ความคิดเห็นที่ 1 --- แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 10:36:57 จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:33:08

ความคิดเห็นที่ 2 No 1: 1992-93 - แชมป์แรกของป๋า : ใครจะไปรู้ยุคสมัยของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะมาพร้อม กับ ยุคสมัยของ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ว่ากันว่า ครั้งแรกนั้นมักจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุด และเมื่อมันเป็นครั้งแรกจากการรอคอยอันยาวนานถึง 26 ปี มันย่อมยากมากขึ้นอีกหลายเท่า และแน่นอนว่าแชมป์นี้ของปีศาจแดงย่อมไม่มีทางได้มาอย่างง่ายๆ หลังจากต้องผิดหวังในการคว้าตัว อลัน เชียเรอร์ ที่เลือกเดินจากเซาป์แธมป์ตันสู่ แบล็คเบิร์น ด้วยค่าตัว 3.6 ล้านปอนด์ที่เป็นสถิติในเวลานั้น ยูไนเต็ดก็ต้องเผชิญกับอีกข่าวร้ายเมื่อปีกตัวเก่งอย่าง ลี ชาร์ป ต้องพักยาวถึง 3 เดือนเนื่องจากโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ นั่นทำให้ปีศาจแดงเริ่มต้นฤดูกาลอย่างไร้ฟอร์มทีมล่าแชมป์ หาชัยชนะไม่เจอถึง 7 เกมติด และ อยู่เพียงแค่ที่ 10 ของตารางคะแนน ในเดิอนพฤศจิกายน ....ใครจะคิดว่าพวกเขาจะมีลุ้นแชมป์ในปีนั้น จนกระทั่งการมาถึงของชายที่ชื่อ ...."เอริก คันโตน่า".... ด้วยค่าตัวเพียง 1.2 ล้านปอนด์ จากลีดส์ ยูไนเต็ด ดาวเตะชาวฝรั่งเศสรายนี้เหมือนเป็นส่วนเติมเต็มให้กับยอดทีมจากโอล์ด แทรฟฟอร์ด คันโตน่า ในตำแหน่งหน้าต่ำคอยสบับสนุน มาร์ค ฮิวจ์ เปิดโอกาสให้ ไบรอัน แมคแคลร์ ถอยตัวเองลงไปคุมแดนกลางคู่กับ พอล อินซ์   หลังจากนั้น ปีศาจแดงก็ใส่เกียร์ห้าเดินหน้าแซง นอริช และ แอสตัน วิลล่า ด้วยการคว้าสามแต้มทุกเกมใน 7 เกมสุดท้าย คว้าแชมป์ด้วยการทิ้งห่างอันดับสองถึง 10 คะแนน การคว้าแชมป์ในปีนั้นเหมือนกับการตบรางวัลให้กับนักเตะที่รับใช้สโมสรมายาวนานที่สุดในยุคนั้นอย่าง ไบรอัน ร็อบสัน 12 ปีในสีเสื้อ ยูไนเต็ด ตอบแทนด้วยแชมป์ก่อนที่ กัปตัน มาเวล จะค่อยๆถูกทดแทนด้วยเด็กห้าวจากน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ชื่อ รอย คีน ที่เดินทางเข้าสู่ชายคาโอล์ด แทรฟฟอร์ด ในช่วงเดือน กรกฎาคม ด้วยค่าตัว 3.7 ล้านปอนด์ กำลังหลัก ปีเตอร์ ชไมเคิล, พอล ปาร์กเกอร์, แกรี่ พัลลิสเตอร์, เดนิส เออร์วิน, ไรอัน กิ๊กส์. พอล อินซ์, ลี ชาร์ป, เอริก คันโตน่า, มาร์ค ฮิวจส์, ไบรอัน แมคแคลร์, เคลย์ตัน แบ็คมอร์, อังเดร แคนเชลสกี้, D Ferguson (ผมเดาว่า ดาเรน ฟอร์กูสัน รึเปล่าครับ) จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:40:58

ความคิดเห็นที่ 3 No 2: 1993-94 – ไร้เทียมทาน: ตรงกันข้ามกับแชมป์แรก....แชมป์ที่สองของเฟอร์กี้นั้นดูเหมือนจะง่ายกว่ากันเยอออออะ ขึ้นเป็นจ่าฝูงตั้งแต่เกมที่ 4 และ ยิงยาวถึงจบฤดูกาล ด้วย 8 คะแนนห่างจากทีมอันดับสองอย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และ 92 คะแนน จาก 42 นัด ที่ยังเป็นสถิติของ 42 นัด คันโตน่า ที่ซัดไป 25 ตุงทุกรายการเป็นตัวชูโรงของทีมอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อรวมกับ กิ๊กซี่, ชาร์ปี้, แคนแคน, สปาร์กกี้ และ น้องใหม่อย่าง คีโน่ ที่นัดกันท็อปฟอร์ม ทุกอย่างก็ดูง่ายไปหมดสำหรับปีศาจแดง ง่าย..เพราะว่า คู่แข่งของพวกเขาในยุคนั้นไม่รู้จะรับมือกับแผนหน้า 6 ตัว ของเฟอร์กูสันยังไง และ ง่าย เพราะ 11 ตัวแรกของเฟอร์กี้ในยุคนี้แหล่ะ ที่ว่ากันว่าเป็น 11 ตัวที่แข็งที่สุดของเขา (หน้า 6 ผู้แปล แปลจาก 'front six' ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะมาจาก 4-(4+2) หน้า 2 + กลาง 4 เพราะยูไนเต็ดในยุคนั้นบุกแหลก และ ยิงได้ทุกตัว) ปีศาจแดงป้องกันแชมป์ฤดูกาลนี้อย่างสบายๆ ก่อนที่จะควบสองแชมป์ด้วยการต้อนเชลซี ในเอฟเอ คัพ 4-0 ตำหนิเดียวของพวกเขาในฤดูกาลนี้ คือ การพลิกปราชัยให้ แอสตัน วิลล่า ในรอบชิงชนะเลิศถ้วย ลีก คัพ ชวด สาม แชมป์ภายในไปอย่างหน้าเสียดาย และเป็นฤดูกาลนี้แหล่ะ ที่แฟนลิเวอร์พูลรายหนึ่งชูป้ายที่ว่า “ชิ่วชิ่ว คันโตน่า และ แมน ยู ให้ได้แชมป์ 18 สมัยก่อนนะค่อยมาคุยกัน” : "Au revoir Cantona and Man United, come back when you've won 18"   ซึ่งในตอนนั้นปีศาจแดงเพิ่งได้แชมป์สมัยที่ 8 และยังห่างจาก หงส์แดงถึง 10 สมัย ใครจะไปรู้ว่าข้อความวันนั้น จะตามมาหลอนบรรดาแฟนบอลลิเวอร์พูลในวันนี้ กำลังหลัก: ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, พอล ปาร์กเกอร์, แกรี่ พัลลิสเตอร์, เดนิส เออร์วิน, พอล อินซ์, รอย คีน, เอริก คันโตน่า, ไรอัน กิ๊กส์, อังเดร แคนเชลสกี้ส์, มาร์ก ฮิวจส์, ไบรอัน ร็อบสัน, ไบรอัน แมคแคร์ จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:44:06

