ก่อนอื่น คงต้องแสดงความยินดีกับแชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้ และแชมป์ลีกสูงสุด 19 สมัยอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล่วงหน้า อย่างไม่กลัวหน้าแหก เชื่อว่าคงมีหลายคน หวัง ให้มันไม่ใช่อย่างนั้น แต่เข้าใจว่าคงไม่มีใคร เชื่อ ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะพลาดแชมป์ปีนี้
เอาเป็นว่า ผมอัดฉีดกับเพื่อนผี น้องผี และพี่ผี ที่ทำงานไว้แล้วว่า ถ้าผีแดงพลาดแชมป์ปีนี้ ผมจะพาไปจัดหนัก เลี้ยง โออิชิ แกรนด์ 1 มื้อถ้วน แต่ถ้าผีแดงได้แชมป์ ให้เด็กผีทุกคนลงขันกันเลี้ยง ข้าวหน้าเป็ด เจ๊หนอมหน้าออฟฟิซ 1 จาน
ดังนั้น ถ้าผีแดงได้แชมป์ เด็กผีจะเสียตังค์เลี้ยงข้าวหน้าเป็ดผมคนละไม่กี่บาท แต่ถ้าพลาด ผมต้องเสียตังค์เลี้ยงฉลอง เกือบครึ่งหมื่น รบกวนคนที่อ่านถึงตรงนี้ อย่าไปบอกแฟนผมนะครับ ถ้าเธอรู้รับรองโดนด่าเปิง....
เชื่อว่าคงไม่มีใครเถียงว่า แมนฯ ยูไนเต็ด สม่ำเสมอและคงเส้นคงวา ตลอดจนมีทีเด็ดทีขาดอย่าง น้องถั่วตาหวาน และมีความเหมาะสมด้วยประการทั้งพวงที่จะเป็นแชมป์
ยินดีด้วยครับ
มาพูดถึงเรื่องที่ผมอยากจะพูดในวันนี้ดีกว่า เชื่อว่าเด็กหงส์หลายคนที่ได้ดูเกมเมื่อคืน จะมีความรู้สึกใกล้เคียงกันว่าได้ดูลิเวอร์พูลที่เป็น ลิเวอร์พูล จริง ๆ ซะที ผมเองดูหงส์มา 30 กว่าปี แต่ไม่เคยดูลิเวอร์พูลเล่นจริง ๆ มาหลายปีแล้ว เมื่อคืนเหมือนได้กลับไปเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว
หงส์แดงในยุคราฟา ต่อบอลกันไปมา ไม่ได้ก็ส่งคืนหลัง พอมีจังหวะก็อาศัยการวางบอลของ ชาบี อลอนโซ่ ให้กับเจอร์ราร์ดทะลุไปยิงหรือส่งต่อให้ตอร์เรสเข้าไปยิง แต่ถ้าคู่แข่งไม่พลาดหรือเจาะไม่เข้า ก็มักจะออกผลเสมอ
หงส์แดงในยุคอุลลิเยร์ อาศัยกองหลังแน่นหนา และการวางบอลของแกรี่ แม็คฯ ให้กับโอเว่น ควบไปยิง มันก็ไม่ใช่ ลิเวอร์พูล ที่แท้จริง
หงส์แดงในยุค สไปซ์บอย ของอีแวนส์ ใกล้เคียงแต่ก็แค่เกือบ ๆ เหมือนมีประสิทธิภาพแต่ขาดประสิทธิผล ยิงเค้าได้ก็ยอมให้เค้ายิงคืน อะไรก็ไม่รู้
ส่วนในยุคของซูเนสส์ ลืม ๆ ไปเถอะ ไม่มีอะไรน่าจดจำ..
