 |
โพสอีกรอบ
http://www.liverpoolthailand.com/forum/index.php?showtopic=63710
สัมภาษณ์พิเศษกับเจ้าของสโมสร จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่
ในบทสัมภาษณ์พิเศษกับ Telegraph Sport เจ้าของสโมสรลิเวอร์พูล จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ ได้มาตอบคำถามถึงช่วงเวลา 10 เดือนของเขาในวงการฟุตบอลอังกฤษ และเผยถึงแผนของลิเวอร์พูลในอนาคตด้วย ...
คุณได้เข้ามาดูเกมเปิดฤดูกาลนัดพบซันเดอร์แลนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วย เล่าให้เราฟังถึงเรื่องในวันนั้นของคุณได้มั้ย ?
"ผมใช้เวลาก่อนหน้านั้นในมิวนิคเพื่อเรียนรู้เรื่องอลิอันซ์ อารีน่า ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของบาเยิร์น มิวนิคอย่างแท้จริง ผมบินกลับมาช่วงดึกของคืนวันศุกร์ และทอม เอียน และผมก็ไปพบกรรมการฝ่ายผู้สนับสนุนสโมสรตอนเช้าวันเสาร์ พวกเราประหลาดใจกับความแข็งแกร่งและรากฐานที่ยั่งยืนของคณะกรรมการ มันเป็นการประชุมที่สำคัญพร้อมด้วยผลทางเทคนิค ริชาร์ด สกูดามอร์แห่งพรีเมียร์ ลีก และเดวิด เบิร์นสไตน์แห่งเอฟเอก็อยู่ที่นั่นก่อนแล้ว มันจึงเป็นโอกาสอันดีที่ได้พูดคุยกับพวกเขาระหว่างเกม ผมรู้จักคุณสกูดามอร์อยู่แล้ว และนี่คือครั้งแรกที่ผมได้พบกับคุณเบิร์นสไตน์ ทั้งสองคนน่าประทับใจมาก และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเหมาะกับตำแหน่งหน้าที่ของพวกเขามากเป็นพิเศษ"
คุณได้ลงไปที่ห้องแต่งตัวมั้ย ?
"ไปครับ"
คุณรู้สึกยังไงที่ได้ดูทีมที่คุณช่วยสร้างมา ?
"ผมกับทอมคุยกันตอนที่แมตซ์เริ่มต้นถึงเรื่องจำนวนนักเตะ และความจริงคือหลุยส์ ซัวเรสอยู่ตรงนั้นถึงแม้จะมีช่วงเวลาพักจำกัดหลังศึกโคปา อเมริกา ซึ่งถือเป็นตัวแทนในความตั้งใจที่ทุก ๆ คนมีในห้องแต่งตัว ก็อย่างที่คุณรู้ว่านี่คือสโมสรที่เพรียบพร้อมด้วยประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ และคุณก็ต้องการให้นักเตะเข้าใจว่าทุก ๆ แมตซ์นั้นสำคัญต่อผู้คนทั่วโลกเพียงใด แฟน ๆ ของเราไม่ได้เข้าใจเรื่องแมตซ์กระชับมิตรในหนทางของแมตซ์กระชับมิตร พวกเขามีการคาดหวังนะ ดังนั้นเรื่องนี้ก็ส่งผลต่อคนในสโมสรด้วย ปีนี้ความคาดหวังนั้นจะอยู่ควบคู่ไปกับนักเตะทุกคน ไม่ใช่นักเตะทุกคนนะที่อยากมาที่นี่เมื่อพวกเรามาถึง แต่เคนนี่ , สตีฟ , ดาเมี่ยน และเอียนก็ทำให้มันเปลี่ยนไป คุณต้องยกเครดิตให้เคนนี่เขาเลยล่ะ"
เป้าหมายของคุณในฤดูกาลนี้คืออะไร ? เคนนี่และทีมของเขาต้องทำผลงานอะไรให้ได้เป็นอย่างน้อยมั้ย ?