ความคิดเห็นที่ 4 ประสบความสำเร็จที่สุดหรือไม่ ยังไม่รู้ เพราะสถิติมีการทำลายกันตลอด แต่ดีอย่างต่อเนื่องที่สุดใช่แน่ๆ ยี่สิบกว่าปี คงไม่มีใครทำได้แล้ว สำหรับผู้จัดการทีมคนเดียว ผมถึงให้ความเคารพเซอร์อเล็กซ์ เป็นอันดับแรก นักเตะและทีมถัดมา แต่เกลียดทั้งหมดที่เป็นยูไนเต็ด ไม่ใช่เพิ่งมาเกลียด เกลียดตั้งแต่ปลายยุค 70 แล้ว ไม่รู้ว่าเกลียดเพราะอะไรเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะถูกปลูกฝัง และอีกอย่าง ตอนยูไนเต็ดยังไม่กลับมายิ่งใหญ่ เป็นทีมที่เรดส์ เอาชนะในเกมยากมากด้วยละมัง จากคุณ : majuay เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:49:46

ความคิดเห็นที่ 5 No 3: 1995-96 – คบเด็กสร้างบ้าน: ฤดูกาลนี้แหล่ะ ที่ตำนานของทีมหงส์แดงอย่าง อลัน แฮนเซ่น หล่นความเห็นประวัติศาสตร์ในรายการ Match of the Day ว่า “คุณไม่มีทางชนะรายการไหน ด้วยเด็กเมื่อวานซืน” ซึ่งดูเหมือนว่ามันก็น่าจะจริงของ แฮนเซ่น เพราะ หลังเสียแชมป์ให้แบล็คเบิร์น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนอยู่ในสภาพแพแตก แกนหลักอย่าง อินซ์, ฮิวจ์ส และ แคนเชลสกี้ส์ ถูกปล่อยตัวออกจากทีม ส่วนที่ได้มาเพิ่มก็แค่ลูกนกหัดบิน 5 ตัว จากทีมเยาวชนที่ชื่อว่า เดวิด เบคแฮม, นิกกี้ บัตต์, พอล สโคลส์ และ พี่น้อง เนวิลล์ ..... แต่การกลับมานำทัพหลังจากถูกแบนยาว 9 เดือนของพยาอินทรีอย่าง เอริค คันโตน่า ก็บินนำลูกนกเหล่านั้นบินเข้าป้ายอย่างองอาจ 19 ประตูของ เอริค ส่ง ยูไนเต็ด สู่สองแชมป์อีกครั้ง และแน่นอน ว่า หนึ่งในนั้นรวมถึงการมูนวอร์ค วอลเลย์ คว่ำลิเวอร์พูล อย่างเจ็บปวดในรอบชิงเอฟเอคัพ ที่เวมบลีย์   http://www.youtube.com/watch?v=Vz9ulOKhJ-c นั่นส่งให้ปีศาจแดงเป็นทีมแรกในประวัติศาตร์ ที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ถึงสองครั้ง แต่คนที่เจ็บปวดในฤดูกาลนั้นไม่ได้มีแค่ลิเวอร์พูล เท่านั้น ศิษเก่าหงส์แดง เควิน คีแกน ผู้จัดการทีมนิวคาสเซิล ในขณะนั้นเป็นอีกคนที่เจ็บปวดสุดๆ คีแกน นั้นโดนสงครามประสาทของป๋าเล่นงานจนหลุดในการสัมภาษณ์ครั้งนึงอย่างฉุนเฉียวว่า “ผมจะสะใจมากถ้าสามารถขยี้พวกเข้าได้” แต่ก็นั่นแล่ะ....คีแกนไม่มีโอกาสที่จะได้สะใจอย่างนั้นเพราะเป็นปีศาจแดงที่พลิกแซงสาลิกาดงเข้าป้ายอย่างเหลือเชื่อ กำลังหลัก ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, แกรี่ เนวิลล์, สตีฟ บรูซ, แกรี่ พัลลิสเตอร์, เดนิส เออร์วิน, นิกกี้ บัตต์, รอย คีน, เดวิด แบคแฮม, เอริค คันโตน่า, แอนดี้ โคล, พอล สโคลล์, ฟิลลิป เนวิลลล์, ลี ชาร์ป จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:51:06

ความคิดเห็นที่ 6 #4 ณ ตอนนี้ต้องรู้ไว้ ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษนะครับ ส่วนใครจะมาทำลายสถิติก็ว่ากันไป แต่ประสบความสำเร็จที่สุด ณ ตอนนี้ กับแชมป์ 19 สมัย สูงสุดในอังกฤษแน่ๆครับ จากคุณ : beckkeng_7 เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:53:05

ความคิดเห็นที่ 7 No 4: 1996-97 – เซย์ กู๊ดบาย ทู  ก็องโต้ : เรื่องราวหลักในฤดูกาลนี้คงหนีไม่พ้อนสองเรื่องราวจากสองกองหน้าของทีม ดาวยิงหน้าละอ่อนจากนอร์เวย์ที่ย้ายจากโมลล์สู่ยูไนเต็ดด้วยค่าตัวแสนถูก 1.5 ล้านปอนด์ หลายคนโยนเครื่องหมายคำถามอันเบ้อเริ่มเทิ่มใส่เฟอร์กี้ทันที โดยหารู้ไม่ว่าดาวยิงรายนี้จะเป็นตำนานคนถัดไป แต่ โซลชาร์ เองก็ไม่ปล่อยให้บรรดาแฟนๆงงกันนาน เมื่อจัดการ กระทุ้ง 19 ประตูในฤดูกาลแรกของเขาในสีเสื้อปีศาจแดงช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์สมัยที่ 11 เช่นเดียวเพื่อนร่วมชาติของ โอเล่  ที่ชื่อ รอนนี่ ยอนเซ่น ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เมื่อสืบทอดตำแหน่งของ สตีฟ บรูซ ที่ปลดเกษียณได้อย่างน่าพอใจ ในแผงกลาง เด็กหนุ่มเบอร์ 10 ที่ชื่อ เดวิด เบคแฮม ก็เป็นอีกคนที่มีฤดูกาลที่สวยงามกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อ  ยิงประตูประวิติศาสตร์ จากครึ่งสนามในนัดแรกกับ วิมเบอร์ดัน และนั่นก็ส่งให้เจ้าตัวคว้าหมวกใบแรกในทีมชาติอังกฤษ http://www.youtube.com/watch?v=rCeOo0QLxAw ปีศาจแดงจบฤดูกาลห่างจากที่สองอย่าง อาร์เซน่อล และ นิวคาสเซิ่ล 7 คะแนน และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนที่จะพ่ายแก่ ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเป็นแชมป์ในปีนั้น แต่อย่างที่บอกไว้ว่าฤดูกาลนี้เป็นเรื่องของสองดาวยิง... เมื่อตำนานคนหนึ่งเข้ามา...ตำนานอีกคนหนึ่งก็เดินจากไป เอริก คันโตน่า ตัดสินใจประกาศเลิกเล่นหลังจากจบฤดูกาลนั้น ทุกคนตกใจกับการตัดสินใจของศิลปินลูกหนังชาวฝรั่งเศส แต่ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจเขาได้ และ เขาก็เดินจากไปอย่างเงียบๆตามสไตล์ของเขา แน่นอนว่ามันคือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของปีศาจแดง แม้ว่าพวกเขาจะคว้า กองหน้ามากประสบการณ์ที่โหยหาแชมป์ลีกอย่าง เท็ดดี้ เชอร์ริ่งแฮม มาแทนได้ แต่นั่นย่อมไม่อาจทดแทนได้ในทันที ปีศาจแดงจบฤดูกาลถัดไปด้วยความว่างเปล่า... แต่ภายใต้การกุมบังเหียนของ เฟอร์กูสัน ..เชอร์ริ่งแฮม และ พลพรรคปีศาจแดงไม่ต้องรอนานที่จะสร้างประวิติศาสตร์ อีกครั้ง กำลังหลัก ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, แกรี่ เนวิลล์, เดวิด เมย์, รอนนี่ ยอนเซ่น, เดนิส เออร์วิน, รอย คีน, นิกกี้ บัตต์, เดวิด แบคแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, เอริก คันโตน่า, โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์, แอนดี้ โคล, คาเรล โพบอลสกี้, พอล สโคลล์, ฟิล เนวิลล์, จอร์ดี้ ครัฟฟ์ จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:58:07