ต้องย้อนไปถึงหงส์ในยุคแรกของ เคนนี่ เดลกลิช นี่แหละ ที่ได้เห็นความเป็น ลิเวอร์พูล ที่แท้จริง ที่สืบสานมาจากสมัยของแชงค์ลี่ย เพรสลี่ย และ เฟแกน ลิเวอร์พูลที่ต่อบอลกันไปมา บดขยี้คู่แข่งไม่ให้หายใจ ด้วยความรวดเร็ว แน่นอน เหมือนกับ เครื่องจักร ที่ไม่หยุดเดินเครื่องจนกว่ากรรมการจะเป่านกหวีด
และที่สำคัญที่ผมรู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากลิเวอร์พูลที่เคยเห็นมาหลายปีหลังก็คือ ถ้าคุณไม่ได้นั่งดูเกม แล้วเห็นสกอร์ขึ้น 1-0 ถ้าเป็นยุคราฟา คุณสามารถเดาได้เลยว่า ไม่เจอร์ราร์ดก็ตอร์เรส
หรือถ้าเป็นยุคอุลลิเยร์ ประตูมากกว่าครึ่ง ก็มาจาก เซนต์ไมเคิล หรือในยุคอีแวนส์ ก็คิดได้ว่า ถ้าไม่ใช่ ก็อด ก็ต้อง สแตน เดอะแมน คอลลีมอร์ หรืออาจจะมี แม็คก้า หรือ เรดแนปป์ โผล่มาบ้าง
ส่วนในยุคของซูเนสส์ ลืม ๆ ไปเถอะ ไม่มีอะไรน่าจดจำ..
ขณะที่ในยุคของเคนนี่ยุคแรก คุณไม่สามารถเดาได้เลยว่า จะมาจากการเข้าฮอสของรัชหรืออัลดริจจ์ หรือการลากเข้าไปยิงของบาร์นส์หรือเบียร์ดสลี่ย หรือการยิงไกลของสตีฟ แม็คมาน หรือการยิงลูกนิ่งของแจน โมลบี้ หรือการเติมขึ้นมายิงของแบ็คอย่าง สตีฟ นิโคล หรือลูกโหม่งของ เกล็น ไฮเซ่น
ลิเวอร์พูลชุดนี้ เริ่มจะใกล้เคียงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเสียตอร์เรสไป วันก่อนโน้น เดิร์ค เคาท์ ยิงแฮททริค (ใส่ทีมไหนน้า...) วันนี้ มักซี่ ซึ่งไม่ค่อยได้ลง ก็ลงมายิงแฮททริคมันซะอย่างนั้น ก่อนหน้านั้น เอ.แคร์ ก็ทำไปสองลูก ซัวเรสเองก็เผลอไม่ได้ แถมยังมีเมเรเลสอีกคน ขาดก็แต่ลูกยิงไกลแถวสอง กับการเติมขึ้นไปยิงของกองหลังให้บ่อยกว่านี้..
สำหรับคนที่ตั้งท่าจะค้านนะครับ ผมเข้าใจดีว่า เบอร์มิ่งแฮม คงไม่ได้มาสู้เต็มตัวอะไร เพราะลอยตัวไปแล้วจากการได้แชมป์ลีกคัพ และได้ไปเตะยูโรป้าแน่นอนแล้ว คงไม่มีแรงจูงใจอะไรอีก และหงส์แดงเองก็ไม่ได้แน่นอนอะไร ชนะนัดนี้เดี๋ยวนัดหน้าก็อาจหลุดฟอร์มได้ แต่การเล่นในแบบที่แฟน ๆ อยากเห็นนี้ คงเป็นสัญญาณที่ดีว่า เคนนี่ทำทีมมาถูกทางแล้ว เหลือแค่การปรับให้เล่นได้คงเส้นคงวาและสม่ำเสมอกว่านี้
ผมไม่ได้บอกว่า หงส์เล่นนัดนี้แล้ว ปีหน้าเราจะเป็นแชมป์ เพราะผมก็ว่ามันยังไม่ถึงเวลา แต่มันก็ชวนให้คิดได้ว่า อันดับแชมเปี้ยนส์ลีกปีหน้า หงส์คงได้ลุ้นเต็มตัว ปืน ไก่ เรือ เตรียมตัวไว้ให้ดี..
ปีนี้ อย่างที่รู้กันว่าหงส์มีปัญหาและเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ตั้งแต่เปลี่ยน ผจก. เปลี่ยนเจ้าของและผู้บริหาร ตลอดจนเสียแกนหลักของทีมอย่างตอร์เรสกับมาสเคราโน่ไป เจอร์ราร์ดเองก็เจ็บมากกว่าสมบูรณ์ ต้นฤดูกาลก็ลงไปป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ พื้นที่ตกชั้น
แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดก็คือการตัดสินใจแต่งตั้ง เคนนี่ เดลกลิช กลับเข้ามาคุมทีมเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งก็ทำได้ดีกว่าที่หลายคนคาดคิด สามารถทำทีมจน เกือบ จะมีโอกาสลุ้นพื้นที่ยุโรป
เคนนี่ค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ แก้ เริ่มจากเกมในบ้านที่แพ้ยากกว่าสมัยปู่รอย ที่แม้แต่ทีมน้องใหม่อย่าง แบล็คพูล ยังกล้า ๆ บุกมาคว้า 3 แต้ม ปรับแผงหลังให้แน่นขึ้น สเคอร์เทลกลับมาเล่นคู่กับคาร์ร่าได้อย่างแข็งแกร่ง รวมถึงการกล้าใส่เด็กรุ่นใหม่อย่าง เจย์ จอห์น แจ็ค และ จอนโจ้ รวมทั้งการทำให้เดิร์ค เคาท์ กลับมาเป็น เพชฌฆาตผมทอง ได้อีกครั้ง
ปีหน้าถ้าได้งบทำทีมมากพอสมควร แล้วซัวกับแคร์จูนกันติดได้ หาปีกดี ๆ หากลางรับดี ๆ ได้แบ็คที่เติมเกมบุกมันส์ ๆ กว่านี้ ไม่อยากจะคิดว่าจะได้ ลุ้น สนุกแค่ไหน
ในนามของเด็กหงส์..ผมรู้ดีว่าเล่นดีแค่นัดเดียว มันไม่ได้ทำให้เป็นแชมป์ได้ แต่การจะเป็นแชมป์อะไรซักอย่าง มันก็ต้องเริ่มจากการสร้างทีมให้เล่นเป็นระบบและสร้างความหวังให้กับแฟนบอลเชื่อมั่นได้ว่า บุกเข้าไปเถอะ...เดี๋ยวก็ยิงได้
ปีนี้ ชัยชนะของลิเวอร์พูลหลายนัด ไม่ว่าจะนัดชนะเชลซี แมนฯ ยูไนเต็ด หรือ แมนฯ ซิตี้ เกิดขึ้นบนความทุ่มเท มุ่งมั่น แต่ไม่ได้เกิดจากการบดขยี้ และบุกเข้าใส่ บางนัดกลับเจอคู่แข่งบุกกดดันจนโงหัวไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
อย่างน้อย สิ่งที่อยู่เหนือกว่าชัยชนะ ที่แสดงออกบนตัวเลข 5-0 เมื่อคืน คงเป็นฟอร์มการเล่นที่แฟนบอลทุกคนอยากเห็น แต่ไม่เคยได้เห็นมานาน ถึงนัดนี้ชนะแล้วนัดหน้าอาจจะแพ้
แต่แฟนบอลทุกคนก็เชื่อว่า การจะสร้างให้ลิเวอร์พูล กลับมาเป็น "ลิเวอร์พูล" จริง ๆ คงไม่มีใครทำได้ นอกจากผู้ชายที่ชื่อว่า "เคนนี่ เดลกลิช" คนนี้คนเดียวเท่านั้น..