ามาครองได้เพียงแค่แชมป์ลีกคัพเท่านั้น  ในส่วนตัวเขาคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาคนนักฟุตบอลอาชีพมาครองได้อีกด้วย            พอก้าวข้ามมาในปี 1995-1996 เขาก็ยังไม่หยุดความร้อนแรงกับ 36 ประตูใน 51 นัด เรียกได้ว่ายิงได้มากขึ้นจากการลงเล่นน้อยลงด้วยซ้ำ อนึ่ง เขายิงได้ 28 ประตู จาก 38 นัดในลีก  แต่กระนั้นก็เหมือนกับเหตุการณ์เดิมๆ คือฟาวเลอร์ยิงแค่ไหนแต่ทีมกลับไม่ประสพความสำเร็จอะไรเลย  และแม้เขาจะได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมอีกครั้งและถูกเลือกเป็น 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมของลีก แต่เขาก็ดูไม่มีความสุขนักที่ทีมล้มเหลว จากคุณ : oxyjack เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 15:04:26

ความคิดเห็นที่ 3 จะบอกว่า ผมเกิดวันเดียวกับก็อดครับ 9 เมษา นี้ ดีใจมากมาย :) จากคุณ : Cerca de เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 15:14:38

ความคิดเห็นที่ 4 ขอสนับสนุมเพื่อนร่วมอุดมการณ์รำลึกอดีตด้วยคลิปครับ คลิปนัดเปิดตัว ร็อบบี้ ฟาวเลอว์ จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 15:16:57

ความคิดเห็นที่ 5 เดียวเลิกงานแล้วจะมาเพิ่มเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ครับ ผมมีข้อมูลร็อบบี้ ฟาวเลอว์อยู่เยอะ ไปทำงานก่อน จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 15:19:14

ความคิดเห็นที่ 6 "ฤดูกาล 1994-1995..... กลายเป็นปีแห่งความทรงจำ  จากเด็กน้อยที่ไม่มีคนรู้จัก กลายเป็นยอดศูนย์หน้าประดับลีคสูงสุดของอังกฤษ  โดยฤดูการนี้เขายิงได้ถึง 31 ประตูจาก 57 นัด  ซึ่ง 42 นัดในลีกเขาอัดไปถึง 25 ประตู เลยทีเดียว  เรียกได้ว่าในปีนั้นไม่มีกองหน้าคนไหนแรงกว่าเขาอีกแล้ว" ผมว่าประโยคนี้ผิดไปนิดนึงครับ จะให้ดีต้องบอกว่าในทีมลิเวอร์พูลเข้าไปด้วย เพราะถ้าไม่บอกมันจะตีความเป็นทั้งลีคแทน ซึ่งในลีคปีนั้นมีอยู่คนนึงที่ร้อนแรงกว่า ซึ่งก็คือ อลัน เชียร์เรอร์ครับ จากคุณ : Paladay เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 15:35:04

