 |
ยิ่งบุกเยอะ ก็ต้องใช้พลังเยอะมาก ตัวคุมแกนกลางต้องยิ่งโดดเด่น แบบ วิเอร่า
4-5-1 นัดชิงชี้ชะตาส่วนใหญ่ จะใช้แผน 4-5-1 ไม่ว่า กรีซแชมป์ยูโร ,อิตาลีชุดแชมป์โลก , มูริญโญ่คุมอินเตอร์ชิงถ้วยแชมเปี้ยนลีคกับบาร์เซโลน่า จุดประสงค์อย่างเดียวกันคือให้คู่แข่งอึดอัด แล้วล่อกองหลังดันขึ้น แล้วรอสวนด้วยลูกโยนยาว ขอแค่โอกาสทีเดียว 4-4-2 , 4-3-1-2 , 4-2-2-2 โดยทั่วไปกับทีม ที่ยังดูเชิง มักจะใช้ กองหน้า 2 คน ถ้าหน้าคู่ ระนาบเดียวกัน มักจะเป็นกองหน้าไม่สูงมาก มีความเร็วสูง วิ่งสปีดเข้าพร้อมกันให้กองหลัง งง ,ส่วน กองหน้าเล่นคู่ ยืนเฉียง มีกองหน้าตัวใหญ่ 1คน ค้ำด้านหน้า เพื่อ ประคองบอล รอให้เพื่อนขึ้นมาเติม สูตรนี้ใช้กันแทบทุกสโมสร กองหน้าตัวใหญ่จึงขายดี
4-3-3 แผนนี้ ไม่มีเงินเป็นถุงเป็นถัง ห้ามทำเด็ดขาด ถ้าไม่มีมิดฟิลด์ ระดับ เอสเซียง , ยาย่าตูเร่ เพราะแผนนี้ เกมรับริมเส้นจะอ่อนมากๆ ต้องใช้กองหลังแบ็ควิ่งอย่างเร็ว ราคาแพง แบบ อัสเวส ,รามอส มาอุดจุดอ่อน ระดับบ่อน้ำ และแผนนี้จะแพ้ สไตล์บอลโยนตัดหลัง ต้องใช้กองหน้าวิ่งเร็วถอยร่นมาประกบกองกลางคู่แข่ง ยามตกเป็นฝ่ายรับ บอกตามตรงแผนนี้ ไม่ค่อยมีโค้ชคนไหนอยากใช้หรอกมันรั่ว
4-2-4 แผนรุกสุดชีวิต ต้องอุดมไปด้วยนักเตะชั้นยอด ร่างกายสูงใหญ่ ความเร็วสูงทั้งทีม นักเตะระดับนั้น ก็มีแต่ในยุคเปเล่ เท่าั้นั้น ปัจจุบัน แผนนี้ฝันร้ายของโค้ช ใ้ช้เมื่อไรแปลว่าโดนยิงนำไปแล้ว และมักไม่ค่อยได้ผล
ส่วนแผนที่ไม่มีคนใช้แล้ว คือ 3-5-2 เพราะหานักเตะแบบ โรเบโต้ คาลอส ไม่ได้อีกแล้ว โดนบอลโยนยาว ข้ามกองกลางมาทีเดียวก็จบ ทีมที่กล้าใช้ต้องมีลิเบอโร ระดับสุดยอด อ่านเกมในสนามได้เด็ดขาด และกองหลังเหนียว แบบ มัธทีส ซามเมอร์ ของเยอรมัน
สุดท้าย จะใช้แผนไหน ก็ขึ้นกับการฝึกและวางเกม ระบบไหนก็ตาม รุกและรับต้องสมดุล
จากคุณ |
:
archase
|
เขียนเมื่อ |
:
3 พ.ย. 54 23:39:31
|
|
|
|
 |