"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทำงานที่น่าเหลือเชื่อสำเร็จด้วยการสร้างนักเตะพรสวรรค์อายุน้อยให้อยู่ในทีมด้วย ผมได้ดูพรี-ซีซั่นแมตซ์ของพวกเขา และดูเหมือนพวกเขาจะท้อปฟอร์มอยู่ตลอด ส่วนเราเองเพิ่งจะเริ่มสร้างและยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี ดังนั้นเราจะไม่คาดหวังว่าจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกในปีเดียว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูเหมือนจะเทหมดหน้าตักและพยายามที่จะมีออลสตาร์ในทุก ๆ ตำแหน่ง นั่นจะทำให้โค่นพวกเขายาก ปีนี้เป้าหมายของเราคือการกลับเข้าไปในแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ที่นี่คือสโมสรที่เพรียบพร้อมไปด้วยประวัติศาสตร์ในการแข่งขันยูโรเปี้ยน และผู้คนทั่วโลก อย่างน้อยก็แฟน ๆ ของเราที่ใฝ่ฝันถึงค่ำคืนยูโรเปี้ยน นั่นคือเป้าหมายแรกครับ แต่มันก็จะไม่ง่ายเลยนะเพราะมีตั้ง 6 สโมสรใหญ่ที่ต้องแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งสี่ที่"
ใน 10 เดือนแรกกับฟุตบอลอังกฤษ อะไรที่ทำให้คุณประทับใจ ?
"กรรมการนะที่ทำให้ผมประทับใจ ฟุตบอลอะไรที่เป็นทางการและดูขลังมาก และได้รับความนิยมมากกว่ากีฬาชนิดอื่นๆ แต่สิ่งที่ผมมองลึกไปกว่านั้น ผมดูฟุตบอลหลายเกม และเห็นว่ากรรมการเหลือเชื่อมาก มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะตัดสินให้ถูกต้องทุกครั้ง และมีปัญหาในสนามหลายครั้ง เรามีกล้องติดอยู่ทั่วสนาม แต่กรรมการมีแค่สองขา แต่พวกเขาทำงานได้ดีมาก อีกอย่างหนึ่งคือการที่ไลน์แมนจับล้ำหน้า ผมไม่รู้ว่าพวกเขามองทันได้อย่างไร และจังหวะจับล้ำหน้ามันก็มักพอดีกับกล้องด้วยหลายครั้ง พูดได้ว่าพวกเขาตัดสินได้ถูกต้องกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ แม้บางครั้งจะมีการบ่นกันบ้างก็เถอะ"
อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจที่สุด หรืออาจทำให้คุณช็อค ?
"คงเป็นระบบการซื้อตัวและย้ายทีม มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจนะถ้าคุณมาจากวงการกีฬาในอเมริกา เมื่อมีการยืนยันสัญญากันแล้ว ก็ยังเป็นเรื่องเล็กไม่น่าตื่นเต้น เท่ากับเรื่องที่มีอีกสโมสรหนึ่งต้องการผู้เล่นของคุณ และผู้เล่นต้องย้ายไป มันเป็นประโยชน์กับสโมสรใหญ่ๆ เช่นสโมสรเรา ความจริงผมก็รู้สึกคุ้นเคยแล้วล่ะเรื่องนั้น แต่ที่สร้างสีสันที่สุดก็คือ การค้นหานักเตะที่ใช่ที่ได้หมายตาไว้ และ เราได้ใช้เงินจำนวนที่กำหนดไว้ ไปซื้อและขายในนักเตะที่เราต้องการได้สำเร็จลุล่วงนี่แหละ"
ตอนที่คุณเข้ามาศึกษาในเรื่องฟุตบอลอังกฤษครั้งแรก คุณแสดงให้เห็นชัดเจนว่า จะสนับสนุนนโยบายกฎการเงินของยูฟ่าเรื่องการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับสโมสร (แฟร์ ไฟแนนเชียล) และมันเริ่มต้นในฤดูกาลนี้แล้ว ตอนนี้ลิเวอร์พูล อยู่ในกรอบนี้แล้วใช่ไหม ?
