 |
คอลัมน์ : สนทนาภาษาเด็กหงส์ โดย.. Jackie ซีซั่นใหม่..ความหวังเก่า
หงส์แดง ลิเวอร์พูลเดินทางกลับอังกฤษไปเรียบร้อยแล้วหลังจากมาทำให้ตลาดเดอะ คอป แถวนี้คึกคักไม่ใช่น้อยๆ
การจัดโปรแกรมซ้อมที่กว่างโจวเมืองจีนและเตะอุ่นเครื่องหนึ่งนัดตามด้วยโปรแกรมที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิต จาลีล ของมาเลเซีย โดยยกเลิกโปรแกรมไปเกาหลีใต้เพราะปัญหาทางเทคนิค แต่นั่นก็ไม่มีผลอะไรในเชิงลบเพราะภาพลักษณะที่ออกมาในการทัวร์เอเชียเที่ยวแรกตามโควต้า 2 ใน 4 ของสปอนเซอร์หลัก จัดว่าคึกคักและสร้างบรรยากาศได้มากพอสมควร วันซ้อมโชว์ที่มาเลเซียมีเด็กหงส์กว่า 37,800 คนเข้าไปนั่งให้กำลังใจทีมนักเตะชุดนี้และวันแข่งที่บูกิต จาลิล ปนราฏว่าเต็มความจุ 80,000 คน เป็นภาพที่ทำให้สโมสรประทับใจมาถึงขนาดออกแถลงการณ์ขอบคุณมาเลเซียแล้วบอกว่าจะกลับมาอีก ตามโปรแกรมทัวร์เอเชียงวดต่อไปนั้นจะอยู่ในปี 2013 หรือ 2014 ก่อนสัญญากับสปอนเซอร์หลักของทีมจะหมดอายุลง แว่วๆมาว่าเมืองไทยเป็นหนึ่งในโควต้านั้นด้วยเช่นกัน การมาซ้อมโชว์เที่ยวนี้แม้ขาด สตีเวน เจอร์ราร์ด, โฆเซ เรนา และนักเตะใหม่ของทีมที่ได้สดๆร้อนๆคือ สจวร์ต ดาวนิ่ง ในตำแหน่งปีกซ้าย ไม่ได้มีผลต่อยอดแฟนบอลเพราะเด็กหงส์เข้ามาเชียร์ทีมไม่ได้มาดูนักเตะ ดังนั้นที่เมืองจีนและมาเลเซียจึงไม่มีที่ว่างในวันแข่งลงทีม ผลแข่งนั้นยึดถืออะไรไม่ได้เพราะมันคือการซ้อมเอาใจแฟนหงส์ แค่ตรวจวัดสมรรถภาพของนักเตะทุกคนรวมทั้งการทดลองทีมในบางตำแหน่ง โดยเฉพาะนักเตะที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษในงวดนี้เหมือนได้อภิสิทธิ์ยังไงชอบกลนั่นคือ ชาร์ลี อดัม นักเตะสกอตติช ที่กว่าจะได้ตัวก็เหงื่อตก อย่างไรเมื่อดูตัวชุดซีซั่นใหม่นี้หลายคนอาจรู้สึกว่าทำไมซื้อแต่กองกลางมาเสริม เซนเตอร์, แบกซ้าย หรือปีกขวาอีกสักคนไม่มีหรืออย่างไร แนวคิดนี้มีคนเดียวที่ให้คำตอบได้คือ เคนนี ดัลกลิช เพราะเวลานี้เขามีหน้าที่จัดสรรโควต้าของทีมให้ลงลอคที่สุดจากตำแหน่งกองกลางเกือบ 10 คนที่มีโอกาสลงเล่นได้แค่ 4 มากที่สุดไม่ว่าจะจัดสูตรไหน ส่วนจะเน้นแบบมีปีกหรือไม่นั้นน่าสนใจไม่น้อย แนวคิดคือว่าสมัยเป็นโค้ชแบลคเบิร์น โรเวอร์ส แล้วทำทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีกนั้น...