สิงโตเกือบแย่ไล่เจ๊าสวิส2-2 แลมพ์สควงแอชยังยิงกู้หน้า
Credit SportRadioThai : Update 05/06/11 01 : 11 น.
"อังกฤษ" เกือบเน่าคาถิ่น โดน "นาฬิกา" ยิงนำถึง 2-0 แต่สามารถกู้หน้าไล่เจ๊า 2-2 จากจุดโทษของ แลมพาร์ด และตัวสำรอง แอชลี่ย์ ยัง เก็บ 1 แต้ม ศึกยูโร 2012 รอบคัดเลือกกลุ่ม จี
การแข่งขันฟุตบอล คัดเลือกยูโร 2012 กลุ่ม จี นัดประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2554 อังกฤษ อันดับ 1 ของกลุ่ม เปิดสนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ สวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 3 ของกลุ่ม
ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือ "สิงโตคำราม" ถึงกับต้องกุมขมับก่อนจัดทีมลงสนาม เมื่อบรรดาแข้งตัวหลักเจอปัญหาบาดเจ็บ และติดโทษแบนหลายราย โดยเฉพาะในแผงกองหน้า ไล่มาตั้งแต่ เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงตัวกลั่น ติดโทษแบน ไม่ได้ถูกเรียกมาติดทีมชุดนี้ ขณะที่ เจอร์เมน เดโฟ ข้อมือเดี้ยงถอนตัวไปก่อนหน้านี้อีกราย
ปีเตอร์ เคร้าช์ กับ บ็อบบี้ ซาโมร่า ก็ดันไม่ฟิตเต็มร้อยทั้งคู่ ส่งผลให้ ดาร์เรน เบนท์ คือความหวังเดียวในการจบสกอร์ คาดว่า คาเปลโล่ น่าจะปรับระบบเล่นหอกเดี่ยว โดยดาวยิงแอสตัน วิลล่า จะได้รับโอกาสนั้นไป พร้อมขนาบข้างด้วย 2 ปีกตัวจี๊ดอย่าง อดัม จอห์นสัน และ แอชลี่ย์ ยัง เพื่อนร่วมค่ายสิงห์ผงาด
แผงมิดฟิลด์ใช้สูตรเดิม วาง 3 ประสาน สก็อตต์ พาร์เกอร์, แจ็ค วิลเชียร์ และแฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ร่วมงานกันได้อย่างน่าประทับใจ คอยทำเกมตรงกลางสนาม ส่วน ไมเคิ่ล คาร์ริค ไม่มีส่วนร่วม เพราะได้รับบาดเจ็บระหว่างฝึกซ้อม ขอถอนตัวกะทันหัน เช่นเดียวกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จอมทัพพลังไดนาโม ที่เดี้ยงยาวมาก่อนหน้านี้
ส่วนแนวรับไร้ปัญหาในการจัดทัพ เมื่อ แอชลี่ย์ โคล, จอห์น เทอร์รี่, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และเกล็น จอห์นสัน แบ็กโฟร์ตัวหลักอยู่กันครบ โดยมี โจ ฮาร์ท จอมหนึบดาวรุ่ง ทำหน้าที่ผู้รักษาประตูตามปกติ
อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ ยอดกุนซือเลือดด็อยช์ท กำลังถ่ายเลือดทัพลูกหนังแห่ง "แดนนาฬิกา" ครั้งใหญ่ เมื่อบรรดาแข้งจอมเก๋าต่างพากันประกาศรีไทร์ไปหลายราย โดย อเล็กซานเดอร์ ฟราย ดาวยิงมากประสบการณ์ โบกมืออำลาเป็นรายล่าสุด
คาดว่าเทรนเนอร์มาดนายพล น่าจะยึดใช้แนวรับชุดเดิม นำโดย สเตฟาน ลิชท์สไตเนอร์, สตีฟ ฟอน เบอร์เก้น, สเตฟาน กริชติ้ง และเรโต้ ซีกเลอร์ ส่วน ฟิลิปป์ เซนเดอรอส เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจาก ฟูแล่ม ที่เพิ่งหายเจ็บหนักกลับมาเป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น
แดนกลางวาง โกคาน อินเลอร์ กับ วารอน เบห์รามี่ คุมเกมตรงกลางสนาม ปล่อยให้ ทรานควิลโล่ บาร์เน็ตต้า และเกลสัน แฟร์นานเดซ คอยป่วนทางริมเส้น ส่วนแนวรุกวาง เซอร์ดาน ชาคิรี่ ยืนเป็นหน้าต่ำคอยสร้างสรรค์เกมรุกอยู่ข้างหลัง เอเรน เดอร์ดิยอค ที่รับบทบาทหัวหอกตัวเป้า
เริ่มเกม ทีมเยือน เป็นฝ่ายได้เขี่ยบอลบุกจากขวาไปซ้าย เกมผ่านไปเพียงแค่ 2 นาที อังกฤษ ก็มีจังหวะเกือบได้ประตูจากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายและเป็น ดาร์เรน เบนท์ ที่ได้ขึ้นโหม่งแต่ถูก ดิเอโก้ เบนาโย่ ผู้รักษาประตูของ สวิตเซอร์แลนด์ เซฟเอาไว้ได้