ความคิดเห็นที่ 7 ยอดดาวยิงแฟร์เพลย์ และการถูกขายโดยคนที่คุณก็รู้ว่าใคร                 หลังจากลงเล่นมา 3 ฤดูกาล  ฟาวเลอร์ได้ตอกย้ำความเห็นยอดดาวยิงในฤดูกาล 1996-1997 ด้วยเหตุผล 2 ประการ  ประการแรกคือการทำประตู 31ประตุ จากเพียง แค่ 44 นัดเท่านั้น โดย 18 ประตูเกิดขึ้นในเกมส์ลีก 32 นัด ซึ่งถือเป็นเปอร์เซ็นต์การทำประตูที่สูงมาก                    ประการที่ 2 ในนัดที่ทีมหงส์แดงต้องไปเยือนไฮบิวรี่ สนามเก่าของทีมปืนโตนั้น  ฟาวเลอร์ได้เล่นอย่างยอดเยี่ยมพาทีมชนะอาเซนอล(ถ้าจำไม่ผิด 3-0 หรือเปล่า?)  แต่สิ่งที่ทุกคนจำนัดนี้ได้คือ การที่ฟาวเลอร์ลากบอลลุยผ่านกองหลังไปดวลตัวต่อตัวกับเดวิด ซีแมน ยอดผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ  ในจังหวะที่ปะทะกัน 50-50 ฟาวเลอร์ล้มลงทำให้กรรมการไม่รอช้าที่จะเป่าจุดโทษให้หงส์แดง โดยมองว่าซีแมนทำฟาล์ว                  หากเป็นกองหน้าทั่วไป อาจลุกขึ้นมาโวยวายกดดันให้กรรมการแจกใบเหลืองใบแดงกับนายประตูฝั่งตรงข้าม  หรืออย่างน้อยก็ต้องดีใจที่มีโอกาสทำประตูจากจุดโทษ  โดยปล่อยให้คู่แข่งประท้วงกันไปเอง  แต่ฟาวเลอร์เลือกที่จะลุกขึ้นไปอธิบายกับผู้ตัดสินว่าตนเองล้มลงโดยไม่ได้ถูกทำฟาล์ว และจุดโทษนี้ไม่ควรเกิดขึ้น  ซึ่งเดวิด ซีแมนที่กำลังอธิบายอยู่ก็ยืนยันเช่นกัน                 แต่อย่างไรก็ตามกรรมการที่เป่าจุดโทษไปแล้วไม่สามารถกลับคำตัดสินได้ ยังคงให้จุดโทษกับลิเวอร์พูลต่อไป ซึ่งฟาวเลอร์ก็พูดคุยแสดงความเสียใจกับซีแมน จนซีแมนต้องตบบ่าขอบคุณในนำใจนักกีฬาของเด็กหนุ่มคนนี้  และเมื่อได้จุดโทษบวกกับความเป็นมืออาชีพ ฟาวเลอร์ต้องยิงจุดโทษนั้นและก็ไม่พลาด  แต่เขาไม่แสดงอาการดีใจเลยแม้แต่น้อย  ทำให้เขาได้รับรางวัลแฟล์เพลย์จากยูฟ่าทันที                 ฤดูการต่อมาคือฤดูการ 1997-1998 ยอดกองหน้าเท้าซ้ายเริ่มได้รับอาการบาดเจ็บจนได้ลงเล่นเพียง 28 นัด แต่ก็ยังยิงได้ถึง 13 ประตู โดย 9 ประตูมาจากเกมลีก 20 นัด                 พอถึงฤดูกาล 1998-1999 เหมือนจะเป็นฟ้าหลังฝนทำให้ฟาวเลอร์ ได้โอกาสกลับมาลงสนามถึง 35 นัด และทำได้ 18 ประตู เรียกได้ว่า ทุก 2 นัดยิงได้ 1 ประตูเลยทีเดียว โดยเขาทำ 14 ประตู ใน 25 นัดเกมลีก แต่ก็เช่นเดิมทีมจบฤดูกาลด้วยมือเปล่า                 พอถึงฤดูกาล 1999-2000 อาการบาดเจ็บเรื้อรังก็เข้ามารังควาญอีกครั้ง บวกกับการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอีกคน ไมเคิล โอเว่น ทำให้เขาได้รับโอกาสลงสนามเพียง 14 นัดตลอดฤดูกาล ซึ่งเกิดขึ้นในเกมส์ลีคทั้งหมด และสัญญาเตือนความตกต่ำจากอาการบาดเจ็บคือเขาทำได้เพียง 3 ประตูเท่านั้นเอง                  เมื่อฤดูกาลใหม่เข้ามาถึงในปี 2000-2001 การที่หงส์แดงมีกองหน้าชั้นดีถึง 3 คน คือ ฟาวเลอร์ โอเว่น และเอมิล เฮสกีย์ ทำให้ฟาวเลอร์ได้รับโอกาสลงสนามน้อยลง แต่การที่ทีมเข้ารอบลึกๆ ในฟุตบอลถ้วยทุกรายการก็ยังทำให้เขาได้เล่นไปถึง 48 นัด แต่ก็ทำได้เพียง 17 ประตู  ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับฟอร์มเดิมๆ ของเขา  โดย 8 ประตูเกิดขึ้นในเกมส์ลีก 27 นัด                 แม้ฤดูกาล 2000-2001 ฟาวเลอร์จะไม่สามารถช่วยให้ลิวเอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ แต่เขาก็เป้นกำลังสำคัญในการพาหงส์แดงคว้าทริปเปิลแชมป์บอลถ้วยมาครอง โดยในปีนั้นหงส์แดงได้แชมป์ ยูฟ่าคัพ(ยูโรป้าลีก ปัจจุบัน) FA คัพ และลีกคัพ มาครองได้สำเร็จ                 เมื่อมาถึงฤดูกาล 2001-2002 ฟาวเลอร์ ที่ได้รับโอกาสลงเล่นไปเพียง 10 นัดให้กับหงส์แดงและทำไปเพียง 3 ประตูก็เกิดปัญหากระทบกระทั่งกับ ฟิล ทอมสัน ผู้ช่วยผู้จัดการทีมในตอนนั้น ทำให้เชราร์ด อุลลิเยร์ ผู้จัดการทีมตัดสินใจขายเขาให้กับลีดส์ ยูไนเต็ดด้วยค่าตัวถึง 12 ล้านปอนด์ ในเดือนตุลาคม 2001 ซึ่งถือเป้นความสูญเสียใหญ่หลวงของแฟนบอลและทีมหงส์แดงอย่างแท้จริง              การจากไปของฟาวเลอร์กระทันหันเสียจนเขาเองยังไม่มีโอกาสโบกมือลาแฟนๆ ในแอนฟิลด์ด้วยซ้ำ ซึ่งเขากล่าวเสมอมาว่านั่นเองที่ทำให้คาใจเขามาตลอด และทำให้เขาไม่อยากจะญาติดีกับคู่หูผู้จัดการทีมที่เชดหัวเขาพ้นแอนฟิลด์ จากคุณ : oxyjack เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 15:41:38

