"เขาไม่ได้ด่าลีกตัวเองครับ...เขาด่าโค้ชก่อนเลย" คุณJackie เขียนถึง ฟุตบอลทีมชาติไทย ชุด ซีเกมส์ครับ
|
 |
เสียงสะท้อนจากทีมบอลสองชุดนี้ทั้งซีเกมส์และคัดเลือกบอลโลกดังออกมาเยอะแยะแล้ว
อันนี้เป็นเรื่องธรรมชาติในโลกยุคปัจจุบันที่การสื่อสารย่อโลกจนคนเราสามารถปฏิสัมพันธ์กันได้รวดเร็ว ทันอกทันใจ แต่กระนั้นก็เถอะครับประเทศอินโดนีเซียยังล้าหลังเรื่องการถ่ายทอดสด...เรื่องของข้อมูลข่าวสารเหมือนอยู่หลังเขายังไงชอบกลจัดซีเกมส์ครั้งนี้ได้อย่างไร...ก็ยังงงๆ กันอยู่
ว่ากันถึงเรื่องทีมบอลสองชุดที่จะบอกว่าเป็นชุดเล็กและชุดใหญ่คงไม่ผิดจากความจริงโดยบรรดานักเตะชุดเล็กคือชุดซีเกมส์ อีกปีสองปีก็ย่อมมีโอกาสพัฒนาและผลักดันขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ ทุกอย่างที่ผ่านไปล้วนเป็นประสบการณ์ วันที่ต้นฉบับนี้วางแผงทีมซีเกมส์เตะนัดสุดท้ายกับสิงคโปร์ไปแล้ว จะปิดฉากได้สวยงามหรือขี้เหร่ก็คงไม่ทำให้ความรู้สึกของแฟนบอลดีขึ้นมาสักเท่าไหร่
โดยเฉพาะที่น่าสนใจคือว่าทำไมทีมชาติชุดใหญ่แพ้ซาอุฯ, แพ้ออสเตรเลีย แฟนบอลจึงมีความรู้สึกเห็นใจ เสียดาย และไม่เสียใจกับความพ่ายแพ้ ไม่ใช่เพราะเราคาดหวังว่าจะแพ้นับจากจับสลากแบ่งสายออกมานะครับ แต่มันเป็นวิธีการเล่นที่คนดูรับรู้ได้ในภาพรวมว่า "น่าประทับใจ"
อย่างน้อยรู้ว่าสู้ไม่ได้แต่ยังพยายามสู้...อันนี้ย่อมแตกต่างกับทีมที่สู้ได้แต่กลับไม่พยายามสู้ ผมมี 2 ประเด็นที่เหมือนกันกับทีมชาติไทยทั้งสองชุด จากการที่ได้สันดาปกับแฟนบอลไทยและคอลัมนิสต์บอลไทยหลายๆ คน จากทีมซีเกมส์และทีมบอลโลก พอจะมาแตกประเด็นแล้วอยากให้คอบอลลองไล่เรียงกันดูว่ามันเป็นอย่างไรกันบ้าง
ประเด็นที่ว่านั้นคือเรื่องของ "ผู้ดูแลทีม" ทีมซีเกมส์เราได้รับรู้ว่า คุณเกษม จริยวัฒน์วงศ์ เป็นผจก.ทีม อันเป็นธรรมเนียมของบอลทีมชาติไทยที่เราใช้ผจก.ทีมเหมือนหัวหน้าคนดูแลทีม เมื่อก่อนมีหน้าที่จ่ายเงิน แต่ปัจจุบันข่าวบอกว่าสมาคมคือคนจ่ายหรือคุณเกษมอาจจะจ่ายสำรองไปก่อนอะไรนั้นผมไม่เข้าไปยุ่งเรื่องเงินแต่บทบาทคือคุณเกษมเป็นคนดูแลทีม โดยเลือกทีมงาน ประพล พงษ์พานิช, วิฑูรย์ กิจมงคล-ศักดิ์, ธนิศร์ อารีย์สง่ากุล
ดูรายชื่อทีมงานแฟนบอลรุ่นเก่าก็ต้องยกนิ้วให้แหละครับ แฟนบอลรุ่นใหม่ไม่รู้จัก "น้าเหม่ง" กระทั่งพี่ทูร และ พี่ดำ บางทีก็คงนึกภาพไม่ออกว่าแต่ละคนนั้นสมัยเป็นยอดนักฟุตบอลนั้นมีดีอย่างไร
นั่นคือการเป็นนักบอลแต่เมื่อมาเป็นโค้ช การสอน การเทรน การทำให้ทีมเล่นบอลด้วยกลยุทธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วชนะในเกมได้ มันเป็นอะไรที่แตกต่างจากการเป็นนักเตะ นั่นก็ข้อหนึ่งคราวนี้ภาพที่ออกไปมันดูเหมือนว่าทีมชุดนี้ตกลงใครดูแลกันแน่ ผจก. หรือว่าหัวหน้าโค้ช คือ น้าเหม่ง...และการทำงานประสานกันมากน้อยแค่ไหน
บทบาทเป็นอย่างไร...เพราะหากทีมฟุตบอลซีเกมส์เล่นได้เท่านี้อย่างที่เราเห็น ผมคิดว่าปัญหามันอยู่ที่ทีมงานข้างสนามแล้วล่ะครับ ไม่ต้องไปนั่งในทีมหรือรู้สายสนกลในว่าใครทำอะไรบ้างเอาภาพที่ออกมาเห็นได้ชัดว่าบอลของเราเล่นไม่เป็นเกม เล่นไม่ดีพอที่จะชนะใครเขาได้ นอกจากกัมพูชา
ผลงานมันก็สะท้อนการทำงานของทีมงานข้างสนาม...และประเด็นเดียวกันนี้มีคนมองทีมชาติชุดใหญ่ซึ่งเราเจอของแข็งกว่าเราเจอทีมระดับโลกแต่การเล่นกลับชนะใจแฟนบอล ทั้งที่รูปแบบการทำทีมคล้ายๆ กันกับทีมซีเกมส์ ต่างกันแค่ โค้ชเป็นฝรั่ง วินฟรีดเชเฟอร์ โดยผู้จัดการทีม คุณอนุชา นาคาศัย
