Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
TIA Column : Steven Gerrard – An inspiration Captain. ติดต่อทีมงาน

หากคุณเป็นคนรักกีฬา คุณคงจะต้องมีนักกีฬาที่ชื่นชมซักคนในหัวใจ ยิ่งเป็นกีฬาที่เป็นที่นิยมอย่างฟุตบอลด้วยแล้ว เชื่อว่ามันต้องมีซักคนที่เป็นคนที่คุณชื่นชอบ และติดตามผลงานของเขาคนนั้นอยู่เสมอ ในฐานะกองเชียร์ลิเวอร์พูล เชื่อว่า เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ก็คงจะมีนักฟุตบอลที่ตัวเองชอบเป็นพิเศษ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเลิกเล่นไปนานแค่ไหนก็อาจจะไม่มีใครมาแทนที่เขาได้สำหรับเรา แม้เราอาจจะชื่นชมกับคนที่มาใหม่และทำผลงานกับทีมได้ดี เป็นความหวังของทีม แต่เชื่อว่า ทุกคนคงจะมี คนที่เป็นที่สุดซักคนอยู่ในใจ พี่ๆบางคนที่เชียร์ลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ยุค 70 อาจจะชื่นชอบนักเตะอย่างเควิน คีแกน ไม่ก็เทอร์รี่ แม็คเดอร์มอต หรือถัดมาอีกหน่อยก็อาจจะเป็น เคนนี่ ดัลกลิช หรือถ้ามาติดตามในยุค 80 ก็อาจมีแกรม ซูเนสส์, เอียน รัช หรืออลัน แฮนเซ่น เป็นขวัญใจ และถ้าถัดมายุคปลายๆ 80 อาจจะเป็น จอห์น บาร์นส์ หรือปีเตอร์ เบียดส์ลีย์ ที่อยู่ในหัวใจของคุณ กระทั่งยุค 90 ที่เรียกได้ว่า ทีมกำลังเข้าสู่ช่วงมืดมน แต่คุณอาจจะหลงเสน่ห์นักเตะอย่างร๊อบบี้ ฟาวเลอร์, สตีฟ แม็คมานามาน หรือเจมี่ เร้ดแนปป์ และมาถึงศตวรรษที่ 21 กองเชียร์ลิเวอร์พูลแทบทุกคนต้องปลาบปลื้มไปกับความมหัศจรรย์ของนักเตะอย่าง ไมเคิล โอเว่น

แต่ไม่นึกว่า เราทุกคนจะได้ภาคภูมิใจกับนักเตะอีกคนหนึ่ง ผู้ซึ่งต้องฝ่าอุปสรรคขวากหนามมากมายกว่าจะได้รับการยอมรับจากแฟนบอลลิเวอร์พูลทุกคนบนโลกใบนี้ คนที่เรากล้าพูดได้ว่า เขาเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากมายมหาศาลเหลือเกินสำหรับสโมสรแห่งนี้ และเขาก็เป็นคนที่เราจะใช้คำว่า เป็นที่สุดของเรา คือ ต่อให้เขาเลิกเล่นไปแล้ว หรือจะอีกกี่สิบปีที่ผ่านไป ซึ่งเราอาจจะได้ชื่นชมกับนักเตะน้องใหม่มากมาย แต่จะไม่มีใครที่มาแทนที่เขาได้ในความรู้สึกของเรา แน่นอนว่านักฟุตบอลคนนั้น ชื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูลคนปัจจุบัน

อาจเป็นเพราะหัวใจที่เลือกรักลิเวอร์พูลมันมาถึงในช่วงเวลาของเขาพอดี ช่วงเวลาที่เราได้เห็นเขาแบกทีมไว้บนสองบ่า มันอาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เรานับถือเขาอย่างมากมาย ทำให้กลับไปค้นหาว่า ผู้ชายคนนี้เป็นใคร มาจากไหน ทำอะไรมาบ้าง และยิ่งค้นก็ทำให้ยิ่งรักในตัวตนของเขามากขึ้นจริงๆ

