ความคิดเห็นที่ 1 เหมือนเป็นสายสีต่าง ๆ แบบศิลปะการต่อสู้ประเภทอื่นเหรอครับ แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 23:09:09 จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 54 22:22:28

ความคิดเห็นที่ 2 น่าจะมีนะ เพราะเป็นศิลปประจำชาติ จากคุณ : สมาคมนกเพนกวิ้น เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 00:08:24

ความคิดเห็นที่ 3 น่าจะมีนะ จากคุณ : ViolinViolaCello เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 01:00:00

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่อยากให้มีครับ เพราะวิชามวยไทยเรียนกันได้ไม่มีสิ้นสุด ไม่มีกำหนดว่าสูงสุดคือระดับไหน แถมลูกไม้+แม้ไม้ต่างๆสามารถแตกแขนงพลิกแพลงไปได้ไม่จำกัด แล้วแต่ไหวพริบของนักมวย จึงไม่น่าจะมีการแบ่งขั้นชัดเจน จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 01:15:15

ความคิดเห็นที่ 5       การเเบ่งขั้นสายจำเป็นหรือไม่ผมว่าอยู่ที่ว่าเราต้องการเเบบไหน   ถ้าเราอยากเผยเเพร่ศิลปะการต่อสู้ของไทยไปสู่ระดับสากล   เราก็ต้องรู้จักการพัฒนาปรับปรุงเเก้ไขให้เหมาะสมสำหรับการเผยเเพร่    การทดสอบเเบ่งขั้นฝีมือเข้าใจว่ามีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น    โดยศิลปะการต่อสู้ที่เป็นต้นเเบบของการเเบ่งสายออกเป็นระดับสีในยุคปัจจุบันก็คือวิชา"ยูโด"    เพราะในสมัยก่อนศิลปะการต่อสู้โบราณของญี่ปุ่นอย่างยูยิตสู     มีการเเบ่งระดับขั้นกันมานานเเล้ว      เเต่ไม่มีการเเบ่งสายออกเป็นสีต่างๆมากมายเเบบปัจจุบัน     มีเเค่สายขาวกับสายดำ      โดยสายขาวคือระดับของผู้ฝึกที่ยังไม่เข้าใจถึง"เเก่น"ของวิชา      เเละระดับสายดำคือผุ้ฝึกที่เข้าใจใน"เเก่น"ของวิชานั้นๆ       ต่อมาเมื่อศจ.คาโน จิโกโร พัฒนาวิชายูยิตสูป็นยูโด       เพื่อต้องการเผยเเพร่ศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นสู่โลกภายนอก          เเละต้องการสร้างกีฬาสำหรับให้ชาวญี่ปุ่น(โดยเฉพาะเยาวชน)ได้ฝึกซ้อมเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายเเข็งเเรง        ได้เรียนรุ้คุณธรรมเเละมารยาทควบคู่กันไปด้วย    ท่านจึงได้วางรากฐานการจัดการหลายๆอย่างของยูโด    เพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการเผยเเพร่ไปในวงกว้าง       เเละท่านก็ทำได้สำเร็จ       จนวิชายูโดกลายเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง          มีผู้เรียนจำนวนมากในหลายประเทศ     เเละได้บรรจุเป็นกีฬาในการเเข่งขันโอลิมปิกอีกด้วย                  ผมคิดว่าถ้าเราอยากให้มวยไทยเราเผยเเพร่ออกไปเราก็ต้องรู้จักการพัฒนาเเละปรับตัวเพื่อให้เหมาะสมต่อการเผยเเพร่ไปสู่สากล         ถ้าเราคิดเเค่ว่าทำตามอย่างที่เคยๆทำกันมาก็ได้     ไม่เห็นจะเป็นอะไร     มันก็เป็นการยากที่จะพัฒนามวยไทยให้เป็นที่นิยมในระดับสากลได้       ในปัจจุบันผมคิดว่ากีฬามวยไทยเป็นที่นิยมในต่างประเทศกับนักกีฬาอาชีพเป็นส่วนมาก       ซึ่งถ้าเราพอใจเเค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องปรับปรุงอะไร       เเต่ถ้าเราต้องการเพิ่มจำนวนคนฝึกเเละต้องการให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นนักกีฬาอาชีพ(ทั้งนักกีฬาสมัครเล่นเเละคนที่เเค่ต้องการออกกำลังกาย)      มาฝึกมวยไทยเพิ่มมากขึ้น        ผมว่าเราจำเป็นต้องปรับปรุงการบริหารจัดการหลายๆอย่าง      โดยต้องทำให้การสอนมวยไทยมีมาตรฐานสามารถตรวจสอบได้ง่าย      ต้องมีการควบคุมคุณภาพการฝึกให้เป็นมาตรฐานทั่วโลก    ป้องกันคนที่ไม่ได้เป็นมวยไทยจริงๆไปแอบอ้างเปิดโรงฝึก    เเละต้องมีการเเบ่งขั้นความสามารถเพื่อให้ง่ายในการย้ายสถานที่เรียนมวยไทย    หรือการจัดการเเข่งขันต่างๆในระดับสากลต่อไป ปล.ภาพ ศาสตราจาร์ยจิโกโร คาโน่  ผู้ให้กำเนิดวิชายูโด แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 54 04:34:26 แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 54 03:02:45 จากคุณ : พระเอกจอมหักกระดูก เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 02:58:55

ความคิดเห็นที่ 6 ยากมากที่จะทำได้ เพราะความรู้ในวิชามวยไทยแตกต่างจากความรู้ในวิชาที่ปรับปรุงแล้วอย่างยูโดเยอะครับ เพราะแต่ละค่ายมวย แต่ละพื้นที่มีความรู้ที่สั่งสมกันมาแบบเป็นเอกลักษณ์ ถึงจะมีพื้นมวยเหมือนกัน แต่วิธีการสอนและการพัฒนานักมวยไม่ได้เหมือนกันเลย ถ้าทำได้จริงๆ มันคงต้องเป็นความรู้ในลักษณะ "มาตรฐานกลาง" เกิดขึ้นแบบตอนที่ยูโดถูกพัฒนามาจากยูยิตสูนั่นแหละ ซึ่งผมมองว่ามันไม่ใช่แนวคิดที่เข้ากับนิสัยคนไทยเอาเสียเลย จากคุณ : Ace striker เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 04:22:09

ความคิดเห็นที่ 7 ควรมีอย่างยิ่งครับ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของมวยไทย บางครั้งเราต้องยอมเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง เพื่ออนาคตที่ดีกว่าครับ เพียงแต่ขอให้เปิดใจเท่านั้น จากคุณ : ซุปเปอร์เดปอร์ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 08:38:15

ความคิดเห็นที่ 8 พอมีพวกญี่ปุ่น เกาหลีคงบอกเราไปเรียนแบบเขา ผมว่าไม่ควรมีครับ จากคุณ : ทนายเนติบัณฑิตคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 09:16:24

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้า"มี" แล้วคงจะต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ แล้วมีการกำหนดการแบ่งขั้นอย่างชัดเจน แล้วเราจะมีขั้นตอนการเลือกผู้มีคุณวุฒิที่จะมาพัฒนามาตรฐานตรงนี้กันอย่างไร ผู้ที่ฝึกมวยไทยมา ย่อมรู้ดีว่าการเรียนมวยไทยนั้นไม่มีที่สิ้นสุด เรารู้ดีกันอยู่แล้วว่ามวยโบราณมีหลายรูปแบบชั้นเชิง ในส่วนของมวยไทยเวทีเองนั้น แต่ละค่ายก็มีรูปแบบการฝึกและกลมวยที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน ถ้ามีก็ดีนะคะ แต่คงเป็นเรื่องยาก จริงๆแล้วค่ายมวยไทยปลอมๆในสหรัฐก็ได้มีการสอบแบ่งสายไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งฝรั่งเองก็ยังเถียงกันไม่จบว่าควรมีหรือไม่ เท่าที่อ่านๆมาจากบอร์ด www.sherdog.net เหมือนจะไม่อยากให้มีซะมากกว่า ฝรั่งหลายคนสอบได้สายสูงๆของที่นู่นมา พอมาถึงค่ายมวยที่เมืองไทย เจอเด็กอายุแค่ 14-15 หักเหลี่ยมทุ่มจนตูดระบม ถึงกับเสื่อมศรัทธาไปเลยก็มี(ของทางนู้นน่ะนะคะ) แถมบางคนยังไม่รู้อีกนะคะว่าที่เมืองไทยไม่มีการสอบเลื่อนขั้น เค้าก็คิดว่าเค้าเสียเงินไปเยอะแล้ว คงเก่งแล้ว พอได้มาเมืองไทยเลยมาลองวิชา ผลก็ปรากฏออกมาอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ส่วนทางค่ายเองที่มีการสอบเลื่อนสายนั้นก็ได้ออกมาชี้แจงว่า การสอบเลื่อนขั้นนั้นจำเป็น เพราะถือว่าเป็นแรงจูงใจให้ผู้เรียนจ่ายเงินกลับเข้ามาเรียนเรื่อยๆ (ลงท้ายก็เรื่องเงิน เข้าใจค่ะว่าคนต้องทำมาหากิน) น่าจะมีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังค่ะ เรื่องการสอบเลื่อนขั้นนั้นจะมีเรื่องของมาตรฐานการจัดลำดับขั้นมาเกี่ยวข้องด้วยอย่างมาก ทีนี้ถ้ากล่าวถึงผู้เรียนที่ไม่ได้คิดอย่างแข่งขันแล้ว จะรู้ได้อย่างงไรว่าวิชาที่ได้เรียนมาแล้วนั้นมีประสิทธิภาพตามลำดับขั้นที่สอบมาได้จริงๆ นั่นก็วกกลับมาที่การเรียนมวยไทยไม่มีที่สิ้นสุดอีกครั้งหนึ่ง พวกเราเองก็เคยได้ยินกันนะคะ ว่ามวยมีแพ้ทางกัน กลมวยต่างๆก็มีลูกแก้กันตลอด ขึ้นอยู่กับว่าผู้เรียนพลิกแพลงได้หลากหลายมากขนาดไหน โดยส่วนตัว จขคห.ไม่อยากให้มีค่ะ แต่อยากให้มีการสนับสยนุนเรื่องการจัดการแข่งขันมวยไทยมาตรฐานสูงๆมากกว่า ทั้งในประเภทอาชีพและสมัครเล่นค่ะ จากคุณ : TaCherie เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 09:24:45

