 |
วิเคราะห์ก่อนเขี่ยบอลพรีเมียร์ลีก 5ทีมไหนจะคือ 'แชมป์'
หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวเกมคอมมูนิตีชิลด์จบลง เท่ากับว่าเหลืออีกเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น ฤดูกาลชิงชัยพรีเมียร์ลีก 2011/12 ก็จะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ ก่อนจะไปตัดสินแชมป์กันอีกทีในช่วงเดือนพ.ค. ปีหน้า
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีที่พรีเมียร์ลีกลุ้นแชมป์กันเข้มข้น หรืออาจจะเข้มข้นที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเลยด้วยซ้ำ เมื่อมีทีมร่วมวงโคจรลุ้นแชมป์กันถึง 5 ทีม ไม่ว่าจะเป็น "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ลุ้นทำสถิติแชมป์ลีกสมัยที่ 20, "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ลุ้นทวงแชมป์อีกครั้งหลังตกบัลลังก์ไปเมื่อปีก่อน, "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลุ้นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 44 ปี, "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ลุ้นหยุดสถิติมือเปล่า 6 ปีติด และ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ลุ้นตีเสมอสถิติแชมป์ลีกของคู่ปรับ แมนฯยู ที่ 19 สมัย
และก่อนที่ศึกพรีเมียร์ลีกจะเริ่มต้นนัดแรกกันในวันเสาร์นี้ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" จึงขอทำหน้าวิเคราะห์ 5 ทีมที่มี "สิทธิ์" หยิบถ้วยแชมป์ในการต่อสู้ที่น่าจะเข้มข้นสุดๆ ในปีนี้ ก่อนที่เราจะรู้ผลที่แท้จริงอีกครั้งกันในอีก 10 เดือนข้างหน้า
อาร์เซนอล นักเตะใหม่ย้ายเข้ามาล่าสุด : แชร์วินโญ (11 ล้านปอนด์), ฆอน โตรัล (ค่าตัวไม่เป็นที่เปิดเผย), เฮคตอร์ เบลเลริน (ค่าตัวไม่เป็นที่เปิดเผย), คาร์ล เจนกินสัน (ค่าตัวไม่เป็นที่เปิดเผย) อาร์เซนอล ปีนี้พวกเขาเสริมทัพสไตล์เดิมของ อาร์แซน เวงเกอร์ โดยเน้นคว้านักเตะฝีเท้าดีค่าตัวถูกและดาวรุ่งเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม พวกเขายังจะต้องเจอปัญหากับการรั้งผู้เล่นตัวหลักอย่าง เชส ฟาเบรกัส กับ ซามีร์ นาสรี เอาไว้กับทีมต่อไปให้ได้ โดยเฉพาะรายแรกที่ถือเป็นจอมทัพหัวใจสำคัญของทีม ชนิดหาใครทดแทนได้ยากจริงๆ ขณะที่นอกจากการเสริมทัพแล้ว ผู้เล่นที่เสมือนเป็นนักเตะใหม่ของ อาร์เซนอล 2 รายคือ โธมัส แฟร์มาเลน กองหลังตัวแกร่งที่กลับมาพร้อมช่วยทีมอีกครั้ง หลังบาดเจ็บยาวในฤดูกาลที่แล้ว และน่าจะกลายเป็นความหวังในเกมรับอีกครั้งหลังทีมมีปัญหาเสียประตูง่ายๆ ในปีก่อน รวมถึง เรียว มิยาอิชิ ปีกจอมเลื้อยชาวญี่ปุ่นที่ถูกปล่อยตัวไปให้ เฟเนยูร์ด