ถ้าคุณเชียร์ลิเวอร์พูลมานานซัก 13 ปี คุณน่าจะได้เห็นวันแรกของเจอร์ราร์ด ที่ได้ก้าวข้ามเส้นสีขาว ข้างสนามแอนฟิลด์ เพื่อเปลี่ยนตัวลงไปเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาในเกมกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 1998

ตลอดเวลาที่ผ่านมา กัปตันของเราได้ทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ แฟนลิเวอร์พูลถึงจะเลิกพูดถึงลูกยิงโอลิมเปียกรอส 3-1 ที่ส่งเราเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ในฤดูกาล 2004-2005 หรือลูกโหม่งตีไข่แตกในนัดชิงกับเอซี มิลาน และปีถัดมากับลูกยิงตีเสมอเวสต์แฮมในนัดชิง เอฟ เอ คัพ ซึ่งนอกเหนือไปจากลูกยิงในนัดสำคัญๆแล้ว ก็ยังมีลูกยิง ลูกจ่ายอีกนับไม่ถ้วนให้คิดถึง เกม Comeback มากมายที่เกิดจากมันสมอง สองเท้าและหัวใจสู้ของเขา และถ้ามองไปถึงวิธีการเล่น เจอร์ราร์ดก็พัฒนาการเล่นฟุตบอลได้อย่างสมบูรณ์แบบเหลือเกิน เขาเริ่มจากเล่นเป็นแบ็ค มิดฟิลด์ตัวรับ ปีกขวา มิดฟิลด์ตัวรุก จนถึงหน้าต่ำ ทำได้ทุกอย่างที่ผู้จัดการทีมสั่ง ไม่ว่าจะเป็นสกัดบอล ครองบอล จ่ายบอล ครอสบอล จนถึงทำประตู แม้แต่นักเตะผู้ยิ่งใหญ่อย่างซีเนอดีน ซีดาน ก็ยังออกมายกย่องว่า เขาเป็นกองกลางที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด เช่นเดียวกับที่จอห์น บาร์นส์ พูดถึงเจอร์ราร์ด ว่าเป็น Perfect Midfielder ซึ่งคำชมของบาร์นส์นี้ เจอร์ราร์ดอาจจะปลาบปลื้มยิ่งกว่าที่ซีดานชมมากมายนัก เพราะจอห์น บาร์นส์ คือนักเตะที่กัปตันของเราชื่นชอบมากที่สุด

ในปี 2006 มีการโหวตจากแฟนบอลในหัวข้อ 100 Players Who Shook The Kop ชื่อมันอาจฟังดูน่ากลัว แต่มันหมายถึง นักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่สโมสรเคยมีมา จำนวน 100 คน เจอร์ราร์ดได้รับการโหวตให้อยู่ในอันดับที่ 2 รองจาก คิง เคนนี่ ชนะเจ้าของสถิติยิงประตูให้สโมสรมากที่สุดอย่างเอียน รัช ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 และเขาพูดถึงเรื่องนี้ว่า

“Just to be involved is a pleasure” – “เพียงแค่ได้มีส่วนร่วมก็เป็นความยินดีแล้ว” ...ถ่อมตัวมากมาย

เจอร์ราร์ดเป็น 1 ใน 2 นักฟุตบอลของทีมที่ติด Top 5 โดยที่ยังไม่เคยได้แชมป์ลีกกับสโมสรมาก่อน อีกคน คิดว่าคงเดากันได้ว่าใคร ...แน่นอนค่ะ ต้องเป็น ร๊อบบี้ ฟาวเลอร์ อยู่แล้ว ฟาวเลอร์อยู่ในอันดับที่ 4 ชนะจอห์น บาร์นส์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 5 ได้ มันเป็นเพราะแฟนลิเวอร์พูลจะไม่รักแต่นักเตะเก่งๆ พาทีมคว้าแชมป์มากมายเท่านั้น แต่เราจะรักนักเตะที่รักและทุ่มเทเพื่อทีม

