 |
สำรวจความพร้อม 20 ทีมพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2011-12 วันที่ 8/12/2011 12:12:03 PM
Advertisement
© AP Images หลังจากปล่อยให้คอบอลพรีเมียร์ลีกเหงาหงอยกันมาพักใหญ่ ในที่สุดฟุตบอลลีกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกก็จะกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งในสุดสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม สาวกท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และ เอฟเวอร์ตัน คงต้องร้องเพลงรอไปก่อน หลังจากที่เกมนัดเปิดซีซั่นวันเสาร์นี้ถูกสั่งเลื่อนออกไป หลังจากที่เกิดเหตุจลาจลทั่วกรุงลอนดอน โดนเฉพาะอย่างยิ่งย่านท็อตแน่ม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายที่ลุกลามไปทั่วอังกฤษเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว
การลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้คงจะสนุกตื่นเต้นไม่แพ้ทุกปีที่ผ่านมา เพราะแต่ละทีมต่างก็พยายามเสริมทัพปรับแต่งขุมกำลังของตนให้ดีที่สุดเท่าที่กำลังทรัพย์จะอำนวย และนั่นทำให้ "เรือใบสีฟ้า" กลายเป็นทีมที่น่าจับตามองเพราะเจ้าของทีมลงทุนไม่อั้นในการคว้านักเตะชั้นนำมาร่วมทีม ซึ่งรวมถึงบิ๊กเนมอย่าง เซร์จิโอ อเกวโร่ "กุน" ด้วย
นอกเหนือจากการลุ้นแชมป์แล้ว การลุ้นพื้นที่ยุโรปและลุ้นหนีตกชั้นก็น่าติดตามเช่นกัน โดยฤดูกาล 2011-12 พรีเมียร์ลีกได้ต้อนรับน้องใหม่เพิ่มอีก 3 ทีมนั่นคือนอริช ซิตี้, ควีนสพาร์ค เรนเจอร์ส และ สวอนซี ซึ่งบ่อนรับพนันแบบถูกกฎหมายส่วนใหญ่ก็มองว่าสามทีมนี้ล่อแหลมต่อการตกชั้นกลับไปเล่นในลีกแชมเปี้ยนชิพมากที่สุด
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทั้ง 20 ทีม (เรียงตามลำดับตัวอักษรในภาษาอังกฤษ)
อาร์เซน่อล
อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือของทีม ยังคงต้องปวดหัวกับการหาทางยับยั้งไม่ให้เชสก์ ฟาเบรกาส และ ซาเมียร์ นาสรี่ สองมิดฟิลด์ตัวเก่งย้ายทีม และนั่นทำให้หลายคนเชื่อว่า "ปืนใหญ่" อาจจะไม่แข็งแกร่งดังเดิมหากว่าขาดสองคนนี้ไปจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทั้ง ฟาเบรกาส ที่ไม่ปิดบังว่าอยากกลับไปเล่นให้บาร์เซโลน่า และ นาสรี่ ที่ยอมรับว่าสนใจย้ายไปเล่นให้ "ปีศาจแดง" หรือ "เรือใบสีฟ้า" ก็ยังมีสถานะเป็นผู้เล่นของอาร์เซน่อลอยู่ แม้ข่าวลือต่างๆ จะยังมีออกมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
แม้จะถูกมองว่าจะไม่ใช่ตัวเต็งเหมือนที่ปีที่ผ่านๆ มา แต่หาก ฟาเบรกาส และ นาสรี่ อยู่ต่อ และผู้เล่นคนสำคัญในซีซั่นที่แล้วอย่าง แจ็ค วิลเชียร์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ ธีโอ วัลค็อตต์ ไม่มีปัญหาบาดเจ็บหรือฟอร์มตกรบกวน "ปืนใหญ่" ก็เป็นทีมที่ไม่น่าจะมองข้าม
ช่วงซัมเมอร์นี้ "ปืนใหญ่" ได้ผู้เล่นเด่นๆ มาร่วมทีมแค่คนเดียวนั่นคือ แชร์วินโญ่ มาจากลีลล์ แต่ขึ้นชื่อว่า เวนเกอร์ แล้ว คาดว่าหัวหอกดาวรุ่งรายนี้น่าจะแจ้งเกิดได้ไม่ยาก แต่ในขณะเดียวกันสาวกปืนใหญ่ก็คงเสียดายที่ต้องเสียแบ็กอย่าง กาแอล กลิชี่ ไปให้กับทีมเศรษฐีใหม่อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้
แอสตัน วิลล่า
