 |
สเปน-บาร์ซ่า-ลามาเซีย กับรุ่นพิมพ์นิยม
บทความ : จากแสนแสบถึง ผดุงกรุงเกษม วันอาทิตย์ที่ 25 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 08:57 น. Link : http://www.innnews.co.th/สเปน-บาร์ซ่า-ลามาเซีย-กับรุ่นพิมพ์นิยม--310254_34.html
กว่าจะเป็นเบอร์ 1 ของโลกลูกหนัง ในยุคปัจจุบัน ปรัชญาสไตล์บาร์เซโลนา และสเปน มาจากแหล่งผลิตแข้งเยาวชนชื่อว่า ลามาเซีย รุ่น 87 หรือ รุ่นพิมพ์นิยม
คงจะไม่มีใครจะไม่บอกว่า บาร์เซโลนา คือ ยอดทีมของยุคในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะชื่อเสียงของนักเตะแต่ละคน รูปแบบ และสไตล์การเล่นที่หลายๆ สโมสร และทีมระดับชาติ เริ่มเปลี่ยน และเลียนแบบการเล่นแบบบาร์เซโลนา กันมากขึ้น อย่างทีมแบบแมนฯ ยูไนเต็ดเอง ซึ่งถือเป็นทีมเบอร์ 1 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ยอมรับว่า เปลี่ยนรูปแบบการเล่นต่อบอลเร็วแม่นยำแบบบาร์ซ่า มากขึ้น เพื่อที่จะนำไปต่อกรกับโคตรทีมอย่าง บาร์ซ่า ได้ เพราะใน 2 ครั้งที่เจอกันอย่างเป็นทางการรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องปราชัยทุกกระบวนท่า แม้สกอร์ไม่ได้ขาดกันอะไรมาก แต่แฟนบอลที่ตามดูเกมมา 2 ครั้ง ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า บาร์ซ่า เหนือกว่ามาก
นอกจากนี้ คู่อริเบอร์ 1 ทั้งในลีกและในยุค อย่าง เรอัลมาดริด เองในยุคของ โชเซ มูริโญ ก็พยายามใช่สไตล์ที่ใกล้เคียงบาร์ซ่า ทำทีม ซึ่งก็ใช้ได้ดีระดับหนึ่งในเกมรุก เพียงแต่ราชันชุดขาว ขาดความต่อเนื่องและความเข้าใจของนักเตะกันบ่อยครั้ง และแม้ทีมชาติเยอรมัน กับทีมชาติอิตาลี ที่มีสไตล์การเล่นของตัวเอง ก็เริ่มเปลี่ยนรูปแบบการเล่นบอลแบบบาร์ซ่า มากขึ้น คือการต่อบอลสั้น เร็ว และแม่นยำ บวกกับเน้นความสามารถเฉพาะตัวนักเตะ และความเข้าใจของทีม ซึ่งทีมที่เอ่ยขึ้นมาเหล่านี้ ก็เริ่มมีวิถีทางการเล่นบอลที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเยอรมัน แต่บางครั้งก็ยังลงตัวไม่มากนัก โดยเฉพาะเวลาที่ต้องพบกับทีมชาติสเปน ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ทั้งนัดชิงยูโร 2008 และรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 ที่ผ่านมา ที่แข้งเยอรมัน ปราชัยด้วยสกอร์ 0 - 1 ทั้ง 2 เกมนั้น ก็ตาม แต่เป็นสกอร์ของรูปแบบการเล่นและการครองบอลที่สเปน เหนือกว่าเยอรมัน อยู่ 1 ช่วงตัว ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งที่ทำให้สเปน เบ่งบานได้ทุกวันนี้ คงจะไม่หนีไปมากกว่าบรรดาแข้งจากบาร์ซ่า ที่ติดทีมอยู่แทบทุกตำแหน่ง นอกนั้นก็มีเรอัล มาดริด และแข้งจากทีมอื่นๆ ผสมมา ทำไมนักเตะบาร์ซ่า ถึงเล่นบอลสวยงามเนียนตา และรักษาสไตล์การเล่นของตัวเองมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้ เพราะนักเตะส่วนใหญ่มาจากโรงเรียนบ่มวิชาลูกหนังแบบกินนอนของบาร์ซ่า ที่ชื่อว่า ลามาเซีย
