ความคิดเห็นที่ 1 ผมมาถึง นีซ ที่ ฝรั่งเศส แล้ว วันรุ่งขึ้นก็ต้องหาอะไรกินก่อน ย่านสถานีรถไฟนี่เต็มไปด้วยร้านอาหารเอเชียเต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะเป็นคนเวียดนามมาตั้งรกรากกันที่นี่ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 01:52:24

ความคิดเห็นที่ 2 ร้านนี้ชื่อ MI-AM ครับ ขายอาหารเอเชียแทบทุกชาติ รวมทั้งไทยด้วย รสชาตินี่เยี่ยมมากๆ ทั้งที่ดูเผินๆเหมือนไม่ค่อยน่าทานเท่าไหร่ หรือผมจะเริ่มคิดถึงอาหารไทยแล้วมั้ง จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 01:53:23

ความคิดเห็นที่ 3 เจ้าของร้านน่ารักครับ ไม่รู้ว่าเป็นคนจีนหรือเวียดนาม เธออนุญาตให้ผมถ่ายรูปในร้านได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องถ่ายเธอติดไปด้วยนะ ไม่งั้นไม่ยอม เออ ... มีงี้ด้วย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 01:54:09

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจากอิ่มท้องแล้วก็เริ่มออกเดินทาง ....... จากหน้าสถานีรถไฟ นีซ ครับ ...... จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 01:54:56

ความคิดเห็นที่ 5 ด้วยความที่พักผ่อนแบบเต็มที่ (ตื่นสายนั่นแหล่ะ) กว่าจะได้ขึ้นรถไฟ ก็ปาเข้าไปเที่ยงแล้ว ..... จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 01:55:28

ความคิดเห็นที่ 6 วันนี้จุดมุ่งหมายอยู่ที่ โมนาโก ครับ ราชรัฐเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจาก นีซ สามารถนั่งรถไฟมาถึงได้เลย ออกจาก นีซ มาไม่ถึงชั่วโมง ก็มาถึงสถานี Monte-Carlo แล้วครับ ลักษณะจะเป็นอุโมงค์ใต้ดิน เพราะเค้าสร้างสถานีฝังอยู่ในเนินเขา ตามแนวเส้นทางรถไฟของฝรั่งเศส จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 01:57:12

ความคิดเห็นที่ 7 ทีแรกผมดูจาก google earth ก็คิดว่าสถานีอยู่ไกลจากตัวเมือง แต่จริงๆแล้วเดินตามทางเรื่อยๆออกมา มันมาโผล่ใจกลางเมืองเลย ที่เห็นนี้คือถนน อัลแบร์ ที่ 1 แฟนๆ F1 คงคุ้นๆกันดี เพราะเป็นบริเวณออกสตาร์ทของ โมนาโก กรังปรีซ์ นั่นเอง จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 01:58:07

ความคิดเห็นที่ 8 รถ F1 จะวิ่งขึ้นไปทางนี้ ก่อนเลี้ยวขวาตรงหน้าปากทางขึ้นสถานีรถไฟ ผมแทบจะหลับตานึกภาพไปด้วยเลย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 01:59:36

ความคิดเห็นที่ 9 อาคารบริเวณด้านหน้า อ่าวโมนาโก ครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:01:28

ความคิดเห็นที่ 10 ลืมรูป อิอิ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:02:18

ความคิดเห็นที่ 11 ที่เห็นขอบสีแดง-ขาว นี่ใช้กับรถ F1 โดยเฉพาะเลย แต่ถึงเวลาแข่งจริงแถวนี้เดินผ่านไม่ได้เลยครับ เพราะจะมีแนวรั้วกั้นเต็มไปหมด จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:02:56

ความคิดเห็นที่ 12 เอาล่ะ มาถึง โมนาโก ทั้งที ตามประสาคนบ้าบอล ผมเลยขอภรรยามาดูสนามฟุตบอลประจำเมืองก่อนเลย จากหน้าสถานีรถไฟ ผมซื้อตั๋วแบบเหมา 1 วัน ราคาแค่ 3 ยูโร ไม่นานก็มาถึง Stade Louis II จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:03:57

ความคิดเห็นที่ 13 สนามแห่งนี้ จุผู้ชมได้ไม่เยอะครับ แค่ราวๆ 18,500 คน เท่านั้น แต่มีความสำคัญตรงที่ใช้เป็นสังเวียนแข่งฟุตบอล ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ เป็นประจำทุกปี จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:04:26