"สิงห์ผงาด" เสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง แอชลี่ย์ ยัง และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ไปให้กับ "ปีศาจแดง" และ "หงส์แดง" ตามลำดับ แต่ดาร์เรน เบนท์ และผู้เล่นใหม่อย่าง เชย์ กิฟเว่น และ ชาร์ลส์ เอ็นซ็อกเบีย ก็น่าจะช่วยให้ทีมเอาตัวรอดได้ ภายใต้การคุมทีมของ อเล็กซ์ แม็คลีช โค้ชคนใหม่
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
หลังจากที่เจ้าของทีมใหม่ตัดสินใจปลด แซม อัลลาไดซ์ ออกจากเก้าอี้กุนซือ ก็ดูเหมือนว่า "กุหลาบไฟ" จะทรุดลงไปมาก และรอดพ้นจากการตกชั้นได้อย่างหวุดหวิด และเมื่อคริสโตเฟอร์ แซมบ้า ทำท่าจะย้ายทีม ประกอบกับไม่มีผู้เล่นดีๆ เข้ามาเสริมทัพ และนั่นอาจจะทำให้แบล็คเบิร์น ต้องเจองานหนักในการอยู่รอดในลีกสูงสุด
โบลตัน
เป็นสโมสรที่ไม่ค่อยมีลุ้นอะไรมากนัก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ยุโรปหรือหนีตกชั้น เพราะ "เดอะ ทร็อตเตอร์ส" มักจะจองตำแหน่งบริเวณกลางตารางอยู่เสมอ โดยช่วงซัมเมอร์นี้พวกเขาได้ไนเจล ริโอ-โคเกอร์ มาเสริมทีมแบบไม่มีค่าตัว แต่หัวใจสำคัญของทีมยังคงเป็น สจ๊วร์ต โฮลเด้น ดาวเตะทีมชาติสหรัฐอเมริกา
เชลซี
โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซี ตัดสินใจปลด คาร์โล อันเชล็อตติ ออกจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา เนื่องจากทำได้ "แค่" รองแชมป์ลีกและไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีกได้
"สิงห์บลูส์" ได้แต่งตั้ง อังเดร บียาส-โบอาส วัย 33 ปี เป็นกุนซือคนใหม่ พร้อมกับตั้งความหวังไว้ว่า "นิว มูรินโญ่" จะช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จทั้งในลีกและถ้วยยุโรปได้ โดยก่อนที่จะย้ายมาคุมเชลซี โบอาส เพิ่งจะพาปอร์โต้คว้าดับเบิลแชมป์มาหมาดๆ (ลีกโปรตุเกสและยูโรป้า ลีก)
ฟอร์มการเล่นช่วงปรีซีซั่นของเชลซีถือว่าทำได้ดี และเฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ย้ายมาเมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,500 ล้านบาท) ก็ดูเหมือนจะค้นหาฟอร์มเก่าของตัวเองได้บ้างแล้ว
แม้จะอายุขึ้นเลขสามกันแล้ว แต่ แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น เทอร์รี่ และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ก็ยังเป็นเสาหลักให้กับทีมได้เหมือนเดิม และเมื่อบวกกับกึ๋นของโค้ชคนใหม่ ก็ทำให้เชื่อได้ว่าทีมดังจากลอนดอนจะติดท็อปทรีอีกครั้งเมื่อจบฤดูกาล
เอฟเวอร์ตัน
ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารเบอร์ 1 ของทีมรวมทั้งสาวก "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เรียกร้องให้สโมสรคว้าผู้เล่นใหม่มาเสริมทีมเพื่อให้มีลุ้นไปเล่นถ้วยยุโรปบ้าง แต่ด้วยสถานการณ์การเงินที่ไม่อู้ฟู่เหมือนทีมอื่นก็ทำให้ เดวิด มอยส์ จำใจต้องใช้ขุมกำลังเดิมที่มีอยู่ โดยมีเพิ่มมาแค่ เอริค ดิเยร์ ที่ยืมตัวมาจากสปอร์ติง ลิสบอนเท่านั้น
กระนั้นก็ตาม เอฟเวอร์ตัน ถือเป็นทีมที่มีประสบการณ์และความมุ่งมั่นสูง พิสูจน์ได้จากการจบซีซั่นในอันดับที่ 7 ฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านั้นต้องดิ้นรนหนีตกชั้นมาตลอด โดย เลห์ตัน เบนส์ และ แจ็ค ร็อดเวลล์ น่าจะเป็นกำลังสำคัญให้ทีมอีกครั้ง
ฟูแล่ม