ยืมตัวในฤดูกาลที่แล้ว และทำผลงานได้น่าประทับใจ จน เวงเกอร์ ให้โอกาสได้ร่วมทีมชุดใหญ่เต็มตัวในปีนี้ โดยรวมปัญหาเดิมๆ ของ อาร์เซนอล นั้นยังไม่ได้รับการแก้ไขสักเท่าไหร่ ในแนวรุกพวกเขามีเพียง โรบิน ฟาน เพอร์ซี คนเดียวเท่านั้นที่พึ่งพาได้ ขณะที่ตัวสำรองในทุกตำแหน่งก็ยังทดแทนบรรดาผู้เล่นตัวจริงลำบาก มองแล้วปีนี้ไม่ง่ายแน่นอนสำหรับขุนพลเดอะกันเนอร์สที่จะรักษาพื้นที่ท็อปโฟร์ของพวกเขาเอาไว้ได้ต่อไป
ผู้เล่นสำคัญ : โธมัส แฟร์มาเลน จะกลับมาเป็นกำลังสำคัญในแนวรับให้กับ อาร์เซนอล อีกครั้ง หลังปีก่อนทีมมีปัญหาที่เกมรับยังไม่แน่นเท่าที่ควร นักเตะที่ประสบการณ์สูงอย่าง เซบาสเตียน สกิลลลาชี กลับกลายเป็นบ่อในหลายครั้งๆ ดังนั้น การกลับมาของ แฟร์มาเลน เที่ยวนี้น่าจะกลายเป็นแก้ปัญหาที่ถูกจุดในแนวรับของทีม โดยชนิดที่ เวงเกอร์ ไม่ต้องควักกระเป๋าซื้อนักเตะใหม่แม้แต่แดงเดียว
อันดับที่คาด : อันดับ 5
ลิเวอร์พูล นักเตะใหม่ย้ายเข้ามาล่าสุด : สจ๊วร์ต ดาวนิง (20 ล้านปอนด์), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (20 ล้านปอนด์), ชาร์ลี อดัม (9 ล้านปอนด์), อเล็กซานเดอร์ โดนี (ค่าตัวไม่เป็นที่เปิดเผย) ลิเวอร์พูลของ "คิงเคนนี" เคนนี ดัลกลิช เสริมทัพชนิดจัดหนักภายใต้การหนุนหลังของ จอห์น เฮนรี ประธานสโมสร แต่ส่วนใหญ่กลับเป็นการอัดแดนกลางของทีมที่แน่นอยู่แล้วให้แน่นกว่่าเดิมขึ้นอีก ทำให้เราต้องรอดูรูปแบบแผงกลางที่ลงตัวของ ดัลกลิช อีกครั้งว่าจะออกมาในรูปแบบใด และนักเตะตัวหลักเมื่อฤดูกาลก่อนอย่าง ลูคัส เลวา หรือ ราอูล ไมเรเลส จะยังมีตำแหน่งตัวจริงของตัวเองอยู่หรือไม่ ในขณะที่ได้มิดฟิลด์ตัวใหม่ๆ มาเยอะ แต่แผงเกมรับของ ลิเวอร์พูล ยังน่าเป็นห่วง ตำแหน่งแบ็คซ้ายมีข่าวว่า ใกล้จะได้ตัว โฆเซ เอ็นริเก มาเสริมทัพ แต่กับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟดูแล้วน่าจะต้องมีการปรับปรุง ในรายของ เจมี คาร์ราเกอร์ นั้นสำคัญกับทีมจนเกินกว่าจะสามารถถอดเป็นตัวสำรองได้ ส่วน มาร์ติน สเคอร์เทล ที่แม้จะทำสถิติเป็นนักเตะที่ลงสนามให้ ลิเวอร์พูล ครบทุกนัดทุกนาทีเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ก็ยังมีจังหวะพลาดอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะการรับมือกับลูกโด่ง ทำให้บรรดาเดอะค็อปต้องรอดูกันว่า ช่วงตลาดซื้อขายที่เหลืออยู่นี้ ทีมจะมีกองหลังตัวใหม่ย้ายเข้ามาในถิ่นแอนฟิลด์หรือเปล่า แน่นอนว่า ชุดผู้เล่นปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล น่าจะเป็นชุดที่ดีที่สุดของทีมในรอบหลายปี โดยเฉพาะแผงกลางที่ ดัลกลิช พยายามเสริมความเป็นบริติชเข้าไปมากขึ้น ส่วนกองหน้าหาก หลุยส์ ซัวเรซ กับ แอนดี คาร์โรลล์ ประสานงานกันเข้าขาเมื่อไหร่ ก็น่าจะจับคู่ช่วยกันยิงกระจายแน่นอน ถึงตอนนี้คงมีปัญหาแต่เพียงเกมรับเท่านั้นว่าจะเป็นตัวถ่วงการกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งของทีมหรือไม่