ความคิดเห็นที่ 14 นอกเหนือจากนี้ก็ใช้เป็นสนามเหย้าของทีม โมนาโก ครับ มีช็อปเล็กๆของทีมในสนามด้วย น่าเศร้าที่ล่าสุดพวกเค้าเพิ่งร่วงตกชั้นจาก ลีก เอิง เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา หลังจากอยู่ในลีกสูงสุด ฝรั่งเศส มานานถึง 35 ปี ซีซั่นหน้าต้องไปเล่น ลีก เดอซ์ แทน แม้ว่าจะตั้งอยู่ในราชรัฐโมนาโก ก็จริง แต่ทีมโมนาโก ถือเป็นทีมฟุตบอลสัญชาติฝรั่งเศส นะครับ ลงเล่นในระบบฟุตบอลฝรั่งเศส มาตลอด เคยยิ่งใหญ่เป็นถึงแชมป์ ลีก เอิง 7 สมัยมาแล้ว ที่ไม่สามารถจดทะเบียนเป็นทีมสัญชาติโมนาโก ได้ ก็เพราะ ราชรัฐโมนาโก ไม่ได้เป็นสมาชิก ยูฟ่า นั่นเอง จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:05:27

ความคิดเห็นที่ 15 ป้ายประชาสัมพันธ์ของสนามครับ ........ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:05:59

ความคิดเห็นที่ 16 มุมนี้ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของสนามเลย จะมีเสาลักษณะเป็นแท่งโค้งๆ 9 โค้งด้วยกัน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:06:33

ความคิดเห็นที่ 17 นอกจากจะใช้เป็นสนามฟุตบอลแล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นสำนักงาน ศูนย์ประชุม และที่ทำการย่อยของมหาวิทยาลัยโมนาโก ด้วยครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:07:06

ความคิดเห็นที่ 18 น่าเสียดายจริงๆที่ผมไม่อาจเข้าไปข้างในตัวสนามได้ ประตูทุกบานล็อกหมด และแน่นอน ไม่มีเจ้าหน้าที่สักคน เข้าใจว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ อาจจะปิดทำการพอดี เซ็งอยู่นิดๆครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:07:40

ความคิดเห็นที่ 19 เอาล่ะ หารถเมล์เข้าเมืองดีกว่า ได้เวลาหามื้อเที่ยงทานแล้ว จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:08:10

ความคิดเห็นที่ 20 ผมแวะมาที่ Salle du Canton ครับ เพราะเห็นชั้นล่างมี Carrefour กับ McDonald อยู่ อาหารราคาไม่น่าจะแพงมาก สุดท้ายก็เลือก Mc ครับ ง่ายดี พูดน้อยด้วย อิอิ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:08:51

ความคิดเห็นที่ 21 กินเสร็จ เที่ยวต่อเลย คราวนี้เดินขึ้นไปเที่ยวพระราชวังของเจ้าชาย อัลแบร์ ที่สอง แห่งโมนาโก กันครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:09:22

ความคิดเห็นที่ 22 ระหว่างที่เดินขึ้นไป มองมาที่อ่าวโมนาโก วิวสวยมาก ไม่แปลกใจที่บรรดามหาเศรษฐีชอบมาอาศัยอยู่กัน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:10:06

ความคิดเห็นที่ 23 ก่อนจะผ่านประตูเข้าไปด้านใน มีป้ายห้ามเรื่องแต่งกายไม่สุภาพด้วยครับ ใครพิเรนทร์ใส่ กกน. ตัวเดียว เดินเข้าไปในวังโดนรวบแน่ๆ ...... จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:12:04

ความคิดเห็นที่ 24 มาถึงเขตพระราชวังแล้วครับ สร้างเป็นแบบผสมผสานปราสาทโบราณเข้ากับอาคารยุโรปยุคกลาง จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:12:41

ความคิดเห็นที่ 25 ฝั่งตรงข้ามมีร้านค้าล่อตานักท่องเที่ยว ถือเป็นของฝากจาก โมนาโก กลับบ้าน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:13:11

ความคิดเห็นที่ 26 บนนี้มีจุดชมวิวที่มองไปเห็น Stade Louis II ได้ด้วย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:13:42