ลา มาเซีย ซึ่งปัจจุบันก็ได้ย้ายที่ทำการที่เดิมไปเเล้ว เพราะไปหาสถานที่แห่งใหม่ที่ใหญ่กว่าเพื่อรองรับแข้งเยาวชนพรสวรรค์ต่างๆ ไปขัดเกลา เพื่อให้ผลผลิตสานต่อรุ่นพี่ต่อๆ ไปมากขึ้นและเวลานี้ บุคลากรของทีมบาร์ซ่า กว่าครึ่งหนึ่งซึ่งมาจากเยาวชนของทีม ได้ผ่านการอบรมทักษะฟุตบอลจากศูนย์ฝึกฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลกเวลานี้ ดูอย่างนัดชิงยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ผ่านมา บาร์เซโลนา มีผู้เล่นจากเยาวชนของพวกเขาลงสนาม 8 จาก 13 คน ด้วยกัน
ลา มาเซีย เป็นภาษาสเปน แปลว่า "บ้านไร่" ซึ่งเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ที่บ้านไร่แห่งนี้ได้ผลิตผลงานคุณภาพออกสู่ตลาด
นอกจากนักเตะท้องถิ่นแล้ว พวกเหล่าแมวมองก็จะหานักเตะต่างถิ่นที่ดูแล้วมีแววที่จะเจริญเติบโตเป็นนักเตะคุณภาพได้ แมวมองก็จะถูกแบ่งงานให้กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ รอบโลก เมื่อเขาเจอเด็กน่าสนใจ ไม่ว่าอายุจะน้อยหรือมากแค่ไหน เขาก็จะรายงานเข้ามา หลังจากรายงานเข้ามาแล้ว สโมสรก็จะเดินเรื่องเพื่อทาบทามเด็กคนนั้นมาฝึกกับสโมสร เมื่อเด็กตัดสินใจร่วมทีมด้วย บาร์ซ่า ก็จะส่งเด็กไปยัง ลา มาเซีย
ที่ ลา มาเซีย เด็กก็จะถูกแบ่งเป็นกลุ่มๆ ตามอายุของแต่ละคน (กลุ่มที่เด็กที่สุด มีอายุแค่ 7 ปี) โดยสโมสรมี 5 อย่างสามัญให้กับเด็กทุกคน นั่นคือ การวางแผนคำนวณอะไรต่างๆ เพื่ออนาคตนักเตะ, ตึกพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวก, สนามคุณภาพดี, การดูแลสุขภาพ และความเป็นสโมสรบาร์เซโลนา ทั้งในและนอกสนามการฝึกฝนใน ลา มาเซีย หลักๆ ก็แบ่งเป็น 3 อย่าง การควบคุมบอล, การจ่ายบอล และการเข้าทำประตู
จึงไม่แปลก ที่ทุกวันนี้ เราเห็นบาร์เซโลนา เล่นบอลสวยงาม ต่อบอลแล้วเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งไหนก็สามารถควบคุมและจ่ายบอลได้ดี และก็สามารถทำประตูได้บ่อยๆ ไม่ว่าทีมจะชนะหรือแพ้ ฟอร์มการเล่นมันก็ยังเป็นบาร์ซ่า การเล่นแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะฝึกกันได้ในวันสองวัน ความเข้าใจในเกมและเอกลักษณ์ของบาร์เซโลนา ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ในทีมเยาวชน แตกต่างจากสโมสรอื่นๆ บาร์เซโลนา คงเป็นทีมเดียว (หล่ะมั้ง?) ที่ใช้แผนการเล่นเหมือนกันทั้งหมดทั้งชุด B, ชุดเยาวชน, ชุดใหญ่, ชุดในแต่ละช่วงอายุ เหมือนกันหมดไม่มีผิดเพี้ยน การปลูกฝังนักเตะแบบนี้มันก็คงไม่น่าแปลกอะไร แต่ทำไมบาร์เซโลนา ถึงผลิตนักเตะมาทดแทนรอยโหว่ทีมชุดใหญ่ (ซึ่งก็มีวิธีการเล่นเหมือนกัน) ได้ตลอดเวลา โดยนักเตะในเยาวชนก็จะถูกหมุนเวียนเปลี่ยนเพื่อนร่วมทีมไปเรื่อยๆ เพื่อให้นักเตะเข้ากับระบบและสไตล์การเล่นของทีมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในขณะที่เด็กอบรมใน ลา มาเซีย โค้ชของทีมชุดใหญ่ (ตอนนี้ก็เป็น เป๊ป กวาดิโอล่า) และสตาฟฟ์ของเขา ก็จะได้รับข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับการประเมิณผลงาน และพัฒนาการของเด็กๆ แต่ละคน และเมื่อเหล่าสตาฟฟ์เห็นว่าเด็กคนนี้น่าจะได้รับโอกาสขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ เขาก็จะถูกเรียกขึ้นมาติดทีม ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของนักเตะ ที่จะพยายามสอดแทรกเพื่อตำแหน่งภายในทีมชุดใหญ่