ผู้เล่นสำคัญ : หลุยส์ ซัวเรซ กลับมาร่วมทีมพร้อมกับความมั่นใจที่มากกว่าเดิม สำหรับ หลุยส์ ซัวเรซ หลังช่วยให้ทีมชาติอุรุกวัยคว้าแชมป์โคปา อเมริกา 2011 ขณะที่ฤดูกาลก่อน ซัวเรซ พิสูจน์ให้เห็นแล้วแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ดาวยิงที่ประตูถล่มทลาย แต่เทคนิคความคล่องตัวก็สามารถช่วยป่วนเกมรับคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี และหากปีนี้เข้าคู่กับ แอนดี คาร์โรลล์ ทีมก็น่าจะฝากความหวังกับทั้งคู่ เหมือนกับที่เคยฝากความหวังจาก จอห์น โตแช็ค กับ เควิน คีแกน ได้เลย
อันดับที่คาด : อันดับ 4
เชลซี นักเตะใหม่ย้ายเข้ามาล่าสุด : โอริโอล โรเมอู (4.35 ล้านปอนด์) เชลซี เสริมทัพน้อยมาก แม้จะถือเป็นทีมเงินถุงเงินถังที่สุดทีมนึงของพรีเมียร์ลีก อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้โค้ชคนใหม่ อังเดร วิลลาส-โบอัส ที่จะเข้ามากอบกู้ทีม หลังหล่นจากบัลลังก์แชมป์ในปีก่อน ขณะเดียวกัน วิลลาส-โบอัส รู้จักทีมชุดนี้เป็นอย่างดี เพราะเคยช่วย โจเซ มูรินโญ สร้างทีมชุดนี้ขึ้นมาก่อนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึงสองสมัยในปี 2005 และ 2006 ชุดผู้เล่นปัจจุบันของ เชลซี นั้นถือว่าลงตัวในทุกๆ ตำแหน่งอยู่แล้ว มีข้อติเพียงเล็กน้อยตรงที่นักเตะสำคัญๆ หลายคนอายุขึ้นเลขสามไปแล้ว อย่างไรก็ตาม โจทย์สำคัญที่ วิลลาส-โบอัส จะต้องตีให้แตกให้ได้คือ เฟอร์นันโด ตอร์เรส ว่าจะรีดฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาจากกองหน้าค่าตัว 50 ล้านปอนด์ได้อย่างไร รวมถึงการปรับ ตอร์เรส ให้เข้าคู่กับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา มากที่สุด หรือไม่ ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ลงสนามเป็นตัวจริง ปัญหาเดียวที่เกิดขึ้นกับ เชลซี ในยุคของ คาร์โล อันเชลอตติ เมื่อปีที่แล้ว คือ พวกเขาไม่สม่ำเสมอพอจนไปฟอร์มหลุดในช่วงกลางฤดูกาล แม้จะกระเตื้องขึ้นมาในช่วงท้าย แต่ก็สายเกินไปแล้วที่ไล่ แมนฯยู ทัน ทำให้ต้องดูว่าปีนี้ วิลลาส-โบอัส จะสามารถประคองฟอร์มของลูกทีมได้ดีแค่ไหน ทั้งในเมื่อประสบการณ์ก็ยังไม่ได้สูงมากนัก แถมอายุยังน้อย ดูแล้ว วิลลาส-โบอัส จะต้องเจอกับงานที่หนักที่สุดในชีวิตของเขาก็คราวนี้นั่นเอง
