บทเรียนจาก ธีราทร พยัคฆ์อรุณ คอลัมน์ : คลุกวงในบอลไทย โดย.. ปูเป้
|
 |
แฟนหมัดมวยเมื่อสักเกือบ 20 ปีที่แล้วคงยังจำกันได้แม่น กับลีลาแม่ไม้มวยไทย "ลูกถีบ" ของ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ที่ถีบพนมทวนเล็ก ห้าพลังยอดมวยยุคนั้นอีกคน เด้งเชือกไปมา เป็นไฟต์แห่งความทรงจำของคอกีฬา หาก ธีราทร บุญมาทัน ปราการหลังทีมชาติไทยและบุรีรัมย์ พีอีเอ เลือกที่จะเป็นนักมวย "อาวุธ" ของเขาคงสร้างชื่อได้ไม่น้อย แต่เมื่อเป็นนักฟุตบอลแล้วออกอาวุธถีบตูดคู่ต่อสู้ แทนที่จะได้เสียงเชียร์ กลับต้องโดนลงทัณฑ์ด้วยใบแดง เสียหายทั้งตัวเองและประเทศชาติ
นักฟุตบอลพรสวรรค์นี่ดูกันไม่ยากนะครับ คนที่ดูบอลมาหลายๆปี เห็นเด็กคนหนึ่งเล่นฟุตบอด ดูการจับบอล จ่ายบอล สายตาที่ดูเพื่อนก็พอจะมองออกว่านักเตะคนนั้นจะไปได้ไกลขนาดไหน ผมเคยเห็น "เจ้าอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน เล่นให้กับอัสสัมชัญธนบุรีตั้งแต่อายุ 12-13 ผมมองเด็กคนนี้เหมือนกับที่เห็นแววจาก ธีรศิลป์ แดงดา, กวิน ธรรมสัจจานันท์ ฯลฯ ว่าหมอนี่รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี อีกไม่กี่ปีติดทีมชาติแน่ๆ นักเตะเท้าซ้าย ไอคิวฟุตบอลน้องๆอัจฉริยะ รุ่นเดียวกันในประเทศไทยมีไม่กี่คน
แต่พอคุยกับบรรดาโค้ช, ผู้ปกครอง คนใกล้ชิด "เจ้าอุ้ม" ร้อยละ 90 พูดเหมือนนัดกันมาว่า เด็กคนนี้มีดีทุกอย่างเสียอย่างเดียวเกเร หากตั้งใจเล่นฟุตบอลจริงๆ ใครก็กินเขาลำบาก ในระดับฟุตบอลนักเรียน ดาวเตะรายนี้ก็ขยันมีเรื่องมีราวประเภท เล่น 2 นัดพักซะ 1 นัด มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ โค้ช-ครู แม้จะอิดหนาระอาใจที่พูดยังไงก็ไม่ฟัง อยากจะตัด จะดัดนิสัยบ้าง ก็จำเป็นต้องใช้งานเพราะพรสวรรค์ในตัวเขามีเยอะเหลือเกิน แม้กระทั่งในเกมระดับชาติอย่างเยาวชน 16 ปีชิงแชมป์เอเชีย เล่นคู่คี่สูสีอยู่ดีๆ พออารมณ์เสียขึ้นมา ก็ไป:-)น้ำลายรดหน้าคู่ต่อสู้ซะอย่างงั้น โดนทั้งใบแดง โค้ชก็ด่า นักข่าวก็สวด นึกว่าจะเป็นบทเรียนให้ปรับปรุงนิสัยใจคอให้ดีขึ้น
เผลอแผล็บเดียวนักเตะหุ่นสำอางหน้าใสก็ก้าวพรวดๆ ผ่านฟุตบอลนักเรียนโผล่ทะยานขึ้นมาเล่นไทยพรีเมียร์ลีกให้กับการไฟฟ้าฯ ก่อนจะทำผลงานแซงรุ่นพี่ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบทีมชาติชุดใหญ่ เกมไทยพรีเมียร์ลีก ธีราทรก็ยังเป็นธีราทรคนเดิมเหมือนกับสมัยเด็กๆจำได้ไหมครับ เกมระหว่าง ทหารบกกับบุรีรัมย์ พีอีเอ คนที่ ธาตรี สีหา เหนี่ยวคอเสื้อขึ้นมาตบหน้า จนตามมาด้วยเหตุการณ์ตะลุมบอนก็เจ้าอุ้มนี่แหละ ไม่ใช่แค่ในสนามอย่างเดียว นอกสนามเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วก็มีข่าวว่านักเตะรูปหล่อรายนี้ขับรถไล่ชนแฟนสาว จนมีเรื่องแจ้งความขึ้นโรงพัก โชคดีที่ได้ลูกพี่เป็นแบ็กอัพ คอยเคลียร์ให้ ทำให้ข่าวคราวตามหน้าหนังสือพิมพ์ไม่ค่อยปรากฏ