ความคิดเห็นที่ 8 No 5: 1998-99 - ปฏิบัติการ สามแชมป์: ง่ายๆ นี่คือฤดูกาลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำทัพด้วยคู่กองหน้านิลฬการที่เข้าขากันทั้งในสนาม และ ในห้องนอน อย่าง ดไวท์ ยอร์ค และ แอนดี้ โคล แผงมิดฟิลด์ที่ขับเคลื่อนด้วยจอมทัพอย่าง รอย คีน, ไรอัน กิ๊กส์ และแน่นอน เดวิด แบ็คแฮม ที่ทั้งเปิดทั้งปั่นจนคว้าอับดับสองในตำแหน่งบังลงดอร์ แพ้แค่ ริวัลโด้ แผงหลัง และ ผู้รักษาประตูที่แข็งแกร่ง นำโดย ยาป สตัมป์, ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล และ แกรี่ เนวิลล์ ขุมกำลังสุดปึ๊กชุดนี้แหล่ะที่ช่วยกันไล่ล่าทุกแชมป์ที่พวกเขาลงแข่งขัน แต่ถึงจะมีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง ก็ใช่ว่าเส้นทางสู้ความสำเร็จของปีศาจจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะว่าฟุตบอลลีกในปีนั้นต้องลุ้นกันอย่างเต็มเหยียดจนถึงนัดสุดท้ายที่ปีศาจแดงคว้าชัยชนะเหนือ สเปอร์ส เข้าป้ายอันดับหนึ่ง มีแต้มเหนือแชมป์เก่าอาร์เซน่อลแค่ 1 คะแนน เอฟเอ คัพ ที่แม้จะดูเหมือนง่ายในนัดชิงที่ ชนะ นิวคาสเซิล ไปเบาะๆ 2-0 แต่โดยเส้นทางแล้วไม่ง่ายเลยโดยเฉพาะรอบรองชนะเลิศนัดที่สองที่ กิ๊กส์ โซ่โล่เดี่ยว เข้าไปยิงประตูชัย ผ่านเข้ารอบชิงแบบหืดจับ http://www.youtube.com/watch?v=quI_LkMj4HI ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ยิ่งตอกย้ำความดราม่า ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มแห่งความตาย ที่มีทั้ง บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค เรื่อยไปจนถึงรอบรองชนะเลิศที่ไล่ตีเสมอ ยูเวนตุส ในบ้านนาทีสุดท้าย ก่อนที่นัดสองจะไล่ แซงม้าลายจาก 2-0 มาชนะ 2-3 ถึงตูริน และแน่นอน นัดชิงชนะเลิศที่กระชากอารมณ์ถึงขีดสุดเมื่อ เชอร์ริงแฮม และ โซลชาร์ ตะบันสองตุงจากสองลูกเตะมุมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บพลิกกลับมาชนะ บาเยิร์น มิวนิคได้อย่างเหลือเชื่อ 2-1 http://www.youtube.com/watch?v=zIpdpYSeOi4 ทำให้ ยูไนเต็ด เป็นทีมแรกและทีมเดียวของอังกฤษที่สามารถคว้า เทรบเบิล แชมป์ ได้สำเร็จ เทรบเบิล แชมป์....ช่างเป็นการเลี้ยงฉลองการอำลาสนามของผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในตำนานสโมสร และ บางที...ในโลก ที่ชื่อว่า ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล อย่างสมศักดิศรี กำลังหลัก ปีเตอร์ ชไมเคิล,แกรี่ เนวิลล์, ยาป สตัมป์, รอนนี่ ยอห์นเซ่น, เดนิส เออร์วิน, เดวิด เบคแฮม, รอย คีน, พอล สโคคล์. ไรอัน กิ๊กส์, ดไวท์ ยอร์ค, แอนดี้ โคล, นิกกี้ บัตต์, เยสเปอร์ บลอมควิสต์,  เท็ดดี้ เชอร์ริ่งแฮม, โอเล่ โซชาร์, ฟิล เนวิลล์ จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:05:40

ความคิดเห็นที่ 9 No 6: 1999-2000 –ไร้คู่แข่ง : ปุจฉา จะทำอย่างไรต่อดีหลังจากเพิ่งฟาดสามแชมป์ วิสัจนา เป็นแชมป์ลีกด้วยแต้มห่างจากอันดับสองเป็นประวัติศาสตร์ 18 แต้ม และ ยิงสลุตเป็นสถิติที่ 97 ลูก แม้ว่า มาร์ค บอสนิช และ มัสซิโม่ ตาอิบี้ จะนัดกันล้มเหลวไม่เป็นท่าในการสืบทอดตำแหน่งนายด่านต่อจาก เดอะ เกรทเดน และ แม้ว่านักเตะหลายคนต้องปิดเทอมยาวทั้ง เยสเปอร์ บลอมควิสต์, เวส บราวน์, เดวิด เมย์ และ  รอนนี่ ยอห์นเซ่น แต่...คู่หน้ามหาประลัยยังคงร้อนแรงต่อเนื่องจากฤดูกาลที่แล้ว ยอร์ค และ โคล ช่วยกันถล่มไป 46 ประตู ขณะที่โคตรกัปตัน คีโน่ ทำผลงานได้ดีที่สุดฤดูกาลหนึ่งในสีเสื้อปีศาจแดง ซัดไป 12 ประตู http://www.youtube.com/watch?v=e5Rb9GRkxfU นั่นทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เถลิงบัลลังค์แชมป์ได้อย่างไร้คู่แข่ง ทำคะแนนเหนืออันดับสองถึง 18 คะแนน และยิงต่ำร้อยไปแค่ 3 กำลังหลัก มาร์ค บอสนิช, แกรี่ เนวิลล์, ยาป สตัมป์, มิกาเอล ซิลแวสตร์, เดนิส เออร์วิน, เดวิด เบคแฮม,รอย คีน, พอล สโคลล์, ไรอัน กิ๊กส์, ดไวท์ ยอร์ค, แอนดี้ โคล, ฟิล เนวิลล์, นิกกี้ บัตต์, เท็ดดี้ เชอร์ริ่งแฮม,เฮนนิ่ง เบิร์ก จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:10:19