ความคิดเห็นที่ 8 # 6 คุณ Paladay ถูกครับผม พอดีตกไป ตั้งจะใจใช้คำว่ากองหน้าดาวรุ่งครับ เพราะตอนนั้นก็อดยังอายุไม่ถึง 20 ปี เลย จากคุณ : oxyjack เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 15:44:46

ความคิดเห็นที่ 9 ชอบคลิปนี้ของฟาวเลอร์ที่สุด Always A Red  จากคุณ : "ตื่นมาก็คิดถึง" เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 15:49:31

ความคิดเห็นที่ 10 วันที่ก็อดรีเทิร์น ผมร้องไห้เลย เว่อร์ป่าวเนี้ย >< จากคุณ : "ตื่นมาก็คิดถึง" เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 15:51:30

ความคิดเห็นที่ 11 การพเนจรก่อนกลับคืนสู่สวรรค์          แม้จะมียอดทีมอย่างลาซิโอ  อาเซนอลให้ความสนใจ  แต่จากการตัดสินใจของทั้งลิเวอร์พูลและฟาวเลอร์เอง ทำให้ฟาวเลอร์ได้ย้ายไปเล่นให้กับลีด หลังจากเปิดฤดูการได้สักพักแล้ว          ลีดส์ในยุคนั้นต้องยอมรับว่าเป็นยอดทีมพลังหนุ่มภายใต้การทำทีมของเดวิด โอเรียลี่  ซึ่งตอนนั้นมียอดศูนย์หน้าในทีมอยู่หลายคน ทั้งมาร์ค วิดูก้า ร็อบบี้ คีนตอนรุ่งๆ ไมเคิล บริดเจส ช่วงท็อปฟอร์ม  และอลัน สมิท ตอนเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงขึ้นมา ทำให้ฟาวเลอร์ต้องแย่งต่ำแหน่งกันพอสมควร  แต่กระนั้นเขาก็ได้เล่นไปถึง 23 นัด และทำได้ 12 ประตู  โดยหากรวม 4 ประตุในสีเสื้อหงส์แดงเท่ากับ ปี 2001-2002 เขายิงได้รวม 16 ประตูที่ดูน้อยไปหน่อยกับยอดศูนย์หน้าคนนี้          พอฤดูกาลที่ 2 ที่เล่นให้กับทีมยูงทอง เขาก็พบกับปัญหาอาการบาดเจ็บและการแย่งตำแหน่งตัวจริง ทำให้ได้รับโอกาสลงสนามเพียง 10 นัด และยิงได้แค่ 2 ประตู บวกกับปัญหาการเงินที่รุมเร้าของทีมยูงทอง ทำให้ลีดจะตัดสินใจขายเลหลังให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในราคาเพียง 3 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าถูกมาก             เมื่อมาถึงแมนซิตี้ ฟาวเลอร์ก็ได้รับโอกาสจากเควิน คีแกน ผู้จัดการทีมเรือใบสีฟ้าในขณะนั้นเป้นอย่างดี แต่จากอาการบาดเจ็บเรื้อรัง และอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ฟอร์มของเขาเริ่มทดถอย และไม่สามารถยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำเช่นเดิม            ถึงแม้ฟาวเลอร์จะไม่ได้เป้นยอดกองหน้าเช่นแต่ก่อน และได้ย้ายออกจากหงส์แดงมาแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้ว่าเขายังรักหงส์แดงมากขนาดไหนก็คือ ในดาร์บี้แมตช์ระหว่างแมนซิตี้และแมนยู ฟาวเลอร์ยิงประตุแมนยูได้วิ่งเข้าไปดีใจโดยชู 4 นิ้วต่อหน้าแฟนบอลแมนยู  เพื่อประกาศให้รุ้ว่า แมนยูจะเป้นใหญ่ในยุคปัจจับันก็แค่ในอังกฤษ  แต่ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ยุโรม 4 สมัย  เรียกได้ว่าข้าจะเกรียน ใครจะทำไม             ฟาวเลอร์เล่นให้กับเรือใบสี่ฟ้า 4 ฤดูกาล ลงเล่นทั้งหมด 91 นัด ยิงได้ทั้งสิ้น 27 ประตู  โดยนัดสุดท้ายที่ยิงได้เป้นการยิงแฮททริตใส่ สคันธรอป ยูในเต็ดใน FAแรก ของปี 2005-2006  ก่อนที่จะตัดสินใจยอกเลิกสัญญาที่เหลืออีกไม่กี่เดือนกับทีมแมนซิตี้  เพราะได้รับสัญญาระยะสั้นจากยอดทีมที่ตนเองหลงรัก จากคุณ : oxyjack เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:06:37