อดีตก็คืออดีต ไม่ค่อยมีใครอยากจะจำหรอกครับ ถ้าไม่เกิดเหตุถีบตูดนักเตะซาอุฯแล้ววิ่งหนีจนโดนใบแดง ตามมาด้วยใบแดงอีกใบในซีเกมส์ภายในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง ซึ่งใบหลังแม้ว่าจะไม่ได้เกกมะเหรกเกเร แต่การเตะบอลทิ้งก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำ ใบแดง...อารมณ์ร้อน...เกเร นี่คือปัญหาสำคัญที่ทำให้ฟุตบอลทีมชาติไทยล้มเหลวมาโดยตลอดถ้ายังจำกันได้ นักเตะอย่าง ไกรเกียรติ เบียดตะคุ ที่เตะเอวคู่ต่อสู้จากตะวันออกกลาง ก็ทำให้ทีมชาติไทยตกรอบปรีโอลิมปิกเมื่อหลายปีก่อน, ศิวะเมต ธนูศร ก็เคยหวดไม่ยั้งในฟุตบอลปรีโอลิมปิกจนโดนใบแดง, ณรงค์ชัย วชิรบาล โดนใบแดงจากฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกนัดไทยกับญี่ปุ่นก็ทำทีมไทยพัง ฯลฯ นักฟุตบอลไทยหลายคนเก่งนะครับ แต่ฝีเท้ากับความรับผิดชอบ คนละเรื่องกัน การโดนใบแดงแบบไม่สมควรโดนถือว่าเป็นความสำนึกและความรับผิดชอบที่เราต้องเร่งปลุกให้นักเตะรู้ถึงผลเสียหายที่จะตามมาต่อทีม ต่อประเทศชาติ บางทีมต้องรอความหวังกัน 4 ปีกว่าจะได้แข่งขันบอลโลก หมดเงินเตรียมทีมไม่รู้กี่สิบล้าน ทั้งคัด ทั้งเฟ้น จนได้คุณมาเป็น 1 ใน 11 ตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ แต่เวลาเพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลาย ผู้เกี่ยวข้อง ผู้สนับสนุนก็มีส่วนครับ อย่างรายของธีราทรโชคดีที่มี กรุณา ชิดชอบ,เนวิน ชิดชอบ เป็นเหมือนพ่อแม่คนที่สองรักเหมือนลูก ซ้อมกับทีมชาติก็ตามไปดู โอ๋กันเต็มเหนี่ยวเพราะความเก่ง ทั้งสองท่านต้องสอนวิธีคิด สอนให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ รับผิดชอบต่อสังคมให้กับนักเตะรายนี้และคนอื่นๆ ผู้ตัดสินในเมืองไทยก็เหมือนกันครับ บางทีบางครั้งที่คุณเป่าแบบเกรงใจขาใหญ่ ไม่กล้าให้ใบเหลือง ใบแดง นักเตะก็จะเคยชินว่า ทำอย่างนี้เวลาเล่นในประเทศไม่เห็นเป็นไร แต่พอไปเล่นต่างประเทศ ผู้ตัดสินเขาไม่รู้นี่ครับว่านี่เป็นนักเตะจากทีมนักการเมือง นี่เป็นนักเตะจากทีมใหญ่ หรืออะไร เขาก็ทำหน้าที่ตามมาตรฐาน ผมมีสถิติมาฝากนิดหนึ่งครับ ไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ บุรีรัมย์ พีอีเอ โดนไป 33 ใบเหลืองไม่มีใบแดงเลย เมืองทองฯ เตะน้อยกว่า 2 นัดเสียไปแล้ว 39 เหลือง 1 ใบแดง,ชลบุรี เตะน้อยกว่า 1 นัดโดนไป 26 เหลือง
เกมเหย้าของปราสาทสายฟ้า เสียเหลืองยากจริงๆ แมตช์เล่นกับอินทรีเพื่อนตำรวจ โปลิศโดนไป 5 ใบ เล่นกับชลบุรี ฉลามเจอไป 2 ทั้ง 2 นัดบุรีรัมย์ไม่เสียแม้แต่ใบเดียว เกมเยือนเมืองทองฯ บุรีรัมย์โดน 2 เมืองทองฯ โดน 5 เพราะโดนเหลืองยากอย่างนี้หรือเปล่า ทำให้นักเตะปราสาทสายฟ้า "เคยตัว" และ "ได้ใจ" พอไปเล่นทีมชาติ เลยเสียใบเหลืองเป็นประจ
ที่ทักเพราะเป็นห่วงครับ ไม่ใช่เพียงแต่ทีมชาติอย่างเดียว ปีหน้าบุรีรัมย์ฯ ต้องไปเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ เอเอฟซี คัพ ต้องไปเจอผู้ตัดสิน พวกมิสเตอร์คิม มิสเตอร์อาเหม็ด ฯลฯ ไม่มีมิสเตอร์ถนอม มิสเตอร์ชัยยะ
กลัวว่าจะตกรอบเร็ว เพราะไปเตะติดดาบ แล้วไม่มีใครรู้จัก "มิสเตอร์เน" ปูเป้
เครดิต : Thailandsusu http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?PHPSESSID=47711aaf15dabe3be71342b3361c7b8a&topic=209163.msg4350608;topicseen#new
จากคุณ |
:
น้ำพริกอ่องใส่ไข่
|
เขียนเมื่อ |
:
24 พ.ย. 54 15:18:30
|
|
|
|