ผู้เล่นสำคัญ : เฟอร์นันโด ตอร์เรส ตอร์เรสนั้นได้ลงสนามเป็นตัวจริงทั้ง 3 เกมแรกในการอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่น ซึ่งน่าจะแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ วิลลาส-โบอัส ที่ต้องการเค้นฟอร์มของ ตอร์เรส ออกมาให้ได้ เรียกว่าไม่ง่ายสำหรับเขาเช่นกัน ที่จะหมางเมินดาวยิงค่าตัวแพงอย่าง ตอร์เรส ไว้ที่ม้านั่งสำรอง ดังนั้น เชลซีจะทวงแชมป์ได้หรือไม่ ปัจจัยส่วนนึงต้องตัดสินจากผลงานของ ตอร์เรส เช่นกันว่า เขาจะยิงประตูมากพอช่วยเชลซีให้คว้าแชมป์อีกครั้งได้หรือเปล่า
อันดับที่คาด : อันดับ 3
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นักเตะใหม่ย้ายเข้ามาล่าสุด : เซร์คิโอ อเกวโร (38 ล้านปอนด์), กาเอล กลิชี (7 ล้านปอนด์), สเตฟาน ซาวิช (7 ล้านปอนด์), คอสเตล พานทิลิมอน (ค่าตัวไม่เป็นที่เปิดเผย) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ โรแบร์โต มันชินี ไม่ได้เสริมทัพชนิดเป็นบ้าเป็นหลังอีกแล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญานที่ดี เพราะนั่นหมายถึงว่าทีมกำลังลงตัวมากขึ้น และขณะที่ทีมกำลังลุ้นว่า คาร์ลอส เตเบซ จะย้ายทีมหรือไม่ อย่างน้อยพวกเขาก็มี เซร์คิโอ อเกวโร มายืนรอทดแทนไว้แล้ว และไม่แน่บางที ทั้งคู่อาจจะได้จับคู่กันเองก็ได้ สิ่งที่น่าสนใจของ แมนฯซิตี้ ในปีนี้คือ ผู้เล่นที่ผลงานยังไม่ชัดเจนในปีก่อนอย่าง เอดิน เซโก จะสามารถปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้มากขึ้นหรือยัง ประกอบกับกระแสข่าวย้ายทีมของ เตเบซ ทำให้ แมนฯซิตี้ มีเพียงแผงกองหน้าเพียงจุดเดียวที่ยังไม่ลงตัว ถ้าเทียบกับตำแหน่งอื่นๆ ที่ค่อยๆ ลงตัวมากขึ้น จนสามารถจัดทัพ 11 คนแรกได้คร่าวๆ แบบไม่ต้องเดามากนัก แถมต้องไม่ลืมว่า ขุมกำลังสำรองของ แมนฯซิตี้ นั้นแข็งแกร่งมาก และน่าจะแข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันด้วยซ้ำ ปีนี้ แมนฯซิตี้ น่าจะก้าวขึ้นมาผู้ท้าชิงแชมป์จาก แมนฯยู อย่างเต็มตัว ด้วยทีมที่ลงตัวมากขึ้นของ โรแบร์โต มันชินี แต่อีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่พวกเขาจะต้องรับมือคือ การต้องมีศึกหนักอย่างฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ขนาบข้างไปด้วย โดยมีตัวอย่างที่ดีอย่าง สเปอร์ส ที่เคยต้องเจอศึกหนักสองด้านในฤดูกาลก่อน จนผลงานในลีกอ่อนลงไปส่งผลให้หลุดจากท็อปโฟร์มาแล้ว
ผู้เล่นสำคัญ : เซร์คิโอ อเกวโร เซร์คิโอ อเกวโรจะเข้ามาเป็นผู้เล่นสำคัญในแผงกองหน้าของ แมนฯซิตี้ ที่่ยังไม่ลงตัว เพราะในขณะที่ เอดิน เซโก ยังโชว์ฟอร์มเก่งไม่ออก ส่วน มาริโอ บาโลเตลลี ก็ยังป่วนทีมอยู่เรื่อยๆ และรายของ เตเบซ ยังงอแงเรื่องย้ายทีม ทำให้ อเกวโร คือกองหน้าคนเดียวที่ซิตี้จะสามารถฝากความหวังได้มากที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็ต้องลุ้นด้วยว่า เจ้าของนิกเนม "เอล กุน" ว่าจะปรับตัวได้ดีแค่ไหนในฟุตบอลอังกฤษฤดูกาลแรก