ความคิดเห็นที่ 12 เดินหน้าสู่หัวใจ  ก่อนจากไปอย่างตำนาน          หลังจากเลิกสัญญากับทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเดือนมกราคม 2006  เขาได้รับสัญญาระยะสั้นจากทีมลิเวอร์พูล  โดยราฟาเอล เบนิเตส ที่เข้ามาทำทีมได้ไม่นาน ซึ่งกำลังประสพปัญหากองหน้าและสปีริตในทีม ซึ่งก็อดดูจะเป้นการตอบโจทย์ทั้งสองปัญหาได้เป็นอย่างดี (นี่นับเป็นสิ่งดีที่สุดลำดับ  2 ที่ราฟาทำให้หงส์แดง 1 คือการคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน สมัย 5 มาครองครับ)         จำได้ว่าวันเซ็นสัญญา ฟาวเลอร์ หยิบสัญญามาเซ็นต์เลยไม่อ่านไม่รออะไรทั้งนั้น เหมือนกับกลัวว่าสัญญาจะหายไปต่อหน้าต่อตาหรือราฟาจะเปลี่ยนใจ แม้ว่าจะมีทีมเอเย่นต์อ่านสัยญาให้ก่อนแล้วก็ตาม แต่สิ่งนั้นได้ใจเดอะ ค็อป ทั่วโลกสุดๆ (ผมนั่งดูข่าวยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว ให้ตายหัวใจพองโตกว่าต้องได้แชมป์ที่อิสตัลบูลซะอีก)         แต่การกลับมาครั้งนี้ฟาวเลอร์อยู่ในฐานะอะไหล่ของทีมชุดใหญ่เท่านั้น มิใช่ตัวหลักที่ทีมจะตั้งความหวังอะไรนัก แต่กระนั้นในปีแรกเพียงแค่ 5 เดือน ก็อดลงเล่นไปถึง 16 นัด และทำไป 5 ประตู       ฤดูกาลที่ 2 2006-2007 เขาได้เล่นไปทั้งสิ้น 23 นัด ยิงได้ 7 ประตู เป็นเกมในลีกไป 16 นัด ทำได้ 3 ประตู เม้จะไม่ใช่ยอดศูนย์หน้าจอมทำประตูอีกแล้วแต่ เขาก็เป็นขวัญใจตลอดมา  และครั้งนี้เขาได้ทำสิ่งที่คาใจมาโดยตลอด  ด้วยการอุ้มลูกสาวโบกมือลาเดอะ ค็อปในแอนฟิลด์สำหรับการลากสโมสรครั้งที่ 2 จากคุณ : oxyjack เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:17:10

ความคิดเห็นที่ 13 ..ตัวแสบของแมนยูเลย ขนาดผมเด็กผียังชอบเลย จากคุณ : AB Rh+ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:17:49

ความคิดเห็นที่ 14 เคยอ่านเจอ ฟาวเลอร์เค้าบอกตัวเองไม่ใช่ สไปซ์บอย อ่านเจอเกือบมีเรื่องชกต่อยกับ รัชด๊อกตอนอยู่บนเครื่องบิน เพราะตอนนั้นจะบินไปเตะกีบทีมหรืออะไรนี้แระ รัชด๊อกรับน้องโดยเอารองเท้าของฟาวเลอร์ไปตัดซะขาดหมด ฟาวเลอร์เอาคืนโดยการฉี่ใส่แก้วเบียร์แล้วให้รัชด๊อกกิน เกือบซัดกันบนเครื่อง แล้วอีกคนที่ไม่ถูกกันคือ ฟิล ธอมสันตอนเป็นมือขวาของเฮียโปน ตอนนั้นฟาวเลอร์ฟอร์มตกมาก แต่เฮียโปนมาบอกว่าจะได้ลงนัดเจออะไรนี้แระ ก็ซ้อมยิงในสนาม ฟิล ธอมสันตอนนั้นคุมทีมสำรอง โชว์พาวซะเสียงดัง ฟาวเลอร์เลยเตะบอลแรงแต่เข้าโกล์นะ ฟิลไม่พอใจ หาว่าฟาวเลอร์จะเตะบอลอัด เลยด่ากันถึงขั้นพ่อแม่ แล้วก็เอาเรื่องไปบอกเฮียโปน ฟาวเลอร์เลยอดลงนัดนั้นทำให้แค้นกันมาตลอด จากคุณ : Na-RoK-KuM-7 เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:19:43

ความคิดเห็นที่ 15 การพเนจรช่วงท้ายชีวิตค้าแข้ง            หลังจากย้ายออกจากหงส์แดงรอบนี้  ก็อด  ตัดสินใจไปเล่นให้กับ คาร์ดิฟ ในปี 2007-2008  ลงเล่นไป 16 นัด ในลีกแชมเปี้ยนชิพ ยิงได้ 6 ประตู และเมื่อสัญญาระยะสั้นหมดลงเขาตัดสินใจเล่นให้กับแบล็คเบิร์นในปี 2008-2009 เป้นการกลับสู่พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง แต่ก็ได้เล่นเพียง 6 นัดให้กับแบล็คเบิร์นแต่ทำประตูไม่ได้เลย             เมื่อจบฤดูกาล 2009 เขา ตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับลีก ออสเตเลียหรือ A ลีกโดยในปี 2009-2010 เล่นให้ทีม นอร์ธ ควีนแลนด์ เฟอร์รี่ ลงเล่นไป 26 นัด ทำได้ 9 ประตู และปีต่อมาคือปัจจุบัน เขาเล่นให้กับทีมเพิร์ธ กลอรี่  เล่นไป 26 นัด ทำได้ 9 ประตู เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นฟอร์มที่ดีสำหรับนักเตะอายุอานามขนาดนี้แล้ว             ทั้งนี้ยังไม่มีใครรู้ใจของเดอะ ก็อดว่าเขาจะแขวนสตัดท์เลิกเล่นบอลอาชีพเมื่อไหร่ เพราะดูเหมือนเขาจะยังหลงรักการเล่นฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ  บวกกับการที่เขามีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ประสพความสำเร็จในลิเวอร์พูล ทำให้ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน จึงทำให้เล่นบอลได้ตามต้องการ จากคุณ : oxyjack เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:25:41

