เชลซี 0-2 ลิเวอร์พูล
เกมเริ่ม (เวลาไทย) : พุธ 30 พฤศจิกายน 2011 02:45
เกมเริ่ม (เวลาท้องถิ่น) : อังคาร 29 พฤศจิกายน 2011 19:45
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
เป็นค่ำคืนที่น่าเสียดายสำหรับเชลซี เมื่อลิเวอร์พูลบุกมาชนะถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์เป็นครั้งที่ 2 ในเวลาห่างกันไม่ถึง 2 สัปดาห์ ครึ่งแรกสิงโตน้ำเงินครามถูกปฏิเสธจุดโทษต้นเกมก่อนจะได้ รอสส์ เทิร์นบูลล์ เซฟจุดโทษของ แอนดี้ คาร์โรล ไว้
จากนั้นเชลซีเริ่มต้นครึ่งหลังด้วยการยิงไปชนคาน แต่ประตูขึ้นนำของลิเวอร์พูลก่อนเกมผ่านไปครบชั่วโมงทำให้เชลซีชุดที่มีประสบการณ์น้อยกว่าเสียความมั่นใจทีเดียว ก่อนที่ มาร์ติน เคลลี่ จะโขกให้ทีมเยือนหนีห่างไปอีกไม่กี่นาทีต่อมา
ความหวังในคาร์ลิ่งคัพสำหรับฤดูกาลนี้จบลงแล้ว แต่เรายังมีเกมสำคัญทั้งในประเทศและในยุโรป อังเดร วิลลาส-โบอาส ต้องรีบเรียกความมั่นใจกลับมาให้ทีมโดยเร็วที่สุด
โอริโอล โรเมอู ที่เล่นเป็นกองกลางตัวรับ และ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ในตำแหน่งแบ็คซ้าย ยังคงส่งสัญญาณที่ดีให้เห็นสำหรับอนาคตข้างหน้า ดาวรุ่งจากสเปนที่จบมาจากอะคาเดมีของบาร์เซโลน่าครองบอลได้ดีมากแม้อยู่ภายใต้ความกดดัน
วิลลาส-โบอาส เปลี่ยนแปลงทีมสำหรับรายการนี้ตามเคย รอสส์ เทิร์นบูลล์ ลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริง ขณะที่ โจเซ่ โบซิงวา ลงเล่นนัดที่ 100 ให้กับสโมสรในตำแหน่งแบ็คขวา อเล็กซ์ และ เบอร์ทรานด์ เป็นตัวจริงเกมนี้เช่นกัน
แดนกลาง จอสช์ แม็ค เอแคร่น ลงตัวจริง แฟรงค์ แลมพาร์ด สวมปลอกแขนพาทีมลงสนามเป็นครั้งที่ 50 ในการเล่นอาชีพ แนวรุกเปลี่ยนยกชุด โรเมลู ลูคาคู,เฟร์นานโด ตอร์เรส และ ฟลอรองต์ มาลูด้า เป็นตัวจริงเกมนี้
สำหรับทีมเยือน เจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงตัวจริงเป็นครั้งแรกในรอบเดือนเศษ ขณะที่ เซบาสเตียน โคอาเตส และ เคลลี่ ได้ลงตัวจริงด้วยเช่นกัน เจย์ สเปียริ่ง ลงเล่นในแดนกลาง และ เครก เบลลามี่ ยืนอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า แอนดี้ คาร์โรล
เกมเริ่มได้เพียง 3 นาทีเชลซีน่าได้จุดโทษเมื่อ ดาวิด ลุยซ์ ถูก โคอาเตส สกัดล้มลงในเขตโทษชัดเจน แต่กองหลังแซมบ้ากลับโดนใบเหลืองข้อหาตบตากรรมการ
วิลลาส-โบอาส เก็บอาการไม่อยู่ด้านข้างสนาม เขาไม่เห็นด้วยอย่างแรงกับการตัดสิน
กองเชียร์ทีมเยือนร้องจะเอาจุดโทษเหมือนกันไม่กี่นาทีต่อมาเมื่อ คาร์โรล ถูก ดาวิด ลุยซ์ กระแทกล้มลงไป แต่ผู้ตัดสินปล่อยให้เกมดำเนินต่อ
ลิเวอร์พูลพยายามเปิดบอลให้ คาร์โรล อย่างต่อเนื่อง แต่ทั้ง ดาวิด ลุยซ์ และ อเล็กซ์ ยังป้องกันได้ดี
เชลซีทำเกมขึ้นมาจากแดนหลังเป็นหลักด้วยการต่อบอลที่แม่นยำ แต่ ตอร์เรส ยังไม่มีส่วนกับเกมช่วงแรกๆ
ลิเวอร์พูลมาได้จุดโทษในนาทีที่ 20 เมื่อ หลุยส์ เอ็นริเก้ โยนเข้ามาแล้ว อเล็กซ์ ใช้มือปัดบอล ผู้ตัดสินลังเลตอนแรกก่อนที่จะสื่อสารกับผู้กำกับเส้น
คาร์โรล รับหน้าที่สังหารแต่พลาด เขายิงไปตรงตัว เทิร์นบูลล์
โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกของสิงโตน้ำเงินครามเป็นจังหวะที่ แลมพาร์ด ซัดข้ามคานจากนอกกรอบ
