 |
ว่าไป จริงๆ ผมก็ชอบระบบการหานักกีฬาดาวรุ่งของอเมริกานะ เด็กก็เล่นกีฬาในระดับโรงเรียนเป็นทุนเดิมเป็นปกติ พอเก่งๆ ก็อาจจะได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงทางด้านกีฬา ไปจนกระทั่งได้เซ็นสัญญาเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไป
แต่เอาเป็นว่า ถึงแม้จะเน้นไปทางกีฬาแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระบบการศึกษามาตลอด
แล้วก็มองบ้านเรา ฟุตบอลลีกบ้านเรากำลังตามแบบยุโรป (อังกฤษ) เปี๊ยบๆ ๆ ที่อนาคตถ้าเป็นไปได้ ผมว่าก็คงไปคัดเด็ก แล้วก็เอาเข้าอคาเดมี่ ซึ่งผมยังห่วงว่ารายได้และอนาคตของการเป็นนักกีฬาในบ้านเรา กับในยุโรป มันยังห่างกันมาก ถ้าใช้ระบบยุโรป จับเด็กเข้าอคาเดมี่ เป็นนักฟุตบอล จบแค่ม.ปลาย พอเลิกเล่นฟุตบอลแล้วนักเตะไทยเราน่าจะลำบากกว่าของตปท.เยอะ
เพราะโครงสร้างอื่นๆ ของเรามันต่างจากของเขามาก
ผมชอบระบบหานักกีฬาผ่านทางโรงเรียนมากกว่า ไม่ใช่เฉพาะอเมริกาหรอก ผมว่าถ้าใครอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นบ่อยๆ จะคุ้นกับคำนี้มาก "อินเตอร์ไฮ"
ระบบคัดเลือกนักกีฬาของญี่ปุ่นก็ผ่านโรงเรียน คัดภายในโรงเรียน, คัดภายในเขต, คัดระดับจังหวัด, คัดระดับตัวแทนภาค, ทะลุเข้าอินเตอร์ไฮ, เข้าไปเป็นแชมป์ประเทศ
ประมาณนี้ ผมก็จำไม่ละเอียดนัก
คือ ก็ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างการศึกษาที่ก็ครอบคลุมเยาวชนทั่วทั้งประเทศอยู่แล้ว ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งผมว่ามันดีมากๆ ทั้งกับตัวเด็ก โรงเรียน และสโมสรกีฬาต่างๆ ด้วย
เสียแต่ว่า สังคมบ้านเราไม่ให้ความสำคัญและสนับสนุนเรื่องนี้เลย
ผมไม่แน่ใจว่าบ้านเรามีการจัดการแข่งขันแบบนี้หรือปล่าว ในความทรงจำของผม จำได้ว่าพอพูดว่ามีเพื่อนเป็น "นักบอลตัวโรงเรียน" โห นี่อย่างเท่ ยิ่งถ้าพูดไประดับ "นักบอลตัวแทนเขต" หรือ "นักบอลตัวจังหวัด" นี่ซี้ดปากกันเลยทีเดียว แบบ เทพมากแน่ๆ
ผมไม่รู้ว่า ทัวร์นาเม้นท์ลักษณะนี้ในบ้านเรายังมีอยู่มั้ย ครอบคลุมกี่ชนิดกีฬา และ "จริงจัง" กับมันมากแค่ไหน
ที่สำคัญ สังคมเราก็เฉยเมยกับมันด้วย
ไม่ต้องอะไรมาก เด็กๆ ญี่ปุ่นที่เล่นเบสบอล ใฝ่ฝันจะได้สัมผัสสนาม "โคชิเอ็ง" ความจุ 6-8 หมื่นที่นั่ง แล้วสังคมคนญี่ปุ่นก็สนับสนุนเต็มที่ โดยแม้จะเป็นทัวร์นาเม้นท์ระดับม.ปลาย แต่คนดูก็ยังมหาศาล
มากกว่าที่คนไทยไปดูฟุตบอลทีมชาติชุดใหญ่อีก