ความคิดเห็นที่ 16 เหมือนการเมืองเลย พอลูกพี่เก่า(รอย อีแวนส์)ไม่อยู่ ก็หาทางกำจัดลูกน้องของลูกพี่คนนั้น เพื่อจะได้บอกได้ว่านี่คือผลงานของตัวเอง ปล.พอเข้ายุคเฮียโปนผมดูลิเวอร์พูลน้อยมาก หรือติดตามน้อยมาก จากคุณ : char_asnabel เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:26:45

ความคิดเห็นที่ 17 ยอดศูนย์หน้าที่ล้มเหลวกับทีมชาติ         แม้ฟาวเลอร์จะเป้นศูนย์หน้าชั้นนำในพรีเมียร์ลีค โดยเขาเป็นอันดับ 4 ของผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ ลีก โดยยิงได้ 162 ประตู (128 ประตู กับลิเวอร์พูล)  แต่ฟาวเลอร์เหมือนถูกมองข้ามจากทีมชาติ          เขามักจะไม่ค่อยได้ลงสนามอาจจะเพราะช่วงที่เขากำลังรุ่งขึ้นมาทีมชาติอังกฤษถูกจั บจองตำแหน่งโดยอลัน เชียเรอร์และมาร์ค ไรท์ ไปเสียแล้ว พอมาร์คไรท์เลิกไป ก็อดก็ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดเสียแล้ว           ฟาวเลอร์ติดทีมชาติชุดใหญ่เพียง 26 นัด และยิงให้อังกฤษได้เพียง 7 ประตู โดยส่วนใหญ่จะเป็นเกมส์กระชับมิตร หรือไม่ก็เป็นรอบคัดเลือกทัวร์นาเม้นต์ใหญ่เท่านั้น จากคุณ : oxyjack เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:34:55

ความคิดเห็นที่ 18 #17 อย่าลืมว่าช่วงนั้นอลัน เชียเรอร์ ต้องการเล่นคู่กับ เลส เฟอร์ดินานด์ แม้แต่เชอริงแฮม ยังโดนสำรองเลย มันเป็นช่วงที่มีกองหน้าเก่งๆในอังกฤษเยอะจริงๆ จากคุณ : char_asnabel เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:38:57

ความคิดเห็นที่ 19 สไปรซ์บอย แม้ไม่รุ่งเรือง แต่ก็ร้อนแรงไม่แพ้เกิร์ลกรุ๊ป            ในยุคทศวรรษ 90 วงสไปรซ์เกิร์ล เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังของอังกฤษครองอาณาจักรเพลงป๊อบของโลก แม้เดวิด เบ็คแฮมจะได้วิตตอเลีย 1 ในสมาชิกมาเป็นภรรยา  แต่เหล่าสมาชิกหงส์แดงคือทั้งฟาวเลอร์และแม็คมานานมานมีความสนิทสนมกับ เอ็มม่า บัตตัน อีกหนึ่งนางในสไปรซ์เกิร์ล ทำให้มีการนำเด็กหนุ่มในทีมหงส์แดงที่ยุคนั้นเต็มไปด้วยเด็กหนุ่มที่กำลังขึ้นมา              ยุคนั้นเด็กหนุ่มอย่าง ฟาวเลอร์ ,แม็คมานามาน, เจมี่ เร็ดเน็ป, โดมินิค มัตเตโอ , เดวิด เจมส์ , เจสัน แม็คคาเทียร์, สแตน คอลลี่มอร์  ล้วนแต่เล่นได้อย่างหน้าตื่นตาตื่นใจแม้จะไม่มีแชมป์มากมายนัก พวกเขาจึงถูกเรียกว่าไปรซ์บอยในที่สุดนั่นเอง จากคุณ : oxyjack เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:43:13

ความคิดเห็นที่ 20 # 17 ขามักจะไม่ค่อยได้ลงสนามอาจจะเพราะช่วงที่เขากำลัง รุ่งขึ้นมาทีมชาติอังกฤษถูกจั บจองตำแหน่งโดยอลัน เชียเรอร์และมาร์ค ไรท์ ไปเสียแล้ว ************* น่าจะเป็นเอียน ไรท์ มั้งครับ  มาร์ค ไรท์ คนนั้นกองหลัง  เท่าที่่จำได้กองหน้ายุคนั้นเยอะครับ นอกจาก เอียน ไรท์ อลัน สมิธ เชียร์เรอร์ ยังมี ซัตตั้น  เฟอร์ดินานดฺ์ เชอร์ริงแฮม ขวางทางฟาวเลอร์อยู่ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 54 17:21:35 จากคุณ : llwu เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:51:16