ความคิดเห็นที่ 10 ที่บอกข้างบนๆว่าต้องพัฒนาเพื่อไปสู่สากล ผมสงสัยครับ ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ว่า มันจำเป็นต้องพัฒนาเพราะต้องการไปสู่สากลให้ทั่วโลกยอมรับ หรือว่าเพื่อให้คนไทยจำนวนหนึ่ง(ซึ่งเข้าใจมวยไทยน้อยกว่าต่างชาติหลายคนซะอีก)ยอมรับกันแน่ ถ้าเป็นอย่างหลังก็นะ...น่าเศร้านะครับ สำหรับตัวผมแล้ว ไม่ได้จำเป็นอะไรเลยครับ ครูผมสามารถประเมินความสามารถให้ได้ เวลาลงนวมกับเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้อง ก็สามารถประเมินฝีมือตัวเองได้ โดยไม่เห็นจะต้องมีการสอบอะไร แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 54 10:30:23 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 10:27:26

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องจัดระดับมีมาพักใหญ่ ๆ แล้วครับ (-______  - ") แต่เข้าใจว่ายังไม่เป็นที่รู้จักและต้องใช้เวลาอีกพอสมควรเพื่อให้คนยอมรับ ทางสมาคมต่าง ๆ ต้องมาคุยกันแล้วตกลงว่ามาตรฐานแบบนี้นะ  ถ้าทุกคนโอเคก็ถือเป็นแบบอย่างไป แต่ถ้าจะเอามวยอาชีพมาจัดระดับ  ผมมองว่ายากเพราะทัศนคติของคนส่วนใหญ่ยังมองว่าคนต่อยชนะคือคนต่อยเก่ง  คนต่อยเก่งคือคนมีคุณภาพ ฯลฯ  การจัดระดับตรงนี้มันมีความหมายมากกว่านั้น  เพราะถ้าจัดระดับจริงก็ต้องมีการถ่ายทอดความรู้เป็นขั้นเป็นตอน  มีการสอบข้อเขียนและปฏิบัติ  วงการก็พัฒนาไปอีกขั้น  คนที่สอบผ่านก็ได้รับการการันตี  จะสอบไต่ระดับจากผู้ช่วยสอนเป็นไปครูหรือสูงกกว่านั้นยิ่งวิเศษ  ไม่ใช่ว่าเป็นหมาล่าเนื้อรอวันถอดเขี้ยวเล็บ  ชกต่อยเป็นอย่างเดียว  ไปถามนักมวยอาชีพทุกวันนี้  มีกี่คนตอบได้ว่าแม่ไม้ลูกไม้เป็นยังไง จากคุณ : rafaelo เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 11:22:28

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 1 เหมือนเป็นสายสีต่าง ๆ แบบศิลปะการต่อสู้ประเภทอื่นเหรอครับ ใช่ครับ ผมตั้งกระทู้  จึงไม่ได้โหวตครับ  คะแนนฝ่ายไม่เห็นความจำเป็นนำนิดหน่อยตั้งแต่แรกครับ ผู้ที่โหวตไม่เห็นความจำเป็น  ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ฝึกมวยไทยอยู่แล้ว(เห็นๆกันอยู่จากที่เข้ามาร่วมถกกระทู้มวยไทย) ส่วนผู้ที่อยากให้มี  ส่วนหนึ่งผมไม่คุ้นเคยจากกระดานนี้ ไม่ทราบว่าเคยฝึกมวยไทยหรือไม่  แต่ความเห็นของท่านเหล่านี้ก็สำคัญครับ  เพราะจะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงใช้ตัดสินใจ แต่อีกส่วนมาจากผู้ที่ผ่านการสอนมวยมาแล้ว แต่เข้าใจว่าเหตุโน้มน้าวความเห็น  เป็นเพราะได้ใกล้ชิดกับการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับประเทศ  คุณกุ้งบก(ขออภัยที่อ้างนาม) ก็เคยให้ความเห็นสนับสนุน ผมขอให้ความเห็นส่วนตัวว่า  มวยไทยอาชีพได้พิสูจน์ตัวเองหลายครั้งว่ามีประสิทธิภาพในการสู้ยืน  ไม่เป็นรองศิลปะอื่นเลย  และสามารถยีดอกได้อย่างเต็มศักดิ์ศรี  นอกจากความเหนือชั้นของตัวศิลปะเองแล้ว  ผมว่าอีกส่วนมาจากวิธีฝึก ซึ่งพัฒนามาตลอดในคราบกีฬาอาชีพ  การสอนล่อเป้าตัวต่อตัวระหว่างครูและศิษย์  คือหัวใจการเรียนรู้  และฝึกซ้อม  ทั้งนักมวยไทยอาชีพ  และนักเรียนจากนอกค่าย  ผมว่ายากที่จะชี้ขาวหรือดำครับ  สำหรับการสอนที่มีการออกใบประกาศฯ  ก็มีบางโรงเรียน และบางค่ายเล็กๆดำเนินการอยู่  แต่ยังไม่เห็นแนวขายนี้จะเป็นที่ยอมรับของคนไทยมากนัก  ผมไม่อาจคาดเดาได้ว่า การสอนแบบมีการสอบเลื่อนขั้น  จะได้รับความนิยมจนทำให้เกิดโรงเรียนมวยไทยตามห้างหรือไม่  แต่เชื่อว่าการสอนตัวต่อตัว  โดยไม่ยึดติด ต่ออันดับขั้นรับรองความสามารถ  คงยังอยู่  ตราบเท่าที่มีนักมวยไทยอาชีพ ขอรบกวนขอความเห็นคุณrafaeloครับ  คิดว่าการสอนมวยสากลสมัครเล่น  โดยมีการวางกฏสอบเลื่อนขั้น  จะเกิดขึ้นได้ใหมครับ  และจะช่วยพัฒนามวยสากลสมัครเล่นใหมครับ?  ไม่ได้ถามแดกดัน  แต่ข้อคิดของคนวงในอย่างคุณrafaeloจะมีน้ำหนักมากครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:51:33

ความคิดเห็นที่ 13 ขอตอบคุณrafaeloนอกประเด็นครับ  เพราะกระทู้ถามว่า มวยไทยสำหรับบุคคลทั่วไปตวรมีสอบขั้นความรู้หรือไม่?  เพื่อจูงใจสำหรับผู้ฝึกหัดมวยไทย  โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ส่วนการสอนและสอบครูมวยไทยนั้น ทางการกีฬาฯก็มีการอบรม และมอบใบประกาศนียบัตร เพื่อใช้เป็นใบเบิกทางไปทำงานเป็นครูมวยไทยต่างประเทศ  และใช้แนบใบขอวีซ่าครับ  สำหรับกลุ่มอนุรักษ์มวยไทยโบราณ  ก็มีการเน้นเรื่องความรู้ในศิลปะค่อนข้างละเอียด  และถ้าจะเอาละเอีดจริงๆ  ก็มีวิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทย ของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง สอนด้านวิชาการจนถึงระดับปริญญาเอกครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:15:45

ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดีครับคุณรักมวยไทย :D ผมตรงเข้าประเด็นเลยแล้วกันนะครับ   ถามว่าการจัดระดับเป็นประโยชน์หรือไม่? ผมคิดว่าเป็นประโยชน์นะครับ  อย่างน้อยการจะกำหนดขั้นสาย  ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการก็ต้องร่วมประชุมหาจุดลงตัว  เราจะได้จัดระเบียบหมวดหมู่ของมวยไทยด้วยว่ามีกี่แบบ กี่ระดับ ฯลฯ  ที่มีอยู่ในปัจจุบันผมคิดว่าดีพอประมาณ  ถ้าสามัคคีกันจริง ๆ  เห็นประโยชน์ส่วนรวมก่อนส่วนตนย่อมดีกว่านี้ได้ ถ้ามองประโยชน์ในแง่การค้า  การจัดขั้นเป็นคำตอบที่น่าพอใจครับเพราะมันทำให้ภาพของมวยไทยชัดเจน  คนเรียนก็ได้ใบประกาศกลับไป  เป็นเกียรติเป็นความภูมิใจของผู้เรียน   ถ้ามองมุมกลับมาที่เวทีการต่อสู้ในปัจจุบัน  มันจะเรียกศิลปะการต่อสู้ก็เีรียกได้ไม่เต็มปากครับเพราะมวยมันกลายเป็นธุรกิจกีฬาและออกห่างคำว่าศิลปะมากขึ้นเรื่อย ๆ    นักกีฬาอาชีพก็เพียงแต่ฟิตร่างกาย ใส่นวม แล้วเข้าปะทะกันเพื่อชัยชนะและปากท้อง (ผมไม่ตำหนินักกีฬาแต่เสียดายว่าพรสวรรค์ของพวกเขาน่าจะเป็นคุณต่อวงการมากกว่านี้) ผมคิดว่าการจัดระดับจะช่วยพัฒนานักกีฬาให้ทราบที่มาที่ไปของมวย  แม่ไม้ลูกไม้เป็นอย่างไร  ประวัติศาสตร์มวยเป็นอย่างไร ฯลฯ   ถ้าเราคิดว่าจะรักษามวยไทยไว้อีก 50 ปี 100 ปี 200 ปี ฯลฯ   เราควรจะมีแบบแผนชัดเจนได้แล้วครับ  อย่างทุกวันนี้ระดับที่ใช้กันอยู่ก็เรียกเป็นมงคล  สีของมงคลก็บ่งบอกระดับความชำนาญ  คนจะเป็นครูมวยก็ต้องสอบเอาทั้งทฤษฎีและปฏติบัติ ผมไม่อยากให้ยึดติดกับค่านิยมโบราณว่ารู้กันเอง สัมผัสได้เอง การสังคายนามวยไทยมันไม่ลดทอนคุณค่าของวิชาลงดอกครับ  มันน่าจะดีเสียอีกถ้าได้รับการพัฒนาให้ทันยุคทันสมัย จากคุณ : rafaelo เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:37:16

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบคุณรักมวยไทยใน คห.13 ครับ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงเป็นโรลโมเดลที่ดีครับ บางคนอาจคิดว่าเรียนไปแล้วได้อะไร? ผมว่าได้ประโยชน์หลายอย่างเพราะนักศึกษาที่จบก็มีการสอบระดับขั้น มีใบประกาศชัดเจน ครูมวยหลายคนได้โอกาสไปทำงานต่างประเทศ  ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับครูมวยต่างชาติ  ได้ท่องเที่ยว ได้เงินทองและเกียรติของความเป็นครู ผมไม่อยากเห็นนักมวยเป็นแค่นักต่อสู้ครับ ถ้านักมวยเป็นนักต่อสู้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนโกนหัวบวชพระแล้วพร่ำบ่นมนต์คาถาโดยไม่เข้าถึงแก่นของศาสนา  ลงแบบนั้นความดี ความศักดิ์สิทธิ์ของวิชาก็จะเสื่อมถอยลงและหาคนสืบทอดต่อได้ยากครับ จากคุณ : rafaelo เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:47:01

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ และคิดว่าเป็นไปไม่ได้ด้วย มวยไทยจินตนาการเป็นเรื่องที่เป็นเสน่ห์ยิ่งยวด ถ้าไปจำกัดว่าทำได้เท่านี้ๆ ได้ระดับนี้ มันจะตันครับ แต่ที่มวยไทยไปได้ไกลขนาดนี้ เพราะนักมวยไทย สามารถทำอะไรได้อิสระมากเท่าที่ไม่ผิดจารีตจนเกินไป ซึ่งแขนงที่แตกไปได้มากก็จะทำให้เกิดคาแรคเตอร์ได้มาก มีเสน่ห์ให้เลือกเสพได้มากขึ้นตามไปด้วย ทำไมนักมวยไทยแต่ละคนมีคาแรคเตอร์มีตัวตนแตกต่างกันออกไป เพราะว่าไม่มีอะไรไปจำกัดมันนั่นแหละ (ซึ่งการต่อสู้ที่มีคาแรคเตอร์ได้มากสุดๆ คงเป็นมวยปล้ำแสดง จะเห็นได้ว่า มันแทบไม่มีข้อบังคับหรือจารีตอะไรเลย แต่มันก็ขึ้นเวทีต่อสู้จริงไม่ได้เพราะมันก็ยังเป็นการแสดงอยู่ดี) คิดได้ ก็ลองดู ทำได้ ก็ยืนยง ถ้าไปจำกัดว่าระดับนี้ต้องทำอย่างนี้ อะไรที่ต่ำกว่าห้าม มันจะทำให้ไม่เกิดการลองอะไรใหม่ๆ เพราะกลัวการถดถอย พอมันต่อยอดไม่ได้ ไม่มีอะไรใหม่มันจะเป็นแค่ศาสตร์ที่"ตายแล้ว" การสอบขั้นมันคือการฆ่ามวยไทยดีๆนี่เอง ใครเห็นด้วยก็เอาเลย แต่ผมแสดงจุดยืนต่อต้าน ณ ตรงนี้แน่นอน ศาสตร์ที่มี"สาย" ทำได้เพราะปรมจารย์เป็นคนกำหนดให้มีและควบคุมได้ แต่มวยไทย ใครเป็นปรมจารย์?? แล้วในปัจจุบันใครที่จะไปกำหนดว่าใครดีกว่าใคร?? ต่อให้เทวดามีจริงยังไม่คู่ควรเลยครับ มวยไทยแสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่าใครเก่งไม่เก่งก็จากการสู้จริง ดีกรีจากสัญลักษณ์หรือกระดาษ มันจะแจ่มชัดได้ขนาดนี้หรือไม่ แล้วถ้าจะสอบเลื่อนขั้นจากการต่อยจริง ชนะได้เลื่อน มันคือจารีตของมวยไทยหรือไม่ ลองตรองดูนะครับ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:56:36

ความคิดเห็นที่ 17 ขอขอบคุณคุณ rafaelo ที่เข้ามาให้ความเห็นอย่างต่อเนื่องครับ  เข้าใจว่าคุณ rafaelo คงเน้นไปทางด้านครูสอนเป็นหลัก  แต่ก็ยังคงเห็นว่าการสอบสีเป็นสิ่งที่ควรจัดให้มีสำหรับการสอนมวยไทยใช่ใหมครับ?  หากความเข้าใจผมถูกต้อง  การสอนจะยังคงเป็นตัวต่อตัวอย่างปัจจุบัน  หรือเรียนเป็นกลุ่มอย่างศิลปะอื่นครับ?  เพราะเวลาสอบจะสะดวกที่จะวัดผล  หรือว่าเรียนอย่างไรก็ได้  แล้วให้ครูส่งนักเรียนที่สนใจได้ใบประกาศฯ ไปสอบเอาจากหน่วยกลางที่ควบคุม?  ยังมีอีกข้อที่ผมเคยขอคำแนะนำจากคุณ rafaelo ครับ ขอรบกวนขอความเห็นคุณrafaeloครับ  คิดว่าการสอนมวยสากลสมัครเล่น  โดยมีการวางกฏสอบเลื่อนขั้น  จะเกิดขึ้นได้ใหมครับ  และจะช่วยพัฒนามวยสากลสมัครเล่นใหมครับ? จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 17:12:49

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องนี้ผมยอมรับในความเห็นที่แตกต่างนะครับ เมื่อปัจจุบันมันมีการจัดระดับขึ้นแล้วและผมเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ ผมก็ยอมรับความเป็นไปและโฟกัสที่จุดเดิม คือ ทำยังไงให้วงการมวยไทยดีขึ้น  ทำยังไงให้ชีวิตนักมวยสุขสบายและมีเกียรติ จากคุณ : rafaelo เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 17:14:16

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องสอบมีระเบียบอยู่แล้วครับ โดยทั่วไปชุดครูฝึกจะเป็นผู้ทดสอบทีละคน ติดต่อที่ศูนย์อนุรักษ์มวยไทย  สนามกีัฬาแห่งชาติจะได้ข้อมูลชัดเจนขึ้นครับ ส่วนเรื่องสอบขั้นของมวยสากลยังไม่มีความเห็นครับ แต่คิดว่าควรเปิดสอนในระดับมัธยม-มหาวิทยาลัย  สร้างหลักสูตรดี ๆ ไว้  วันข้างหน้าบุคลากรเหล่านี้ก็กลับมาพัฒนาวงการมวยได้  ไม่จำเป็นต้องเป็นนักกีฬา  อาจจะเป็นเทรนเนอร์หรือทีมงานฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง   นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การกีัฬามาประยุกต์ใช้  ช่วยพัฒนาทักษะนักมวย  ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของร่างกาย  ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ ฯลฯ  ผมเชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้าจะเกิดขึ้นจริงเหมือนที่เกิดในหลาย ๆ ประเทศ  ก็หวังว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้วมันจะดีเท่าหรือดีกว่ายุคที่เรา ๆ กำลังยืนอยู่ ณ จุดนี้ครับ จากคุณ : rafaelo เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 17:25:52