ความคิดเห็นที่ 10 No 7: 2000-01 – แฮตทริก(แรก): อีกหนึ่งก้าวประวัติศาตร์ของปีศาจแดง แผงฤทธิ์ แฮตทริกแชมป์ลีก จะว่าไปฤดูกาลนี้ก็ไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่นักสำหรับพลพรรคปีศาจแดง เมื่อพวกเขาจัดการอัดอาร์เซน่อล 6-1 และคว้าแชมป์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งนั่นทำให้พวกเค้าเป็นทีมที่สี่ในประวัตศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษที่สามารถผูกขาดแชมป์ลีกสูงสุด สามครั้งติดต่อกัน ต่อจาก ฮัดเดอร์สฟิลด์ ในช่วงปี 1920 อาร์เซน่อล 1930 และ แน่นอน ลิเวอร์พูลยุค 1980 ฤดูกาลนี้ปํญหาหน้าปากประตูขงอปีศาจแดงดีขึ้นมานิด จากการมาของแชมป์โลกหัวเหม่งที่ชื่อ ฟาร์เบียน บาร์กเตซ ขณะที่ในแดนหน้าหาใช่คู่หูนิลกาฬที่สนุกสนานกับการส่งบอลเข้าตาข่าย...หากแต่เป็นขิงแก่อย่าง น้าหมี เท็ดดี้ เชอร์ริ่งแฮม ที่ซัดไปถึง 21 ตุง เป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขา กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด http://www.youtube.com/watch?v=ZJVja_-kRzU แต่ทว่านั่นก็เป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขาในถิ่นโอล์ด แทรฟฟอร์ดเช่นกัน เพราะในช่วงปิดฤดูกาล...ศูนย์หน้าตัวใหม่จากพีเอสวี ไอโฮเฟ่นที่ชื่อว่า รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้เข้ามาสวมเสื้อเบอร์ 10 แทนเขา กำลังหลัก ฟาร์เบียง บาร์กเตซ, แกรี่ เนวิลล์, เวส บราวน์, มิกาเอล ซิลแวสตร์. ฟิล เนวิลล์, เดวิด เบคแฮม, รอย คีน, พอล สโคลล์, ไรอัน กิ๊กส์, โอเล่ โซลชาร์, แอนดี้ โคล, ดไวท์ ยอร์ค, นิกกี้ บัตต์, เดนิส เออร์วิน จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:14:53

ความคิดเห็นที่ 11 No 8: 2002-03 – ลุกจากหลุม ถึงแม้ว่าในฤดูกาลแรกของ โคตรกองหน้าอย่าง รุด ฟาน นิสเตอรอย จะกระทุ้งไปถึง 23 ประตูในเกมลีก รวมถึงการยิงรวดติดต่อกันถึง 8 นัด แต่ปีศาจแดงก็จบฤดูกาลนั้นด้วยมือเปล่า นั่นทำให้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องทุ่มทุนกระชากตัวปราการหลังดาวโรจน์แห่งยุคอย่าง ริโอ เฟอร์ดินาน มาจากคู่อริอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 29.1 ล้านปอนด์ แต่ก็ใช่ว่านั่นจะทำให้ป๋า และ ลูกป๋า คว้าแชมป์มากอดได้ง่ายๆ เพราะในช่วงก่อนคริสมาสต์นั้น พวกเขายังตามหลังแชมป์เก่าอย่าง อาร์เซน่อล ถึง 8 คะแนน แต่ด้วยปฏิบัติการผีลืมหลุมที่เริ่มต้นหลังจากบอกซิ่งเดย์ พวกเขาดินหน้าเก็บสามแต้มแล้ว สามแต้มเล่า โดยพลาดไปแต่สามนัดเท่านั้น ส่งให้ยอดทีมจากโอล์ดแทรฟฟอร์ดพลิกกลับมาเข้าป้ายเหนือไอ้ปืนใหญ่ 5 คะแนน แน่นอนว่า 44 ประตูจาก รุด ฟาน นิสเตลรอย คือ กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ แต่ต้องไม่ลืมว่านี่คือฤดูกาลที่บรรดากำลังหลักอย่าง กิ๊กส์, สโคลล์, โซลชาร์ สมานฉันท์นัดกันยิงเกินสิบลูก http://www.youtube.com/watch?v=q0rmQYf8mrI นี่คือ แชมป์แรกลีกครั้งแรกของ รุด และ แชมป์สุดท้ายของตำนานเบอร์ 7 เดวิด เบคแฮม ที่ต้องเดินหอบคิ้วช้ำๆออกจากโอล์ด แทรฟฟอร์ด สู่ เบอร์นาเบว และนั่นส่งผลให้ฤดูกาลถัดไป อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ไปครองแบบไร้พ่าย จนผู้คนขนานนามไอ้ปืนใหญ่ชุดนั้นว่า “Invincible Arsenal” กำลังหลัก ฟาร์เบียง บาร์กเตซ, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอห์น โอเชีย, มิกาเอล ซิลแวสตร์, เดวิด เบคแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลล์, รุด ฟาน นิสเตลรอย, โอเล โซชาร์, ฮวน เซบาสเตียน เดอะ ฟักกิ้ง เกรต เพลย์เยอร์ เวรอน, โลลองต์ บลอง, นิกกี้ บัตต์. แกรี่ เนวิลล์. ฟิล เนวิลล์, รอย คีน, เวส บราวน์, ดิเอโก้ ฟอร์ลัน แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 12:12:52 จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:19:21