ความคิดเห็นที่ 21 ความห่ามของยอดกองหน้า              แม้ฟาวเลอร์จะได้ยิงประตูให้กับหงส์แดงได้มากถึง 183 ประตู โดยเป็น  128 ประตู ในลีก  แต่เขาไม่ได้รับฉายาว่าเดอะ ก็อดเพียงจากการยิงประตูเท่านั้น  แต่การที่เขามักจะแสดงอาการดีใจเสียดสีทีมคู่แข่งแสบๆ คันๆ มำถูกใจแฟนหงส์ไปทั่วโลก                นอกจากนี้ก็อดยังแสดงออกถึงความรักลิเวอร์พูลอย่างหมดใจ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเสียใจที่ต้องย้ายกระทันหันโดยไม่ได้ลาแฟนเดอะ ค็อป  การแสดงท่าดีใจเสียดสีแมนยู หรือกระทั่งลาสุดการนำเสื้อเบอร์ 9 ของตอเรสที่มีด้านหลัง ทั้งสองด้านมาใส่แล้วถามคนว่าเสื้อตัวนี้ผิดปกติตรงไหน  พอมีคนตอบว่ามันมีด้านหลังทั้งสองหน้า เขาตอบว่าไม่ใช่  "มันมีชื่อคนที่ไม่สมควรมาอยู่บนเสื้อลิเวอร์พูลต่างหาก"  เจ็บจี๊ดดีใช่ไหม             นี่ล่ะที่ทำให้ใครก็รักเขา  และผมคิดว่าประโยคนี้บรรยายความเป็นร็อบบี้ ฟาวเลอร์ได้ดีที่สุด            อยู่เป็นคนของเดอะค็อป  ตายก็จะเป็นผีของเดอะค็อป จากคุณ : oxyjack เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:57:19

ความคิดเห็นที่ 22 ใช่ครับ เอียน ไรท์ พอดีนึกไม่ออก งงๆ จากคุณ : oxyjack เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 16:59:31

ความคิดเห็นที่ 23 3 กีบไปเลยค่ะ คุณ จขกท. แค่อ่านหนังสือฟาวเลอร์ ก็ทำให้เรารักเขาโดยไม่ต้องรอดูหรือหาลีลาการเ่น ความสามารถอื่นใดมาเป็นเงื่อนไขอีกเลย แค่ประโยคที่ก๊อดพูดว่า "ซักวัน ผมอยากจะกลับมาที่แอนฟิลด์ ให้กวาดสแตนก็จะทำ" ประโยคนี้ก็ทำให้รักก๊อดได้หมดใจ จากคุณ : howk_ky เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 17:26:29

ความคิดเห็นที่ 24 555 เพิ่งรู้นี่แหล่ะ ว่าพี่แกก็โครตเกรียน จากคุณ : alarmmode เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 17:28:01

ความคิดเห็นที่ 25 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ประตูที่ฟาวเลอร์ทำได้ในทีมชาติอังกฤษ ลูกที่ 1 : 29/03/1997 กระชับมิตรกับเม็กซิโก  ผลชนะ 2-0 ลูกที่ 2 : 15/11/1997 กระชับมิตรกับแคมเมอรูน ผลชนะ 2-0 ลูกที่ 3 : 31/05/2000 กระชัมมิตรกับยูเครน ผลชนะ 2-0 ลูกที่ 4 : 25/05/2001 กระชับมิตรกับเม็กซิโก ผลชนะ 4-0 ลูกที่ 5 : 05/09/2001 รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2002 กับ แอลเบอเนีย ผลชนะ 2-0 ลูกที่ 6 : 27/03/2002 กระชับมิตรกับอิตาลี ผลแพ้ 2-1 ลูกที่ 7 : 26/05/2002 กระชับมิตรกับแคมเมอรูน ผลเสมอ 2-2 คลิปประตูกับแอลเบอเนีย จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 17:56:38

ความคิดเห็นที่ 26 เกร็ดเล็กกร็ดน้อย ฟาวเลอร์ยิงแฮตทริกใส่อาร์เซนอลใน 3 นาที ฤดูกาล 1994-95 จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 17:59:07

ความคิดเห็นที่ 27 เราดูบอลไม่ทันยุคของก๊อด (ในช่วงแรก) แต่พอมาอ่านประวัติแล้ว โค.ตรรักเลย รักสโมสรขนาดนี้   ป.ล. แต่พี่แกเกรียนได้ใจจริงๆ  555555 จากคุณ : -เด็กหงส์หลงอลอนโซ่- เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:01:25

ความคิดเห็นที่ 28 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ถึงไปอยู่ออสเตรเลียก็ทำแฮตทริกได้นะครับ จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:01:35

ความคิดเห็นที่ 29 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ฟาวเลอร์เป็นคนยิ่งประตูนำ 4-3 ในนัดชิงยูฟ่าคัพกับอลาเบสเมื่อปี 2001 คลิปนัดชิงกับอลาเบส จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:04:35