ความคิดเห็นที่ 20 มวยไทยที่คนไทยเสพทุกวันนี้แล้วคิดว่ามันไม่เวิร์คมาจากความไม่เก่งของนักกีฬาหรือไม่????? ผมเชื่อเอานักกีฬามวยไทยอาชีพที่เป็นคนไทย แบบกระจอกสุดในโลกของมวยไทยอาชีพ มาแสดงฝีมือให้ดู ผมว่าก็ไม่กระจอกแน่ๆ แต่ที่มันไม่เวิร์คมันมาจากสาเหตุอื่นๆมากกว่า ลองตรองดูว่าถ้าวิถีที่แข็งแกร่งสุดของมวยไทยคือเข้าไปกอดๆ ยก 5 เต้น แล้วสิ่งนี้กลายเป็นมาตรฐาน(ซึ่งปัจจุบันมันเป็นแบบแผนไปแล้ว) ทุกค่ายสอนวิธีเต้นให้นักมวยไทยเพื่อเอาไปสอบขั้น เพราะมันทำให้ชนะได้เข็มขัด ได้ถ้วย เน่ามั้ยครับ งั้นปล่อยให้มวยไทยพัฒนาไปตามครรลองของมันดีมั้ย ถ้ากอดถ้าเต้นแล้วชนะ อยากทำก็ทำไป แต่ถ้าเจอมวยสายปะทะแล้วโดนน๊อคไปตั้งแต่ยก 1 ไม่มีโอกาสให้เต้นในยก 5 เดี๋ยวมันก็เสื่อมความจูงใจไปเอง การสอบขั้นมีข้อดีคือการรักษาจารีตให้อยู่ไปตลอดกาลเพราะถ้าใครแหกจารีต จะไม่ได้เลื่อนขั้น จะกลายเป็นแนวหน้าของศาสตร์นั้นไม่ได้ แต่มวยไทยเราต้องการแบบนั้นหรือไม่ ในเมื่อ มวยไทยมีอะไรใหม่ๆตลอด มีลูกไม้ใหม่ๆตลอด นี่คือจุดเด่นของเราไม่ใช่หรอ แล้วทำไมจะไปปิดผนึกมันล่ะ ทำไมต้องไปทำให้มิติของมวยไทยกลายเป็นมิติแบนๆด้วยล่ะ ถึงการสอบขั้นของมวยไทยจะกลายเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับขึ้นมา แล้วนักมวยไทยที่ปฏิเสธจารีตจานด่วนนั้น กลายเป็นนักมวยไทยอินดี้ ออกท่าประหลาดๆ มีลูกไม้ประหลาดๆ แต่ชนะแล้วกลายเป็นวิถีสายใหม่ แล้วของเดิมมันไม่กลายเป็นตัวตลกหรอ โลกที่แท้มันไม่มีถนนตายตัว ไม่มีพรมแดน ก็อย่าไปกางกั้นกำแพงให้กับมันเลย มันจะกลายเป็นกะลาให้กับกบเสียเปล่าๆ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 18:07:18

ความคิดเห็นที่ 21 ต้องขอชมว่าคุณDisorderให้ข้อคิด ที่ต้องไปอ่านซ้ำอีกเที่ยวถึงเข้าใจครับ  ความเห็นแตกต่างกันดีครับ  แม้บางครั้ง  อ่านแว๊บๆแล้วมันบาด จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 20:05:16

ความคิดเห็นที่ 22 ฮ่าๆ ค.ห.21 สงสัยจังว่าบาดใจเรื่องเดียวกับที่จขคห.คิดอยู่ไหม ^^ จากคุณ : TaCherie เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 20:11:18

ความคิดเห็นที่ 23 ในศุภวารดิถีขึ้นปีใหม่ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน รวมทั้งที่เข้ามาโหวตและร่วมถก กระทู้นี้ ประสบแต่ความสุขด้วยจตุรพิธพรชัย สมบูรณ์พูนผลในสิ่งที่พึงปรารถนาทุกประการ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 07:09:09

ความคิดเห็นที่ 24 ขอร่วมวงด้วยคนครับ ความเห็นอาจจะแตกต่างกับท่านอื่นบ้าง เห็นหลายท่านบอกว่า การกำหนดหลักสูตรการสอบจะทำให้มวยไทย อยู่ในกฎเกณฑ์ไม่พัฒนา เหมือนวิชาอื่น ซึ่งที่จริงแล้วการสอบสายในวิชาอื่นๆนั้น มิใช่การจำกัดความรู้แต่อย่างใด สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงการวัดความรู้ด้านพื้นฐานเท่านั้น อาจารย์ผมท่านนีงเคยกล่าวไว้ว่า สายดำไม่ใช่ความสำเร็จ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากได้สายดำแล้ว เราควรหาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเติม พัฒนาอะไรใหม่ๆเพิ่มขึ้น นึ่คือหลักของการวัดระดับสายของวิชาอื่นๆครับ ส่วนเรื่องการมีการวัดลำดับสาย ผมมองว่าจะช่วยสร้างมาตรฐานให้มวยไทย เพื่อให้เผยแผ่ได้ง่าย สามารถสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ รวมถึงเป็นการสร้าง รายได้ อาชีพที่แน่นอนให้กับนักมวย ลองนึกดูครับ ถ้ามีสิ่งเหล่านี้มาตั้งนานแล้ว ผมเชื่อว่านักมวยไทยดังๆ ในอดีต ทุกวันนี้คงไม่ต้องตกเป็นข่าว ค้ายา ปล้นชิงวิ่งราว ขายก๋วยเตี๋ยว ขายลูกชิ้น ขับแท็กซี่ ผมเชื่อว่า ท่านเหล่านั้นอาจจะได้นั่งบริหารโรงเรียนมวยไทย ไม่ในประเทศไทยก็ในต่างประเทศครับ จากคุณ : emacthailand (emacthailand) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 09:43:08

ความคิดเห็นที่ 25 สถานฝึกศิลปป้องกันตัวนานาชาติที่เน้นสอนมวยไทยเป็นหลัก มีการจัดระดับสายสีนานแล้วครับ   กรุณาแวะเข้าชมได้ที่ www.imp-gym.com จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 09:56:57

ความคิดเห็นที่ 26 การกำหนดสายมันไม่ได้เป็นกะลาฝังเพชรเหมือนที่หลาย ๆ คนพยายามซ่อนตัวอยู่หรอกครับ บางคนปฏิเสธแบบแผนเพราะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะไปตามเส้นทางนั้น ๆ ได้สำเร็จ  บางคนปฏิเสธก็ด้วยผลประโยชน์ที่จะพร่องลง  และบางคนก็มีเหตุอื่น ๆ อีกร้อยแปดพันเก้า ความรู้มันเรียนกันไม่จบไม่สิ้นครับ การกำหนดสาย กำหนดระดับมันไม่ได้มีนัยเรื่องการริดรอนความรู้เลย การกำหนดสายที่ว่ามันเป็นเพียงซับเซ็ตเล็ก ๆ ของการจัดระเบียบวิชาให้เป็นครบถ้วนทั้งศาสตร์และศิลป์ ผู้ที่สอบได้  เขามีใบประกาศ มีเครื่องการันตีคุณภาพ เขาจะไปทำงานเป็นนักกีฬาโดยตรง  หรือจะเป็นส่วนใดก็แล้วแต่  เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบทอดมวยไทย  มีความรู้เจนจัด รู้ทั้งทางลึกและทางกว้าง   ทราบหรือเปล่าครับว่าในต่างประเทศเขาถีบส่งมวยระดับแชมป์ของเรากลับมากี่รายแล้ว   ต่างชาติเขาไม่ได้อยากเจอคนเคยเก่ง คนเคยหาเงินจากเวทีมวยได้เรือนแสน  เขาอยากรู้ประวัติศาสตร์ของมวยไทย  รู้ทั้งแง่ของความสวยงามและแข็งแกร่ง  พวกที่รู้งู ๆ ปลา ๆ ไปยืนล่อเป้า พูดฟุด ฟิด ฟอ ไฟ  มันไม่ช่วยให้วงการเราก้าวหน้าเลยครับ  อย่างดีก็ย่ำอยู่กับที่เท่านั้น จากคุณ : rafaelo เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 10:04:45

