มหากาพย์สะพรึงโลก แมนฯ ยูไนเต็ด 1999 บันทึกทริปเปิ้ลแชมป์ >>> บทที่ 1 กุศลสยอง แชริตี้ ชิลด์ <<<
|
 |
1997-1998 แมนฯ ยูไนเต็ด วืดแชมป์ทุกรายการปิดฉากด้วยมือเปล่าที่ขาวสะอาดปราศจากรอยคราบรางวัลใดๆ นอกจากโล่การกุศล แชริตี้ชิลด์ที่ยิงจุดโทษเฉือนเชลซี คว้ามันมาครองเป็นสมัยที่ 10
แมนฯ ยูไนเต็ด ชวดแชมป์ทุกรายการมันยังไม่แสบสันต์มะดันมะเฟืองสร้างความหงุดหงิดง่ามนิ้วมือนิ้วเท้าเท่ากับการปล่อยให้ปืนโตทะลักเดือดผงาดขึ้นครองดับเบิ้ลแชมป์สองสมัยเป็นทีมที่สองในประวัติศาสตร์ต่อจากตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพรีเมียร์ชิพ ที่เด็กนรกของเฟอร์กี้ครอบครองอยู่ถูกพวกไฮบิวรี่กระชากไปจากอ้อมกอดต่อหน้าต่อตา ทั้งๆ ที่พวกเขานำห่างกว่าสิบแต้มอย่างน่าถอนใจ
อาร์เซน่อลภายใต้อุ้งเท้าฝรั่งเศสอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ สถาปนาตนเองขึ้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของปีศาจแดง พวกเขาเชือดแมนฯ ยูไนเต็ด อย่างไม่ปราณีทั้งในและนอกบ้าน ก่อนแซงโค้งสุดท้ายคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพและเอฟเอ คัฟ ด้วยความยิ่งใหญ่
1998-1999 ความจริงแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีสิทธิ์เป็นคู่เปิดสนามฟุตบอลอังกฤษในศึกชิงโล่การกุศล แชริตี้ ชิลด์ ด้วยข้อหาจบฤดูกลาที่ผ่านมาด้วยมือเปล่า
เดชะบุญ! ทีมรองแชมป์มักได้อานิสงส์จาก “ดับเบิ้ลแชมป์” ที่ไร้คู่แข่งขันเพราะดันงาบแชมป์ไปหมดสิ้น จะเอาแชมป์ลีก คัพมาต่อกรอาจดูไม่สมศักดิ์ศรีเนื่องจากถ้วยใบนี้ทีมชั้นนำเขาไม่แยแส ว่าแล้วก็จัดรองแชมป์พรีเมียร์ชิพมาให้ออกงานแทน
เจ้าของโล่ แชริตี้ ชิลด์ ที่มากที่สุดบนเกาะอังกฤษจึงสบโอกาสชำระแค้นกับอาร์เซน่อลอีกครั้ง เหมือนสวรรค์ถูกโน้มลงมาจ้องตากับนรก แมนฯ ยูไนเต็ดได้เวลาแก้มือกับอาร์เซน่อล เหล่าแฟนบอลร่วมเป็นสักขีโดยมีเวมบลีย์เป็นพยาน
ป้องปากนินทากันละแวกแลงคาสเตอร์เกตว่า แชริตี้ ชิลด์ เป็นเพียงแมตช์การกุศลที่ให้คุณหญิงคุณนายในวงการไฮโซมาทำดัดจริต คล้องเพชรเม็ดใหญ่เท่าหัวแม่มือมาโชว์ความมั่งมี จะแพ้หรือชนะไม่มีความหมายต่อการจดจำเสียเท่าไหร่
แต่สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ดและอาร์เซน่อลมันเปรียบเสมือนศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ยอมกันไม่ได้ และชัยชนะอาจเป็นนิมิตหมายที่ดีก่อนต้องเผชิญงานหนักต่อไปในฤดูกาลอันเหี้ยมโหด
เดอะ กันเนอร์ส มาในขุนพลชุดเดิมซึ่งเป็นตัวหลัก ตอนปิดฤดูกาล อาร์แซน เวนเกอร์ ยังมั่นใจในศักยภาพไม่ได้ซื้อนักเตะดาวดังคนใดมาร่วมทีม ฝ่ายปีศาจแดงของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังจากจบฤดูกาลด้วยความว่างเปล่าแถมความรันทดและหดหู่ ได้ปรับทีมใหม่โดยขายผู้เล่นบางตำแหน่งออกไป แล้วเสริมแนวรับเลือดดัตช์อย่าง ยาป สตัม และ เจสเปอร์ บลอมควิสต์ จากปาร์ม่า อีกคน
(ดไวท์ ยอร์ค นาทีนั้นยังเล่นอยู่กับวิลล่า แต่หากหัวใจมาอยู่ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เรียบร้อยแล้ว)
แมตช์นี้ แมนฯ ยูไนเต็ดได้ฤกษ์เปิดตัวกองหลังตัวใหม่ที่ตอนนั้นสรรพคุณอ้างว่ามีความรวดเร็วที่สุดในจักรวาลเป็นเกมแรก