"สำหรับสโมสรแห่งนี้ มันเป็นเรื่องจำเป็นและเป็นเรื่องระยะยาวนะที่ผมต้องวางแผน และพยายามให้สโมสรดำเนินไปตามกฎนั้น คุณลองดูสิว่ามีการใช้จ่ายเกิดขึ้นมากมายจริงๆ และเมื่อถึงเวลาปิดตลาดแล้วก็ลองมาดูตัวเลขกันว่าซื้อและขายไปเท่าไหร่" "ด้วยความเคารพนะ ตัวเลขนั้นมันไม่ค่อยดีเลย ผมขอยกคำกล่าวของ กอร์ดอน เทย์เลอร์ที่ทำให้เขาเป็นมหาเศรษฐีว่า ประวัติศาสตร์จะบอกอะไรคุณได้บางครั้งนะ เหมือนผีเสื้อที่บินไปยังที่หนึ่งพอดูดน้ำหวานเสร็จก็ไปอีกที่หนึ่งนั่นแหละ คราวนี้ผมก็ถามว่า เวลาใดที่เหมาะสมที่ควรจะขยับหรือเปลี่ยนแปลงล่ะ? ณ เวลานี้ก็เหมือนกัน ถึงเวลาที่สโมสรต้องขยับและเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเพื่ออยู่รอดใช่ไหม"
แล้วอย่างสโมสรอื่นๆ ล่ะ คุณคงทราบดีว่า ตัวเลขของสโมสรแมนซิตี้เพิ่มสูงขึ้นมากมายขนาดไหน แล้วพวกเขาจะรอดหรือ ?
"คำถามก็ยังคงอยู่ที่ ยูฟ่านั่นแหละจะเอาจริงแค่ไหน มันชัดเจนว่ามีสโมสรใหญ่ๆ ในอังกฤษ ที่แสดงออกเรื่องนี้ พวกเขาส่งเมสเซสแสดงความคิดเห็นด้วยนะ ว่ายูฟ่าน่ะไม่เอาจริงอะไรมากหรอก แค่ค่อยๆ ดำเนินการอะไรบางอย่างเท่านั้นเป็นขั้นๆไป เหมือนกับสโมสรบางสโมสรในอิตาลีแหละ ความจริงมันต้องมีความร่วมมือในเชิงปฏิบัติกัน ผมเชื่อว่าลีกทุกลีกต้องรับลูกเรื่องนี้ทั้งหมด มันทำให้ทุกสโมสรเท่าเทียมและเป็นเรื่องที่น่ายินดี"
สโมสรยังคงต้องการให้ FFP (บริษัทางการเงินของ เฮนรี่) ช่วยเหลือเพื่อการแข่งขันก้าวสู่เป็นสโมสรระดับท็อปใช่หรือไม่ ?
"ความจริงแล้วเราต้องการเวลา ที่จะสร้างระบบฟุตบอล และต้องการสร้างโครงสร้างการเสียภาษีให้ถูกต้อง เราทำอย่างนั้นกับทีมบอสตัน เรด ซ็อกซ์ ผมเป็นเจ้าของทั้ง เรด ซ้อกและ นิวยอร์ก แยงกี้ส์ ด้วย เราจับคู่กันให้ทั้งสองแข่งขันกันดำเนินงาน ตลอด 10 ปีที่ผ่านมามีสโมสรสองทีมนี้แหละที่ผลัดกันคว้าแชมป์เบสบอลลีก สำหรับลิเวอร์พูลตอนนี้เรายังไม่เข้าใกล้ความเป็นสุดยอดของยุโรปนะ แต่ผมเชื่อว่าเราจะเป็นทีมที่ทั้งมีระบบฟุตบอลและการเงินที่สุดยอดในอนาคต"
คุณแสดงให้เห็นชัดเจนแล้ว ในอดีต คุณได้เริ่มปรับปรุงปะติดปะต่อ นโยบายการซื้อขายตัวผู้เล่นในอเมริกา พยายามให้ความยุติธรรมกับผู้เล่นมากขึ้น การพัฒนาศักยภาพนักกีฬาและการขายผู้เล่น ตอนนั้นคุณทำได้แล้ว ลองบอกหน่อยสิว่าตอนนี้คุณจะปรับปรุงแผนนโยบายนั้นหรือไม่ หรือจะยังใช้นโยบายการเงินแบบเดิม ?