ความคิดเห็นที่ 12 No 9: 2006-07 – ยุคใหม่ ทีมใหม่...อีกครั้ง : หลังจากมือเปล่าติดต่อกันถึงสามฤดูกาล...ก็ถึงเวลาที่ ยอดกุนซือ อย่าง เฟอร์กี้ จะค่อยๆสร้างทีมของเขาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกันมาจากบอลโลกปี 06 ทีประเทศเยอรมัน แต่ทว่าเมื่อกับมาสู่โอล์ด แทรฟฟอร์ด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เวย์น รูนี่ย์ ประสานงานกันได้อย่างไร้ที่ติ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคใหม่สร้างขึ้น โดยใช้แกนหลักในเกมรับอย่าง เอ็ดวิน ฟานเดอร์ซาร์, ริโอ เฟอร์ดินานด์. เนมันย่า วิดิช และ ไมเคิล คาร์ริก แต่ถึงอย่างนั้นในแดนหน้าก็ร้อนแรงไม่ใช่เล่น รูนี่ย์ และ โรนัลโด้ ช่วยกันถลุงไปทั้งสิ้น 46 ประตูในทุกรายการ 8 นักเตะปีศาจแดงในปีนั้น มีชื่ออยู่ใน PFA ทีมประจำปี และนั่นทำให้ถ้วยพรีเมียร์ชิพ ได้มีโอกาสกลับบ้านที่โอล์ดแทรฟฟอร์ดอีกครั้ง พร้อมกับตัดโอกาส เชลซี ของ มูริญโย่ ในการคว้าแชมป์สามสมัยติดต่อกัน แชมป์ในครั้งนั้นยังส่งให้ ไรอัน กิ๊กส์ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาครองเป็นสมัยที่ 9 เท่ากับ ตำนานหงส์อย่าง อลัน “คบเด็กสร้างบ้าน” เฮนเซ่น และ ฟิล นีล และแน่นอนนี่คือแชมป์ครั้งแรกของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคใหม่ ในอุ้งมือ ของ ครอบครัว เกลเซอร์ เดอะ แยงค์ กำลังหลัก เอ็ดวินด์ ฟาน เดอซาร์, แกรี่ เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช. พราทริซ เอฟรา, พอล สโคลล์, ไมเคิล คาร์ริก, ดาเรน เฟลทเชอร์, ไรอัน กิ๊กส์. คริสเตียโน่ โรนัลโด้. เวย์น รูนี่ย์. กาเบรียล ไฮเซ่, เวส บราวน์, หลุยส์ ซาฮา, โอเล่ โซลชาร์, จอห์น โอเชีย จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:21:37

ความคิดเห็นที่ 13 No 10: 2007-08 – คู่ปรับเชลซี หลังจาก โรมัน อับราโมวิช น็อตหลุด ตะเพิด เดอะ สเปเชียล วัน โชเซ่ มูริญโย่ พ้นจากตำแหน่งผู้จัดการทีมเชลซี.. ตำนานบทสั้นๆของคู่ปรับคู่ใหม่ อย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ ฮัฟราม แกรนท์ ผู้จัดการคนใหม่ของเชลซีก็เริ่มขึ้น ปีศาจแดงออกตัวฤดูกาลนี้อย่างช้าๆ แต่ทว่าด้วยฟอร์มอันร้องแรงของสามประสานเกมรุก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 42 ประตู (31 ประตูในลีก) เวย์น รูนี่ย์ 18 ประตู และ คาร์ลอส เตเวซ 19 ประตู พวกเขาช่วยให้ แมน ยู  ขับเคี่ยวกับ เชลซี และ อาร์เซน่อล อย่างดุเดือด ตลอดทั้งฤดูกาล... โดยแชมป์ลีกในปีนั้นต้องรอกันจนถึงนัดสุดท้าย เมื่อลูกทีมของเฟอร์กูสัน เก็บใชชนะในนัดที่ 38 ส่งให้พวกเขาเฉือนเข้าป้ายเหนืออันดับสองอย่างสิงบลูแค่ 2 คะแนน แต่การขับเคี่ยวกันระหว่างสองคู่ปรับมุมแดง และ มุมน้ำเงินนั้นไม่ได้จบลงแค่ในอังกฤษ พวกเขายังต้องไปขับเคี่ยวกันต่อที่มอสโคว์ ในรอบชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก... กัปตัน จอห์น เทอรี่ ที่ลื่นล้มในการดวลจุดโทษ เปิดโอกาสให้ปีศาจแดงลุกจากหลุมอีกครั้ง ก่อนที่นายทวารประสบการณ์สูงอย่าง ฟาน เดอร์ซา จะเซฟ จุดโทษของ นิโกล่า อเนลก้า และนั่น...ทำให้ทีมสีแดงจากเมือง แมนเชสเตอร์ ขึ้นเป็นเจ้ายุโรปอีกครั้ง....ในโอกาสครบรอบ 50 ปี โศกนาฏกรรมที่มิวนิค และเป็นผู้รอดชีวิตจาก 50 ปีที่แล้วที่ชื่อ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่เดินนำหลานๆ ของเขาขึ้นรับเหรียญชนะเลิศจากนโปเลียนลูกหนัง มิเชล พลาตินี่ http://www.youtube.com/watch?v=BhtnytPvd_w&feature=related กำลังหลัก เอ็ดวินด์ ฟาน เดอร์ซา, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช, พราทริซ เอฟร่า, ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลล์, ไมเคิล คาร์ริก, นานี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์, คาร์ลอส เตเวซ, แอนเดอร์สัน,จอห์น โอเชีย, พาร์ก จี ซุง แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 11:30:15 จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:29:39

ความคิดเห็นที่ 14 No 11: 2008-09 – แฮททริก (อีกแล้ว) นี่คือฤดูกาลที่พวกน่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อยสำหรับสาวก เรด อาร์มี่ เพราะฤดูกาลนี้คือฤดูกาลที่ ยูไนเต็ด มีโอกาสที่จะทำสถิติคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 18 ครั้งเท่ากับยอดทีมในอดีตอย่างลิเวอร์พูล และมันก็คงไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่านี้ เมื่อทีมสีแดงจากเมอซี่ย์ไซด์ ลุกขึ้นมาป้องกันตำแหน่งด้วยตัวเอง ภายใต้การนำของ เอล ราฟา ...บรรดสาวกหงส์แดงฝันว่าพวกเค้าจะบินสูงอีกครั้ง ลิเวอร์พูล เหมือนจะไม่ยอมให้ใครมาทาบความสำเร็จได้ง่ายๆ หงส์แดงอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงช่วงก่อนปีใหม่ แต่ก็เป็น ลูกทีมของเฟอร์กูสัน ที่ทำในสิ่งที่พวกเค้าทำสำเร็จมาแล้ว ครั้งแล้ว ครั้งเล่า กวาดชัยชนะ 11 และ เสมอแค่ 1 จาก 12 เกมสุดท้ายของฤดูกาลนั้น คว้าแชมป์เหนือ ลูกทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ ไปเพียงแค่ 4 คะแนน ในฤดูกาลนั้นในแผงรุกของทีมปีศาจแดงนั้นดูน่าเกรงขรามเป็นอย่างยิ่งโดยผู้มาใหม่ด้วยค่าตัว 30.75 ล้านปอนด์ อย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กระทุ้งไป 14 ประตู คาร์ลอส เตเวซ 15 ประตู เวย์น รูนี่ย์ 20 ประตู และ แน่นอน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 26 ประตู ถึงแม้ว่าในเกมรุกของปีศาจแดงจะดูน่าเกรงขาม แต่ทว่า จริงๆแล้วหัวใจหลักของทีมในชุดนั้นคือความแข็งแกร่งในเกมรับ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ซา ได้สร้างสถิติใหม่ อันเหลือเชื่อให้กับตัวเขาเองและสโมสร ด้วยการไม่เสียประตูติดต่อกันถึง 14 นัด.. และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาคว้าแชมป์สมัยที่ 18 มาครอง พร้อมทำสถิติทาบลิเวอร์พูลได้สำเร็จ นอกจากนี้ปีศาจแดงยังเป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์ลูกหนังอังกฤษที่คริงแชมป์ติดต่อกันสามสมัยได้ถึงสองวาระ แต่ ใช่ว่าทุกๆอย่างจะสุขสมหวังในตอนจบ... แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้อย่างหมดรูป ให้กับบาร์เซโลน่า และ โรนัลโด้ เดินสู่เมกะลูกหนัง เบอร์นาเบว ตามรอย เบคแฮม และ ฟาน นิสเตลรอย ด้วย ค่าตัว 80 ล้านปอนด์ นั่นทำให้ปีถัดมา...เป็น เชลซีที่กลับมาครอง แชมป์ได้ กำลังหลัก เอ็ดวินด์ ฟาน เดอร์ซาร์, แกรี่ เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช, พาทริซ เอฟร่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ไมเคิล คาร์ริค, ดาเรน เฟลทเชอร์, ไรอัน กิ๊กส์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, เวย์น รูนี่ย์, แอนเดอร์สัน, คาร์ลอส เตเวซ, พาร์ก จี ซุง, พอล สโคลล์, จอห์น โอเชีย, จอนนี่ อีแวนส์, ราฟาเอล, นานี่ จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:33:45