ความคิดเห็นที่ 27 เดินต่อไปชม มหาวิหารเซนต์ นิโกลัส แห่งโมนาโก หรือชื่อทางการคือ Cathedrale Notre-Dame-Immaculee de Monaco วิหารแห่งนี้ใช้เป็นที่ฝังพระศพของราชวงศ์ Grimaldi รวมถึง เจ้าชายเรนิเยร์ ที่ 3 และเจ้าหญิงเกรซ ครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:14:43

ความคิดเห็นที่ 28 ภายในของมหาวิหาร ....... จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:15:20

ความคิดเห็นที่ 29 เจ้าหญิงเกรซ หรือ เกรซ เคลลี่ (Grace Kelly) อดีตนักแสดงชาวอเมริกัน ที่กลายมาเป็นเจ้าหญิงแห่งโมนาโก หลังจากเข้าพิธีเสกสมรสกับ เจ้าชายเรนิเยร์ ที่ 3 เป็นที่รักของชาวโมนาโก เป็นอย่างมาก เมื่อพระองค์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1982 ทำให้ชาวโมนาโก อยู่ในความโศกเศร้าถึงที่สุด เจ้าชาย เรนิเยร์ ที่ 3 จึงทรงมีรับสั่งให้ทำป้ายระลึกถึงเจ้าหญิงเกรซ ติดอยู่ทั่ว โมนาโก ครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:16:10

ความคิดเห็นที่ 30 เท่าที่จำได้ผ่านตา ผมชอบภาพนี้มากที่สุด เพราะเป็นพิธีเสกสมรสของ เจ้าชาย เรนิเยร์ ที่ 3 กับเจ้าหญิงเกรซ ยืนดูอยู่นานเลยครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:16:49

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่ไกลจากวิหาร จะมีอาคารขนาดใหญ่ ภายในมีพิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์ หรือโลกใต้ทะเล นั่นเองครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:17:26

ความคิดเห็นที่ 32 บรรยากาศภายใน .......... จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:17:53

ความคิดเห็นที่ 33 มีปลารูปร่างหน้าตาประหลาดเต็มไปหมด จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:18:22

ความคิดเห็นที่ 34 มาสะดุดตาที่ปลาชนิดนี้ครับ พรางตัวได้สุดยอดมาก กลมกลืนกับหินไปเลย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:18:53

ความคิดเห็นที่ 35 ตรงทางออกจะมีช็อปของพิพิธภัณฑ์ให้เลือกซื้อของที่ระลึก เอาล่ะ ได้เวลาออกจากพระราชวังแล้ว เดินทางไม่ยากครับ เพราะมีป้ายรถเมล์อยู่ในนั้นเลย กลับเข้าเมืองสะดวกมาก ไม่ต้องเดินลง จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:19:38

ความคิดเห็นที่ 36 นั่งรถเมล์มาลงที่นี่ครับ ปากอุโมงค์ F1 หนึ่งเดียวในโลก ใต้โรงแรม Fairmont จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:20:39

ความคิดเห็นที่ 37 ที่บริเวณทางเดินใกล้อุโมงค์ตรงนี้แหล่ะ เป็นถนน The Champions Promenade ที่จะมีแผ่นป้ายรอยเท้าดาวเตะซูเปอร์สตาร์จากทั่วโลก อารมณ์เดียวกับ Hollywood Walk of Fame ที่ อเมริกา เลย นักเตะที่จะได้ประทับรอยเท้าแบบถาวรบนทางเดินนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ได้รางวัล Golden Foot จากการโหวต หรือเป็นนักเตะระดับตำนาน / ซูเปอร์สตาร์ รุ่นเก่า ที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งจะมีคณะกรรมการคอยคัดเลือกเข้ามาประทับรอยเท้า ปีละ 4-5 คน เป็นการให้เกียรติในฐานะ All-time legend ปัจจุบันมีรอยเท้าของ All-time legend ทั้งหมด 36 คน รวมกับเจ้าของรางวัล Golden Foot อีก 8 คน ก็เป็น 44 คนครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:21:20

ความคิดเห็นที่ 38 เอาล่ะ เป้าหมายผมอยู่ที่การตามหารอยเท้า ต๊อตติ ...... จากรอยเท้าทั้งหมด 44 คน ผมคงลงหมดไม่ไหว ขอคัดมาเฉพาะบางคน คือคนที่ได้รางวัล Golden Foot และคนที่พอจะเกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลอิตาลีแล้วกันครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:21:53