ความคิดเห็นที่ 27 ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ  มีแตกต่างกันยิ่งดีครับ  แต่ละฝ่ายจะได้ฟังความเห็นหลากหลาย  แม้ความเห็นบางครั้งอาจจะดูแรงบ้าง ก็หวังว่าคงไม่มีท่านใดระคายหู(ตา)เกินไปครับ  ผมขอทวนประเด็นกระทู้ครับ อยากให้มวยไทยสำหรับบุคคลทั่วไปมีสอบขั้นความรู้หรือไม่? ผมไม่มีเจตนาจะขวางความเห็นนอกประเด็นครับ  ดีเสียอีกที่จะได้รับฟังความเห็นแบบครอบคลุม  ในขณะเดียวกัน  หลายความเห็นก็ตอบภายในขอบของประเด็นครับ  คงไม่ได้เจตนาจะเหมารวมครับ ความคิดเห็นที่ 24 หลายท่านบอกว่า การกำหนดหลักสูตรการสอบจะทำให้มวยไทย อยู่ในกฎเกณฑ์ไม่พัฒนา เหมือนวิชาอื่น ผมเชื่อว่านักมวยไทยดังๆ ในอดีต ทุกวันนี้คงไม่ต้องตกเป็นข่าว ค้ายา ปล้นชิงวิ่งราว ขายก๋วยเตี๋ยว ขายลูกชิ้น ขับแท็กซี่ ผมเชื่อว่า ท่านเหล่านั้นอาจจะได้นั่งบริหารโรงเรียนมวยไทย ไม่ในประเทศไทยก็ในต่างประเทศครับ จากคุณ     : emacthailand ผมเข้าใจว่า  เมื่อมีหลักการสอบ  หลักสูตรของการฝึกคงต้องวางให้สอดคล้องกับข้อสอบ  ขณะเดียวกัน  ค่ายมวยที่มีการเน้นเฉพาะทาง  เช่นค่ายลูกพระบาท ซึ่งเน้นปล้ำตีเข่า  ก็คงไม่ปราถนาที่จะเปลี่ยนแนว  และนักเรียนที่ไปฝึกค่ายนี้ก็คงรู้ดี  การสอนตามค่ายมวยใช้วิธีสอนตัวต่อตัว  แม้แต่นักมวยไทยอาชีพ  เมื่อมีการประกบคู่  แต่ค่ายต้นสังกัดไม่มีมวยบางแนวในค่าย  ก็จะส่งนักมวยไปฝึกในค่ายที่เหมาะสมในการเตรียมตัวครับ  ดังนั้นไม่ว่าจะมีหรือไม่มีการสอบสาย  ไม่น่าจะเกี่ยวกับการพัฒนาวิชา  เพราะผมว่าจริงๆแล้ว  มวยไทยอาชีพก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง  ทั้งด้านเหลี่ยมเชิงมวย  และวิทยาศาสตร์การกีฬา (นักมวยไทยสมัยนี้แข่งแกร่งกว่านักมวยสมัยก่อนครับ) ส่วนเรื่องอดีตนักมวยดัง  ต้องตกต่ำขนาดไปวิ่งราวหรือค้ายาเสพติด  คงเป็นกมลสันดานส่วนตัวครับ เอาแค่บนกระดานนี้ก็ มีทนายเนติบัณฑิตคนหนึ่ง และคุณกุ้งบกที่กำลังทำปริญญาเอก ซึ่งเคยผ่านการเป็นนักมวยอาชีพมาแล้ว  ที่ไปเป็นเจ้าของค่ายหรือครูมวยก็เยอะ  ทั้งที่ไม่เคยผ่านการสอบเลื่อนขั้น และมีอีกครับ แต่เดี๋ยวจะยาว ความคิดเห็นที่ 26 บางคนปฏิเสธแบบแผนเพราะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะไปตามเส้นทางนั้น ๆ ได้สำเร็จ  บางคนปฏิเสธก็ด้วยผลประโยชน์ที่จะพร่องลง  และบางคนก็มีเหตุอื่น ๆ อีกร้อยแปดพันเก้า ถ้าเป็นบุคคลทั่วไป ก็ได้แสดงเหตุผลบนกระดานนี้  ซึ่งก็คงต้องรับฟัง  แต่ถ้าเป็นระดับอาชีพในวงการ  ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละท่านครับ  ที่แฟร์เท็กซ์  ผมได้แนะนำครูมวยหลายคน  ที่อายุยังน้อย  และมีแวว ให้ฉวยโอกาสไปฝึกBJJกับครูเอริค  ไม่มีครูมวยท่านใดสนเลยครับ  รักที่จะสอนมวยไทยอย่างเดียวมากกว่า  ถ้าไม่รักBJJแล้ว ถึงฝึกไปก็คงสอนไม่ได้ดีครับ พวกที่รู้งู ๆ ปลา ๆ ไปยืนล่อเป้า พูดฟุด ฟิด ฟอ ไฟ  มันไม่ช่วยให้วงการเราก้าวหน้าเลยครับ  อย่างดีก็ย่ำอยู่กับที่เท่านั้น จากคุณ : rafaelo แต่ครูมวยดีๆก็มีอยู่มากครับ  และมีประสบการอาชีพมามาก สามารถสอนลูกศิษย์ให้ได้ดี  อยู่ในวงการมวยไทยอาชีพ ผลิตรนักมวยไทยตลอดมา  มวยสากลอาชีพเอง ก็มีการพัฒนามาตลอด  จริงอยู่ที่ประเทศตะวันตกและญี่ปุ่นฯลฯ  ได้ใช้วิทยศาสตร์การกีฬามาช่วย  แต่ค่ายมวยไทยก็ไม่ได้ปิดหูปิดตาครับ อาจจะไม่เร็วเท่าที่หลายท่านต้องการเห็น  แต่ไม่น่าจะใช่ว่าการสอบสายจะทำให้  พวกที่รู้งู ๆ ปลา ๆ ไปยืนล่อเป้า พูดฟุด ฟิด ฟอ ไฟ พัฒนามาเป็นครูมวยที่อีกระดับหนึ่ง สูงขึ้นไปกว่าครูมวยดีๆที่ไม่ได้ผ่านการสอบสาย ขั้นความรู้ ไม่ได้เถียงครับ  แต่ให้มุมมองอีกด้านหนึ่ง จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 14:24:40

ความคิดเห็นที่ 28 การสอบนักเรียนมวยไทย  ต่างประเทศก็ทำกันมานานแล้ว  คลิปข้างล่างใม่ใช่แค่โรงเรียนเดียวครับ  แต่รวมจากหลายแห่ง  น่าสมเพชมากครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 16:32:21

ความคิดเห็นที่ 29 คลิปที่คุณรักมวยไทยเอามาให้ดู ผมว่าคนเรียนดูน่าสงสารมาก ยิ่งกว่าพวกนักมวยเด็กตามบ้านเราซะอีก เพราะฝึกยังไม่ถึง แต่ต้องขึ้นไปโดนครูฝึกแกล้งแบบนี้ ผมว่าสิ่งที่สำคัญกว่าการสอบสาย คือการมีคนคอยตรวจสอบมาตรฐานว่า ความรู้ความสามารถของครูมวย และค่ายที่เปิดสอน มีมาตรฐานและหลักเกณฑ์ ที่สังคมยอมรับได้แค่ไหนมากกว่า เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าเราละเลยการแสวงหาความรู้ร่วมกันในระดับสมาคมมานานแล้ว ค่ายมวยแต่ละค่ายต่างคนต่างอยู่ แล้วก็ทำงานของตัวเองไป แถมค่ายมวยเอง เจ้าของแต่ละรุ่นก็มีเกณฑ์การสอนการฝึกแตกต่างกัน ซึ่งตรงนี้มันอันตราย ตรงที่มีฝรั่งมาเรียนแบบงูๆ ปลาๆ แล้วกลับไปบ้านเขาเปิดค่ายมวยขึ้น เอานักมวยแก่ๆ ที่พอถูไถไปสอน ให้ความรู้เกี่ยวกับมวยไทยแบบผิดๆ ถูกๆ เราจะมีวิธีการสกรีนกลุ่มที่มีคุณภาพ กับกลุ่มที่ไร้คุณภาพออกจากกันได้อย่างไร นั่นแหละสำคัญกว่าการมีสาย รึไม่มีสายตั้งเยอะนะครับ จากคุณ : Ace striker เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 16:51:04

ความคิดเห็นที่ 30 ความคิดเห็นที่ 29 มันอันตราย ตรงที่มีฝรั่งมาเรียนแบบงูๆ ปลาๆ แล้วกลับไปบ้านเขาเปิดค่ายมวยขึ้น เอานักมวยแก่ๆ ที่พอถูไถไปสอน ให้ความรู้เกี่ยวกับมวยไทยแบบผิดๆ ถูกๆ เราจะมีวิธีการสกรีนกลุ่มที่มีคุณภาพ กับกลุ่มที่ไร้คุณภาพออกจากกันได้อย่างไร นั่นแหละสำคัญกว่าการมีสาย รึไม่มีสายตั้งเยอะนะครับ ทีนี้ลองชมการสอบเป็นครูสอนภายใต้ควบคุมของสมาคมมวยไทยแห่งสหรัฐอเมริกาThai Boxing Association of the U.S.A.ซึ่งก่อตั้งโดยปรมาจารย์Grandmaster Chai Sirisute  สุรชัย ศิริสูตร์, born October 16, 1948หรือตุลาคม พ.ศ.2491 ดูคุณภาพของผู้ที่จะไปเป็นครูมวยไทยแล้วผมอนาถใจครับ  ขอquote Grandmaster Chai is widely recognized as the "Father of Thai Boxing” in the United States จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 18:00:34

ความคิดเห็นที่ 31 คนที่จะไปเป็นครูในคลิปของคุณรักมวยไทยนี่คือฝรั่งที่สวมเฮดการ์ดหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ ไม่ไหวนะครับ เตะยังไม่ถูกเลย ท่าเตะนี่ออกแนวเด็กหัดใหม่มากกว่านะ (แรงไปมั้ยเนี่ย แต่เห็นท่าแล้วคิดแบบนี้) - -'' จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 18:50:33

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าหัดมวยแล้วพุงยังเหลวแบบนั้น ผมว่าวิดพื้นอยู่บ้านก็ได้ค่าเท่ากันนะครับ จากคุณ : Ace striker เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 19:18:19

