ความคิดเห็นที่ 1 ที่เล่นประจำก็ฟุตบอลกับว่ายน้ำครับ จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 13:28:23

ความคิดเห็นที่ 2 ขอขอบคุณสำหรับโพสท์แรกครับ  ถ้าไม่รังเกียจ  อยากถามเพิ่มเติมว่า ฟุตบอล/และหรือว่ายน้ำ  ช่วยหรือไม่ช่วยการฝึกศิลปะการป้องกันตัว?  และถ้าช่วย  ช่วยอย่างไรครับ? จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 13:39:27

ความคิดเห็นที่ 3 ผมฝึกมวยไทยนะคับ กีฬาอื่นก้อ เล่นเวทคับ(เกี่ยวไหมเนี้ย) หลังๆเล่นกล้ามขาเยอะคับ ทำให้ เข่า กับแตะ หนักขึ้นมากเลย แล้วก้อ เต้นลีลาศด้วยนะ เกียวมากๆ เพราะ เวลาครูฝึกบอกให้ใช้ส่วนไหนของร่างกาย เราจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่นเวลา เข่ากับ เตะ ต้องส่งสะโพกแล้วก็ยื่นด้วยปลายเท้า คนธรรดาคง งง ส่งสะโพกคืออะไร แต่ผมเข้าใจทันที ประมาณนี้อ่ะคับ ^^ จากคุณ : เป็นเมียเราต้องอดทน เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 15:00:14

ความคิดเห็นที่ 4 #2 ด้านเทคนิคผมว่าไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่นะ แต่จะได้ประโยชน์ในเรื่องพละกำลัง+ความฟิตมากกว่าครับ ผมชอบฝึกมวยไทยกับBoxing แต่ไม่เห็นว่าฟุตบอลกับว่ีายน้ำจะสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้ซักเท่าไหร่กับการฝึกมวยทั้ง2อย่าง นอกจากได้เรื่องเรี่ยวแรงเท่านั้นครับ จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 15:21:28

ความคิดเห็นที่ 5 ฝึกมวยไทยแบบไม่ได้เป็นนักมวยเวทีค่ะ นอกจากนี้แล้วก็ยิงปืน ปั่นจักรยาน แล้วก็ว่ายน้ำค่ะ คิดว่ายิงปืนช่วยด้านจิตใจ จักรยานช่วยเรื่องกำลังขา ส่วนว่ายน้ำไม่แน่ใจค่ะ เพราะจขคห.ว่ายได้เต็มที่ก็เที่ยวละ25เมตรเอง เป็นโรคหอบค่ะ ที่ว่ายน้ำเพราะหมอสั่ง -.- จากคุณ : TaCherie เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 15:43:43

ความคิดเห็นที่ 6 เล่นปิงปองครับ อันนี้ช่วยฝึกสายตา ว่ายน้ำ แต่อันนี้ก็เล่นเพราะฝึกมวยครับ ได้ออกกำลังกายทั้งตัวดี + เพิ่มความอึดด้วย Free Running อันนี้็ก็เล่นเพราะมวยเหมือนกันครับ ได้ความคล่องตัว + ฝึกกล้ามเนื้อ ยิงปืน แต่อันนี้ใช้มวยมาช่วยครับ ในการตั้งท่า การเคลื่อนที่ จากคุณ : EZ2DJ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 16:07:12