ความคิดเห็นที่ 39 คนแรกเลย เป็นรอยเท้าของ ดีเอโก้ มาราโดน่า เทพเจ้าของนาโปลี ชาวอาร์เจนไตน์ แชมป์โลก 1986 ประเดิมเป็นรอยเท้าแรกสุดบนนถนนสายนี้ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:22:31

ความคิดเห็นที่ 40 คนต่อมาครับ จานนี่ ริเวร่า ตำนานดาวเตะ มิลาน และทีมชาติอิตาลี เจ้าของ บัลลง ดอร์ ปี 1969 จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:23:14

ความคิดเห็นที่ 41 อันนี้ของ โรแบร์โต้ บาจโจ้ เทพบุตรเปียทองคำ ตำนานของ ยูเว่ และทีมชาติอิตาลี จะสังเกตเห็นว่ามีสัญลักษณ์ Golden Foot 2003 ปั้มอยู่ด้านบนด้วย ซึ่ง บาจโจ้ เป็นคนแรกที่ได้รางวัลนี้ครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:24:14

ความคิดเห็นที่ 42 ต่อมาคือ มิเชล พลาตินี่ ฉายานโปเลียนลูกหนัง โคตรตำนาน ยูเว่ และทีมชาติฝรั่งเศส เจ้าของ บัลลง ดอร์ 3 สมัยซ้อน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:24:49

ความคิดเห็นที่ 43 ไม่เพียงแต่รอยเท้าเท่านั้น ถ้าเป็นผู้รักษาประตูระดับตำนานทีมชาติอิตาลี และ ยูเว่ อย่าง ดิโน่ ซอฟฟ์ แชมป์โลก 1982 ก็จะปั้มมือแทน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:25:22

ความคิดเห็นที่ 44 กลับมาที่เจ้าของ Golden Foot 2004 นี่ก็ตำนาน ยูเว่ อีกแล้ว รวมถึง ลาซิโอ ด้วย เขาคือ พาเวล เนดเวด สุดยอดดาวเตะเช็ค เคยได้ บัลลง ดอร์ ปี 2003 จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:26:13

ความคิดเห็นที่ 45 คนนี้ก็ตำนานครับ ลุยจิ ริว่า เจ้าของสถิติดาวซัลโวทีมชาติอิตาลี 35 ประตู จาก 42 นัด เป็นเทพเจ้าของ กายารี่ ด้วย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:27:10

ความคิดเห็นที่ 46 ถัดมาคือ จอร์จ เวอาห์ เทพเจ้าของชาวไลบีเรีย อดีตดาวเตะ มิลาน ที่เคยคว้า บัลลง ดอร์ ปี 1995 เวอาห์ ถือเป็นคนแรกที่ปลดแอกรางวัลเกียรติยศดังกล่าว จากที่เคยให้เฉพาะชาวยุโรปเท่านั้น คราวนี้ใครก็ตามที่เล่นในยุโรป ไม่ว่าจะถือสัญชาติใด ก็มีสิทธิ์ได้ บัลลง ดอร์ แล้ว จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:29:01

ความคิดเห็นที่ 47 ต่อมายังเป็นดาวเตะ มิลาน อีกคน Golden Foot 2005 อังเดร เชฟเชนโก้ ครับ เคยคว้า บัลลง ดอร์ ปี 2004 มาแล้ว จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:29:50

ความคิดเห็นที่ 48 มาที่ตำนานระดับสุดยอดของ อินเตอร์ บ้าง จาชินโต้ ฟัคเค็ตติ ครับ เล่นให้ทีมงูใหญ่ทีมเดียวมากกว่า 600 นัด น่าเศร้าที่เขาเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง หลังจากประทับรอยเท้านี้ได้เพียง 7 วันเท่านั้น จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:30:36

ความคิดเห็นที่ 49 คนต่อมาคือ ซิโก้ ตำนานทีมชาติบราซิล ฉายาเปเล่ขาว โคตรบอลแห่งยุค 80 ที่เคยมาเล่นให้ อูดิเนเซ่ อยู่ 2 ปี จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:31:14

ความคิดเห็นที่ 50 ตามมาด้วยรอยเท้าของ โรนัลโด้ Golden Foot 2006 สุดยอดตำนานทีมชาติบราซิล ดาวซัลโวตลอดกาลของฟุตบอลโลก คนนี้ดีกรียาวเป็นหางว่าว ทั้งแชมป์โลก 1994 และ 2002 รวมถึง บัลลง ดอร์ 2 สมัย ปี 1997 และ 2002 จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:32:00