...13 ปีผ่านไปนับจากวันแรกที่เจอร์ราร์ดได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ หลายสิ่งเปลี่ยนแปลง ลิเวอร์พูลเปลี่ยนผู้จัดการทีมไปแล้ว 3 คน แต่เจอร์ราร์ดก็ยังคงอยู่กับทีม ทั้งๆที่มีโอกาสที่จะไปในที่ที่อาจได้แชมป์ลีกอย่างง่ายดาย แต่ที่สุดแล้ว เขาก็เลือกที่จะอยู่กับลิเวอร์พูลต่อไป โจเซ่ มูริญโญ่ ใช้เวลา 2 ปี ตามล่าลายเซ็นของกัปตันทีมลิเวอร์พูล และเขาก็เกือบทำสำเร็จแล้วด้วย แต่ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้เจอร์ราร์ดเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย เป็นมหากาพย์ที่ดราม่ายิ่งกว่าละครไทยเสียอีก

ถ้าเขาเลือกไปสวมชุดสีน้ำเงินในตอนนั้น แน่นอนว่า อาจจะมีแฟนลิเวอร์พูลสาปแช่งเขามากมาย และเขาจะไม่ได้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดที่สโมสรเคยมีมาอันดับ 2 จากการโหวตของแฟนๆ รองจากคิง เคนนี่ แต่เขาจะได้แชมป์ลีกในทันที...เกียรติยศที่รอคอยและใฝ่ฝัน เขาจะได้ชื่อว่าได้แชมป์ในระดับสโมสรครบทุกรายการ

...อะไรกันนะที่ทำให้เขาปฏิเสธโอกาสทอง ถึงขนาดมูริญโญ่ออกปากว่า “แล้วนายจะเสียใจ”

บางคนที่โกรธเขาอาจบอกว่า เพราะลิเวอร์พูลจ่ายเงินเพิ่มให้ แน่นอน มันคือความจริงที่ว่าเขาได้เงินเพิ่ม แต่มันไม่ได้มากไปกว่าที่จะได้รับจากเชลซีอย่างแน่นอน แต่บางทีอาจจะเพราะครอบครัวและเลือดสเกาเซอร์ในตัว ที่ทำให้เขาเลือกที่จะอยู่กับสโมสรที่เปรียบเสมือนศาสนาในบ้านที่เขาเติบโตมา บ้านที่เชียร์ลิเวอร์พูล รักลิเวอร์พูล และบูชาลิเวอร์พูล บางทีอาจจะเป็นเพราะมันยากที่จะอยู่ในสถานะที่ทำให้ไม่สบายใจ เพราะเขาเป็นคนพูดเองว่า

“ผมจะสวมเสื้อสีน้ำเงินของเชลซีแล้วกลับมายืนเป็นฝั่งตรงข้ามกับแฟนลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ได้ยังไง”

แน่นอนว่า ความทะเยอทะยานเป็นส่วนหนึ่งของนักฟุตบอล ทุกคนต่างก็อยากจะได้แชมป์ และวินาทีได้แชมป์มันคงจะทำให้มีความสุขเหลือเกิน แต่มันคงไม่มีค่าอะไรเลยหากมันจะไม่ได้แบ่งปันความสุขจากความสำเร็จร่วมกับคนที่รัก

บางทีคำพูดประโยคนี้คงจะตอบแทนหัวใจของกัปตันได้ทั้งหมดแล้วว่า เพราะอะไรเขาถึงอยู่ที่นี่ เพราะอะไรเขาถึงยังสวมเสื้อสีแดงเพลิงของลิเวอร์พูลอยู่ เจอร์ราร์ดได้ให้สัมภาษณ์กับเดลี่เมล์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ท่อนหนึ่งที่ถูกถามถึงตอนเกือบย้ายไปเชลซี เขาพูดว่า

“People on the outside, who don’t have the bond I have with the club, may not understand that. They will make judgments and say I could have won my trophies and earned more money if I had gone elsewhere. But that’s not important to me because I still feel I can win a couple more trophies with Liverpool and, if I do, they will mean an awful lot more to me.”  

“It’s more important for me to share the success I have enjoyed, and hopefully will in the future, with the people who live around me, the people who care about me and love me. The relationship I have with them is that special.”