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากๆสำหรับทุกความเห็นครับ ผมว่าคำตอบที่มีเข้ามาพอสำหรับที่จะมาถกกันแล้ว ว่าอะไรช่วยการเตรียมตัวให้การใช้งานในศิลปะการต่อสู้ดีขึ้น  เท่าที่ดูคำตอบจะมาจากผู้ฝึกมวยทั้งหมด  ผมไม่แบ่งแยกนะครับว่ามวยไทยเวทีมวยไทยโบราณหรือแม้แต่มวยสากล  คงเป็นเพราะกระแสมวยไทยกำลังมาแรง  น่าเสียดายที่ไม่มีมวยจีนเทควอนโดไอคิโดยูโดฯลฯมาร่วม  เพราะจะทำให้พวกเราเข้าใจการเตรียมตัวต่างๆเพิ่มขึ้นอีกเยอะครับ  ผมขอออกความเห็นนะครับ  ท่านผู้อื่นโดยเฉพาะเจ้าของคห.ที่ผมกล่าวถึง  ถ้าออกมาให้ความเห็นเป็นอื่นจะยิ่งดีครับ คห#1  ฟุตบอลนี่ผมว่าคล้ายมวยไทยมาก  สำหรับฟุตบอลนี้  เคยเป็นกีฬากีฬาอันดับหนึ่งของทั้งนักมวยและครูมวยที่แฟร์เท็กซ์เลยครับ  ฟุตบอลนี่จะเหมือนมวยมาก  มีจังหวะเข้าหากันเหมือนมวย  มีการเร่งแบบอนาโรบิค  แต่ฟุตบอลเป็นเกมยาว  แม้จะมีช่วงพักเล็กน้อยยามลูกบอล อยู่คนละฟากกับเรา และพักยาวครึ่งเวลาครับ  ผมมีความเห็นว่าถ้าซ้อมมวยหนักและบ่อย  ฟุตบอลในบางครั้งก็คลายเครียด และใช้แทนการซ้อมมวยได้ ยามการฝึกมวยไม่สามารถทำได้ครับ  แต่การซ้อมบอลช่วยมวยน้อยครับ คงอย่างที่จขคห.กล่าวไว้นั่นแหละครับ  ส่วนว่ายน้ำนี่ช่วยความอึดทำให้ปอดและหัวใจแข็งแรงหรือเปล่า ผมคงต้องให้จขคห.ช่วยบอกกล่าวให้ฟังด้วยครับ รวมถึงคุณEZ2DJว่ายน้ำ แต่อันนี้ก็เล่นเพราะฝึกมวยครับ ได้ออกกำลังกายทั้งตัวดี + เพิ่มความอึดด้วย ของคุณTaCherie  ผมไม่ทราบว่าว่ายครั้งหนึ่งกี่เที่ยวครับ ส่วนว่ายน้ำไม่แน่ใจค่ะ เพราะจขคห.ว่ายได้เต็มที่ก็เที่ยวละ25เมตรเอง เป็นโรคหอบค่ะ ที่ว่ายน้ำเพราะหมอสั่ง -.- การวิ่งช่วยการฝึกมวยแน่นอนครับ  เราจะเห็นทั้งนักมวยไทยและนักมวยสากลซ้อมวิ่งวันละร่วม10กม.ทุกวัน  แต่ผมปั่นจักรยานเสือหมอบ  ยืนยันได้ว่าแทบไม่ได้ช่วยเลยครับ  การแข่งไตรกีฬาหรือคนเหล็กซึ่งมีทั้งว่ายน้ำปั่นจักรยานแลนะวิ่ง  นักกีฬาให้ความสำคัญในการซ้อมไม่เท่ากันครับ  ผู้ที่วิ่งดีมักจะเป็นผู้กำชัย  อยากได้ความเห็นของผู้ซ้อมว่ายน้ำ ในกรณีว่าช่วยสร้างเสริมร่างกายสำหรับศิลปะการต่อสู้อย่างไรครับ   คห#3 การยกน้ำนักนี่  เท่าที่ทราบ มักจะใช้เพื่อทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งเฉพาะจุดเป็นสำคัญ  ไม่ใช่เพื่อให้กล้ามใหญ่ครับ  ที่ว่าเล่นขาแล้วทำให้เข่าหนักเตะหนักนี่ ผมเพิ่งเคยได้ยิน  ไม่ใช่ไม่เชื่อครับ  ดีเสียอีกที่ได้ทราบจากผู้ที่ปฏิบัติแล้วได้ผลโดยตรง ส่วนลีลาศนั้นผมว่าช่วยมากครับ  ถ้าเป็นแบบลาติน   เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายกล้ามเนื้อต้องมีการฝึกฝน คห#5และคห#6 ยิงปืน ผมว่าช่วยเรื่องสมาธิครับ  แต่เป็นการทำสมาธิที่ต่างจากการต่อสู้  เพราะปิดเรื่องรอบกายออกไปหมด  มุ่งไปที่การเหนี่ยวหรือแตะไก  การควบคุมการหายใจ ตาเล็งไปที่ศูนย์หน้า ในการต่อสู้เราต้องตื่นตัวต่อสภาพแวดล้อมและคู่ต่อสู้  ที่ว่าใช้มวยจัดท่าและเคลื่อนไหวนั้น  ผมว่าน้อยมากครับ  ท่ายืนของมวยนั้น  ค่อนข้างจะอยู่บนปลายเท้าเพื่อให้การขยับตัวรวดเร็ว  ที่คุณEZ2DJกล่าวถึงในการตั้งท่า การเคลื่อนที่ ผมเข้าใจว่าคงเป็นกีฬารณยุธเช่นIPSCหรือSteel Challenge  การยิงปืนสั้น  เท่าที่ผมดู  พวกที่มีสรีระแบบมะขามข้อเดียวจะได้เปรียบ เพราะยืนได้แน่นกว่า  ไม่โยกเยก  แต่หุ่นอย่างแอ๊ด คาราบาวก็เป็นแชมป์IPSCคนแรกของประเทศไทยครับ  ผมแปลกใจที่คุณEZ2DJเล่นFree Running เพราะเป็นกีฬาที่อันตรายมาก  ผมว่าFree Running ช่วยเสริมการต่อสู้ครับ  เพราะทำให้สมาธิและจิตใจมั่นคง  การเคลื่อนไหวพลิ้ว  การตัดสินใจเด็ดขาดและรวดเร็ว  ผมสงสัยว่าทำไมนักเล่นFree Running จึงไม่สวมหมวกนิรภัย  ต้องการความคล่องตัวหรือครับ?  การเล่นtrampolineน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า  ยิมนาสติครวมถึงกระโดดน้ำ free runningน่าจะเหมาะสมกับสรีระที่แข็งแแกร่งและลำตัวรวมถึงขาสั้นครับ  เพราะจะทำให้ตีลังกาได้วงที่แคบกว่า   ปิงปองช่วยการฝึกสายตา และการตอบสนองของร่างกายต่อการสั่งงานของสมองดีครับ  อยากฟังความเห็นของทุกท่านครับ  จากนั้นผมขอไปถกเรื่องวิทยาศาสตร์กีฬาแขนงอื่นครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 18:50:18