น. 9 สวิตเซอร์แลนด์ น่าจะได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่นักเตะของ อังกฤษ จ่ายบอลพลาดมาให้กับ โกคาน อินเลอร์ ได้ยิงด้วยซ้ายแต่ โจ ฮาร์ท ยังเซฟเอาไว้ได้ในจังหวะแรก แต่บอลยังมาเข้าทางของ เอเรน เดร์ดิยอค ที่ตามเข้ามาซ้ำแต่ โจ ฮาร์ท ก็ยังเซฟเอาไว้ได้อีกครั้ง
ผ่านช่วง 15 นาทีแรกของเกมทั้ง 2 ทีมต่างเปิดเกมบุกเข้าหากันและต่างฝ่ายต่างมีจังหวะลุ้นทำประตูด้วยกันทั้ง คู่ อีก 5 นาทีถัดมา ทีมเยือน เป็นฝ่ายได้ลุ้นอีกครั้งจาก เซอร์ดาน ชาคิรี่ ที่ปั่นบอลโค้งด้วยเท้าซ้ายแต่ โจ ฮาร์ท ยังบินปัดบอลทิ้งเอาไว้ได้
น. 25 อังกฤษ เกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เปิดบอลจากทางริมเส้นฝั่งขวาเข้าไปในบริเวณกรอบเขตโทษให้กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังที่เติมเกมบุกขึ้นมาได้โหม่งบอล แต่ค้ามคานออกหลังไปแบบฉิวเฉียดพลาดได้ประตูขึ้นนำ
น. 32 เป็นทาง สวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้ประตูขึ้นนำจากลูกฟรีคิกเยื้องมาทางฝั่งซ้ายของหัวกระโหลกและเป็น ทรานควิลโล่ บาร์เน็ตต้า ที่กึ่งยิงกึ่งผ่านบอลเข้าไปในเขตโทษบอลตกพื้นก่อนหนึ่งจังหวะก่อนเข้าประตู ไปให้ สวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นนำ 0-1
อีก 3 นาทีถัดมา สวิตเซอร์แลนด์ มาได้ประตูที่ 2 จากลูกฟรีคิกและเป็น ทรานควิลโล่ บาร์เน็ตต้า คนเดิมที่หลอกยิงที่เสาแรกเข้าประตูไปให้ ทีมเยือน นำเป็น 0-2
น. 37 อังกฤษ มาได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 จากจังหวะลูกจุดโทษที่ แจ็ค วิลเชียร์ ถูกผู้เล่นของ สวิตเซอร์แลนด์ ทำฟาล์วในกรอบเขตโทษและเป็นทาง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่รับหน้าที่เป็นคนสังหารเข้าประตูไป
จบครึ่งแรก อังกฤษ เป็นฝ่ายตามหลัง สวิตเซอร์แลนด์ 1-2
เริ่มครึ่งหลัง อังกฤษ พยายามทำบุกเพื่อหวังทวงประตูตีเสมอ เกมผ่านมาได้ 5 นาทีความพยายามของ เจ้าบ้าน ก็มาประสบผลสำเร็จจากจังหวะที่ แอชลี่ย์ ยัง ที่พึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาในช่วงครึ่งหลัง ได้บอลจากการพักอกทาให้ของ เลตัน เบนส์ ก่อนที่จะยิงเข้าไปให้ อังกฤษ ไล่ตามตีเสมอมาเป็น 2-2
ผ่าน 15 นาทีของครึ่งหลังรูปเกมโดยรวมกลับมาเป็นของ อังกฤษ ที่เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่ฝั่ง ทีมเยือน ได้มากกว่าและเกือบได้ประตูพลิกกลับมานำจากจังหวะที่ แจ็ค วิลเชียร์ จ่ายบอลทะลุช่องมาให้กับทาง ดาร์เรน เบนท์ ได้หลุดแต่ทาง ดิเอโก้ เบนาโย่ ยังออกมาเซฟได้เร็ว
น.70 เจ้าบ้าน พลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากที่ แอชลี่ย์ ยัง มีจังหวะลากเลื้อยพาบอลเข้าไปยิงจังหวะแรกถูก ดิเอโก้ เบนาโย่ ปัดบอลมาเข้าทางของ ดาร์เรน เบนท์ ที่ตามเข้ามาซ้ำได้แปสวนแต่บอลลอยข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมต่างมีจังหวะเข้าทำประตูด้วยกันฝั่งละหนึ่งครั้งแต่ก็ยังไม่เป็นประตู
จบเกม อังกฤษ เปิดบ้านเสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ ไป 2-2
รายชื่อนักเตะของทั้ง 2 ทีม
อังกฤษ : ระบบ 4-3-3
โจ ฮาร์ท - เกล็น จอห์นสัน,จอห์น เทอร์รี่, ริโอ เฟอร์ดินานด์, แอชลี่ย์ โคล (เลตัน เบนส์ น. 30), สก็อตต์ พาร์เกอร์, แจ็ค วิลเชียร์, แฟร้งค์ แลมพาร์ด (แอชลี่ย์ ยัง น. 46), ธีโอ วัลค็อตต์ (สจ๊วต ดาวนิ่ง น.77), เจมส์ มิลเนอร์, ดาร์เรน เบนท์
สวิตเซอร์แลนด์ : ระบบ 4-5-1
ดิ เอโก้ เบนาโย่ - สเตฟาน ลิชท์สไตเนอร์, ฟิลลิป เซนเดอรอส, กรานิท ซาก้า, เรโต้ ซีกเลอร์,โยฮันน์ ฌูรู, โกคาน อินเลอร์, วารอน เบห์รามี่ (เบอร์ลิม น.59), ทรานควิลโล่ บาร์เน็ตต้า (อินโนเซนต์ น.90), เซอร์ดาน ชาคิรี่, เอเรน เดร์ดิยอค (เมห์ฮาดี้ น.75)