ความคิดเห็นที่ 15 No 12: 2010-11 – ผู้เขียนประวัติศาสตร์ อืม...จริงแล้วๆ ตาแซม เค้าก็เขียนไว้นะครับ แต่ผมไม่แปลดีกว่า...ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว ผมว่าพวกเรามาช่วยๆกันเขียนฤดูกาลนี้ในแบบของเรากันดีกว่า...ดูมาเหมือนกัน ยังไม่น่าจะลืม น่าจะเขียนได้นะครับ รออ่านครับ แถมสถิติจากบีบีซีให้ครับ ผีแดง กับ ตัวเลข เตะทั้งหมด 733 เกม ใช้นักเตะทั้งหมด 132 คน ชนะ 471 เกม เสมอ 158 เกม แพ้ 104 เกม ยิงได้ 1448 ลุก เสีย 625 ลูก ได้แต้มทั้งหมด 1571 คะแนน ดาวซัลโว: กิ๊กส์ (105), สโคลล์ (102), รูนี่ย์ (102) ลงสนามมากสุด: กิ๊กส์ (573), สโคลล์ (465), แกรี่ เนวิลล์ (400) สถิติ ถึงปัจจุบันนะครับ ขอบคุณบทความต้นฉบับ โดย นายแซม ลีออน จาก เว็บไซต์บีบีซี ใครอยากตรวจทานความไม่ถูกต้องเชิญที่ http://news.bbc.co.uk/sport2/hi/football/13351862.stm สุดท้ายขอให้บรรดาผีๆมีความสุขในวันพระครับผม จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:40:12

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับ เชียร์ Cantona มาตลอดเสียดายตอนที่เลิกเล่นจริงๆ ประมาณศิลปินลูกหนังมากๆ เป็นแฟนแมนยู ตั้งแต่ Cantona มาแหละ จากคุณ : cing เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:52:44

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากนั่งรีเฟชรออ่านอยู่ ^^ จากคุณ : ManRed เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:53:42

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากครับ เสียดายมากที่กิฟหมด จากคุณ : PEDestrain เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:56:46

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับ.. จากคุณ : Level II เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:21:05

ความคิดเห็นที่ 20 จากยุคคิงเอริก ต่อด้วยทีมชุด 3 แชมป์ ยุคผลัดใบของรุด ถึงยุคชิงยุโรบ 3 ครั้งจาก 4 ปี บอกได้ว่าป๋าคือสุดยอดกุนซือหมายเลข 1 แห่งเกาะอังกฤษตลอดกาลคับ การสร้างทีมต่อเนื่องถึง 4 ชุดและยิ่งใหญ่ตลอด 20 ปีมานี่ มีใครสถติดีกว่านี้ไหมคับ จากคุณ : ล็อคอินผี เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:30:00

ความคิดเห็นที่ 21 ยิ่งอ่าน ยิ่งภูมิใจ ยังไงก็ไม่รู้ จากคุณ : มนุษย์เงินดาวน์ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:33:42

ความคิดเห็นที่ 22 F5 อยู่หลายครั้งแต่ไม่กล้าปาด อิอิ ปล. ขอบคุณจขกท.ค่ะ อ่านแล้วภาคภูมิใจ ภาพในความทรงจำค่อยๆ หมุนเข้ามา พร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆ กว้างขึ้น จากคุณ : fulllove4ever เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:45:12

ความคิดเห็นที่ 23 เปิดหัวได้นิ่มนวลเกินไปครับ แม้ว่าความหมายจะตามนั้น แต่อารมณ์ผมว่าน่าจะแรงกว่านี้หน่อยนึง ขอบคุณที่สละเวลาแปลให้เพื่อนอ่านครับ จากคุณ : z2k เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:52:47

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าเป็นผม จะประมาณนี้ครับ "ความท้าทาย...(แบล๊ะๆๆๆ)...อยากสอยแม่นนน..ลงจากคอน" อิอิ จากคุณ : z2k เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:57:20

ความคิดเห็นที่ 25 ฮ่าๆ เห็นด้วยทุกประการครับ..... เพราะโดยอารมณ์แล้ว อย่างที่คุณ z2k ว่ามาน่าจะเข้ากับสำเนียงสกอตติชของ เฟอร์กี้มากกว่า ผมก็คิดอยู่เหมือนกันครับตอนแปล แต่เห็นช่วงนี้เค้าเดือดๆ กันอยู่ ก็เลยยั้งไว้หน่อครับ จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 13:07:13

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณที่แปลมาให้อ่าครับ จากคุณ : รอมาสิบปีแล้วสินะ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 14:45:07

ความคิดเห็นที่ 27 สุดยอดครับ !!! จากคุณ : นัวร์ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 15:12:16

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่แปลให้อ่าน จากคุณ : GiggsScholes เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 15:58:40

ความคิดเห็นที่ 29 เจ๋งมากเลยครับ จากคุณ : Costacurta เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 16:51:01

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ย้ำคิดย้ำฝัน เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 17:01:19