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบจขกท.นะคะ เรื่องว่ายน้ำนี่ แล้วแต่สังขารค่ะ ว่ายไปได้เที่ยวนึงแล้วก็จะหยุดพักหอบประมาณ3-5นาที บางครั้งก็ฟรีสไตล์ไป ตีกรรเชียงกลับ(น่าแปลกว่าตีกรรเชียงไม่เหนื่อยเท่าฟรีสไตล์ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า)ถ้านับเฉพาะที่ฟรีสไตล์ไปจริงๆก็น่าจะราวๆ 10 เที่ยวค่ะ ใช้เวลาตีกรรเชียง + หยุดพักเพื่อปรับจังหวะหายใจ + เดินในน้ำ เยอะกว่าว่ายน้ำอีกค่ะ เวลาฝึกมวย จขคห.ไม่ได้ฝึกแบบนักมวยเวที แค่เตะกระสอบ ชกลม ฝึกการออกอาวุธ ฝึกความคล่องแคล่ว ประมาณนั้นน่ะค่ะ จากคุณ : TaCherie เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 19:12:40

ความคิดเห็นที่ 9 เรียนจขคห#8  ผมว่าการฝึกศิลปการต่อสู้  จะฝึกแบบใหนให้พอเหมาะกับผู้ฝึก  รวมถึงสถานที่และเวลาก็พอครับ  ไม่จำเป็นต้องล่อเป้าฯลฯ  แต่ถ้าต้องการไปสู่จุดสูงสุดที่ผู้ฝึกจะทำได้  ก็ควรฝึกให้ได้ตามที่ครูฝึกกำหนด  ที่ผมถามกระทู้นี้ ก็เพื่อถกว่าอะไร เสริมการฝึก  และอะไรทดแทนการฝึกครับ  เช่นฟุตบอลทดแทนการฝึกได้ระดับหนึ่ง  แต่ลีลาศปิงปองและFree Running น่าจะช่วยเสริมการฝึกได้ดีครับ   ผมเชื่อว่าทุกท่านทราบว่า นักมวยต่างใช่การวิ่งเพื่อเสริมสร้างร่างกาย  ผมปั่นเสือหมอบและทราบดีว่า ไม่ได้ช่วยในการฝึกมวยเป็นชิ้นเป็นอัน  สำหรับว่ายน้ำผมไม่ทราบ  จึงขอความเห็นของสมาชิกกระดานนี้ครับ  ส่วนการยิงปืน  ผมว่าไม่ได้ช่วยเลย  และนำท่าไปใช้กับการยิงปืนสั้นแบบรณยุธก็ไม่น่าจะได้ผลครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 20:33:26 จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 20:31:24

ความคิดเห็นที่ 10 ตะกร้อ และปิงปองครับครับ สมัยหนุ่มๆนะ จากคุณ : ขลุ่ย (ขลุ่ย Silent flute) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 23:24:45

ความคิดเห็นที่ 11 ผมไม่ได้ฝึกนานแล้วนะ ครึ่งปีได้ แต่ตอนนั้นก็เล่นเวจ กับจ๊อคกิ้งครับ ผมเป็นคนที่สายตาห่วย เล่นกีฬาอะไรแทบไม่รุ่งเลย ทุกอย่างนั้นทำเพื่อสุขภาพกับหุ่น นอกนั้นถ้านับ ผมก็ชอบปีนเขา ชอบว่ายน้ำ แต่ไม่ได้บ่อย จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 01:53:50

ความคิดเห็นที่ 12 ว่ายน้ำ ถ้าว่ายธรรมดาทั่วไปคงไม่ช่วยเรื่องความแข็งแรงของปอดมากเท่าไหร่นะครับ เพราะผมรู้สึกว่าฝึกมวยยังจะเหนื่อยมากกว่าว่ายน้ำหลายเท่าด้วยซ้ำไปครับ ฝึกชกลม5ยกๆละ3นาที รวม15นาที ยังเหนื่อยมากกว่าว่ายน้ำเป็นชั่วโมงๆซะอีกครับ แต่การว่ายน้ำ น่าจะช่วยเรื่องการผ่อนคลายกล้ามเนื้อมากกว่า ถ้าวันไหนฝึกมวยหนักมากๆ แล้ววันถัดมาได้ไปว่ายน้ำนี่กล้ามเนื้อจะผ่อนคลายมากครับ จะไม่ค่อยมีอาการล้าตกค้างอยู่ ผมว่าว่ายน้ำช่วยในเรื่องนี้มากกว่านะ แต่ถ้าเป็นการว่ายระยะไกลๆ ว่ายทำเวลา หรือดำน้ำนานๆ แบบนี้ก็อาจจะช่วยเรื่องปอดและหัวใจได้นะครับ ยังไงก็รอผู้รู้จริงมาช่วยคอมเมนท์เพิ่มอีกทีครับ จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 02:55:23