อย่างง่ายๆ ที่โลกทุกวันนี้รู้จัก แข้งบาร์ซ่า เรียกว่ามาจากศิษย์เก่า ลา มาเซีย รุ่น 87 หรือ รุ่นพิมพ์นิยม
ทำไมถึงเรียกว่า รุ่นพิมพ์นิยม เอาเป็นว่า ไล่เรียงตัวรูปร่างของนักเตะ สไตล์การเล่นที่เข้ากันลงตัวในรุ่นนี้ ก็มี ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรียส อิเนียสต้า, เปโดร, แม้แต่ เชสก์ ฟาเบรกัส ที่เพิ่งหวนคืนรังเก่าหลังโดน อาร์เซนอล นำตัวไปใช้งาน เชสก์ เองก็รุ่นนี้แหละ และแข้งคนสำคัญอย่าง ลิโอเนล เมสซี ก็เติบโตกินนอนกันกับแข้งชุดนี้เช่นกัน ซึ่ง 2 แข้งคลาสสิก อย่าง ชาบี และ อิเนียสต้า ก็บอกมาตลอดว่า ถ้า เมสซี เลือกเล่นให้สเปน ตั้งแต่แรกๆ ก็คงไม่ผิด และอาจจทำให้สเปน ยุคนี้ แกร่งทั่วแผ่นกว่าเดิมอีก ซึ่งพอเราไปดูในภารกิจของ เมสซี เวลาลงช่วยอาร์เจนตินา เขาถึงไม่ค่อยมีพิษสงอะไรมาก แถมยังแบกหน้าที่ไว้คนเดียวอีก ซึ่งต่างกับบาร์เซโลนา ที่มี ชาบี กับ อิเนียสต้า คอยประคองให้ เมสซี เล่นบอลได้ง่าย และตามไลน์ของตัวเองเท่านั้นเอง
นอกจากที่กล่าวไปแล้ว ก็ยังมี การ์เลส ปูโยล, บิคตอร์ บัลเดส, เซร์จิโอ บุตเก็ตส์ และ เครารด์ ปิเก้ ที่อาจหลุดข่ายพิมพ์นิยมไป เพราะด้วยรูปร่างที่ใหญ่กว่า แต่พวกนี้ก็มาจาก ลา มาเซีย ทั้งหมด รวมถึงตัว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของทีมเองด้วย ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ เป๊บ จะเข้าใจการเล่นบอลของนักเตะแต่ละคน มากกว่ากุนซือก่อนหน้านี้หลายๆ ราย อย่างคนล่าสุด คือ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ที่แม้ว่าจะใช้สไตล์ ระบบ รูปแบบ และนักเตะเดิมๆ แต่ความเข้าใจปรัชญาของบาร์ซ่า ยังน้อยกว่า เป๊บ และ เป๊บก็นำมาปรับปรุงเสริมแต่งด้วยการซื้อนักเตะเพิ่มเติมตรงที่คิดว่าขาด เช่น ดาเนียล อัลเวส, เอริก อบิดัล, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, แม็กซ์เวลล์, ดาบิด บีย่า, อเฟลลาย, เซย์ดู เกอิต้า หรือแม้แต่ที่ย้ายออกไปเเล้วอย่าง อองรี, อิบราฮิมโมวิช, เฮนริค ลาร์คสัน, ลูโดวิก ชูลี่, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น, ซามูเอล เอโต้ และ สตาร์อย่าง โรนัลดินโญ และอีกหลายรายที่ไม่ได้กล่าวถึง ที่ไม่ได้มาจากศูนย์ฝึก ลา มาเซีย ที่ช่วยกันคว้าความสำเร็จให้บาร์ซ่า มากมาย นักเตะเหล่านี้ก็มีส่วนช่วยให้บาร์ซ่า ลงตัวในยุคของ ไรจ์การ์ด และ เป๊บ ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันออกไปตามวิถีทางของอาชีพนักเตะ