ภาพที่ออกมาเราเห็นกันแล้วว่าบทบาทเรื่องบอลในสนาม วินนี่ จัดการทั้งหมด ตระเวนดูตัวนักเตะทุกสนาม ทำงานมีแบบแผนตามสไตล์ฝรั่งทำการบ้านตลอด โดยคุณอนุชามาในบทบาทของการดูแลทีม อำนวยความสะดวกให้กับทีมทั้งที่พัก การเดินทาง และจิปาถะ เป็นลักษณะเดียวกันกับทีมชาติเยอรมันที่มี โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟ อดีตยอดดาวยิงชุดแชมป์ยูโร 96 เป็นผจก.ทีม แล้วเทรนเนอร์หรือหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติชุดใหญ่ที่คนเยอรมันเรียกบุนเดสเทรนเนอร์ คือ โยอัคคิม เลิฟ
ผมไม่ต้องขยายความหรอกครับว่า บทบาทคุณอนุชาเหมือนหรือต่างอย่างไรกับ เบียร์-โฮฟ หรือว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไรกับคุณเกษมชุดซีเกมส์ ทุกคนน่าพอมองภาพออกว่ามันเหมือนหรือต่าง
ท้ายที่สุดไม่ต้องโทษกันว่าใครผิด เมื่อฟุตบอลมีผลออกมาแบบนี้เราสามารถหาคนรับผิดชอบได้เท่านั้นเองครับไม่ต้องคิดกันมาก ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยผมคิดว่าคนข้างนอกสามารถพูดได้เป็นร้อยเหตุผลว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่พูดกันมากว่า ทำไมมีลีกไทยไม่เห็นก้าวหน้าเลย ก็ตกรอบและแพ้กันตลอด
อันนี้ผมคงต้องคัดค้านแหละครับ...เอาแบบกำปั้นทุบดินนะครับ อังกฤษมีลีกอาชีพเติบโตแข็งแกร่ง แถมทำเป็นธุรกิจส่งออกจนรวยเป็นแสนล้านมูลค่ามหาศาล...อังกฤษเองยังเคยตกรอบคัดเลือกบอลโลก เอาใกล้ๆ คือยูโร 2008 ก็ไม่ได้ไปเล่น แฟนบอลด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง
เขาไม่ได้ด่าลีกตัวเองครับ...เขาด่าโค้ชก่อนเลยครับ เรื่องลีกมาเป็นปัจจัยรองไปว่าทำไมผลิตนักเตะออกมาไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้มันก็เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบไปดำเนินการ
เมืองไทยก็เหมือนกันครับ เราเพิ่งจะมีลีก...ได้แค่ 2 ปี ย้ำว่ายังไม่ครบ3 ปี จะให้ผลิตนักฟุตบอลอาชีพเล่นแบบมืออาชีพได้มากน้อยขนาดไหนกันครับ คุณสร้างลีกบอลอาชีพได้เมื่อไหร่ให้บวกไปอีก10-15 ปีข้างหน้าโน่นครับถึงจะเห็นว่าเราผลิตนักบอลออกมาสู่ตลาดอาชีพได้มากและดีขนาดไหน
ฟุตบอลมันพัฒนากันเป็นขั้นบันไดไม่ใช่ขึ้นลิฟต์ อย่าเอานิสัยคนไทยใจร้อน ชอบฝ่าไฟแดง...เปิดกระจกทิ้งขยะลงบนท้องถนน...และคิดประโยชน์เฉพาะส่วนตนมากกว่าส่วนรวมมาใช้ในเกมกีฬาเลยครับ เอาเป็นว่าลีกไทยต้องพัฒนาเพื่อผลิตทั้งนักเตะ, ทีมงาน, พัฒนาแฟนบอลและที่ได้มากสุดๆ คือโค้ชไงครับ...
วันนี้คุณมีโค้ชคนไทยที่มีฝีมือดีระดับสุดยอดแบบว่าคัดมาให้คนยอมรับได้ถึง 10 คนและมากพอในการแต่งตั้งเพื่อคุมทีมชาติไทยแทนวินฟรีด เชเฟอร์ หรือไม่ ผมคนหนึ่งแหละครับที่มองไม่เห็น
นี่แหละครับคือประเด็นของความล้มเหลวในทีมซีเกมส์และเสียงชื่นชมในทีมชาติชุดใหญ่ มันเป็นข้อที่เราต้องยอมรับและใช้เวลาในการพัฒนา หมดยุคครูพักลักจำ และใช้ประสบการณ์ดั้งเดิมในการเล่นมาสอนบอล มีไทยลีก เรามีเวทีให้ได้เห็นฝีมือโค้ชเพียงแต่ต้องอดทนรอ...ไปก่อนนะครับ
Jackie
ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Column/111118_111.html
| จากคุณ |
:
พริบพรรณดาว  
|
| เขียนเมื่อ |
:
18 พ.ย. 54 09:56:14
|
|
|
|
