 |
ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2554
โด้เบิ้ล"บายอร์"แฮตทริก!ชุดขาวถล่มบ๊วย ( มาดริด 8:1 อัลเมเรีย )
Update : 22/05/2011 2:53:48
Report by : Siamsport Team
สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด
ผู้ตัดสิน: อิ๊กนาซิโอ บียานวยบา
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดสองตุงรวม 40 ประตูในลีก สร้างประวัติศาสตร์ทำประตูสูงสุดตลอดกาล ในขณะที่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ฟอร์มสุดร้อนอัดแฮตทริกช่วย "ราชันชุดชาว" เรอัล มาดริด เปิดบ้านไล่ยำใหญ่ทีมบ๊วย อัลเมเรีย 8-1 เก็บสามแต้มเต็มรวม 92 คะแนน ยิงรวม 102 ลูกทิ้งทวนฤดูกาลแรกภายใต้การนำทัพของ โชเซ่ มูรินโญ่ ด้วยการเป็นรองแชมป์
"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด รองแชมป์ลา ลีกา ซีซั่นนี้ ไม่มี ซามี เคดิร่า, ลาสซาน่า ดิยาร์ย่า กับ เฟร์นานโด กาโก้ ที่บาดเจ็บทั้งหมด รวมทั้งทำการพักตัวหลักอย่าง อีเกร์ กาซียาส, เอเซเกล การาย, อังเคล ดิ มาเรีย, กอนซาโล่ อิกวาอิน และ มาร์เชโล่ วิเอยร่า ด้วย
ห้องเครื่องของทีมประกอบไปด้วย กาก้า และ ชาบี อลอนโซ่ โดยมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวซัลโวลา ลีกา ที่ซัดไปแล้ว 38 ประตู เดินเกมรุกร่วมกับ เมซุต โอซิล คอยสนับสนุนคู่กองหน้าอย่าง คาริม เบนเซม่า และ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
ทางด้าน อัลเมเรีย ทีมบ๊วยร่วงตกชั้นไปเรียบร้อยแล้ว ต้องปราศจาก โมแดสต์ เอ็มบามี่ กับ มิเชล มาเชโด้ ที่บาดเจ็บ แต่ เอร์นาน เบร์นาร์เดโย่ พ้นโทษแบนหวนคืนสู่ทีม
ก่อนหน้าเกมการแข่งขันนัดนี้มีการมอบโทรฟี่เป็นเกียรติแก่ เยอร์ซี่ ดูเด็ค นายทวารชาวโปแลนด์ ที่ลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริงให้กับทีมเป็นนัดสุดท้ายด้วย
ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาแค่ 3 นาที เรอัล มาดริด นำไปก่อนอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ชาบี อลอนโซ่ เปิดฟรีคิกข้ามมาเสาสองให้กับ เซร์คิโอ รามอส โหม่งย้อนกลับไปให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จิ้มง่ายๆที่เสาแรกส่งบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายให้ ราชันชุดขาว นำไปก่อน 1-0 อย่างรวดเร็วและเป็นประตูที่ 39 ของ โรนัลโด้ ใน ลา ลีกา พร้อมกับลบสถิติของ เตลโม่ ซาร์ร่า อดีตกองหน้าของแอธ.บิลเบา และ ฮูโก้ ซานเชซ อดีตตำนานดาวยิงของเรอัล มาดริด ที่เคยซัดไว้ 38 ประตูในหนึ่งฤดูกาล ลงได้เรียบร้อย
ผ่านมา 14 นาที เกมของเจ้าบ้านยังเหนือกว่ามาก โรนัลโด้ ไหลให้โอซิล ตะบันด้วยซ้ายบอลเฉี่ยวเสาไป
จากนั้น 4 นาที เบนเซม่า ได้บอลหน้าประตู ก่อนฉีกเลี้ยงหนีกองหลัง ตะบันด้วยขวา บอลเหินข้ามคานน่าเสียดาย
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 22 เรอัล รุกหนักขึ้น เบนเซม่า ได้บอลทางขวา ดีดเข้ากลางให้โรนัลโด้ ซัดมุมแคบ เอสเตบัน ซัวเรซ นายทวารอัลเมเรีย ปัดทิ้งได้
หกนาทีต่อมา เจ้าบ้านกดดันหนัก อเดบายอร์ หลุดมาทางปีกซ้าย ก่อนตัดสินใจยิงมุมแคบ เลยโดน เอสเตบาน เซฟไว้ได้
ครึ่งชั่วโมงของเกม ชุดขาว ขยับหนีห่างเป็น 2-0 เมซุต โอซิล ได้บอลทางขวา ก่อนจ่ายไซด์ก้อยด้วยเท้าซ้ายอย่างเหนือชั้นให้ อเดบายอร์ จับบอลหนึ่งจังหวะ ก่อนแปเข้าไปง่ายๆ
ทว่าสองนาทีให้หลัง อัลเมเรีย ไล่มา 1-2 อัลเบิร์ต กรูซาต ไหลจากซ้ายมาเสาสองให้กับ คาลู อูเช่ ชาร์จจ่อๆ ผ่านมือ ดูเด็ค ตุงตาข่าย