ความคิดเห็นที่ 13 โอ้ ลืมไปอย่างเรื่องปีนเขาครับ ครูเองแนะนำให้ไปหาปีนหน้าผาจำลอง เพราะได้พลังมือและนิ้วมาก เสียดายไม่ค่อยมีเวลาไปเล่นครับ เคยไปลองที่พัทยาแค่ 3 ครั้ง ใช้แรงเยอะจริงๆ ในกรุงเทพมีที่ไหนน่าสนใจ แนะนำหน่อยนะครับ เรื่อง Free Running ก็มีสอนในยิมที่เป็นเบาะนะครับ แต่ที่ผมฝึกส่วนใหญ่ก็พื้นหญ้า พื้นปูน และการฝึก ห้อยโหน ฝึกทรงตัวในที่แคบ ก็ช่วยเรื่องกล้ามเนื้อและสมาธิมากครับ แต่จริงๆเล่นยิมนาสติกก็ได้ผลคล้ายๆกันนะ แต่จุดประสงค์ของการเล่นอาจจะต่างกันครับ ที่ว่าท่ามวยใช้ในการยิงปืนได้ดี เพราะมวยไชยามีการยืนทั้งบนปลายเท้าและเต็มเท้า รวมทั้ง และอีกหลายๆแบบ ตามแต่จุดประสงค์ของท่านั้นๆ ซึ่งบางท่าก็เป็นท่าที่เหมาะกับการยิงปืนเลยครับ เพราะตอนไปสอนหน่วยอรินทราช มีรุ่นน้องมาสอนยิงปืนครับ ซึ่งเค้าก็บอกยืนแบบท่าเตรียมมวยได้เลยพี่ เหมือนกันเลย ผมไม่ได้เล่นแบบจรยุทธอะไรหรอกนะครับ แค่ฝึกยิงปืนให้แม่นเผื่อเกิดเหตุร้ายนะครับ จริงก็ชอบตั้งแต่เด็กๆเพราะอยู่ใกล้ศูนย์ฝึกรด. แต่ก่อนไปยิงกับเพื่อนบ่อยครับ แต่ก็มีบ้างที่ไปเล่น Paintball กับเพื่อนครับ อันนี้ไม่มีเวลามาฝึกตั้งท่าครับ ยิงเอามันส์ ^_^ เรื่องผ่อนคลายกล้ามเนื้อผมใช้วิธีแช่น้ำแข็งครับ ถ้าัวันไหนฝึกหนักๆ จนล้าจริงๆ ก็จะซื้อน้ำแข็งมานอนแช่ครับ ส่วนเรื่องว่ายน้ำนี่ผมไม่ได้ว่ายไกลเท่าไหร่นะครับ 500 เมตรเอง ช่วยบ้างหรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็รู้สึกว่า เล่นมวยไ้ด้นานกว่าเดิม จับล็อคกันก็ไม่เหนื่อยมาก อาจจะเป็นเพราะชินระบบการหายใจด้วยละมั้งครับ จากคุณ : EZ2DJ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 05:30:02

ความคิดเห็นที่ 14 ยูโด + แบตมินตัน + วิ่ง + ว่ายน้ำ แบตนั้นสอดคล้องกับยูโด คือใช้แรงบริเวณข้อมือ ข้อศอก บางครั้งสามารถที่จะดึงคู่ต่อสู้ได้แรงและเร็วกว่าปกติ คล้ายๆกับการเหวี่ยงแร็คเก็ต วิ่ง ตัวสำคัญเลยครับ ถ้าไม่ได้วิ่งทุกวันประมาณ5-10โล เวลาซ้อมผ่านไป2-3รอบ ขามันจะสั่นๆ ว่ายน้ำ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันรึเปล่า แต่ว่าชอบเป็นการส่วนตัว โดยเฉพาะท่ากบ จากคุณ : ablaze357 เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 06:48:24

ความคิดเห็นที่ 15 นอกจากศิลปะการต่อสู้แล้ว คุณเล่นกีฬาอื่นใดเป็นประจำบ้างครับ?   และขอให้เป็นกีฬาที่แตกต่างออกไปเช่นว่ายน้ำ  วิ่ง  หรือแบดมินตันฯลฯ  ไม่ใช่มวยจีน+เทควอนโดครับ ********************************************************** แบดมินตัน/ปิงปองครับ  เนื่องจากท่าเคลื่อนไหวต่างๆของร่างกายของการเล่นกีฬานี้ใกล้เคียงกับศิลปะการต่อสู้มือเปล่าของจีนรวมอาวุธดาบและกระบี่ครับ จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 11:34:37