หนึ่งในข้อแก้ตัวของปีศาจแดงจากความว่างเปล่าในฤดูกาลที่ผ่านมานอกจากจะเกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อผิดพลาดเองจนแผ่วปลายในช่วงโค้งสุดท้าย อีกหนึ่งคำแกตัวคือการปราศจากมิดฟิลด์พันธุ์ระห่ำอำมหิตชนิดนรกยังไม่กล้ารับที่ชื่อว่า รอย คีน
รอย คีน หล่อพันธุ์ดุได้รับบาดเจ็บหายหน้าไปจากวงการนานถึง 9 เดือนและเขากลับมาใหม่พร้อมหน้าตาท่าทางที่โรคจิตและเหี้ยมโหดกว่าเดิมอย่างน่าพิสมัย
ทั้งสองทีมต่างขนขุนลตัวจริงลงมาเต็มอัตราศึก แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งยังไม่ได้หัวหอกตัวใหม่อย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้ทั้ง กาเบรียล บาติสตูต้า, พาทริก ไคลเวิร์ต, มาร์เซโล่ ซาลาส หรือแม่กระทั้งดไวท์ ยอร์ค ในนาทีนั้นจำเป็นต้องหนุน พอล สโคลส์ ขึ้นมาเป็นกองหน้าคู่กับ แอนดี้ โคล เจ้าเก่าที่ไม่เคยทำให้คู่ต่อสู้ผิดหวัง ^^
รูปเกมน่าจะออกมาสูสีคู่คี่ถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ศึกการกุศลครั้งนี้กลับกลายเป็นกุศลสยองสำหรับผีแดง ประหนึ่งนั่งรถฉิ่งฉับทัวร์ซิ่งประสานงากับสิบล้อเมายาบ้า!!!
แมนฯ ยูไนเต็ดถูกไล่ถลุงกระจายจนหมดสภาพทีมวางอันดับหนึ่ง อาร์เซน่อลตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่นและสวนกลับอย่างรวดเร็วเพื่อเล่นงานอสูร จนได้ออกนำไปก่อนในครึ่งแรก
นั่นเป็นสาเหตุให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จำต้องเปิดเกมรุกเต็มอัตรา แต่กลับกลายเป็นการเข้าทางของปืนโตทะลักเดือด พวกเขาขึ้นนำด้วยประตูที่สองและสามในเวลาต่อมา
ผีแดงพ่ายยับ 0-3 แม้เป็นเพียงศึกการกุศลก่อนเปิดฤดูกาลที่ปราศจากความหมายโดยตรง ทีมชนะเหนือว่าตรงที่ได้ชูโล่ใบใหญ่ในเวมบลีย์ แต่สังเกตเห็นได้ว่า อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำหน้าเหมือนกลืนยาขมแถมยังอมไว้เต็มปาก คงคิดอยู่ในใจว่าแล้วเมื่อไหร่กรูจะเอาชนะมันได้สักที!!!
ยกแรกอย่างไม่เป็นทางการระหว่าง ปีศาจแดง และ ปืนโตทะลักเดือด จบลงด้วยความรู้สึกถึงอุปสรรคและขวากหนาม นักเตะ เรด เดวิลล์ ทุกคนแสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะมีปัญหาเสมอเมื่อเจอกับอาร์เซน่อล
แต่เกมระชับมิตรเกมเดียวก็มิได้หมายถึงความล้มเหลวหรือความสำเร็จที่ยังรออยู่ในฤดูกาลข้างหน้า นั่นต้องอาศัยองค์ประกอบอีกมากมาย มาตรฐาน ความแข็งแกร่ง ความคงเส้นคงวา และ ฯลฯ
เกมปิดฉากด้วยความปราชัยอย่างย่อยยับ สาวกผีแดงปลอบในตนเองว่ามันไม่ได้มีความหมายมากมายขนาดนั้น แต่บางครั้งสิ่งที่นำพามาซึ่งความแสบทรวงก็เป็นบทเรียนอันน่าจดจำและมองเห็นถึงข้อผิดพลาดเพื่อนำไปแก้ไขในอนาคต
นาทีต่อมา… เหล่าอสูรก็ยักใหล่อย่างไม่ครั่นคร้ามกับความพ่ายแพ้ (ถึงแม้จะหมดรูป ^^)!!!
จุดเกิดเหตุ เอฟเอ แชริตี้ ชิล เวมบลีย์ อาร์เซน่อล 3-0 แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 โอเวอร์มาร์ น.34 2-0 คริส เรย์ น.57 3-0 อเนลก้า น.72
โปรดติดตาม บทที่ 2... เร็วๆ นี้
จากคุณ |
:
กองทัพเทวดา
|
เขียนเมื่อ |
:
6 มิ.ย. 54 10:48:04
|
|
|
|