เขาใช้สูตร 4-4-2 มีปีกสองฝั่งและหน้าคู่ กลางตัวรับและรุกอย่างละคน แฟนบอลรุ่นนั้นคงจำกันได้กับทีมชุด อลัน เชียเรอร์-คริส ซัตตัน ที่นักข่าวอังกฤษเรียกว่า SAS มาจากหน่วยจู่โจมพิเศษของอังกฤษ ซึ่ง เอส...เชียเรอร์กับ เอส..ซัตตัน พอดี ส่วนปีกสองฝั่ง เจสัน วิลคอกซ์ ทางซ้ายและ สจว์รต ริปลีย์ ทางขวา กลางก็ ทิม เชอร์วูด กับ มาร์ค แอตกินส์ คงจำกันได้ถึงชุดนั้นโดยเฉพาะแนวรับ โคลิน เฮนดรี้ เซนเตอร์เลือดวิสกี้ ผมสีทองและยังมี เฮนนิง เบิร์ก ซึ่งเล่นแบกขวา แล้วโดนแมนฯยูฯ ซื้อตัดกำลังในปีต่อๆมา นั่นคือสูตร 4-4-2 เมื่อตอนคุมแบลคเบิร์น...แต่ถ้าย้อนกลับไปสมัย คิงเคนนี ยิ่งใหญ่กับหงส์แดง สูตร 4-4-2 ของลิเวอร์พูลเป็นสูตรเหลี่ยมข้าวหลามตัดหรือไดมอนด์เพราะไม่เน้นปีกธรรมชาติ (อันนี้ก่อนเขาเป็นผจก./ผู้เล่น) ซึ่งขอแบ่งเป็น 2 ช่วงนะครับ ช่วงแรก บ๊อบ เพสลีย์ เมื่อครั้ง คิง เคนนี ย้ายมาจากเซลติก เขาเล่นกองหน้ากับ เดวิด จอห์นสัน ช่วงนั้น เควิน คีแกน ออกไปแล้วและ จอห์น โตแชค ตามไป โดยแดนกลาง 4 คนนั้นมี เทอร์รี แมคเดอร์มอตต์, จิมมี เคส คือฮาร์ดแมน, แซมมี ลี และ เรย์ เคนเนดี้ มิดฟิลด์ด้านซ้าย กองหลังก็ ฟิล ธอมป์สัน, ทอมมี สมิธ, เอมลิน ฮิวจส์ ผู้ล่วงลับ และ ฟิล นีล ช่วงสองนั้น เพสลีย์ ค้นพบกองหน้าจากทีมสำรองคือ เอียน รัช มาเล่นกับ คิงเคนนี โดยแดนกลางปรับใหม่เป็น แกรม ซูเนสส์, แมคเดอร์มอตต์, แซมมี ลี และ รอนนี วีแลน ที่เติมเข้ามา ก่อนที่ เครก จอห์นสตัน แนวรับ อลัน แฮนเซน รับช่วงต่อจาก ฮิวจส์ และ มาร์ค ลอว์เรนสัน ต่อจาก ธอมป์สัน กับ ทอมมี สมิธ สูตรแดนกลางสมัยนั้นคือไดมอนด์ ไม่เน้นปีกใช้แบกขึ้นเติม แนวคิดคือกองกลางคุมเกมทั้งหมดเอาไว้ให้ได้แล้วเดินหน้าลุยแหลกสมฉายาเครื่องจักรสีแดง เพราะกองกลางคุมเกมไว้หมด ไม่ให้คู่แข่งเล่นบอล หลังดันสูงถึงครึ่งสนาม ไม่กลัวเกมโต้กลับ เขียนแบบนี้กำลังจะโยงนัยสำคัญของการซื้อกองกลางไว้เยอะแยะตอนนี้ก็ 10 คน แถมยังไม่ได้ขายใครออกไป (อาจมีขายแน่) ทั้ง เจอร์ราร์ด, ลูคัส, ราอูล, เคาต์, โรดริเกซ, เฮนเดอร์สัน, ดาวนิ่ง, โคล, โพลเซน, อาควิลานี มีทั้งปีกธรรมชาติและไม่ธรรมชาติ ถ้าใช้ชุดนี้โดยไม่ขายใครออกไปเชื่อว่า สูตรไดมอนด์เพชรสมัย บ๊อบ เพสลีย์ น่าจะมีโอกาสใช้ คือกองกลางต้องเล่นเพื่อคุมพื้นที่ให้ได้ทั้งหมด เพื่อบุกฝั่งเดียว อาจเป็นไปได้ซึ่งเวลานี้ยังมองไม่เห็นเพราะ เจอร์ราร์ด ยังไม่ได้เล่นกับทีม ลูคัส เองก็พักฟื้นร่างกายหนึ่งสัปดาห์ คาดว่ากลับไปอุ่นเครื่องที่อังกฤษสักนัดสองนัดก่อนเปิดซีซั่นน่าจะพอมองเห็นทีมชุด 11 คนแรก ที่เชื่อว่า เคนนี ดัลกลิช จะมีแกนหลักในทีมแค่ 5 คน คืออีก 6 หมุนกันมาตามแต่ใครจะแย่งกันโชว์ฟอร์มได้เข้าตาและยึดตัวจริงได้ อันนี้ต้องรอดู ถามว่าทำไมสมัยเป็นผจก.เขามักใช้ปีกทักษะดีและความเร็วสูง อาทิ จอห์น บาร์นส์, เจสัน วิลคอกซ์ เป็นต้น นั่นอาจเป็นสูตรสำเร็จในการทำให้ทีมเป็นแชมป์ทันทีด้วยการเลือกนักเตะที่ดีที่สุดในขณะนั้นซึ่งใครๆก็อยากย้ายมาเล่นกับ ดัลกลิช เวลานี้ไม่ใช่เพราะลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมที่ประสบความสำเร็จมากเหมือน แมนฯยูไนเต็ด ดังนั้น เคนนี อาจต้องการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ถึงตอนนี้คงมองเห็นแล้วว่าทีมของ ราฟา เบนิเตซ แทบจะนับหัวได้เลยว่ามีกี่คนในทีมชุดแรก ไม่ว่าจะจัดสูตรไหนเล่นอย่างไร ปฏิเสธไม่ได้ว่า เคนนี ดัลกลิช ต้องต่อสู้กับความคาดหวังอันสูงส่งซึ่งเป็นความหวังเก่าแก่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1990 นั่นคือการกลับไปคว้าแชมป์ลีกสูงสุดให้ได้ มันคือเป้าหมายหลักที่แฟนบอลและสตาฟทราบดี ยิ่งเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า ระวัง ลิเวอร์พูล หนึ่งในทีมที่ท้าทายแมนฯยูฯ ปีนี้ ยิ่งปฏิเสธได้ยากว่าเล่นแล้วไม่หวังลุ้นแชมป์ ว่ากันตามจริง..ประสบการณ์ลุ้นแชมป์ของนักเตะมีน้อยกว่าทีมอาร์เซนอล, เชลซีและแมนฯยูฯ มีเพียงโค้ชเท่านั้นที่เคยผ่านการเป็นแชมป์มาโชกโชน ข้อนี้ขึ้นกับว่าเขาจะถ่ายทอดให้นักเตะตระหนักและซึมซับได้ดีขนาดไหน เคนนี ดัลกลิช จะเป็นผู้ให้คำตอบนั้น กับซีซั่น 2011-12 ซีซั่นใหม่..ส่วนความหวังยังเหมือนเดิม JACKIE
http://www.siamsport.co.th/Column/110720_203.html
จากคุณ |
:
RedAtHeart
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.ค. 54 11:45:42
|
|
|
|
 |