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณสำหรับคห.เพิ่มเติมครับ  โดยเฉพาะเหตุผลและความเห็นที่เสริมมาด้วย  ผมนับถือกีฬายูโดมาก  เพราะได้วางรากฐานให้กีฬาศิลปะการต่อสู้อื่นๆเช่น มวยไทยเวทีและเทควอนโดครับ  มีประวัติและมีกติกาที่รัดกุม  การสอนยึดถือขั้นตอนที่เป็นไปตามลำดับ  ในขณะทียูโดยังได้แตกแขนงเป็นศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ้น  ผมเข้าใจว่าที่จขคห.ใทั้งสองเล่นแบดฯ  เพราะว่าแบดฯเสริม ไม่ใช่ทดแทน  การฝึกวิชาต่อสู้ที่ท่านฝึกอยู่นะครับ  บางกีฬาอย่างลีลาศนี่ ผมก็ดูว่าเสริมการฝึกวิชาต่อสู้มาก เพราะต้องมีการวางเท้าที่มั่นคง  แต่พร้อมจะขยับเปลี่ยน  และมีการเคลื่อนร่างกายทุกส่วนในแทบทุกอริยาบทครับ สำหรับการแช่น้ำแข็งเพื่อลดความล้าของกล้ามเนื้อนั้น  ก็มีส่วนบ้างครับ  แต่ความจริงการแช่น้ำร้อนจัด  เท่าทีพอจะทนได้  จะกำจัดกรดแลคติก  ที่เกิดจากการออกกำลังกายหนักได้ดีกว่าครับ  ผมขอลอกส่วนหนึ่งของ"ป๋าลู" ของสังคมจักรยาน ที่เป็นที่รู้จักดีนะครับ ประโยชน์ของการอบซาวน่า ก็เพื่อต้องการเพิ่มเลือดมาเลี้ยงบริเวณผิวหนัง และกล้ามเนื้อ ( ความร้อนทำให้หลอดเลือดขยายตัว ) เพื่อที่จะมาชะล้างของเสียหรือเอาของดีมาป้อนให้ แล้วจึงเข้าไปอาบน้ำเย็นๆ เพื่อให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังและกล้ามเนื้อหดตัวไล่เลือดกลับเข้าสู่ระบบ เพื่อเป็นการเร่งให้กำจัดชะล้างของเสัยออกได้เร็วขึ้น ซาวน่าจึงเหมาะสำหรับการออกกำลังกายหนักๆมา เช่น เล่นเวท ตีเทนนิส ปั่นMTB เพราะว่าจะทำให้อาการล้ากล้ามเนื้ออันเกิดมาจากกรดแลคติกสะสม ทุเลาเบาบางลงได้อย่างรวดเร็ว จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 13:04:17

ความคิดเห็นที่ 17 ขอคุยกันต่อครับ  เพื่อจะได้กรุยทางเข้าไปทางวิทยาศาสตร์การกีฬา  เท่าที่ผ่านมาแทบทุกท่านก็ยอมรับว่า การวิ่งช่วยส่งเสริมความอึด ทำให้สามารถฝึกซ้อมได้หนักขึ้น  มีอุปกรณ์หนึ่ง ที่ใช้วัดการเต้นของหัวใจต่อนาฑี(ฮาร์ทเรทมอนิเตอร์)  ไม่ทราบว่ามีท่านใดใช้บ้างครับ?  อุปกรณ์ขนิดนี้ จะช่วยให้การออกกำลังแบบแอโรบิค ทำได้ในช่วงความหนักที่เหมาะสม  นักวิ่งทางไกลมักใช้อุปกรณ์นี้  รวมถึงนักปั่นจักรยาน  แม้แต่ฝรั่งบางคนที่มาฝึกมวยไทยที่แฟร์เท็กซ์  ผมก็เห็นใช้ครับ  เครื่องวัดการเต้นหัวใจที่ดีบางยี่ห้อเช่น Polar   กันน้ำได้  เหมาะสำหรับนักกีฬาไตรกีฬา  จนถึงนักกีฬาว่ายน้ำบางคนครับ  มีท่านใดใช้เครื่องมือวัดอย่างอื่น  ที่จะช่วยให้การฝึกได้ประสิทธิภาพสูงสุดใหมครับ?  ถ้ากรุณาเข้ามาให้ความรู้ก็จะเป็นประโยชน์ครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 20:14:43

ความคิดเห็นที่ 18 อืมจริงๆถ้ามีการทดสอบว่า ร้อน หรือ เย็น จะช่วยในการคลายกล้ามเนื้อได้ดีกว่ากัน ก็ดีนะครับ อยากทราบเหมือนกันว่าแบบไหน เพราะที่เห็นพวกนักกีฬา MMA ซ้อมกันนี่ใช้วิิธีแ่ช่น้ำแข็งเอานะครับ แต่ถ้าให้เอาสบาย อบซาวน่า สบายกว่า ^_^ http://thedietpump.exteen.com/20110215/tdp-station-7-for-recovery-1 เรื่องการวัดการเต้นของหัวใจนี่ผมใช้ เครื่องที่วิ่งของฟิตเนสนะครับ วัดเอา ไม่มีแบบพกพาเหมือนกัน จากคุณ : EZ2DJ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 21:10:56