ความคิดเห็นที่ 31 No 12: 2010-11 – ผู้เขียนประวัติศาสตร์ มันคือฤดูกาลที่แทบไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะเป็นแชมป์ หลังจากการออกตัวอย่างย่ำแย่ในช่วงต้นฤดูกาล ฟอร์มนอกบ้านของยูไนเต็ดช่วงต้นฤดูนั้นเรียกได้ว่าต้องลุ้นทุกนัดกันเลยทีเดียว ปัญหาต่างๆมากมายรุมเร้าทั้งศูนย์หน้าตัวความหวังกองหลังตัวหลักหรือแม้กระทั่งเฟอร์กี้ที่ถูกแบน! ยังไงก็แล้วแต่ด้วยการมาของคริส สมอลลิ่งทำให้ช่วงเวลาที่เฟอร์ดินานไม่อยู่ไม่ถึงกับย่ำแย่นัก และการมาของตัวรุกดาวรุ่งอายุน้อยอย่างชิชาริโต้ก็ทำให้มันเป็นไปได้ แทบไม่มีใครเชื่อว่าอยู่ดีๆเชลซีก็เครื่องดับฟอร์มตื้อ ทั้งๆที่ต้นฤดูกาลออกตัวได้อย่างน่ากลัวเป็นที่สุด เปิดโอกาสให้เหล่าเร้ดอาร์มี่พุ่งทะลุทะลวงขึ้นสู่หัวตารางได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้เจ้าสิงห์จากลอนดอนจะมาเร่งเครื่องเอาในช่วงท้ายของฤดูกาล ก็ช้าเกินกาลกว่าที่จะทำได้แถมถูกย้ำตอกความเจ็บไปด้วยเกมที่โอลแทรฟฟอร์ด และนัดก่อนสุดท้ายของฤดูกาลด้วยความต้องการแค่ 1 คะแนนพวกเขาก็ทำได้ ถือเป็นการฉลองการปิดอาชีพค้าแข้งของทั้งสองนักเตะคนสำคัญของยูไนเต็ดทั้ง เอ็ดวิน ฟานเดอซา และแกรี่ เนวิล เหลือสิ่งอื่นใด นี่คือครั้งที่ 19 ของพวกเขามากที่สุดเหนือทีมใดๆในเกาะอังกฤษ และพวกเขาจะยังคงเดินหน้าต่อไป... Go Go UNITED! แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 19:49:45 จากคุณ : little_pic เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 17:23:09

ความคิดเห็นที่ 32 แหล่มเลย จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 17:38:31

ความคิดเห็นที่ 33 ภูมิใจค่ะ ที่ได้เกิดมาเชียร์ทีมนี้ ^^ จากคุณ : berryclick เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 17:55:42

ความคิดเห็นที่ 34 สุดยอดมากครับผม ขอบคุณมากๆนะครับ ที่เขียนเรื่องนี้มาให้พวกเราได้อ่านกัน ^__^ จากคุณ : chivu เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 20:17:16

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณค่า จากคุณ : poojo_ke เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 20:22:50

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 20:31:57

ความคิดเห็นที่ 37 แฟนแมนยูครับ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ แปลได้ดีมาก จากคุณ : hunchback เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 20:40:46

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นบทความที่ดีมากครับ ขาดรูปประกอบเพิ่มความขลังอย่างเดียวจะสมบูรณ์แบบเลย แต่เท่านี้ก็เจ๋งมากแล้ว ขอบคุณฮะ จากคุณ : Noah_1_of_4lnw เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 21:20:57

ความคิดเห็นที่ 39 ผมแฟนหงส์ แต่ชอบบทความนี้มาก ๆ เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำจริง ๆ (ไม่ใช่แค่แมนยู แต่สำหรับแฟนบอลอังกฤษทั้งหมด) แค่อ่านก็ตื้นตันแล้ว อดภูมิใจด้วยไม่ได้จริง ๆ (จะว่าไปพวกเรานี่โชคดีเหมือนกันแฮะที่เกิดทันเห็นยุคแห่งความยิ่งใหญ่นี้) ขอบคุณทั้งคนเขียนบทความดี ๆ และเจ้าของกระทู้ที่แปลได้น่าอ่านมากครับ จากคุณ : เสียงดินสอ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 22:16:24

ความคิดเห็นที่ 40 รู้สึกดีใจมากที่ทั้ง 12 ครั้งมีโอกาสได้เห็นด้วยตาของตัวเองจริงๆ ไม่ต้องฟังแค่ที่เป็นเพียงเรื่องเล่าที่ สืบต่อกันมาจนฝุ่นจับ ดีใจที่เลือกเชืยร์ทีมนี้จริงๆ จากคุณ : Eglewood เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 22:18:08

ความคิดเห็นที่ 41 "ฮวน เซบาสเตียน เดอะ ฟักกิ้ง เกรต เพลย์เยอร์ เวรอน" เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่เห็นป๋าหน้าแตก "He is a fu*king great player, and you're fu*king idiot!!" จบฤดูกาล เงิบ ขายต่อให้เชลซี 16 ล้าน จากคุณ : A E Y A U D D A เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 22:19:13

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณครับ อ่านแล้วนึกถึง ก็องโต้ จริงๆ จากคุณ : Half&Half เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 22:20:58

ความคิดเห็นที่ 43 #31 และพวกเขาจะยังคงเดินหน้าต่อไป... Go Go UNITED! สุดยอดครับ จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 22:34:20

ความคิดเห็นที่ 44 สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...ครับ จากคุณ : Obram เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 22:50:39

ความคิดเห็นที่ 45 95-96 You can't win anything with kids จากคุณ : ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 23:18:51

ความคิดเห็นที่ 46 win double มันซะเลย จากคุณ : ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 23:20:56

ความคิดเห็นที่ 47 96-97 จากคุณ : ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 23:21:51

ความคิดเห็นที่ 48 au revoir canto จากคุณ : ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 23:23:38

ความคิดเห็นที่ 49 one down, two to go 1999 จากคุณ : ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 23:27:38

ความคิดเห็นที่ 50 ตอนนี้ตั้งแต่กลายเป็น"คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า"ก็เลิกซื้อเลิกอ่านโดยเด็ดขาด รังเกียจ ขยะแขยงที่จะจับ ได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำก็พอ แต่เล่มเก่าๆก็ยังไม่ได้ทิ้งไปครับ อ่านแล้วนึกถึงคุณภาพที่มันหายไป เสียดายจริงๆ จากคุณ : ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 23:31:08

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับบทความครับ   โดยส่วนตัวผมชอบทีมชุด98/99มากที่สุดเลยโดยเฉพาะเกมรุก คือรู้สึกว่าการเข้าทำมันหลากหลายมากๆ ลากเลื้อยของกิ๊กส์ ลูกครอสและฟรีคิกของเบคส์ ลูกยิงไกลของสโคลส์ ลูกชิ่งวันทูของยอร์คและโคล การลงมาพลิกเกมของโซลชาและเชอริ่งแฮม แถมยังมีช็อตเซฟแบบเหลือเชื่อของชไมเคิ่ลอีกหลายครั้ง แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 04:54:31 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 04:54:06 จากคุณ : maezono_no7 เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 01:41:35

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณสำหรับบทความ อ่านจบแล้ว มานั่งนึกว่า ตลอดชีวิตที่เลือกสิ่งดีให้กับตัวเอง หลายอย่างต้องมีแว๊บนึงที่หยุดคิดกังขาว่าเราไม่น่าเลือกสิ่งเหล่านั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือ สิ่งที่ผมไม่เคยแม้แต่เสี้ยวนึงในห้วงความคิดถึงข้อกังขาเหล่านั้น และเราจะอยู่จนแก่เฒ่าไปด้วยกัน We are United ปล.เข้าใจแล้วว่าทำไมแฟนลิเวอร์พูลในยุค80(ยุคสร้างตำนาน)จึงยังเหนียวแน่นถึงทุกวันนี้ ข้าพเจ้าขอคารวะ จากคุณ : hortman เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 03:42:20

