เชลซี 5-0 เกงค์
เกมเริ่ม (เวลาไทย) : พฤหัสบดี 20 ตุลาคม 2011 01:45
เกมเริ่ม (เวลาท้องถิ่น) : พุธ 19 ตุลาคม 2011 19:45
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผู้ชม : 38518
ผลงานที่น่าประทับใจของเชลซีช่วยให้เรารักษาตำแหน่งจ่าฝูงกลุ่มอีได้ต่อไป และทำสถิติชนะขาดที่สุดในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์
2 ประตูในช่วง 10 นาทีแรกจาก ราอูล ไมเรเลส และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ทำให้สกอร์ไหลเป็นน้ำ และการจบสกอร์ที่เฉียบขาดโดยเฉพาะในครึ่งแรก ทำให้นี่เป็นเกมที่สบายสำหรับ อังเดร วิลลาส-โบอาส หลังจากนั้น ตอร์เรส ยิงเพิ่มอีกลูก ต่อด้วย บรานิสลาฟ อิวาโนวิช และตัวสำรอง ซาโลมอน กาลู
ชัยชนะในอีก 2 สัปดาห์ที่เบลเยี่ยมจะการันตีการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ แต่ วิลลาส-โบอาส ต้องการจบเป็นจ่าฝูงกลุ่ม เพื่อเลี่ยงการพบกับยักษ์ใหญ่ในรอบต่อไป
เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้กลับมาเป็นพาดหัวข่าวอีกครั้ง แต่เขาคงผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้ลูกบอลกลับบ้านไปด้วย 2 ประตูของเขาในครึ่งแรกช่วยลบเสียงวิจารณ์ได้อย่างดี และพิสูจน์ว่าเขาเหมาะสมกับค่าตัว 50 ล้านปอนด์
วิลลาส-โบอาส เปลี่ยนแปลงผู้เล่น 6 ตำแหน่งจากทีมที่ชนะเอฟเวอร์ตัน 3-1 เมื่อวันเสาร์ ดาวิด ลุยซ์ ลงเล่นแทนกัปตันทีม จอห์น เทอร์รี่ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ขณะที่ โอริโอล โรเมอู และ ราอูล ไมเรเลส ลงแทน จอห์น โอบิ มิเกล และ รามิเรส ที่มีอาการบาดเจ็บ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ยังมีโทษแบนในลีกยืนเป็นหัวหอก โดยมี ฟลอรองต์ มาลูด้า ด้านซ้าย และ นิโกล่าส์ อเนลก้า ยืนฝั่งขวา
เกงค์มีปัญหาผู้เล่นเจ็บเพียบ โดยเฉพาะในแนวรับ ทั้งกัปตันทีม เดวิด ฮูเบิร์ต, โจเซ่ นาดสัน,ทอร์เบน โจเนอเลต และ เจอโรน ซิเมยส์ ต่างมีอาการบาดเจ็บ แต่ผู้จัดการทีม มาริโอ บีน มีข่าวดีเมื่อกองกลางตัวทำเกม ดาเนี่ยล ปูดิล และดาวซัลโวของทีม เยล วอสเซ่น ที่คาดว่าอาจไม่ได้ลง กลับผ่านการทดสอบความฟิตและลงตัวจริงได้
เริ่มเกมมา เฟร์นานโด ตอร์เรส สร้างโอกาสแรกในเกมนี้ตั้งแต่นาทีที่ 3 ด้วยการพลิกตัวหลบกองหลังเกงค์ 2 คนกลางสนาม ก่อนจะผ่านออกข้างให้ มาลูด้า แต่กองกลางเมืองน้ำหอมเปิดไปติดเป็นลูกเตะมุม
อีกไม่กี่นาทีต่อมา ดาวยิงแดนกระทิงดุน่าจะพังประตูขึ้นนำได้ เมื่อ ราอูล ไมเรเลส เปิดบอลมาให้ดี แต่ ตอร์เรส จับบอลและยิงไปชนเสา
แต่อีกนาทีเดียวเชลซีออกนำ ไมเรเลส ยิงจากนอกกรอบ บอลผ่าน ลาสโล โคเตเลส ที่ยืนขาตายเสียบมุมเข้าไป เป็นประตูแรกของกองกลางชาวโปรตุเกสกับสิงโตน้ำเงินคราม
อีก 4 นาทีต่อมาเชลซีนำห่าง เมื่อ ตอร์เรส รับบอลจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด ก่อนจะแปเข้าไป เป็นลูกแรกของเขาในรายการนี้ตั้งแต่ยิงให้ลิเวอร์พูลในเกมรอบก่อนรองที่พบกับเราเมื่อฤดูกาล 2008/09 ที่แอนฟิลด์
ดาวรุ่งวัย 20 ปี โรเมอู ที่ลงตัวจริงในแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกกับเชลซี ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเขายังอ่อนประสบการณ์แต่อย่างใด และยังต่อบอลได้ดี รวมถึงการเข้าสกัดด้วย
ฟลอรองต์ มาลูด้า คอยทำเกมรุกฝั่งซ้าย และน่าจะยิงให้เรานำ 3-0 ในนาทีที่ 22 แต่เขาแปลูกที่ ตอร์เรส จ่ายมาให้หลุดเสาไป