ความคิดเห็นที่ 19 หวังว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาถกมากกว่านี้ครับ  เพราะจะทำให้ความเข้าใจในวิทยาศาสตร์การกีฬาเพิ่มและกว้างขวางขึ้นครับ  แต่ไม่เป็นไร  ใครว่างก็ขอเชิญเข้ามาเสริมครับ ข้อความของป๋าลูที่ผมยกมานั้น  บอกถึงการทำงานทั้งร้อนและเย็นครับ   ประโยชน์ของการอบซาวน่า ก็เพื่อต้องการเพิ่มเลือดมาเลี้ยงบริเวณผิวหนัง และกล้ามเนื้อ ( ความร้อนทำให้หลอดเลือดขยายตัว ) เพื่อที่จะมาชะล้างของเสียหรือเอาของดีมาป้อนให้ แล้วจึงเข้าไปอาบน้ำเย็นๆ เพื่อให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังและกล้ามเนื้อหดตัวไล่เลือดกลับเข้าสู่ระบบ เพื่อเป็นการเร่งให้กำจัดชะล้างของเสัยออกได้เร็วขึ้น ทีนี้ควรจะให้ร้อนนานสักเท่าใดและเย็นนานเท่าใด?   ป๋าลูบอกว่าร้อนอย่าให้นานจนหน้ามืดและเย็นไม่นานนัก  เช่นร้อนเท่าที่ทนได้สัก3-5นาฑี  แล้วสลับด้วยเย็นสัก1-3นาฑี  ทำอย่างนี้สัก3รอบครับ  ป๋าลูเป็นแพทย์สอนอยู่ที่ศิริราชครับ  ศึกษาเวชศาสตร์การกีฬามาพอสมควร  ผนวกด้วยวิชาแพทย์ที่ได้เรียนมา สำหรับประสพการของตัวผมเอง  เมื่อเริ่มหัดมวยใหม่ๆ  พี่ตัง(อภิเดช)ได้แนะนำให้หาโอกาสแช่น้ำร้อน  และเสนอให้เสี่ยทำห้องที่มีอ่างไว้แช่น้ำร้อนให้ฝรั่งด้วย  แต่ยังไม่ได้ทำครับ  ผมเองก็ไม่ได้แช่ เพราะไม่เคยรู้สึกว่าซ้อมหนักจนระบม  แต่ผมเคยพาเพื่อนไปซ้อมกับครูจิตติ  ตอนนั้นอยู่หลังบ้านผม  เพื่อนผมเป็นตะคริวขา(เกิดการคั่งค้างของกรดแลคติค)  ครูจิคตติเอาน้ำแข็งเข้ามาลูบที่ขา  แล้วเอาน้ำเย็นละลายที่เหลือราด  หายเป็นตะคริวครับ  ผมพาไปซ้อมที่แฟร์เท็กซ์  ก็เป็นตะคริวอีก  ผมเลยไปซื้อน้ำแข็งที่หน้าค่าย  แล้วทำตามอย่างครูจิตติ  ก็หายอย่างรวดเร็ว  สำหรับตัวผมเอง  จากการปั่นจักรยานหนักๆ  เคยใช้เคาน์เตอร์เพนนวดขายามตะคริวมาเยือน  ชนิดเย็นไม่ได้ผลเลยครับ  แต่ชนิดร้อนได้ผลในระดับดีน่าพอใจ  ในงานปั่นประจำปีของชมรมจักรยานสวนธน  ผมเคยเป็นตะคริวช่วงวังตะบูร เพชรบุรี  ใช้เคาน์เตอเพนร้อน  ก็ พอระทดระทวยไปจนถึงหาดเจ้าสำราญ  ที่นั่นผมซื้อทั้งน้ำเย็นและน้ำแข็งบำบัด  ไม่น่าเชื่อครับ  พอเริ่มใหม่  ผมสามารถปั่นเกาะกลุ่มไปจนถึงหัวหิน  เดี๋ยวเย็นๆจะกลับมาคุยต่อเรื่องการวัดอัตราเต้นของหัวใจครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 14:18:19

ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อก่อนไปฟิตเนสที่มีจากุซชี่ เค้าจะแช่น้ำอุ่นให้สบายตัว แล้วลงแช่น้ำเย็นวูบเดียว แล้วขึ้นหน่ะครับ ไม่รู้ว่าดีไหม แต่ผมสบายตัวโคตรๆเลย เรื่องการคาดิโอของผม ผมจะวิ่งราวหนึ่งชั่วโมงครับ (เมื่อปีก่อน ตอนนี้คงไม่ไหวแล้ว ต้องกลับมาเทรนใหม่) โดยผมเกลียดการวิ่งในฟิตเนสมาก เพราะน่าเบื่อ ผมจะวิ่งในสนามที่รู้ระยะทาง กะระยะประมาณ แปดถึงสิบกิโลเมตร วิ่งหนึ่งชั่วโมงพอดี แต่หน้าหนาวกับหน้่าร้อนวิ่งไม่ได้ ถือเป็นข้อเสีย(ผมอยู่จีนหน่ะ หนาวมันหนาวเกิน ร้อนก็วิ่งไม่ออก) อากาศที่ดีสุดที่่เหมาะกับการวิ่ง สำหรับผมคือราวสิบถึงยี่สิบองศา ทำให้ตอนอยู่ไทย ผมก็วิ่งไม่ได้เช่นกัน (ตอนอยู่ไทย คาดิโอคือการฝึกศิลปะป้องกันตัว หรือว่ายน้ำแทน) จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 14:55:47