ซึ่งก็ไม่ต่างจากวัฒนธรรมตะวันตก ที่หอบลูกจูงหลานไปเชียร์กีฬาโรงเรียนในวันหยุด มากกว่าที่จะเข้าโรงหนังหรือนอนแฮงค์เพราะเมาหนักในคืนวันศุกร์แบบบ้านเรา
สังคมไทย จะมีใครที่รู้จักนักกีฬาเด็กๆ เหล่านี้ หรือให้ความสำคัญ เขาก็ไม่รู้จะฝันอะไร ก็แค่เล่นๆ มันไป ไม่เห็นจะมีใครแคร์ หรือมาดู มาชื่นชม ให้กำลังใจ ยิ่งนานวันเข้า เขาก็จะเป๋ไปหาสังคมอบายมุขได้ง่ายขึ้น
กลับกัน ถ้าสมมุติว่า รอบชิงฟุตบอลม.ปลายระดับประเทศ สนามราชมังฯ คนดูหลายหมื่นคน มันจะสร้างความฝันให้เด็กๆ ได้อีกมากมาย จะไม่มีใครมองว่าการเล่นฟุตบอลเป็นแค่เรื่องฆ่าเวลาๆ ขำๆ อีกต่อไป
ขออภัยที่นอกเรื่องไปหน่อย แต่ผมคิดว่าเป็นการแตกแขนงการอภิปรายออกมา ก็แล้วกันนะครับ
ส่วนเรื่องการศึกษา ก็ได้ยินเหมือนกันว่า มีฝรั่งหลายคนที่ไม่ได้อะไรมากกับการต้องจบป.ตรี หรือ ป.โท ฯลฯ เพราะสำคัญที่ว่าได้ทำสิ่งที่ชอบที่รักหรือปล่าว แถม รายได้ของคนไม่จบป.ตรีบ้านเค้า ก็ยังสูงว่าของคนจบป.ตรีหรือโทบ้านเราอยู่ดี (คิดเป็น % ต่อค่าครองชีพเลยด้วย ไม่ใช่คิดที่ความต่างค่าเงิน)
ให้แย่กว่านั้น มาตรฐานการศึกษาบ้านเราก็ต่ำมาก จบป.ตรี-โท ออกมา กลับทำอะไรไม่เป็น
เพิ่งลงข่าวไปหมาดๆ อีกว่า IQ เฉลี่ยเด็กไทยต่ำกว่าสากล หรือ เด็กไทย โง่ นั่นเอง โห ฟังแล้วปวดใจ นี่ยังไม่นับอีกว่า ผลสอบ O-net ที่ผ่านๆ มา มีแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่ได้ "เกินครึ่ง" นอกนั้นสอบตกหมด เฮ้อ อนาคตของชาติเรา
ก็ถึงได้มีการพูดกันว่า ปัญหาการศึกษาไทย ไม่ใช่เรื่อง "โอกาส" (เรียนฟรี) เพราะคนส่วนใหญ่มีปัญญาเรียนได้ แต่ปัญหาคือ เรียนไป กลับไม่ฉลาด ใช้งานไม่ได้ ตรงนี้ต่างหาก
เท่าที่เห็น เด็กไทย คิดเองไม่ค่อยเป็น เรียนแบบท่องจำ ยัดความรู้ใส่หัวเพราะคิดว่าควรทำ ต้องทำ แต่ไม่รู้ทำทำไม ไม่รู้เรียนอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากรู้เรื่องอะไร ชอบเรื่องไหน โตไปอยากทำอะไร
พ่อแม่บอกให้เรียนก็เรียน โตหน่อยก็ตามเพื่อน เพื่อนไปเรียนอะไรก็ตามไป ลงเรียนก็ต้องตามเพื่อน จบมาก็ตอบตัวเองไม่ได้หรอกว่าชอบ เพราะไม่เคยแม้แต่จะลองทำอย่างอื่น
แถมเสพติดวัตถุนิยม กลายเป็นพวก materialistic ติดของหรู ใช้ของแพง สมัยนิยม เมาดึก ติดเน็ท ออนไลน์ 24 ชม. ฯลฯ
จากคุณ |
:
art_sarawut
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.ค. 54 18:56:30
|
|
|
|
 |