ความคิดเห็นที่ 51 นี่ก็ตำนานทีมชาติอิตาลีครับ เปาโล รอสซี่ แชมป์โลก 1982 ที่ตัวเองเป็นดาวซัลโว และคว้า บัลลง ดอร์ ในปีเดียวกัน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:32:43

ความคิดเห็นที่ 52 คนต่อมาคือตำนานและขวัญใจสาวก ยูเว่ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ครับ แชมป์โลก 2006 ได้ Golden Foot 2007 ด้วย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:33:24

ความคิดเห็นที่ 53 คนนี้บ้าง อัลดาเอียร์ กองหลังบราซิล แชมป์โลก 1994 นักเตะเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ โรม่า ยกเลิกเบอร์เสื้อให้ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:34:03

ความคิดเห็นที่ 54 ถัดมาคือสุดยอดเพลย์เมคเกอร์ฝรั่งเศส ซีเนอดีน ซีดาน อดีตดาวเตะ ยูเว่ เคยได้แชมป์โลก 1998 และ บัลลง ดอร์ ในปีเดียวกัน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:34:45

ความคิดเห็นที่ 55 มาที่ซูเปอร์สตาร์แบ็กซ้าย โรแบร์โต้ คาร์ลอส Golden Foot 2008 เคยมาเล่นให้ อินเตอร์ 1 ปี ก่อนย้ายไปดังระเบิดที่ เรอัล มาดริด จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:35:31

ความคิดเห็นที่ 56 ต่อมาคือ ซบิกเนียฟ โบเนียค ตำนานทีมชาติโปแลนด์ อดีตดาวเตะ ยูเว่ และ โรม่า จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:36:10

ความคิดเห็นที่ 57 มาถึง Golden Foot 2009 ครับ โรนัลดินโญ่ นั่นเอง เคยได้ บัลลง ดอร์ ปี 2005 ขอบอกว่าลายเซ็นสุดยอดมากๆ ทำเอานึกไปถึงทรงผมเจ้าตัวเลย 55 จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:36:58

ความคิดเห็นที่ 58 รอยเท้านี้ของ จานคาร์โล อันโตโญนี่ ตำนาน ฟิออเรนติน่า เป็นหนึ่งในชุดแชมป์โลก 1982 ด้วย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:37:31

ความคิดเห็นที่ 59 และแล้วก็มาถึงขวัญใจผม ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ แชมป์โลก 2006 นักเตะที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่ที่สุดที่ โรม่า เคยมีมา เล่นให้ทีมหมาป่าทีมเดียวมาตลอดอาชีพค้าแข้ง เพิ่งได้รางวัล Golden Foot 2010 มาเป็นคนล่าสุด นับถึงตอนนี้ รอยเท้า ต๊อตติ เป็นรอยเท้าสุดท้ายบนถนนสายนี้ครับ ยังใหม่เอี่ยมอยู่เลย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:38:21

ความคิดเห็นที่ 60 ไหนๆก็มาแล้ว ขอทาบรอยเท้าป๋า เป็นที่ระลึกหน่อยแล้วกัน อิอิ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:39:04