"อย่างแรกเลยนะ คุณต้องมองให้ออก ผมเปรียบเทียบได้ระหว่างทีมเบสบอลของผมและทีมฟุตบอลของผมที่นี่ ผมใช้เงินไปมากในการเฟ้นหาผู้เล่น แมวมอง และพยายามพัฒนาระบบ ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของตลาดกีฬาอยู่แล้ว ต้องใช้เวลาในการรอคอยความสำเร็จ กว่าจะได้ผลกำไรที่มากยิ่งกว่าเงินที่ลงทุนไป สิ่งที่ดูไม่มีค่ามันก็จะกลายเป็นสิ่งที่มีค่าได้ ตอนนี้ที่บอสตันเรดซ้อกซ์ และ นิวยอร์ค แยงกี้ส์มีมูลค่าสูง ก็เพราะมีพื้นฐานแบบเดียวกันแหละ เราเป็นแชมป์เวิลด์ซีรีส์ และสโมสรเบสบอลอีกกว่า 30 สโมสรก็มองเห็นตรงนี้ว่าเราทำได้อย่างไร และสโมสรก็ซ่อนสถิติดีๆอะไรไว้มากมาย"
คุณประสบความสำเร็จในเป้าหมายในการ ดึงตัวนักเตะและซื้อขายในช่วงซัมเมอร์นี้แล้วหรือยัง จะมีการใช้จ่ายหรือลงทุนเพิ่มมากขึ้นอีกหรือไม่ ?
"มีผู้เล่นคุณภาพหลายคนที่ถูกขายออกไป และ มีผู้เล่นที่ไม่ค่อยมีคุณภาพถูกซื้อเข้ามาในช่วงหลายปีเห็นได้ชัดนะ แต่คุณต้องไม่หลุดออกจากวินัยการเงินในระยะยาว บางทีก็ชวนให้สงสัยเหลือเกินว่า เราใช้เงินมากเกินไปหรือเปล่า ความกังวลนั้นคล้ายๆ กับว่าจ่ายเงินซื้อไปแล้วไม่คุ้ม เราต้องมาดูกันให้ครบอีกปีนะว่าคุ้มหรือไม่ และมันคุ้มกับภาษีที่เสียไปหรือเปล่า แต่ไม่ได้หมายความว่าสโมสรจะไม่ลงทุนอะไรต่อ มันขึ้นอยู่กับฐานภาษี และเราจะผ่อนการซื้อลง หรือหยุดซื้อขาย ก็เมื่อสโมสรกลายเป็นสโมสรที่แข็งแกร่งพอในยุโรปแล้วนั่นแหละ"
เงินส่วนใหญ่ในการใช้ซื้อตัวผู้เล่นจ่ายไปแล้วในการซื้อผู้เล่นอังกฤษ ได้แก่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สจ๊วต ดาวนิ่ง และชาร์ลี อดัม มันเป็นกลยุทธนโยบายที่ดีแล้วใช่ใหม หากคุณลองเปรียบเทียบ ค่าการใช้จ่าย นักเตะอังกฤษนั้นมีค่าใช้จ่ายมากกว่านักเตะต่างชาติมาก คุณเชื่อมั่นในตลาดนักเตะอังกฤษมากจริงๆ ทำไมคุณถึงยอมจ่ายมากถึงขนาดนั้น ?
"ทุกๆ คนดูเหมือนจะคิดว่าลิเวอร์พูลมีนักเตะราคาสูงมากสำหรับนักเตะอังกฤษ แต่เมื่อพรีเมียรลีกมีกฎให้เลือกผู้เล่นโฮมโกรน ขึ้นมา ก็ทำให้นักเตะท้องถิ่นมีมูลค่าสูงขึ้นมาด้วยทันทีนั่นเป็นเรื่องธรรมชาติล่ะ คุณลองดูราคาของ นักเตะอย่างคอร์เนอร์ วิคแฮม และ อเล็ก ออกเลด แชมเบอร์เลนสิ ที่ลิเวอร์พูลเรามีนโยบายการซื้อที่แตกต่างออกไป เราใช้เงินไปมาก แต่มันก็ยังไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้หมดในฤดูกาลเดียวหรอก แต่ผมเชื่อว่าเรามาถูกทางแล้วล่ะ"
คุณจะอธิบายเกี่ยวกับคุณเอง ว่ามีส่วนร่วมในกระบวนการซื้อขายนักเตะในซัมเมอร์นี้อย่างไรบ้าง ?