ความคิดเห็นที่ 21 ขอกลับมาคุยต่อครับ  การฝึกร่างกายให้มีความอดทน  ไม่เฉพาะนักกีฬาที่แข่งในระดับแอโรบิคเช่นวิ่งมาราธอนหรือคนเหล็กไตรกีฬาต้องใส่ใจ  แต่่นักต่อสู้ศิลปะป้องกันตัวก็ต้องให้ความสำคัญด้วยครับ  จริงอยู่  การเคลื่อนไหวขณะต่อสู้นั้นจะเป็นลักษณะอนาโรบิค  แต่ก็มีช่วงที่ผละจากกัน  และถ้าเป็นกีฬา ก็ยังมีช่วงพักยก  พื้นฐานของการสร้างความอดทนแกร่งก็คือการสร้างด้านแอโรบิคครับ  จะทำให้ออกกำลังในระดับต่ำได้ต่อเนื่อง  หัวใจและปอดแข็งแรง  เราพอจะวัดความแข็งแรงของหัวใจได้ง่ายๆ  โดยไม่ต้องมีเครื่องวัดอีเล็คโทรนิค  นั่นก็คือจับชีพจรแล้วนับการตุ๊บไปพร้อมกับดูนาฬิกาว่า  1นาฑีเต้นกี่ตุ๊บ  ทีนี้ลองมาวัดช่วงที่หัวใจเต้นต่ำสุด  คือช่วงที่เพิ่งตืนนอนหลังหลับยาว  หากวัดได้90ครั้งต่อนาฑีขึ้นไป ให้รีบปรีกษาแพทย์ได้เลยครับ  ความดันโลหิตสูงน่าจะถามหา(ควรวัดความดันด้วยครับ)  ถ้าวัดได้ตั้งแต80ขึ้นแสดงว่าหัวใจยังไม่แข็งแรง  70ขึ้นปกติ    60ขึ้นก็เริ่มดีครับ  ถ้าต่ำกว่า60พูมใจได้เลยว่าหัวใจแข็งแรงมาก  นักกีฬาเอ็นดูแรนซ์ระดับแข่งขันบางคนก็ต่ำกว่า50/นาฑีครับ  นี่ผมเอามะพร้าวมาขายสวนหรือเปล่า?  นี่เป็นการกรุยทางไปสู่วิทยาศาสตร๋การกีฬาครับ  เอาละครับ  ถ้ามีเครื่องวัดการเต้นของหัวใจ  เราก็มาหาการเต้นสูงสุดที่เราทำได้กันดีกว่าครับจะใช้ ลู่วิ่ง ว่ายน้ำหรือจักรยานทั้งที่ปั่นบนถนนหรือตามโรงยิมก็ได้ครับ  เริ่มจากเบาๆ=วิ่งเหยาะๆให้ร่างกายปรับตัว แล้วค่อยๆเร่งความเร็ว  หัวใจจะเต้นแรงขึ้น  จนถึงจุดหนึ่ง  เราจะวิ่งไม่ออก หรือเร่งหัวใจให้เต้นเร็วขึ้นไม่ได้  ต้องชลอการออกกำลังกายลงพรวดๆครับ  แต่อย่าหยุดทันทีครับ  ค่อยๆชลอลงแต่อเนื่องแบวอร์มดาวน์  อัตราเต้นหัวใจสูงสุดที่ได้คือmaximum heart rate.  ลองเอามาเปรียบกับคนปกติครับ  ใช้เลข220-ด้วยอายุ  ถ้าตัวเลขนี้(ตัวเลขทฤษฎี)ต่ำกว่าที่คุณทำได้  ก็แสดงว่าคุณสามารถออกแรงได้ต่อเนื่อง   หนักกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของคนทั่วไป ที่ไม่ได้ออกกำลังประจำครับ  ยกตัวอย่าง  คุณอายุ30  เอา220-30=190  ถ้าคุณทำได้200/นาฑี   ก็แสดงว่าคุณสามารถออกแรงหนักๆได้ต่อเนื่องดีกว่าคนทั่วไปครับ  ขอทวนว่า เราหาค่าเต้นของหัวใจทั้งต่ำสุด  และสูงสุด  ไว้เป็นข้อพิจรณาความแข็งแรงของหัวใจครับ  เดี๋ยวมาร่ายต่อครับ  ผมไม่อยากให้เป็นวิชาการ  เพราะผมรู้ไม่ลึก  อ่านแล้วจะเบื่อ  แต่ท่านที่ทราบดีและอธิบายเก่ง  จะเข้ามาแจมก็ขอบคุณล่วงหน้าครับ   ส่วนผมจะเอาเบื้องต้นเนื้อๆมาคุยไปพลาง  ยังมีอีกหลายแขนงของวิทยาศาสตร์การกีฬาครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 13:33:28