ความคิดเห็นที่ 61 จะเห็นว่าถัดจากรอยเท้าของ ต๊อตติ ก็ยังเหลือที่ให้วางแผ่นป้ายได้อีกพอสมควร รอตำนานยอดนักเตะคนอื่นๆมาประทับรอยเท้าต่อไป ซึ่งยังมีซูเปอร์สตาร์ในอดีตอีกหลายคนเลย ที่ยังไม่ได้มาประทับไว้ อย่างเช่น เปเล่, โยฮัน ครอยฟ์, รุด กุลลิท, มาร์โก ฟาน บาสเท่น, เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์, จูเซ็ปเป้ แบร์โกมี่, เปาโล มัลดินี่ ฯลฯ ส่วนคนดังที่มีรอยเท้าแล้ว (แต่ผมไม่ได้โพส) ก็มี ยูเซบิโอ, ชุสต์ ฟงแตง, อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่, จอร์จ เบสต์, เรมงด์ โกปา, เฟเรนซ์ ปุสกัส, มาริโอ เคมเปส, แกร์ด มุลเลอร์, โรมาริโอ, ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ, อิกอร์ เบลานอฟ, โอเล็ก บล็อกคิน, เรเน่ ฮิกิต้า, คาร์ลไฮนซ์ รุมเมนิเก้, ฟร้านซ์ เบคเคนบาวเออร์, ดุงก้า, ฮูโก้ ซานเชซ เป็นต้น ต้องมาคอยลุ้นกันครับว่าในปีนี้ จะมีรอยเท้าซูเปอร์สตาร์คนใดเพิ่มขึ้นมาบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าจะมีนักเตะปัจจุบันที่อายุเกิน 29 ปี มาในฐานะ Golden Foot 2011 อีก 1 คนด้วย ปีนี้มีลุ้นรางวัลกันเยอะ ทั้งหมดมี เบ็คแฮม, บุฟฟ่อน, ดร็อกบา, เอโต้, กิ๊กส์, กาซิยาส, ซาเน็ตติ, ปูโยล, ราอูล และ ชาบี้ เพียงคนเดียวในนี้ที่จะได้รางวัลต่อจาก ต๊อตติ ไป รักใครชอบใครก็เข้าไปโหวตกันได้ที่ http://www.goldenfoot.com ครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:39:44

ความคิดเห็นที่ 62 ตรงสุดทางเดินของแผ่นป้ายรอยเท้า ด้านบนจะเป็นศูนย์ประชุม Grimaldi Forum จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:40:21

ความคิดเห็นที่ 63 แฟนฟุตบอลยุโรปคงจะคุ้นกับ Grimaldi Forum กันดี เพราะที่นี่จะใช้เป็นเวทีจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม อยู่ทุกปีนั่นเอง จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:41:04

ความคิดเห็นที่ 64 หมดเรื่องฟุตบอลที่ โมนาโก แล้ว ความสนใจผมก็อยู่ที่ track ของ F1 ต่อ ระหว่างทางเดินกลับผ่าน โค้งอันลือลั่น หน้าโรงแรม Fairmont ครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:41:48

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่มี F1 ก็ดู Ferrari Italia ไปก่อน ซิ่งกระจายครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:42:33

ความคิดเห็นที่ 66 ผ่านหน้า คาสิโน ครับ ฝนเริ่มลงเม็ดไล่หลังมาแล้ว ....... จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:43:02

ความคิดเห็นที่ 67 เดินลงไปตามถนนเรื่อยๆ สุดทางก็ถึงปากสถานีรถไฟ โมนาโก พอดี เที่ยวแค่ครึ่งวันก็ครบแล้ว เมืองนี้ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:43:51

ความคิดเห็นที่ 68 ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกเมื่อไหร่ แต่เป็นครึ่งวันที่ประทับใจมากจริงๆ กลับ นีซ แล้วครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:44:28

ความคิดเห็นที่ 69 เช้าวันต่อมา อากาศไม่ดีเลย ฝนตกหนัก ผมกะว่าจะไปเที่ยวหมู่บ้าน Eze นั่งรถไฟไปถึงแล้วด้วย แต่หารถเข้าไปในหมู่บ้านไม่ได้ แถมเป็นวันอาทิตย์อีก Information ปิดหมดเลย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:45:26

ความคิดเห็นที่ 70 สุดท้ายก็เสียเที่ยว ต้องกลับมาเดินเล่นในตัวเมือง นีซ ครับ บรรยากาศชุ่มฉ่ำมาก จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:46:00

ความคิดเห็นที่ 71 น่าเสียดายตรงที่เป็นวันอาทิตย์ ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดหมด ที่เปิดก็ไม่ค่อยน่าสนใจ ภรรยาผมเซ็งเลย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:46:47

ความคิดเห็นที่ 72 วันนี้วันหยุดก็จริง แต่คนที่นี่ไม่ได้ขลุกอยู่แต่ในบ้านนะครับ มาขลุกกันอยู่หน้าโรงหนังเต็มไปหมด ผมก็ดูไม่ออกว่าคนเยอะมาก หรือโรงหนังเค้าเล็กกันแน่ ช่วงเวลาที่ ฝรั่งเศส ของผมมีแค่นี้ครับ ยังดีที่ได้เที่ยว โมนาโก ไปแล้วเมื่อวาน พรุ่งนี้จะกลับเข้า อิตาลี อีกครั้งล่ะ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:47:27