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณครับ ที่ฉายภาพความทรงจำในอดีตให้อีกครั้ง.... วันที่แล็คเบิร์น เป็นแชมป์ ช่องเจ็ด ตัดภาพมาให้ช้ำเล่น ๆ ซะงั้น จากคุณ : MAD Magazine เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 04:24:36

ความคิดเห็นที่ 54 ความคิดเห็นที่ 38 เห็นด้วยครับ....อยากลงรูปเหมือนกัน แต่ทำไม่เป็น ปรกติเค้าลงกันยังไงเหรอครับ ใครว่างสอนหน่อย....หรือ ผมไปดูได้ที่ไหน จากคุณ : TheoneOnlyme เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 06:53:32

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่มี สตีฟ บรูซ  กัปตันทีมหรือ No 1: 1992-93 - แชมป์แรกของป๋า No 2: 1993-94 – ไร้เทียมทาน ถ้าผิดขออภัย จากคุณ : M_Meng เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 10:07:49

ความคิดเห็นที่ 56 คห. 53 นัดนั้น ที่เสมอ ค้อน เป็นนัดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเชียร์ Manchester United ตั้งแต่นั้นครับ จากคุณ : keng_ก้าง เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 10:34:24

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณมากคับ จากคุณ : alanmcmanut เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 10:42:06

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณสำหรับบทความนะคะ จากคุณ : ดอกกุหลาบสีพีช เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 11:50:08

ความคิดเห็นที่ 59 ชอบครับ ขอบคุณที่แปลมาให้ดูให้เห็น ยิ่งเห็นยิ่งภูมิใจ จากคุณ : Bierhoff เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 12:04:23

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณสำหรับบทความที่แปลให้ค่ะ เริ่มรัก Man Utd ตั้งแต่ปี 90 ตอนนี้ก็ยังรักอยู่ และจะรักตลอดไป จากคุณ : zaiseefa เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 12:45:31

ความคิดเห็นที่ 61 #56 : เหมือนกันเลยครับ  จำได้ว่าตอนนั้นช่องเจ็ดถ่ายสดและยูไนเต็ดต้องชนะเท่านั้นแต่ทำได้แค่เสมอ กล้องยังถ่ายเฮลิคอปเตอร์ที่ต้องบินวนสองสนามว่าจะเอาถ้วยจริงลงที่สนามไหนเลย  เพราะแต้มเบียดกันมามาก  สุดท้ายก็เสร็จแบล็คเบิร์น  ต้องยอมรับว่าตอนนั้น คริส ซัตตั้น กับ เชียร์เร่อ นี่แรงจริงๆ  จากนั้นก็เศร้าตามนักเตะแมนยูไปด้วย ประมาณว่าอิน  ทั้งๆที่ไม่ได้เคยดูมาก่อน  แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ 17 ปีแล้วครับ ที่เป็นแฟนยูไนเต็ด และจะเป็นตลอดไป จากคุณ : Normality Man เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 13:52:53

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณสำหรับบทความและบทแปลครับ  ผมเริ่มเชียร์ปี 1993 ก็จริงแต่ช่วง 93-95 ก็อาศัยดูรายการเจาะสนาม, นสพ พอปี 95 ติด ibc ก็ได้ดูเกือบทุกนัด ได้ดูช่วงแพ้นิว 5-0 ด้วย  ตั้งแต่เชียร์มาได้ทั้งทริปเปิ้ลแชมป์ ได้แชมป์สมัย 19 ปลื้มใจจริงๆครับ เสียดายที่ปีที่แล้วพลาดไป เลยอดทำสถิติ 4 ปีติด  จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 15:24:02

ความคิดเห็นที่ 63 สิ่งมหัศจรรย์ คือ เรามีปีกซ้ายคนเดียวกัน จาก fanpage " He's won it's 12 times , that boys(?) Giggsy " http://www.manutd.com/en/Fanzone/News-And-Blogs/2011/May/Gardner-champions-blog.aspx?pageNo=1 จากคุณ : the_architect เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 15:47:36

ความคิดเห็นที่ 64 จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 15:59:46

ความคิดเห็นที่ 65 ประวัติศาสตร์ไม่ได้สร้างภายในอึดใจ ความสำเร็จไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ขอเอาใจช่วยให้ชนะเหล่าทวยเทพ อาแมน(ยู) จากคุณ : Godgate เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 16:45:30

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณมากๆ สำหรับความประทับใจที่มากมาย ...ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ...สักคำให้ลึกซึ้ง ไม่ต้องบรรยายอะไร...ให้สวยเลิศเลอ ไม่ว่าอะไรมันคือเหตุผลที่ฉัน...ได้รักเธอ ให้รู้ว่ารักเธอ (แมนยูไนเต็ด) เท่านั้นพอ... จากคุณ : BeNettY เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 03:47:19

ความคิดเห็นที่ 67 ตาม #56 กับ #67 ดูแล้วเสียดาย อยากให้ Man U ได้แชมป์ ปีต่อมาเลยเริ่มเชียร์ แล้วก็ติดมาจนถึงบัดนี้ ^^ จากคุณ : HaHaHa เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 08:36:43

ความคิดเห็นที่ 68 ผมเชียร์สมัย ดิวิชั่น 1 ฤดูกาลสุดท้าย แมนฯยูฯ นำมาดี ๆ มาพลาดให้ ลีดส์เฉย ทำให้ เฟอร์กี้.....ไม่เคยได้แชมป์ ดิวิชั่น 1 เลย...............เสียดาย....กร๊ากกกกกก สมัยนั้นยังจำ กองโต้ได้ว่าพาลีดส์แซงแมนฯยูฯ เฉยเลย จากคุณ : แมลงปอร่อแร่ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 09:31:35

ความคิดเห็นที่ 69 จำได้ว่า เพื่อน ถามว่า เชียร์ทีมอะไร  บอกไปว่าแมนยู มันถามกลับ ไม่ ชอบ .... เหรอ ยิ่งใหญ่กว่าแมนยูเยอะ ผมตอบกลับไป ไม่อ่ะ กรูชอบกังฟู คิก จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 10:49:08

ความคิดเห็นที่ 70 68 คุณกับผมนี่น่าจะพร้อมๆกัน ดีใจที่เกิดมาทันยุคนี้ จากคุณ : เมาจนมึน เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 11:23:13

ความคิดเห็นที่ 71 ผม 20 ปลายๆแล้ว โชคดีเกิดทันดูทุกแชมป์ ในความคิดส่วนตัวของผมตัดสินใจไม่ได้ว่าชุด 1994,1999,2008  ชุดไหนดีที่สุด เพราะแต่ละชุดมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป แต่ก็หวังว่าชุด 2011 นี้จะมหัศจรรย์ที่สุดในวันที่ 28 พ.ค.นี้ครับ จากคุณ : thamsin7 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 22:06:25