อีกนาทีเดียว ตอร์เรส ทำประตูที่ 2 ของตัวเองและลูกที่ 3 ของเชลซี ด้วยการโฉบไปชิงโหม่งบอลที่ ไมเรเลส โยนเข้ามาจากฝั่งขวาเข้าประตูไป
แลมพาร์ด เกือบทำให้เรานำ 4-0 เมื่อเกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง แต่เขาโหม่งลูกที่ ตอร์เรส เปิดมาให้หลุดกรอบ
หลังจากนั้น ดาวิด ลุยซ์ เรียกฟาล์วได้ และลุกขึ้นมายิงฟรีคิกเอง แต่ลูกยิงของเขาไปเข้าซองผู้รักษาประตู
เกงค์ตอบโต้บ้าง แต่บ่อยครั้งที่เสียบอลก่อนจะได้ทดสอบความเหนียวของ เพตเตอร์ เช็ก
ก่อนหมดครึ่งแรก 5 นาที จังหวะสวนกลับที่มาจาก ตอร์เรส และ แลมพาร์ด ไปจบที่ นิโกล่าส์ อเนลก้า ซึ่งไม่มีส่วนในเกมมากนักถึงจุดนี้ เขายิงหลุดออกไปจากบริเวณในกรอบเขตโทษนิดเดียว และน่าจะทำได้ดีกว่านั้น
แต่อีกนาทีเดียวสกอร์ไหลเป็น 4-0 จนได้ เมื่อแนวรับเกงค์ป้องกันไม่ดีปล่อยให้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ขึ้นโหม่งสะบัดลูกฟรีคิกของ มาลูด้า เข้าไป
การที่มีเกมลอนดอนดาร์บี้กับคิวพีอาร์รออยู่ในวันอาทิตย์นี้ ทำให้ วิลลาส-โบอาส ตัดสินใจส่ง เปาโล เฟอร์ไรร่า ลงไปแทน แอชลีย์ โคล เมื่อเริ่มครึ่งหลัง เพื่อหมุนเวียนนักเตะ และให้ตัวสำรองได้ลงไปเรียกฟอร์มบ้าง
เริ่มครึ่งหลังได้ 2 นาที การประสานงานของ โบซิงวา และ อเนลก้า ทางฝั่งขวาเกือบทำให้เราได้โอกาสยิง แต่กองหน้าตัวเก๋าเปิดไปติดได้เป็นลูกเตะมุมแทน
โทมัส บุฟเฟิล สร้างโอกาสยิงเข้ากรอบครั้งแรกให้ทีมเยือนในเกมนี้ เมื่อเขายืนว่างอยู่ที่เสาไกล แต่ยิงไปติดบล็อคของ อิวาโนวิช
ตอร์เรส เกือบยิงได้อีกในนาทีที่ 53 เมื่อเขาพยายามวอลเลย์ตามน้ำลูกที่ ดาวิด ลุยซ์ เปิดมาให้แต่ยิงวืด มาลูด้า น่าจะยิงได้หลังจากนั้น เมื่อเขาหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ยิงไปติด โคเตเลส
ในนาทีที่ 58 แลมพาร์ด ถูกฟาล์วในเขตโทษของเกงค์ชัดเจน แต่เขาพยายามทรงตัวไม่ให้ล้มจึงไม่ได้จุดโทษ
ต่อมา โจเซ่ โบซิงวา ลองยิงไกลแต่ผู้รักษาประตูเซฟได้ ก่อนที่ วิลลาส-โบอาส จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นคนที่ 2 โดยส่ง ซาโลมอน กาลู ลงมาแทน แฟรงค์ แลมพาร์ด
กองหน้าชาวไอโวเรี่ยนลงมาได้เพียง 4 นาทีก็ยิงประตูแรกของตัวเองในฤดูกาลนี้ได้ ด้วยการตามซ้ำลูกยิงของ ตอร์เรส ที่ไปติดเซฟ โคเตเลส
จากนั้น อเล็กซ์ สัมผัสบอลครั้งแรกในจังหวะฟรีคิกระยะไกล แต่บอลหลุดเสาออกไป
ก่อนหมดเวลา เฟอร์ไรร่า เปิดบอลเข้ามาจากฝั่งซ้ายให้ มาลูด้า โหม่ง แต่บอลลอยข้ามคาน ขณะที่เกมนี้ดูเหมือนจะเป็นการซ้อมเกมรุกของเจ้าบ้านมากกว่า
เชลซี (4-3-3): เช็ก,โบซิงวา (อเล็กซ์ 77),อิวาโนวิช,ดาวิด ลุยซ์,โคล (เฟอร์ไรร่า 45),โรเมอู,แลมพาร์ด (กัปตันทีม) (กาลู 67),อเนลก้า,ตอร์เรส,มาลูด้า
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง: เทิร์นบูลล์,มิเกล,มาต้า,สเตอร์ริดจ์
ผู้ทำประตู: ไมเรเลส 7,ตอร์เรส 10, 26, อิวาโนวิช 41, กาลู 71
ใบเหลือง: ดาวิด ลุยซ์ 16
เกงค์ (4-4-2): โคเตเลส,เอ็นกองก้า,มาซูเอโร (คามุส 45),โทสเซอร์ (กัปตันทีม),ปูดิล,บุฟเฟิล,ฟาน เดน บอร์,ไฮแลนด์,เดอ บรูน,วอสเซ่น (เอ็นวันกังกา 80),บาร์ดา (นาบาชินเซ 70)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง: แซนโดเมียร์สกี,ดูร์เวล,ลิมบอมบ์,โอกุนยิมี
ใบเหลือง: ไฮแลนด์ 14
ผู้ตัดสิน: อเล็กซี่ นิโคลาเยฟ (รัสเซีย)
http://thai.chelseafc.com/facts/match/report/96