ความคิดเห็นที่ 30 คิดถึง fowler คิดถึง Spice Boy ใส่เกมรุกหูดับตับไหม้ ยุค Spice Boy ถึงหงส์จะไม่ได้แชมป์ แต่ ก็จะได้ไป ชปล. ทุกปีนะเอย ได้แต่ที่ 3 กับ ที่ 4 ตลอด จากคุณ : Sylphs เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:06:18

ความคิดเห็นที่ 31 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ไปอยู่กับแมนซิก็ยิงแมนยูในชัยชนะ 4-1 ของแมนซิตี้ ฤดูกาล 2004-05 จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:10:00

ความคิดเห็นที่ 32 ฟาวเลอร์ นี่แสบมหาแสบนะคะ ล้อเลียนท่าสูดโคเคนก็ดังมากตอนนั้น ที่หาว่า แกรมห์ เลอโซว์ เป็นเกย์อีก  ก็อด เค้าเด็ดอย่างเสมอต้นเสมอปลาย สแตน คัลลีย์มอร์ ก็ไม่ได้ญาติดีกับก็อดหรอกค่ะ มีข่าวด่ากันตอนหลังก็เยอะ แต่ไม่ว่าจะมีข่าวดีหรือแย่ของเค้า เราก็ยังชื่นชมและรอเค้ากลับมาแอนฟิลด์เหมือนเดิม จากคุณ : ด้วยดินสอและน้ำตา เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:19:43

ความคิดเห็นที่ 33 คลิปจังหวะแฟร์เพลย์ของฟาว์เลอร์   ซึ่งติดอยู่ในอันดับ 55 ของ 100 สุดยอดเหตุการณ์ของลิเวอร์พูล จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:22:53

ความคิดเห็นที่ 34 ล่าสุดครับ  วันนี้ God ซ้อมอยู่กับทีมสำรองของลิเวอร์พูลครับ จาก twitter ของ @empireofthekop RT @DeanJHopper: @AnfieldUpdate @empireofthekop @JimBoardman Interestin news, robbie fowler trainin with the reserves today! about 3 hours ago via TweetDeck จากคุณ : เฮฮาหน้าจอ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:27:48

ความคิดเห็นที่ 35 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในฤดูกาล 1996-97 ในถ้วยคัพ วินเนอร์ คัพ ฟาว์เลอร์ได้ตำแหน่งดาวยิงสูงสุดด้วยผลงาน ลงเล่น 7 นัด ยิง 7 ประตูครับ คลิปฟาว์เลอว์ยิงทีม  SK Brann จากนอร์เวย์ครับ เมื่อกี้ดูธงชาติเป็นสีแดงขาวของเดนมาก์ครับ ขอบคุณที่เตือนครับ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 54 19:06:40 จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:36:32

ความคิดเห็นที่ 36 ถึงเจ้าของกระทู้ครับ ว่างๆช่วยลำรึกถึงเรื่องในอดีตอีกนะครับ เดียวหาข้อมูลมาเสริมให้ นัดที่ฟาว์เลอร์โชว์แฟร์เพลย์  คือ วันที่ 24/03/97 อาร์เซนอล เปิดบ้านรับ ลิเวอร์พูล ผลลิเวอร์พูลชนะ 2-1 (บอกไว้สำหรับคนเปิดคลิปไม่ได้ครับ) ผมไม่มีอะไรจะเพิ่มให้แล้วครับ จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:43:44

ความคิดเห็นที่ 37 มาแก้ไขข้อมูลให้ครับ #7 ชอตแฟร์เพลย์อันโด่งดังนั้น ชอตนี้คนเข้าใจผิดเยอะมาก บ้างก็ว่าตั้งใจยิงเบาๆให้ซีแมนเซฟ บ้างก็ว่าไม่ดีใจ บ้างก็ว่าหงส์ไม่ได้ประตู  โดยจริงๆแล้วหลังจากฟาวเลอร์ทำมือแจ้งกรรมการว่าไม่ใช่จุดโทษแล้ว คุยกับซีแมนทำนองเห็นใจ ก็ไปยิงจุดโทษตามปกติครับ แต่ยิงพลาด แล้วก็ไม่ใช่ตั้งใจพลาดแต่เป็นการพลาดจริงๆเพราะยิงไม่ดี แม้จะยิงไม่เข้าในจังหวะแรก แต่แมคคาเทียร์ก็ตามซ้ำเข้าไปจนได้ ซึ่งฟาวเลอร์ก็เข้าไปแสดงอาการดีใจกับเพื่อนร่วมทีมตามปกติ แล้วก็เรื่องเอียน ไรท์ ที่คุณ llwu แก้ให้นั้น จริงๆแล้วนอกจากเชียร์เรอร์ที่เป็นเบอร์หนึ่งน่าจะเป็นเชอริงแฮมมากกว่าที่ขวางทางอยู่ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงปลายๆของเอียน ไรท์แล้ว #35 SK Brann คือทีมจากนอร์เวย์ครับ ไม่ใช่เดนมาร์ก ประตูนี้เป็นประตูที่สวยที่สุดลูกหนึ่งของฟาวเลอร์ จัด Top 10 ของฟาวเลอร์ทีไร ต้องมีประตูนี้เป็นขาประจำ ปล. ที่ติงข้อมูลหลายที่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะครับ ผมเองเป็นแฟนตัวยงของฟาวเลอร์เลย และเริ่มเชียร์ลิเวอร์พูลมาพร้อมๆกับการแจ้งเกิดของฟาวเลอร์นั่นแหละ เห็นตรงไหนไม่ถูกก็อยากให้มันถูกแค่นั้นเองครับ จากคุณ : Paladay เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 18:58:04