ความคิดเห็นที่ 33 ความคิดเห็นที่ 31      คนที่จะไปเป็นครูในคลิปของคุณรักมวยไทยนี่คือฝรั่งที่สวมเฮดการ์ดหรือเปล่าครับ จากคุณ     : Chineseman ใช่ครับ  ขอทบทวน ความคิดเห็นที่ 9 ฝรั่งหลายคนสอบได้สายสูงๆของที่นู่นมา พอมาถึงค่ายมวยที่เมืองไทย เจอเด็กอายุแค่ 14-15 หักเหลี่ยมทุ่มจนตูดระบม ถึงกับเสื่อมศรัทธาไปเลยก็มี  แถมบางคนยังไม่รู้อีกนะคะว่าที่เมืองไทยไม่มีการสอบเลื่อนขั้น เค้าก็คิดว่าเค้าเสียเงินไปเยอะแล้ว คงเก่งแล้ว พอได้มาเมืองไทยเลยมาลองวิชา ผลก็ปรากฏออกมาอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น จากคุณ     : TaCherie สำหรับการสอบคห.28 เห็นบอกว่าค่าสอบ(โดนอัด) $60.00ครับ ขอแก้ว่าเป็นคลิปของโรงเรียนเดียว  ค่ายอื่นก็มีอัดนักเรียนในคราบสอบครับ แต่ยังค้นไม่เจอคลิป จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 19:30:16

ความคิดเห็นที่ 34 พวกครูมวยฝรั่งนี่ว่างๆ มาสอบกับครูมวยไทยที่เมืองไทยบ้างก็ดีนะครับ จะได้จับแทงเข่าให้เยี่ยวเป็นเลือดบ้าง กินแต่หมูทุกวันนี้เดี๋ยวลงพุงพอดี จากคุณ : Ace striker เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 20:01:13

ความคิดเห็นที่ 35 "ทราบหรือเปล่าครับว่าในต่างประเทศเขาถีบส่งมวยระดับแชมป์ของเรากลับมากี่รายแล้ว".....   ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่คงไม่ใช่จากอเมริกานะครับ เพราะเห็นบรรดาอดีตเชมป์ และไม่แชมป์ เดินสายไปสอน เช่น ก้องธรณี-สามารถ พยัคฆ์อรุณ แสงเทียนน้อย ช. รุ่งโรจน์ หรือไม่ก็ไปตั้งหลักปักฐานสร้างตัวสร้างฐานะด้วยการสอนมวยอย่างเป็นล่ำเป็นสันครับ เช่น แก่นศักดิ์  ส. เพลินจิตร เมธีเจดีย์พิทักษ์ โคบาล ลูกเจ้าแม่ไทรทอง  ก้องนภา ลูกทัพฟ้า จงสนั่น แฟร์เท็กซ์ บุญเกิด แฟร์เท็กซ์  และอีกหลายๆคนที่ยังนึกชื่อไม่ออกครับ คนเหล่านี้ ได้รับเกียรติจากสังคมมวยไทยในสหรัฐสูงมาก จนแทบจะเรียกได้ว่าพวกเขาเป็นทูตทางวัฒนธรรมก็ได้นะครับ ลูกศิษย์ลูกหา และแม้คนที่ไม่ใช่ลูกศิษย์ต่างก็ให้ความเคารพบุคคลเหล่านี้ครับ ...พวกเขา ไปๆ มาๆ หรือตั้งรกรากอยู่ในสหรัฐมาคนละหลายๆปี โดยที่มีแต่คนโอบอุ้มต้อนรับ ไม่มีใครโดนถีบส่งกลับเมืองไทยซักคนนะครับ ส่วนเรื่องควรหรือไม่ที่จะมีการจัดจะบบเพื่อให้มวยไทยมีระเบียบและมาตราฐานเดียวกัน ทุกท่านต่างก็มีเหตุผลน่าฟังและน่าเคารพครับ   คลิปสอบนักเรียนนั้น ผมรู้จักครูมวยของทั้งสองค่ายครับ  และเห็นด้วยว่ายังออกอาวุธไม่ถูกต้องเช่นยืนเท้าตายเวลาเตะ เป็นต้น เป็นผมก็คงให้สอบ แต่ไม่ให้ผ่าน การวางมาตราฐานสำหรับการเรียนการสอนสำคัญมาก ครูมวย (อย่างน้อยก็ในอเมริกา) ที่จะต่างคนต่างทำ มีบางค่ายที่เขาทำไว้ดีครับ นอกจากการสอบภาคปฎิบัติแล้ว ยังมีการสอบข้อเขียนอีกด้วยครับ พวกนักเรียนก็ไปหาความรู้จากหนังสือ หรือ อินเตอรืเน็ตเอาเอง ตรงไหนไม่แน่ใจก็ไปถามครูก่อนสอบ ทำไปทำมา พวกนี้เลยจัด Muay Thai Tour   คือช่วงฤดูหนาวจะมีคนไปซ้อมน้อย พวกนักมวยก็จะรวมกลุ่มกันบินมาเที่ยวเมืองไทยและซ้อมมวยไปด้วยคนละ 2-3 อาทิตย์ เงินดอลล่าไหลเข้าเมืองไทยผ่านมวยไทยปีละไม่น้อยครับ (เที่ยว ที่พัก อาหาร ซื้ออุปกรณ์) มีครูมวยอีกกลุ่มหนึ่งที่ดำริว่าจะใช้มาตราฐานเดียวกันทั้งสอนและสอบ คือกลุ่มของเสกสรร จันจิรา แห่ง เท็กซัส ในกลุ่มเขาก็มี เมธี  จงสนั่น แก่นศักดิ์ ครับ และคงมีเพื่อนฝูงเพิ่มอีกบ้างครับ จากคุณ : ขลุ่ย Silent flute เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 55 02:16:51

ความคิดเห็นที่ 36 สวัสดีปีใหม่ครับคุณขลุ่ย Silent flute  อยากขอถามเนื่องจากคุณขลุ่ยคลุกคลีกับสังคมมวยไทยในสหรัฐ  เหตุใดชาวมวยไทยในสหรัฐจึงปล่อยให้คุณสุรชัย ศิริสูตร์หากินกับมวยไทยด้วยการแอบอ้างครับ?  หรือว่าแมลงวันไม่ตอมกันเอง  มีการใช้สรรพนามนำหน้าว่าGrandmaster Chaiก็น่าละอายครับ  ผมยังไม่เห็นครูมวยไทยที่ยังมีชีวิตอยู ใช้หรือยอมให้ใช้คำนี้ และคำนี้ภาษาไทยเรียกว่าปรมาจารย์ แต่คุณสุรชัยให้มีการเรียกตนเองว่าศาสตราจารย์ "Kru certification test from the Thai Boxing Association of the USA. The test is administered by Sadsadajarn Surachai Sirisute. " คุณสุรชัยจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้  เพราะไอ้กันคงสะกดคำอ่านภาษาไทยผิดๆไม่เป็น  ที่สำคัญคือในประเทศไทยถือว่าผิดกฎหมายครับ ในอเมริกาคงมั่วได้ ขนาดมีมหาวิทยาลัยมวยไทยในรัฐคาลิฟอร์เนียที่คุณขลุ่ยอยู่นั่นแหละครับ ผมเห็นด้วยที่มีการพยายามทำความรู้มวยไทยให้กระจ่างอย่าง เช่นมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือศูนย์อนุรักษ์มวยไทย  สนามกีัฬาแห่งชาติที่คุณrafaeloแนะนำ  ไม่ได้ดูแคลน  แต่ลำพังกลุ่มของเสกสรร จันจิรา แห่ง เท็กซัส ในกลุ่มเขาก็มี เมธี  จงสนั่น แก่นศักดิ์ ครับ และคงมีเพื่อนฝูงเพิ่มอีกบ้างครับ คงสร้างมาตราฐานเดียวกันทั้งสอนและสอบที่มีคุณภาพจริงลำบาก  หากไม่อิงหน่วยงานจากประเทศไทยที่ผมเอยไว้เมื่อกี้ครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 55 06:42:00

ความคิดเห็นที่ 37 จากที่ได้ดูผลโหวตและอ่านความเห็นต่างๆ  แต่ละท่านคงมีข้อสรุปของตนเองว่าการสอน/สอบมวยไทย  ควรมีแนวเช่นไร  สำหรับผม ถ้ามองในแง่การปรับตัวของสถานที่สอนมวยไทย  คงต้องมีบ้างเพราะผลโหวตไม่ทิ้งกันครับ  สำหรับค่ายมวยไทยนั้น  จะให้เปลี่ยนแนวการสอนคงไม่มีครับ จะมีก็คงเป็นการเพิ่มเท็คนิค ไปตามการพัฒนาของมวยไทยเวที  ทั้งนี้เพราะจุดประสงค์หลักของการตั้งค่ายมวยเหล่านี้  ก็เพื่อผลิตรนักมวยอาชีพขึ้นชก แต่โรงยิมหรือโรงเรียนสอนมวยไทยคงให้น้ำหนักในการสอนที่มีหลักสูตรชัดเจน ที่สามารถทดสอบความรู้ของนักเรียนได้  ซึ่งสิ่งนี้ต้องรอพิสูจน์ว่าสามารถเพิ่มจำนวนนักเรียนได้หรือไม่  ถ้าเป็นที่นิยมของคนไทย  โอกาสที่มวยไทยจะขึ้นห้างก็สูงตามครับ  ค่ายมวยที่รับนักเรียนนอกค่าย มีจุดได้เปรียบที่ใช้การสอนตัวต่อตัวเหมือนนักมวยอาชีพ  การพัฒนาของนักเรียนจะเห็นผลเร็วชัดเจน  นักเรียนสามารถฝึกได้ทันที  และเลือกที่จะซ้อมตามวันที่สะดวก  แต่เวลาซ้อมอาจจะไม่สะดวก  เพราะต้องซ้อมตามเวลาของนักมวยในค่าย  ค่ายมวยมีแพร่หลายตามชุมชน  ที่รับสอนนักเรียนนอกค่ายส่วนมากพุ่งไปที่ตลาดนักเรียนต่างชาติ  เพราะรายได้เป็นกอบเป็นกำ จุดหนึ่งของค่ายมวยที่มีโอกาสได้ครูมวยดีๆคือ  ครูมวยมีโอกาสที่จะสร้างนักมวยของตนเอง  เรื่องเงินในเวลาอันใกล้อาจจะไม่ใช่แรงจูงใจครับ  แต่ระยะยาวเงินทองชื่อเสียงและอนาคตคือสิ่งที่ครูมวยเหล่านี้หวัง โรงยิมและโรงเรียนมวยไทยคงไม่หวังสร้างนักมวยอาชีพของตนเอง  การสร้างความเร้าใจให้ครูก็คงน้อยตามไปด้วยครับ ปีใหม่แล้ว  หวังว่าคงมีสมาชิกตั้งกระทู้มวยไทยใหม่ๆน่าสนใจให้ถกนะครับ ขอฯให้ทุกท่านมีความสุขตลอดปีใหม่นี้ครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 55 08:25:55