ครึ่งทางของครึ่งแรกผ่านไปทั้ง 2 ทีมยังไม่มีโอกาสจะแจ้งให้เห็นนอกจากลูกจุดโทษ แต่เกมนี้ดูสนุกตื่นเต้นทีเดียว
มาลูด้า ถูกจดชื่ออีกคนจากจังหวะเข้าสกัดช้าใส่ ลูคัส ในนาทีที่ 33 จากนั้นสิงโตน้ำเงินครามต้องเปลี่ยนตัวเร็ว ด้วยการส่ง รามิเรส ลงไปแทน แม็คเอแคร่น ที่เล่นต่อไม่ไหว เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันแล้วในคาร์ลิ่งคัพที่ดาวรุ่งรายนี้เล่นไม่จบเกม
เราเกือบขึ้นนำในช่วงทดเวลาครึ่งแรก เมื่อ โบซิงวา เปิดบอลให้ ลูคาคู ขึ้นโหม่งหลุดเสาไกลไปนิดเดียว
ครึ่งหลังทั้ง 2 ทีมพยายามจะทำประตูขึ้นนำให้ได้เร็ว แต่ยังคงไม่มีโอกาสดีๆให้เห็น
เชลซีน่าจะได้ประตูเมื่อ แลมพาร์ด เปิดบอลให้ มาลูด้า วิ่งเข้ามาชาร์จ บอลกระดอนพื้นไปชนคาน ดาวิด ลุยซ์ ได้โหม่งซ้ำแต่ไปติด โคอาเตส ที่ยืนบนเส้นประตู
จากนั้นลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 57เฮนเดอร์สัน จ่ายตัดแนวรับให้ เบลลามี่ หลุดขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนจะใส่พานให้ มักซี่ ชาร์จเข้าไป
เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับเชลซีที่เริ่มต้นครึ่งหลังได้ดี แต่อีกครั้งที่มีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นสำหรับแนวรับสิงโตน้ำเงินคราม
ต่อมาอีก 5 นาทีสกอร์ไหลเป็น 2-0 เบลลามี่ เป็นคนเปิดบอลอีกครั้ง คราวนี้เป็นลูกฟรีคิก เคลลี่ ที่ไม่มีตัวประกบได้โขกเหน่งๆผ่านมือ เทิร์นบูลล์ เข้าไป
ทีมเยือนรู้สึกได้ว่าเกมนี้อยู่ในมือพวกเขาแล้วและถอยลงไปรับกันแน่น
ฮวน มาต้า และ นิโกล่าส์ อเนลก้า ถูกส่งลงสนามในช่วงที่เหลือ แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้มากนัก
ตอร์เรส ได้โหม่งในจังหวะเตะมุมนาทีที่ 75 แต่ เรน่า พุ่งไปรับลูกทัน
เชลซีบุกครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เจาะแนวรับลิเวอร์พูลไม่ได้ แฟนบอลเจ้าถิ่นเริ่มไม่พอใจผลงานของทีมมากขึ้นเรื่อยๆ
อเล็กซ์ มีโอกาสยิงฟรีคิกบริเวณกรอบเขตโทษแต่กองหลังบราซิลเลี่ยนรายนี้ซัดหลุดกรอบไปไกลก่อนเกมจะจบลง
เชลซี (4-1-2-1-2): เทิร์นบูลล์,โบซิงวา,อเล็กซ์,ดาวิด ลุยซ์,เบอร์ทรานด์,โรเมอู,แลมพาร์ด (กัปตันทีม),มาลูด้า (อเนลก้า 63),แม็คเอแคร่น (รามิเรส 40),ลูคาคู (มาต้า 63),ตอร์เรส
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง: ฮิลาริโอ,อิวาโนวิช,เฟอร์เรร่า,กาลู
ใบเหลือง: ดาวิด ลุยซ์ 2,อเล็กซ์ 21, มาลูด้า 33, เบอร์ทรานด์ 43, รามิเรส 65
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1): เรน่า,เคลลี่,คาร์ราเกอร์ (กัปตันทีม),โคอาเตส,เอ็นริเก้,ลูคัส (อดัม 70),สเปียริ่ง,เฮนเดอร์สัน,เบลลามี่ (เคาท์ 78),มักซี่ (สเคอร์เทล 89),คาร์โรล
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง: โดนี่,ซัวเรซ,ดาวนิ่ง,ฟลานาแกน
ผู้ทำประตู: มักซี่ 57,เคลลี่ 63
ใบเหลือง: โคอาเตส 53
ผู้ตัดสิน: ฟิล ดาวด์
ผู้ชม: 40,511
http://thai.chelseafc.com/facts/match/report/105
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 54 08:39:23