"ปีนี้เป็นปีแรกที่ผมพยายามจะมีส่วนร่วม ผมต้องเรียนรู้อะไรอีกมากในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทอม วอร์เนอร์ และผม มักจะตั้งคำถามทุกอย่างในบอสตัน และทุกอย่างก็เป็นไปในแนวทางบวกทั้งหมด เพราะเราวางคนไว้ถูกกับงานแล้ว และนั่นแหละเป็นสิ่งที่เราต้องทำที่นี่เช่นเดียวกัน ผมต้องการทราบว่า เราทำอะไรกันบ้างในห้องแต่งตัว ในม้านั่ง และให้ความเคารพเกี่ยวกับผู้เล่น ผมคงไม่ลงไปทำงานไปชี้โน่นชี้นี่ให้คนนู้นคนนี้ต้องทำแบบนี้ แน่มันไร้สาระ และไม่ต้องสงสัยเรื่องความสามารถของแต่ละบุคคลเลยไมว่าจะเป็น เคนนี่ , สตีฟ, ดาเมียน,เอียน ,ทอม ผมพูดคุยกับพวกเขาเสมอเป็นระยะเวลานานๆ ทุกคนมีวินัยในการทำงานสูง และผมรู้สึกตื่นเต้นนะที่มีเวลาที่ดีและเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ได้ในอนาคต"
เรื่องแผนการสนามใหม่ล่ะ มีบรรยากาศการจะลงทุนสร้างสนามใหม่แล้วหรือยัง กลุ่มของคุณเคยพูดคุยว่าอาจต้องมีการแชร์สนามกับเอฟเวอร์ตัน มันยังเป็นอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า ?
"ผมมีอะไรต้องพูดคุยเรื่องนี้อีกมากนะ แต่จุดประสงค์เดิมเราก็ยังไม่เปลี่ยน เรามีแผนสร้างสนามใหม่แน่จากความพร้อมทางการเงิน นั่นเป็นเรื่องสำคัญ การแชร์สนามเป็นทางออกที่ดีเหมือนกันกับทั้งสองสโมสร ระหว่างลิเวอร์พูลกับเอฟเวอร์ตัน แต่มันไม่เหมาะสมในเรื่องของ กองเชียร์ทั้งสองทีม นั่นแหละ"
"สนามใหม่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร เราคิดว่าตอนนี้ต้องใช้วิธีการขยายสนามออกไปก่อน แต่มันก็มีพื้นที่กำจัดและมีเรื่องภาษีที่ต้องจ่ายประจำปีมาก ถ้าการขยายสนามแอนด์ฟิลด์ทำไม่ได้ การสร้างสนามใหม่ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แอนฟิลด์ตอนนี้เรามีพื้นที่ให้สำหรับผู้ชม 45,000 ที่นั่ง (ที่นั่งจริงๆนะ ไม่มียืน) ถ้าจะต้องขยายก็คือเพิ่มที่นั่งเข้าไปอีก 15,000 ที่นั่ง รวมเป็น 60,000 และอาจต้องใช้งบประมาณ 300 ล้านปอนด์"
"การใช้เงินในการขยายสนามขนาดนี้มันไร้สาระใช่ไหม เพิ่มที่นั่งแค่ 15,000ที่ แต่ใช้งบขนาดนั้น ไม่เมคเซ็นส์สักนิด นี่เมืองลิเวอร์พูลไม่ใช่ลอนดอน คุณไม่สามารถเรียกเก็บเงิน 1 ล้านปอนด์ได้ในระยะสั้นๆ และค่าภาษีต่อที่นั่งมันก็ไม่ต่างกันไม่ว่าจะเป็น เอมิเรตส์ สเตเดียม หรือ แอนฟิลด์ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องหาพาร์ทเนอร์ลงทุนเพิ่มให้ถูกทาง และเชื่อเถอะว่ามันจะเกิดขึ้นแน่ๆ"
Source: Telegraph
Special Thanks to - ไรท์เนอร์ (ร่วมแปล)
จากคุณ |
:
wanvisa
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ส.ค. 54 09:25:31
|
|
|
|
 |