ความคิดเห็นที่ 38 ประตูของฟาวเลอร์ที่ผมชอบมากๆ อันดับ 1 : ยิงวิลล่า ที่หันหลังแล้วแตะไขว้หลบ สตีฟ สตอนตัน อดีตรุ่นพี่ในทีมลิเวอร์พูลของฟาวเลอร์ อันดับ 2 : ยิงแสกหน้าชไมเคิล จนกล้องที่ติดในตาข่ายสะเทือน อันดับ 3 : ยิงวิลล่าในเอฟ เอคัพ ลูกที่กองหลังวิลล่าเคลียร์บอกออกมาไม่ดี ฟาวเลอร์พักอกแล้วยิงไกลบอลพุ่งตรง ชนเสาเข้าประตู ประตูที่ 1 กับ 3 มีในคลิป ในความเห็น #9 ส่วนลูกที่ 2 คงได้เห็นกันบ่อยๆอยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 54 19:15:50 จากคุณ : Paladay เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 19:06:26

ความคิดเห็นที่ 39 คุณ Paladay นี้รู้เรื่อง EPL ละเอียดจังครับ ว่างๆช่วยเล่าเรื่องของ EPL ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ให้ฟังหน่อยนะครับ และขอบคุณ howk_ky สำหรับเรื่องปู่บ๊อบครับ มันพิเศษมากๆครับ จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 19:29:41

ความคิดเห็นที่ 40 ดีใจครับที่มีคนชอบนักเตะคนเดียวกับผมอยู่ ผมเชื่อว่าถ้าใครได้ทันดูร็อบบี้ ฟาวเลอร์เล่นให้กับทีมเราแล้ว จะต้องหลงรักกองหน้าคนนี้แน่นอนครับ ผมอยากจะเพิ่มเกร็ดเล็กน้อยสำหรับเรื่อง สไปซ์ บอย และเรื่องเกี่ยวกับฟาวเลอร์เองสักเล็กน้อยครับ ที่มาของคำว่าสไปซ์ บอยของเหล่านักเตะหงส์แดง (สมาชิกหลักๆ คือ ฟาวเลอร์ เจมส์ บ๊าบบ์ แม็คเอเทียร์ เร้ดเดอร์ และแม็กก้า) เพราะว่าในสมัยนั้นมีกลุ่ทวงดนตรีหญิงล้วนชื่อดังนาม สไปซ์ เกิร์ลอยู่ (เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จัก) หนึ่งในสมาชิกสไปซ์ เกิร์ล คือ "สปอร์ตี้ สไปซ์" เมล ซี มีทีมโปรดปรานก็คือทีม "หงส์แดง" ของเรานี้เอง เมล ซี มาดูบอลที่แอนฟิล์ดบ่อยครั้งทำให้มีความสนิทสนมกับบรรดานักเตะหนุ่มๆของทีมไปโดยปริยาย จึงเป็นที่มาของแก๊งสไปซ์ บอย ในที่สุดครับ อีกทั้งช่วงนั้น นักเตะของเราถ่ายแบบกันเป็นงานอดิเรกกันเยอะมาก ที่เห็นบ่อยๆในช่วงนั้นก็มี เจมส์ บ๊าบบ์ แม็คเอเทียร์ และ เร้ดเดอร์ ครับ สื่อก็เลยพากันตั้งฉายา สไปซ์ บอย ให้นี่แหละครับ จากคุณ : กระบี่ไร้เลือด เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 23:57:37

ความคิดเห็นที่ 41 ลืมรูปสาวที่ผมอ้างถึงครับ สปอร์ตี้ สไปซ์ ... เมล ซี จากคุณ : กระบี่ไร้เลือด เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 23:59:49

ความคิดเห็นที่ 42 เยี่ยมจริงๆ ผมโหวตให้เลยครับ จากคุณ : Dr.โอ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 10:58:31

ความคิดเห็นที่ 43 จะบอกว่าผมเชียร์ลิเวอร์พูล ก็เพราะคนนี้เลยน่ะ ฟาวเลอร์ ตอนเด้กๆ เอาพลาสเตอร์ยามาแปะที่จมูกตอนเตะบอลด้วย 55555+ จากคุณ : ตะลอนลาว เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 11:37:04

ความคิดเห็นที่ 44 มีก๊อด ก็ต้องมี แมคก้า และ เรดแนป คุณชายรุ่นที่ 1 จากคุณ : หุหุ (Hallgood) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 11:50:45