ความคิดเห็นที่ 73 จากสถานี นีซ ผมต่อรถไฟข้ามพรหมแดนมาลงที่ เวนติมิย่า อีกครั้ง เตรียมเดินทางไป ตูริน ครับ แต่เนื่องจากไม่มีรถไฟสายตรง เลยต้องไปเปลี่ยนขบวนที่ คูนิโอ ก่อน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:48:12

ความคิดเห็นที่ 74 รถไฟออกแล้วครับ ......... จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:48:50

ความคิดเห็นที่ 75 แต่แล้วหลังรถออกจาก เวนติมิย่า ผมก็ประหลาดใจสุดๆเมื่อไม่กี่ป้ายต่อมา กลับกลายเป็นป้ายของ ฝรั่งเศส ไปแทน มารู้ทีหลังว่าทางรถไฟสายนี้ วกกินพื้นที่เข้าพรหมแดนฝรั่งเศส ก่อนเข้ามา อิตาลี อีกหนครับ เชื่อมกันมั่วเลย จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:49:30

ความคิดเห็นที่ 76 นั่งมา 2 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึง คูนิโอ จนได้ อากาศที่นี่หนาวสุดๆเลยครับ ไม่น่าจะถึง 5 องศา จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:50:14

ความคิดเห็นที่ 77 มาถึง ตูริน ที่สถานี Torino Porta Nuova ประมาณบ่ายสองครับ ..... จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:50:50

ความคิดเห็นที่ 78 ในเมื่อมาถึงเอาบ่ายแก่ๆแบบนี้ ก็รู้ได้เลยว่ามีเวลาเที่ยวแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพราะคืนนี้ผมต้องไปนอนที่ มิลาน ดังนั้นการลุย ตูริน เป็นครั้งแรกในชีวิต ก็ไม่ต่างอะไรกับชะโงกทัวร์ ที่มีเวลาจำกัดสุดๆ ตูริน หรือ ภาษาอิตาเลียนคือ โตริโน่ (Torino) ถือเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของอิตาลี รองจาก โรม, มิลาน และ นาโปลี เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ แหล่งผลิตรถ Fiat ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอิตาลี หลังรวมชาติได้ในปี 1861 ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ฟลอเรนซ์ และ โรม มาจนถึงในปัจจุบัน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:51:34

ความคิดเห็นที่ 79 ที่เห็นนี้คือโบสถ์ San Filippo Neri ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดใน ตูริน ครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:52:05

ความคิดเห็นที่ 80 ด้านในครับ ........ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:52:35

ความคิดเห็นที่ 81 จากนั้นเดินไปตามถนน Accademia delle Scienze จะเจอพิพิธภัณฑ์อียิปต์ แห่งตูริน หรือ Museo Egizio ในพิพิธภัณฑ์มีการรวบรวมศิลปะจากอียิปต์โบราณ ว่ากันว่าสำคัญเป็นที่สองรองจากพิพิธภัณฑ์ที่ ไคโร เลยครับ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:56:29

ความคิดเห็นที่ 82 ตึกถัดไปจะเป็น Palazzo Carignano ครับ เป็นอาคารแบบบาร็อค อายุมากกว่า 300 ปี เคยเป็นวังเก่ามาก่อน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:57:21

ความคิดเห็นที่ 83 ภายในครับ สวยงามมากๆ ...... จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:57:52

ความคิดเห็นที่ 84 เดินทะลุออกมาอีกฝั่งจะเป็น Piazza Carlo Alberto เป็นที่ตั้งของหอสมุดแห่งชาติ ตูริน จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:58:19

ความคิดเห็นที่ 85 เดินต่อมาไม่ไกล จะถึงจัตุรัสใหญ่ที่สุดกลางเมือง Piazza Castello ตรงกลางจะมีพระราชวัง Madama และปราสาทเก่า Casaforte degli Acaja อายุมากกว่า 400 ปี จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:59:17

ความคิดเห็นที่ 86 ผมกำลังเดินไปหา Mole Antonelliana สัญลักษณ์ของ ตูริน อยู่ครับ ....... จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 02:59:54

ความคิดเห็นที่ 87 ระหว่างทางเจอแผงลอยขายหนังสือ และดีวีดี ฟุตบอล มีทั้ง ยูเวนตุส และ โตริโน่ ปะปนกันไป จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 03:00:50

ความคิดเห็นที่ 88 อาคารคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยตูริน ...... นักศึกษาไฟแรงเพียบ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 03:01:18