Read more: http://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-1356117/Steven-Gerrard-interview-Liverpools-captain-marvel-reveals-hes-striving-make-difference.html#ixzz1dwodV7uX

แปลเป็นไทยคร่าวๆได้ว่า

"ผู้คนข้างนอกนั่น คนที่ไม่ได้มีความผูกพันกับสโมสรอย่างที่ผมมีอาจจะไม่เข้าใจ พวกเขาอาจจะตัดสินและพูดได้ว่า ผมจะสามารถเป็นแชมป์และหาเงินได้มากกว่านี้ถ้าผมย้ายออกไปที่ไหนก็ตาม แต่นั่นมันไม่ได้สำคัญสำหรับผมเลย เพราะผมยังคงรู้สึกอยู่เสมอว่า ผมสามารถจะเป็นแชมป์กับลิเวอร์พูลได้อีก และถ้าผมทำได้ พวกเขาจะเข้าใจว่ามันมีความหมายมากมายขนาดไหนต่อผม"

"มันสำคัญมากกว่าสำหรับผมที่จะแบ่งปันความสุขจากความสำเร็จที่ผมหวังว่าจะได้รับในอนาคตกับผู้คนที่อยู่รอบตัวผม คนที่รักและแคร์ผม ความสัมพันธ์ของผมกับพวกเขามันเป็นอะไรที่พิเศษมาก"


ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีกแล้วค่ะ.....

เชื่อว่าเพื่อนๆแฟนลิเวอร์พูลทุกคนคงจะเข้าใจถึงหัวใจของกัปตันเป็นอย่างดี จนถึงวันนี้ เวลาและโอกาสที่เขาจะคว้าแชมป์ลีกกับลิเวอร์พูลมันสั้นลงทุกทีแล้ว แต่มันก็ยังไม่หมดไป มันยังมีความหวังอยู่ เจอร์ราร์ดเองเพิ่งจะให้สัมภาษณ์ไปว่า เขากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้แชมป์ลีกกับลิเวอร์พูล และเขาคงจะเสียใจมากหากทำไม่ได้จริงๆ แต่เรารู้ว่าเขาก็ยังจะสู้ต่อไป พยายามทุกวันที่จะกลับมาและทำความฝันให้สำเร็จ

เราเคยเขียนไปในบทความหนึ่งว่า สำหรับกองเชียร์อย่างพวกเราทุกคน ให้รอแชมป์ลีกของทีมนานเท่าไหร่ก็รอได้ แต่ในฐานะนักฟุตบอล กัปตันแทบจะไม่เหลือเวลาแล้ว อยากเหลือเกินค่ะ...อยากให้ผู้ชายคนนี้ได้สมหวังซักครั้งกับแชมป์ลีกก่อนที่จะเลิกเล่น

เรารู้ว่าเจอร์ราร์ดรู้สึกภาคภูมิใจเสมอที่ตัวเขาที่ได้เล่นให้ลิเวอร์พูล รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูล แต่พวกเราแฟนบอลลิเวอร์พูลทุกคนก็อยากจะให้กัปตันรับรู้ด้วยเหมือนกันค่ะว่า เป็นเกียรติของพวกเราเช่นกันที่ได้มีคุณเป็นส่วนหนึ่งของทีม ของสโมสรที่พวกเรารัก

และแม้เวลาที่เหลืออยู่ในฐานะนักฟุตบอลของคุณมันจะน้อยเสียเหลือเกิน แต่อย่างน้อยก็เราคนหนึ่งล่ะที่จะยังคงมีศรัทธาว่า ความพยายามของคุณจะต้องสัมฤทธิ์ผล เราทุกคนจะต้องได้แบ่งปันความสุขจากความสำเร็จของคุณค่ะ กัปตัน ...ตราบใดที่ยังไม่มีเสียงนกหวีดหมดเวลา เราก็จะเชื่อมั่นต่อไปว่ากัปตันทีมคนที่จะได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกให้ลิเวอร์พูลจะต้องเป็นผู้ชายที่ชื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด

In Gerrard…I trust.

แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 54 11:43:57

 
 

จากคุณ : howk_ky
เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 54 16:36:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com