มาถึงนาทีที่ 35 เจ้าบ้านได้โอกาสอีก โรนัลโด้ ได้บอลทางขวา พลิกหลอกกองหลังก่อนแตะเข้ากลางให้ เบนเซม่า วิ่งมาซัดเน้นๆ กะเสียบคาน แต่ เอสเตบาน นายทวารของผู้มาเยือนลอยตัวปัดทิ้งได้สวย หมดครึ่งแรก เรอัล มาดริด นำอยู่เพียง 2-1 เท่านั้น
กลับมาเล่นครึ่งหลัง แค่ 3 นาที ราชันหนีเป็น 3-1 จากจังหวะที่โรนัลโด้โดนฟาวล์ระยะ 30 หลา ผู้ตัดสินไม่เป่า บอลทะลักมาถึงเบนเซม่า ใช้ความสามารถเฉพาะตัวพลิกบอลหนีกองหลังอัลเมเรีย 4 คนเข้าเขตโทษ ก่อนดีดด้วยขวาเข้าไปอย่างเหนือชั้น
นาที 52 เจ้าถิ่นยังไม่ผ่อนเครื่อง กาก้าไหลขึ้นหน้าทางฝั่งขวาให้โรนัลโด้ เบียดกองหลัง หลุดเข้าไปซัดมุมแคบ ผ่านเอสเตบานแล้ว แต่การ์เซียตามไปสกัดทัน บอลพุ่งชนเสากระดอนออกมา อเดบายอร์ตามมาซ้ำด้วยซ้ายเน้นๆ ชุดขาวหนีเป็น 4-1
ราชันไม่หนำใจ นาที 63 จากจังหวะโต้กลับหน้าประตู รามอสสาดยาวขึ้นหน้า โรนัลโด้ดีดส้นให้อเดบายอร์ ก่อนวิ่งไปรับบอลชิ่งทางปีกขวา และไหลเข้ากลางให้เบนเซม่า ที่อยู่กลางประตู วิ่งมาแปลอดขาเอสเตบานตุงตาข่าย ราชันกระหน่ำห่าง 5-1
นาที 73 กราเนโร่เปิดลูกเตะมุมมาหน้าประตู วาร์กาสโหม่งแฉลบ บอลหลุดไปเสาสอง อเดบายอร์ชาร์จจ่อๆ ตุงตาข่าย ราชันขย้ำ 6-1 เป็นแฮตทริกของดาวยิงโตโก และเป็นประตูที่ 100 ในลีกฤดูกาลนี้ของราชันด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น นาที 77 รามอสจ่ายให้โรนัลโด้ ควบบอลจากระยะ 30 หลา มาหน้าประตู ก่อนตะบันด้วยขวาจากนอกเขต บอลเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม มาดริดทิ้งเป็น 7-1
จากนั้น มูรินโญ่เปลี่ยนดูเด็คออก ผู้เล่นเจ้าบ้านมายืนตั้งแถวปรบมือให้เกียรติ เป็นการอำลาทีมอย่างยิ่งใหญ่
นาที 87 มาดริดมาได้ประตูปิดท้าย โรนัลโด้เปิดจากซ้ายให้โฆเซลู ดาวรุ่งตัวสำรอง วิ่งมาแปจ่อๆ เป็น 8-1 จบเกม ราชันถล่มอัลเมเรียยับเยินด้วยสกอร์นี้ ส่งท้ายฤดูกาลอย่างยิ่งใหญ่
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เรอัล มาดริด: เยอร์ซี่ย์ ดูเด็ค - เซร์คิโอ รามอส, ราอูล อัลบิโอล, เปเป้, อัลบาโร่ อาร์เบลัว - กาก้า, ชาบี อลอนโซ่ - เมซุต โอซิล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - คาริม เบนเซม่า, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
สำรอง: เฆซุส เฟร์นานเดซ โกยาโด้ (ผู้รักษาประตู) - ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, เปโดร เลออน, เอสเตบาน กราเนโร่, เซร์คิโอ กานาเลส, โฆเซลู, มานดิ
อัลเมเรีย: เอสเตบัน ซัวเรซ - ฆวนม่า ออร์ติซ, มาร์เซโล่ ซิลวา, การ์ลอส การ์เซีย, เอร์นาน เปเยราโน่, อันโตนิโอ ลูน่า - อัลเบิร์ต กรูซาต, มิเกล อังเคล โกโรน่า, เอร์นาน เบร์นาร์เดโย่, ปาโบล ปิอัตติ - คาลู อูเช่
สำรอง: ดีเอโก้ อัลเวส (ผู้รักษาประตู) - ไมเคิล ยาค็อบเซ่น,
ฆวน ฆวานีโต้, ซานติอาโก้ อซาเซียเต้, โฆเซ่ ออร์ติซ, ฟาเบียน วาร์กัส, เอน็อค กอยตอม
เครดิตข่าวเด่น
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110522_008.html
จับตาดูฟอร์มร้อนแรงของ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ พอจะเข้าตา โรแบร์โต้ มันชินี่ นายใหญ่แห่งต้นสังกัดบ้างหรือยัง
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 15:09:51
| จากคุณ |
:
ดงตาล  
|
| เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ค. 54 15:07:00
|
|
|
|
|
[[This is Our city]]>ต<า>ม<ร>อ<ย>แ>ม้<ว>ซิ<ตี้>--22--05--11-->พรีเมี่ยร์ลีกคืนนี้นัดสุดท้ายโบลตัน v แมนฯซิตี้ 22.00 น.