อันดับที่คาด : รองแชมป์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นักเตะใหม่ย้ายเข้ามาล่าสุด : ฟิล โจนส์ (16.5 ล้านปอนด์), แอชลีย์ ยัง (20 ล้านปอนด์), ดาบิด เด เคอา (20 ล้านปอนด์), ปิแอร์ลุยจิ กอลลินี(ฟรี) เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โชว์กึ๋นความเป็นยอดกุนซือ ด้วยการเสริมทัพทีมของตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เรียกว่ารู้จักของทีมตัวเองเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเข้ามาของ ฟิล โจนส์ และ แอชลีย์ ยัง ที่จะทำให้ทีมมีตัวเลือกมากขึ้น และสามารถสับเปลี่ยนหมุนเวียนได้มากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่า ทีมแมนฯยูชุดปัจจุบันนั้นทั้งแข็งแกร่งและลงตัวในทุกๆ จุดอยู่แล้ว ร่วมด้วยผู้เล่นดาวรุ่งฝีเท้าดีที่ถูกปล่อยยืมตัวเมื่อฤดูกาลก่อนกลับมาอย่าง ทอม เคลฟเวอร์ลีย์, แดนนี เวลเบ็ค, เฟเดริโก มาเคดา ก็ยิ่งทำให้ทีมแข็งแกร่งและมีตัวเลือกให้ เซอร์อเล็กซ์ ได้เลือกใช้สอยเยอะจริงๆ เหลือแต่เพียงตำแหน่งผู้รักษาประตูเท่านั้น ที่ต้องลุ้นว่า ดาบิด เด เคอา จะทำได้ดีแค่ไหนกับบทบาททายาทของ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ที่สร้างมาตรฐานไว้สูงมากทีเดียว มาตรฐานไม่น่าจะต่ำลงจากปีก่อนสำหรับลูกทีมของ เซอร์อเล็กซ์ แถมน่าจะดีมากขึ้นกว่าเดิมเยอะด้วยซ้ำ หลังการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ ดูแล้วว่า ไม่ใช่งานง่ายสำหรับทุกทีมอย่างแน่นอน หากหวังจะเบียดพลพรรคปิศาจแดงหล่นจากบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนี้ได้
ผู้เล่นสำคัญ : ดาบิด เด เคอา ดาบิด เด เคอาต้องเจอกับความท้าทายครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ในฐานะผู้รักษาประตูดาวรุ่งวัยเพียงแค่ 20 ปี แต่กลับต้องเข้ามาแทนที่สุดยอดผู้รักษาประตูที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายอย่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ แถมอยู่ในทีมที่มีเป้าหมายอย่างเดียวเท่านั้นคือ "แชมป์" งานนี้ผีแดงจะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ได้หรือไม่ ส่วนนึงต้องบอกว่าอยู่ในกำมือของ เด เคอา แล้ว
อันดับที่คาด : "แชมป์"
http://www.thairath.co.th/content/sport/192046
จากคุณ |
:
RedAtHeart
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ส.ค. 54 09:25:13
|
|
|
|
 |