ที่นี้ถามว่า ทำไมยุคก่อนๆ ของบาร์ซ่า มีนักเตะดังระดับโลกมาร่วมทัพอยู่เสมอ และพอๆ กับ เรอัลมาดริด อย่างเช่น โรมาริโอ, มาราโดน่า, ฮริสโต้ สตอย์คอฟ, โรนัลด์ คูมัน, 2 พี่น้อง เดอบัวร์, ไรจ์การ์ด , หลุยส์ ฟิโก้, โรนัลโด้ (เหยินใหญ่), ริวัลโด้ และอีกหลายรายที่บาร์ซ่า ดึงเข้าร่วมทีม ทำไมถึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จกับทีมบาร์ซ่า มากนัก ทั้งที่แต่ละคนเรื่องฝีเท้าคงไม่ต้องบรรยาย เรียกง่ายๆ โคตรบอลกันทั้งนั้น
แต่เพราะด้วยมีสตาร์มากเกินในสนามที่ผ่านๆ มา แม้ว่าจะเหนื่อกว่าคู่แข่งในเรื่องความสามารถเฉพาะตัว แต่ขาดการลงตัวของสไตล์ และต่อเนื่องแบบบาร์ซ่า ที่ยุคนี้ดันนักเตะจากชุดเยาวชนขึ้นมาพร้อมๆกัน จึงทำให้ความต่อเนื่องของเกมและความเข้าใจมันบาลานซ์กันตลอด เรียกว่า ชายตามอง ก็รู้ว่าเพื่อนจะส่งบอลไปทางไหน และจะส่งให้เพื่อนอย่างไร เพราะฝึกมาด้วยกัน กินนอนมาด้วยกันนั่งเอง ความผูกพัน ความเข้าใจกันมันจึงมากกว่ายุคอื่นๆ และผลพลอยได้ที่มาจาก ลา มาเซีย ส่งถึง บาร์เซโลนา และส่งต่อไปยังทีมชาติสเปน นั่นเอง
เราลองมาดูชื่อนักเตะทีมชาติสเปน ที่ช่วยคว้าแชมป์ยูโร 2008 และแชมป์โลก 2010 ดูแล้วกัน ไล่ตั้งแต่กองหลัง การ์เลส ปูโยล, เครารด์ ปีเก้, กองกลางอย่าง ชาบี, อิเนียสต้า, บุตเก็ตส์, ฟาเบรกัส ,กองหน้าอย่าง บีย่า ที่เพิ่งย้ายมาบาร์ซ่า และนายด่านมือ 2 ของสเปน อย่าง บัลเดส เอง ก็อยู่ในชุดแชมป์โลกเช่นกัน นอกจากนั้น ก็มาจากเรอัล มาดริด อย่าง เซร์จิโอ รามอส, อีเกร์ กาซิยาส, ที่เหลือก็มาจากหลายทีมอย่าง โจน คัฟเดบีล่า, ตอร์เรส, ดาวิด ซิลบา, ฆวนมาต้า, ซานติ กาซอร์ล่า, เฟร์นานโด ยอเรนเต้ และอีกหลายราย ก็ช่วยเติมเต็มส่วนที่สเปน ขาดไป หรือเรียกว่า เติมให้บาร์ซ่า เป็นทีมชาติสเปน นั่นเอง เพียงแค่เวลาซ้อมทีมชาติอาจมีเวลาน้อยไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหลัก เพราะมีแข้งจากแคว้นคาตาลัน ประคองแทบยกชุด แข้งสเปน ที่เสริมแต่งก็เล่นกันง่ายมากขึ้นซ้ำไปด้วย
นอกจากนี้ แข้งเยาวชนบาร์ซ่า ที่มาจาก ลา มาเซีย ที่เริ่มโชว์ชื่อเสียง ทั้ง ติอาโก้ อัลกันตาร่า, โบยาน เกร์กิซ, เจฟเฟร็น ซัวเรซ, โจนาธาน เซเรียโน่ และอีกหลากราย ก็รอเวลาขึ้นชุดใหญ่ทั้งนั้น
แม้ว่าสเปน จะเพิ่งมาประสบความสำเร็จในยุคนี้ที่ บาร์ซ่า แทบยกแพ็ก ก็ดีกว่าไม่ประสบความสำเร็จจริงไหม และความสำเร็จนี้ก็ยังคงต่อเนื่อง ทั้งในทีมชาติสเปน และบาร์เซโลนา ถ้าพวกเขายังใช้ปรัชญาการเล่นของพวกเขา
ทั้งนี้ แต่ละทีมก็มีปรัชญาในการทำทีมแตกต่างกัน ไม่มีปรัชญาทีมไหนถูก ไม่มีทีมไหนผิด แต่วันนี้ หากพูดถึงทีมที่ถูกมากที่สุด หลายๆ คนคงเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า "บาร์เซโลนา" อย่างแน่นอน
แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 54 13:09:07
จากคุณ |
:
B_Xavi4ever
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ต.ค. 54 13:01:13
|
|
|
|
 |