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 10     ตะกร้อ และปิงปองครับครับ สมัยหนุ่มๆนะ จากคุณ : ขลุ่ย (ขลุ่ย Silent flute)   ----------------------------------------------------- ขอโทษครับ  อ่านแล้วตั้งใจจะให้ความเห็น  แต่ลืมเพราะสมองไม่ไวแล้ว  คงโดนบ้องหูมาเยอะครับ  ตระก้อนี่ผมยกให้เป็นอีกกีฬาที่แสดงถึงศิลปะไทย มีทั้งเตะศอกยักเงี่ยงปลาดุกและเข่า  โดยเฉพาะเซปักตะกร้อครับ  ลูกเสริฟลูกตบนี่ คว่ำสะโพกเหวี่ยงแข้งแบบเตะมวยไทย อย่างไรอย่างนั้น  ครูอภิเดชสมัยหนุ่มๆเตะตะกร้อประจำ  ยังมีลูกถีบหน้าเน็ทและลูกเตะเสยอีก  ครูอภิเดชเคยแนะนำให้ผมเล่นตะกร้อ  ช่วงที่ผมเริ่มหัดมวยกับครู สำหรับปืนสั้น  หลังจากทบทวนแล้ว  ผมว่าบางส่วนของมวยไทย(เวที)  อาจจะช่วยการยิงปืนได้  นั่นคือสมาธิครับ  การจัดท่าทาง(ไม่ใช่จัดท่ายืน) รวมถึงการเหนี่ยวไกอย่างปราณีต  หากเป็นการยิงเร็วหรือรณยุธ  ก็เหนี่ยวไกให้เป็นจังหวะ  นักมวยไทยอาชีพจะนิ่งมากยกต้นๆ  คอยจ้องจับจังหวะคู่ต่อสู้  ไปดูเวลามีการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นรายการใหญ่ๆครับ  นักกีฬาต่างชาติจานวนไม่น้อยต่อยแบบมวยสากลสมัครเล่น  คือหวังออกอาวุธให้เยอะ  เผื่อมีลูกฟลุคเข้าเป้าเยอะกว่า  แต่ นักมวยไทย  แม้จะสมัครเล่น  ความนิ่งจะมีทุกคน  ออกอาวธต้องหวังคะแนนครับ  พร้อมกับป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้ทำคะแนนด้วย จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 15:29:37

ความคิดเห็นที่ 23 ขอเข้ามาเพิ่มเติมครับ  โดยคัดมาจากป๋าลูเจ้าเก่า  ในความคิดของผม  กีฬาจักรยานน่าจะมีความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์การกีฬามากที่สุด  ทั้งนี้น่าจะเพราะมีเงินไหลเข้ามามาก จะเป็นรองก็กีฬามอเตอร์สปอร์ตเท่านั้นครับ   ลองตามไปอ่านลิ้งข้างล่างครับ  ป๋าลูเขียนไว้นานแล้ว  อ่านง่ายเพราะเป็นภาษาไทย  การทดสอบต้องอาศัยเครื่องมือแพงและมีนักวิเคราะห์ที่มีความรู้พร้อมห้องปฏิบัติการ  แต่ป๋าลูก็แนะนำสิ่งที่นักกีฬาพอจะทำได้ครับ http://www.bikeloves.com/webboard/02811.shtml จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 15:53:25

ความคิดเห็นที่ 24 ผมพยายามหาบทความที่เป็นภาษาไทยมาให้  เพื่อให้ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ได้ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา นำมาเสริมความแข็งแกร่งของปอดและหัวใจ ถามอากู๋ก็ได้ลิ้งมาฝากข้างล่าง   แม้จะเป็นจากกีฬาว่ายน้ำ  แต่นำมาประยุกต์ใช้ได้ครับ  ผมเคยบอกว่า  ไม่รู้สึกว่าจักรยานช่วยการฝึกมวย  แต่มาทบทวนแล้ว  ปั่นจักรยานก็มีส่วนครับ  มวยไทยเป็นการออกกำลังแบบอนาโรบิค  ในขณะที่จักรยานใช้เวลาฝึกส่วนใหญ่ในช่วงแอโรบิค แต่ปั่นจักรยานก็ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรงครับ  หัวใจแข็งแรงทำให้ฟื้นจากอาการเหนื่อยได้เร็ว  ถ้ามีเครื่องวัดการเต้นหัวใจ  จะเห็นได้เลยว่าอัตราการเต้น จะตกอย่างรวดเร็วเมื่อเราพัก หลังจากออกกำลังจนหัวใจเต้นจี๊ด  เมื่อหัวใจฟื้นเร็ว  เราก็หายเหนื่อยเร็วครับ  http://www.swimfanclub.com/subindex.php?page=show&catid=9&id=283 จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 16:44:20

ความคิดเห็นที่ 25 เล่น BJJ ครับ  ทุกอาทิตย์ถ้าไม่บาดเจ็บ ช่วงบาดเจ็บ ส่วนมากจะวิ่งอย่างเดียว ส่วนช่วงซ้อม BJJ ก็จะมีเล่น fitness เอง หรือ เข้าคลาส condition ก่อนซ้อม BJJ ครับ หลังจากมาเล่น BJJ กีฬาอย่างอื่นที่เคยเล่นประจำ เช่น ว่ายน้ำ ก็ไม่ได้ทำอีกเลยครับ สมัยก่อนว่ายผีเสื้อ กล้ามเนื้อกใหญ่และแข็งแรงมากครับ ตอนนี้อย่างเหี่ยว fitness ใชั warm-up และฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ส่วน condition นี่ก็กคล้าย fitness แต่มีเทรนเนอร์คุม โหดกว่่าครับ และก็สนุกกว่าผมว่านะ fitness มันน่าเบื่อ จากคุณ : baraducus (baraducus) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 17:52:12