ความคิดเห็นที่ 38 ตอบคุณ รักมวยไทย เท่าที่ผมทราบ หรือ เข้าใจนะครับ  คุณสุรชัย แทบจะว่าเป็นคนแรกในยุคหลังนี้ (ตั้งแต่ทษวรรษ 1960 จนถึงปัจจุบัน) ที่สอนมวยไทยอย่างต่อเนื่องและตั้งสมาคมมวยไทย  ยูเอสเอ (Thai Boxing Association of USA) จนมีค่ายในเครือมากมาย คนที่ผมมักพูดถึงว่าในช่วงแรกๆ ของการสอนมวยไทยในอเมริกาเราต้องอิงศิลปการต่อสู้ของชาติอื่นอื่นๆ  ก็หมายถึงคุณสุรชัยนี้แหละครับ พอดีแกเป็นสายดำขั้น 3 (ถ้าจำไม่ผิด) ของคาราเต้สายหนึ่งของญี่ปุ่น แกเลยต้องเอาความเป็นนักคาราเต้สายดำมาโฆษณาแล้วสอนมวยไทย แกเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยนั้นแกก็เข้าแข่งคาราเต้กับเขาเหมือนกันแต่ถูกจับแพ้ฟาล์ว เพราะไปเตะคู่ชกเข้าเต็มแข้งจนฟันหัก (“ฟันของเค้าหักติดแข้งผมเลยครับ”) โดยธรรมชาติของแกเป็นคนสุภาพนอบน้อมพูดจาเรียบร้อยมากครับ เชื่อว่าปัจจุบันแกมีหลักสูตรการสอนของแกเองที่ใช้เป็นบรรทัดฐานสำหรับการสอนค่ายเครือข่ายทั่วโลกครับ แต่อย่างที่เห็นนะครับ การเตะยังยืนไม่ดี เตะไม่มีแรง อย่างนี้ก็เพราะแต่ละค่ายก็มีหลักสูตรการสอบของตัวเอง อย่างของค่าย ศิษย์ยอดธง เขาจะสอบเป็นขั้นๆไป แต่ทุกขั้นต้องมีวิดพื้น ชกลม เล่นเป้า เพื่อดูลีลา การออกอาวุธ ขั้นสูงขึ้นไปหน่อยก็จะเพิ่มการ เล่นเชิง(คู่) และใส่เฮดการ์ดเพื่อลงนวมด้วย นอกจากนี้ยังมีการสอบประวัติมวยไทย มีขำแบบน่ารักก็ตอนที่จะใช้ภาษาไทยบอกให้ออกอาวุธ เช่น “เตะซ้าย” “ศอกขวา” ซึ่งฝรั่งออกเสียงภาษาไทยแบบแปร่งๆ เป็นต้น ยิ่งตอนให้นับ 1-10 บ้าง 1-20 บ้าง “ซีบ-หา” (สิบห้า)  “ซีบ-หอก” (สิบหก) น่ารักแบบต้องกลั้นหัวเราะ ยิ่งคุณลุงคุณป้านักเรียนแก่ๆแล้วยิ่งน่ารักครับ  บางคนจำประวัติ นายขนมต้มไม่ได้หมด (มีในข้อสอบด้วยครับ) ก็มั่วแต่งประวัติเอาเองสดๆ แบบเราพลิกประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็หาไม่เจอ  หลายๆอย่างครับที่เราจะเอามาเป็นอารมณ์ใม่ได้ เราต้องเลือกทำตัวให้ใจเย็น และค่อยๆสอนเขาครับ ตามนิสัยฝรั่งจำนวนมากนะครับ ที่เมื่อรู้จักมวยไทย ก็จะฝังใจกับครูคนหนึ่งคนใดจนแทบจะว่าครูคนๆนี้คือเทพเจ้าแห่งมวยไทยของเขาเลยครับ ฉะนั้นอย่างคุณสุรชัยก็เลยกลายเป็น grand master ไป เอาล่ะคราวนี้ก็มาหาคำแปลกันซิครับว่าภาษาไทยเค้าว่าไง ไม่ทราบว่าคุณสุรชัยบอกคำแปลให้เค้าหรือเปล่านะครับแต่จากที่เห็นก็คือ คนไทยคนหนึ่งที่คงไม่มีฐานความรู้ภาษาไทยดีนักตั้งใจจะบอกว่า “ศาสตราจารย์” แต่กลายเป็น ศาสดาจารย์ ไปเสีย ฉะนั้นแทนที่จะเป็นปรมาจารย์ ที่เป็นอาจารย์สอนวิชา ที่เหนืออาจารย์อีกที่ กลายมาเป็นพระศาสดาของศาสนาหนึ่งไปเลย ผมยังได้ยินบ่อยๆ ที่คนพูดถึง schedule ว่า “หมายกำหนดการ”  ผมเห็นครูมวยไทยคนแรกที่กลายเป็น Grand Master ก็มาสเตอร์ ทอดดี้ หรือคุณทศพล นั่นแหละครับ จากคุณ : ขลุ่ย Silent flute เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 05:58:30

ความคิดเห็นที่ 39 ผมไม่เคยได้ทราบว่ามี่รัฐแคลิฟอร์เนียจะมีมหาวิทยาลัยมวยไทยนะครับ แต่อาจจะเป็นโรงฝึกมวยไทย หรือ โรงเรียนมวยไทยที่ใช้ชื่อทำให้ดูภูมิฐานเช่น Muay Thai Academy – สถาบันมวยไทย ค่ายมวยไทยเก่าแกอยู่ที่ นอร์ธ ฮอลลิวู้ด  หรือ Muay Thai School, USA. นอกนั้นก็จะเป็นชื่อค่ายไปเลยเช่น เอกโยธิน  ศิษย์ยอดธง-ยูเอสเอ  เป็นต้น ถ้าจะมีที่ทำกันอย่างใหญ่โตก็ค่ายของศิษย์คุณสุรชัยนี่แหละครับ เขามีกำลังคนและกำลังทรัพย์   แต่ว่าก็ว่าเถอะครับ ผมเชื่อว่าพวกเขาก็ตั้งชื่อกันให้หรูและชวนขลังไว้เท่านั้น เรื่องการทำมาตราฐานมวยไทยให้คล้อยตามกรอบที่เมืองไทยทำไว้เป็นดาบสองคมครับ คนที่คุมนโยบาย คุมมาตราฐานจะเป็นคนที่มีอำนาจที่สุด ตอนนี้ก็เห็นมีอยู่ครับ   ด้วยเงื่อนไงทางภูมิศาสตรทำให้ครูมวยต่างคนต่างสอน อย่างที่เสกสรรดำริที่จะทำนั้น (ลืมบอกไป มีสามารถร่วมอยู่ด้วยครับ) แต่ละคนอยู่กันอย่างต่ำก็ต้องบิน 3 ชั่วโมงถึงได้เจอกัน พวกนี้จะออกสัมมนาเป็นทีมครับ มีอะไรก็เลยแชร์ๆ กัน   เท่าที่เห็น รัฐบาลจะละเลียดอยู่แถวแคลิฟอร์เนียครับ เพราะเป็นเมืองใหญ่และเป็นทางผ่าน จะมาประชุมทีก็อยู่กันแถวๆนี้แหละครับ ครูมวยรัฐอื่นๆ ก็เลยไม่ได้มีส่วนร่วม และก็เลยไม่สนใจ และนานๆที่ครับที่คนจากการท่องเที่ยวและการกีฬาจะมาให้เห็น ซึ่งก็มักจะเป็นข้าราชการที่มาจากการเมืองครับ อะไรที่พูดกันไว้เมื่อรัฐบาลก่อน ก็ต้องมาพูดกันใหม่ในรัฐบาลนี้ซ้ำอีก เชื่อไหมครับ มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากการท่องเที่ยวและการกีฬาได้มาพบประชุมเพื่อพบปะคนในแคลิฟอร์เนีย ที่จนแล้วจนรอดก็ยังเห็นว่าการส่งเสริมมวยไทยในต่างแดนเป็นการสิ้นเปลืองเงินของรัฐโดยใช่เหตุ ทางรัฐบาล(ชุดก่อน) ได้ทำแผนการส่งเสริมมวยไทยออกมาฉบับหนึ่งโดยใช้ผลการประชุมของครูมวยและท่านกงสุลลอส แอนเจอลิส ครั้งหนึ่งมาเป็นแม่แบบของการร่างแผนฉบับนั้นพร้อมกับการวิเคราะห์โดยคนที่อยู่ในวงการมวยในเมืองไทย ซึ่งบอกว่า ค่ายมวยที่ได้มาตราฐานต้องมีนวมกีคู่ เป้าเตะกี่คู่ มีคนทำหน้าที่โน้นหน้าที่นั้น ให้มีแม้กระทั่งพ่อบ้าน-แม่บ้าน แต่ประทานโทษ ค่ายมวยในอเมริกาเขาไม่อนุญาตให้คนนอนค้าง(กฎหมายของเขาห้ามใช้สถานที่ประกอบการธุรกิจเป็นที่พักอาศัย) นักเรียนล้วนขับรถมาเรียนแล้วก็ขับรถกลับบ้าน ไม่ต้องมีแม่บ้านคอยทำกับข้าวให้กินหรอก อย่างนี้เป็นต้น และครูมวยหลายๆคนที่เป็นทั้งนักมวยและจบปริญญาตรีพละศึกษามาแล้ว เขาสอนได้เหมือนกับที่เมืองไทยสอนและจะสอนคนอเมริกันได้ดีกว่าคนที่จะถูกส่งไปอบรมพวกเขาเสียอีก (เช่นมีข่าวว่าจะให้ จา พนม ไปเป็นครูฝึกให้บรรดาครูสอนมวยเพื่อให้ครูมวยได้มาตราฐานเดียนวกัน)  ฉะนั้นการจะส่งเสริมมวยไทย และทำให้ได้มาตราฐานนั้น ขอให้มาพูดจากับคนที่อยู่ในพื้นที่ก่อนจะดีกว่าสร้างแผนการส่งเสริมมวยไทยแบบที่ตนเพียงได้รับข้อมูลผ่านต่อๆกันมาอีกที จากคุณ : ขลุ่ย Silent flute เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 06:01:04