"เจ้าสัวน้อย" แต่งตั้ง มาร์ติน โยล เป็นกุนซือคนใหม่เมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา และเขาก็ช่วยให้ฟูแล่ม ผ่านเข้าไปเล่นในศึกยูโรป้า ลีกรอบเพลย์ออฟได้สำเร็จ โดย โยล ได้เซ็นสัญญาคว้า ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ อดีตแบ็กจอมบุกของลิเวอร์พูล มาร่วมทีมด้วย
ฤดูกาลที่แล้ว ฟูแล่ม จบในอันดับ 8 ของพรีเมียร์ลีกซึ่งถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งความดีความชอบส่วนใหญ่ต้องยกให้คลินท์ เดมซี่ย์ มิดฟิลด์/กองหน้าชาวอเมริกัน และซีซั่นนี้พวกเขาก็น่าจะประคองตัวในช่วงกลางตารางได้อย่างไม่ยากเย็น
ลิเวอร์พูล
การได้เคนนี่ ดัลกลิช มาคุมทีมในช่วงกลางฤดูกาลที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจให้เหล่านักเตะและกองเชียร์ได้เป็นอย่างดี
แม้จะไม่มีดาวยิงตัวเก่งอย่าง ตอร์เรส อยู่ในทีมอีกต่อไป แต่เหล่าเดอะ ค็อป ก็คงไม่ต้องกังวลอะไรมากนักเมื่อได้เห็นฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ กองหน้าคนใหม่อีกรายอย่าง แอนดี้ คาร์โรลล์ ยังไม่ค่อยมีโอกาสได้ลงสนามเพราะปัญหาบาดเจ็บรบกวน
การพลาดโอกาสไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปในฤดูกาล 2011-12 ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง แต่มองในแง่ดีก็คือ พลพรรค "หงส์แดง" ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนกับทีมหัวแถวอื่นๆ
ในช่วงซัมเมอร์นี้ ลิเวอร์พูล ได้ผู้เล่นชั้นดีมาเสริมทัพหลายคน ทั้งชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งน่าจะทำให้แผงกองกลางของทีมแข็งแกร่งขึ้นเยอะ โดยที่ไม่ต้องหวังพึ่งแค่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมเพียงคนเดียว
ขณะที่ แนวรุกถือได้ว่าอันตราย แต่แนวรับของทีมยังต้องปรับปรุงอย่างหนักเพราะในช่วงอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่นทั้ง 5 เกม ลิเวอร์พูล เสีย 3 ประตูทุกนัด และนั่นทำให้หงส์แดงต้องคว้า โฆเซ่ เอ็นริเก้ แบ็กซ้ายจากนิวคาสเซิ่ลมาเสริมทีม (ผ่านการตรวจร่างกายแล้วขณะที่กำลังเขียนต้นฉบับ)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ทีมที่ถูกจับตามองมากที่สุดในฤดูกาลใหม่นี้คงจะหนีไม่พ้น "เรือใบสีฟ้า" ที่ยังเดินหน้าช็อปนักเตะดังมาเสริมทีมชนิดที่ไม่ต้องกลัวขนหน้าแข้งจะร่วง (เพราะเจ้าของทีมมาจากประเทศเศรษฐีน้ำมัน)
โรแบร์โต้ มันชินี่ พาทีมเข้าป้ายในอันดับที่ 3 ของตารางซึ่งทำให้ซิตี้ได้สิทธิไปเล่นถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัติ แต่แม้จะได้มีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์อันทรงเกียรติ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะมัดใจ คาร์ลอส เตเวซ หัวหอกตัวเก่ง ที่ออกมาประกาศว่าต้องการอำลาทีมได้
ตอนนี้ศูนย์หน้าทีมชาติอาร์เจนติน่า ยังเป็นผู้เล่นของซิตี้อยู่ก็จริง แต่มีแนวโน้มว่าเขาจะได้ย้ายทีมก่อนตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่สโมสรคว้าตัว "กุน" มาจากแอตเลติโก มาดริดแล้ว
นอกจาก "กุน" แล้ว "เรือใบสีฟ้า" ก็ยังได้ กาแอล กลิชี่ แบ็กจอมบุกมาจากอาร์เซน่อลด้วย ในขณะเดียวกัน ก็โละเจโรม บัวเต็ง และ เชย์ กิฟเว่น รวมถึงดาวรุ่งอีกหลายคนที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีม
ฤดูกาลใหม่นี้โค้ชชาวอิตาเลียน มีตัวผู้เล่นชั้นดีให้เลือกใช้งานไม่อั้น แต่งานหนักของมันโช่ คือการเค้นเอาฟอร์มที่ดีที่สุดของนักเตะออกมาให้ได้ เพราะ เอดิน เซโก้, มาริโอ บาโลเตลลี่ หรือ ดาวิด ซิลบา เคยมีบทบาทและความสำคัญมากกว่านี้ตอนที่อยู่กับอดีตต้นสังกัด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
การซิวแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ "ปีศาจแดง" กลายเป็นเจ้าของสถิติทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดในเกาะอังกฤษ 19 สมัย แซงหน้าคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูลได้สำเร็จ นอกจากนั้น ทีมยังเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีกด้วย ก่อนจะถูกบาร์เซโลน่า ย้ำแค้นในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีกอีกครั้ง
ทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถือว่าลงตัวมากในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ "ชิชาริโต้" มาเสริมทีม เพราะศูนย์หน้าดาวรุ่งรายนี้ มีส่วนสำคัญอย่างมากในเกมรุกทั้งที่เพิ่งย้ายมาเล่นในลีกยุโรปเป็นครั้งแรก
นอกเหนือจาก "ชิชาริโต้" แล้ว ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ก็จบซีซั่นด้วยการเป็นดาวซัลโวของลีก ขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ ที่แม้จะเคยออกมาขู่ว่าจะย้ายทีมจนโดนแอนตี้จากแฟนๆ ไปพักใหญ่ ก็เล่นได้อย่างน่าประทับใจด้วย และนอกจากแผงกองหน้าที่คมกริบแล้ว มิดฟิลด์อย่าง ไรอัน กิ๊กส์ และ นานี่ ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การอำลาการค้าแข้งอาชีพของ พอล สโคลส์ และ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ก็ทำให้เฟอร์กี้ ต้องมาหาตัวแทนคนใหม่ ซึ่งในรายของผู้รักษาประตูนั้นไม่มีปัญหาเพราะได้ ดาวิด เด เกีย มาจากแอตเลติโก มาดริด แล้ว แต่คนที่จะมาแทน สโคลซี่ คงไม่ง่าย
นอกจากนั้น เด เกีย แล้ว เฟอร์กี้ ได้เซ็นสัญญากับ ฟิล โจนส์ และ แอชลี่ย์ ยัง ด้วย และจากขุมกำลังที่มีอยู่บวกกับความเก๋าของกุนซือชาวสกอตต์ ทำให้ยูไนเต็ด เป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง
นิวคาสเซิ่ล
การเสียทั้งแอนดี้ คาร์โรลล์, โจอี้ บาร์ตัน, เควิน โนแลน ในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา รวมถึง โฆเซ่ เอ็นริเก้ ที่จ่อซบลิเวอร์พูล ก่อนเปิดซีซั่นเพียงไม่กี่วัน ก็ทำให้มีแนวโน้มว่า "สาลิกาดง" อาจจะพบกับความยากลำบากในการที่จะจบฤดูกาล 2011-12 ในครึ่งบนของตาราง
นอริช ซิตี้ อีกหนึ่งทีมน้องใหม่ของลีก "เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อน" ได้ เจมส์ วอห์น อดีตดาวรุ่งของเอฟเวอร์ตัน มาร่วมทีม บวกกับผู้เล่นหน้าใหม่ที่มาจากลีกแชมเปี้ยนชิพเป็นส่วนใหญ่อีก 4-5 คน แต่ดูแล้ว นอริช ก็คงหนีไม่พ้นการดิ้นรนหนีตกชั้นอีกทีม
ควีนสพาร์ค เรนเจอร์ส "ทหารเสือราชินี" ซึ่งได้กลับมาอยู่ในลีกสูงสุดอีกครั้งหลังจากหายหน้าไปนาน อย่างไรก็ตาม การขาดเงินทุนในการซื้อผู้เล่นมาเสริมทีม ทำให้พวกเขาอาจต้องดิ้นรนหนีตกชั้นเพราะมีนักเตะที่เคยผ่านเกมพรีเมียร์ลีกอย่าง ครอน ดายเออร์ และ แดนนี่ ชิทตู เพียงสองคนเท่านั้น ขณะที่ อเดล ทารับต์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโมร็อกโก ก็ยังไม่แน่ว่าจะอยู่ช่วยทีมต่อหรือไม่ หลังจากที่ได้รับความสนใจจากหลายสโมสร
สโต๊ค ซิตี้ ฤดูกาลที่แล้ว "ช่างปั้นหม้อ" ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพได้อย่างน่าเซอร์ไพรส์ และการที่นักเตะจากชุดนั้นเกือบทุกคนกลับมารายงานตัวกันพร้อมหน้า ก็น่าจะทำให้สโต๊ค ซึ่งได้แมทธิว อัพสัน และ โจนาธาน วู้ดเกต มาร่วมทีมแบบไม่มีค่าตัว ไม่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นในซีซั่นนี้
ซันเดอร์แลนด์ ต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง สตีฟ บรูซ กุนซือของทีม กับเฟอร์กี้ ช่วยให้ "แมวดำ" ได้รับผลประโยชน์ในการคว้านักเตะ "ปีศาจแดง" มาร่วมทีม อย่าง เวส บราวน์ และ จอห์น โอเชีย ที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของโค้ชยูไนเต็ดอีกต่อไป
การได้สองอดีตแข้งปีศาจแดงมาร่วมทีมน่าจะช่วยให้แนวรับของซันเดอร์แลนด์แข็งแกร่งขึ้น และแม้จะกองกลางตัวเก่งอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปให้กับลิเวอร์พูล แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากมายนักต่อทีมที่น่าจะเอาตัวรอดอยู่ช่วงกลางตารางได้สบายๆ
สวอนซี ซิตี้ คว้าตั๋วใบสุดท้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกจากการชนะเพลย์ออฟ และนั่นทำให้สวอนซี กลายเป็นทีมแรกจากเวลส์ที่ได้เล่นในลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างรู้ดีว่าเป็นงานยากแค่ไหนสำหรับทีมน้องใหม่ที่จะเอาตัวรอดท่ามกลางเหล่าทีมเขี้ยวๆ ที่เหลือ
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ทีมของแฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา และทำให้แกเร็ธ เบล และ ลูก้า โมดริช กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ตาม การเอาจริงเอาจังกับถ้วยยุโรป ก็ส่งผลทำให้พวกเขาเริ่มแผ่วปลายก่อนจะจบซีซั่นด้วยการคว้าที่ 5 ของตารางพรีเมียร์ลีกและทำได้แค่ไปเล่นในยูโรป้า ลีก ฤดูกาลนี้
จนถึงตอนนี้ยังไม่แน่ว่า โมดริช จะย้ายทีมหรือไม่ เพราะเจ้าตัวก็ยืนยันว่าอยากย้ายไปเล่นให้เชลซี แต่หากสเปอร์ส รั้งเอาไว้ได้สำเร็จ และผู้เล่นคนสำคัญอย่าง ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท และ เบล ยังรักษาฟอร์มที่ดีเอาไว้ได้ "ไก่เดือยทอง" ก็น่าจะมีลุ้นติดท็อปโฟร์อีกครั้ง
เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน "เดอะ แบ็กกี้ส์" เป็นทีมที่เสียประตูในลีกมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ก็ยังสามารถจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 11 และการได้เบน ฟอสเตอร์ อดีตนายทวารแมนฯ ยูฯ มาเสริมทีมก็น่าจะช่วยให้แนวรับดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
วีแกน ทีมของโรเบร์โต้ มาร์ติเนซ จบฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยการมีแค่ 3 แต้มเหนือทีมที่ตกชั้น และพวกเขาคงต้องเหนื่อยในการลุ้นเอาตัวรอดในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยตัวเก่งอย่าง ชาร์ลส์ เอ็นซอกเบีย ให้วิลล่า และคืน ทอม เคลฟเวอร์ลี่ กลับไปให้ "ปีศาจแดง"
วูล์ฟแฮมป์ตัน "หมาป่า" จบซีซั่นที่แล้วด้วยอันดับที่ 17 และรอดพ้นการตกชั้นได้อย่างฉิวเฉียด และเหล่ากูรูลูกหนังส่วนใหญ่ก็มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหากว่าวูล์ฟแฮมป์ตันจะต้องหล่นชั้นในฤดูกาลนี้ เนื่องจากไม่มีการเสริมทีมที่มีประสิทธิภาพ
จากคุณ |
:
ทุ่งเกวียน
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ต.ค. 54 18:33:30
|
|
|
|
 |