ความคิดเห็นที่ 40 ลองอ่านบทความเรื่องเกรดสายสีในศิลปการต่อสู้สักนิดครับ................. จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 10:30:08

ความคิดเห็นที่ 41 ผมคิดว่าศิลปะการต่อสู้แบบอื่นก็ไม่สิ้นสุดเหมือนกันครับ มันสิ้นสุดหากเล่นเป็นกีฬาอยู่ในกรอบกติกา (มวยไทยเองก็เหมือนกัน) แต่ถ้าเอามาใช้ป้องกันตัวจริง ๆ คงจะต่อยอดได้เรื่อย ๆ แน่ สุดท้ายแล้วอยู่ที่ใครจะพลิกแพลงได้แค่ไหน เคยได้ยินว่าสุดท้ายแล้วที่สุดของศิลปะการต่อสู้เกือบทุกแขนงลงท้ายที่การหาทางใช้พลังของคู่ต่อสู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพียงแต่การแบ่งสายอาจจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการฝึก เพราะเห็นความก้าวหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการจับคู่ฝึกด้วยครับ จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 10:57:52

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณคุณขลุ่ย Silent fluteที่เข้ามาให้คำชี้แจงอย่างละเอียดครับ ผมเห็นครูมวยไทยคนแรกที่กลายเป็น Grand Master ก็มาสเตอร์ ทอดดี้ หรือคุณทศพล นั่นแหละครับ คุณทอดดี้น่าจะเป็นตัวอย่างที่(ไม่)ดีครับ เท่าที่ผมเคยอ่านจากเน็ท ที่อังกฤษครูมวยไทย(จริงๆ)ต่อต้านจนต้องย้ายมาสหรัฐ  แต่ก็ยังมีข่าวว่า ที่สหรัฐได้ทำให้ครูมวยไทยที่คุณทอดดี้จ้างมาอึดอัดใจ โดยครูทอดดี้มักจะแทรกระหว่างการสอน ซึ่งทำให้ดูเหมือนครูมวยไม่เก่ง(ทั้งที่ครูทอดดี้เองนั่นแหละไม่เข้าใจ)  และทำให้การสอนของครูมวยไม่ต่อเนื่อง  แต่วีระกรรมที่ทำให้คนไทยรับไม่ได้คือ  เมื่อหลายปีก่อน คุณทอดดี้ได้นำนักมวยหญิงในสังกัด มาชกกับนักมวยหญิงไทย  มีการทำโปรโมชั่นครึกโครม  และมีการถ่ยทอดสดทางโทรทัศน์  นักมวยหญิงของคุณทอดดี้แต่ละคนรูปร่างบะละฮึ่ม มีทั้งดาราและสาวบันนี่ของเพลย์บอย  เมื่อการชกเริ่มขึ้น เห็นได้ว่านักชกสาวของคุณทอดดี้ตัวใหญ่ บังคู่ชกสาวไทยมิดทุกคู่ และแต่ละน้องนางมีความสามารถแค่ระดับฝึกหัด  ในขณะที่นักมวยสาวของคุณทอดดี้มีความชำชองกว่ามาก  ทุกคู่เด็กสาว(เด็กจริงๆครับ)ไทยโดนถลุงอย่างบอบช้ำ  ปกติแล้วกรรมการจะต้องจับแพ้เร็วกว่านั้น  แต่เข้าใจว่าคุณทอดดี้ต้องการภาพเยอะๆ  เพราะภายหลังมีการเปิดเผยว่า จะมีการนำไปผนวกกับภาพยนต์เรื่องยาว  ที่ทางสหรัฐกำลังสร้าง  เด็กสาวไทยให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าถูกหลอกให้มาชก  จะได้เงินและได้ออกโทรทัศน์  หลังจากการแข่งขัน  มีคนไทยหลายคนออกมาประนาม  และมีคนไทยในสหรัฐออกมาให้รายละเอียดเกี่ยวคุณทอดดี้เพิ่ม  อย่างที่ผมยกตัวอย่างข้างต้น  เกี่ยวกับการแทรกระหว่างการสอนของครูมวยครับ สำหรับมหาวิทาลัยมวยไทย ดูลิ้งข้างล่างครับ http://www.facebook.com/MuayThaiUniversity จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 13:28:18

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 38 “ศาสตราจารย์” แต่กลายเป็น ศาสดาจารย์ ไปเสีย ความคิดนี้ก็แว๊บเข้ามาในสมองผม  แต่ที่ผมบอกว่า ถ้าเป็นในประเทศไทย การกระทำเช่นนี้ผิดกฎหมายครับ การแต่งตั้งศาสตราจารย์ในประเทศไทย จะต้องผ่านกระบวนการตาม พระราชบัญญัติระเบียบบริหารข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ทางคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย (ก.ม.) และทบวงมหาวิทยาลัย จะเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ แล้วการแต่งตั้งก็นำเข้าคณะรัฐมนตรี เพื่อผ่านไปโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์พิเศษที่แต่งตั้งจากบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่เป็นอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัย จะต้องได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เพื่อแต่งตั้งเช่นกัน จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 13:43:54

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณครับสำหรับรายละเอียดว่าด้วยการแต่งตั้งศาสตราจารย์ เรื่องคุณทศพลนั้น ก็อย่างที่คุณรักมวยไทยได้ทราบมานั่นแหละครับ ผมก็ได้ดูสารคดีชุดนี้ของเขาเหมือนกันครับ (ออกทีวีในอเมริกา) ผมไม่ถือสาเรื่องประวัติหรืองานประจำของสาวฝรั่งนักชกเหล่านั้น แต่ผมตำหนิเรื่องการเอานักมวยไทยตัวเล็กๆ ไปยำ น่าสงสารเด็กๆพวกนี้ครับ ปัจจุบันคุณทศพลไม่ได้อยู่ในอเมริกาแล้วครับ รู้สึกว่ากลับเมืองไทยไปสักปีหนึ่งเห็นจะได้ ลูกศิษย์คนหนึ่งบอกว่า ตอนกลางวันก็เปิดสอนตามปกติ ไม่มีอะไรกระโตกกระตาก ตอนดึกหลังค่ายปิดแล้วมีคนเห็นรถคนใหญ่จอดขนของอยู่ที่ค่าย พอวันรุ่งขึ้นนักเรียนมาตามปกติแต่ค่ายปิดเสียแล้วโดยไม่มีการบอกล่วงหน้ามาก่อน และเขาบอกว่าคงไม่พ้น "the same way he left England" ก่อนแกจะกลับเมืองไทยไม่นานก็เห็นมีเว็บโฆษณาค่ายมวยของแกที่เมืองไทยซึ่งมีมนต์สวรรค์ แหลมฟ้าผ่า เป็นครูประจำอยู่ และตัวคุณทศพลเองเป็นเจ้าของ  แม้ตอนนี้ก็ยังมีเว็บไซต์ของแกที่คนฝึกมวยไทยอยากไปเข้าค่ายฝึกของแกที่เมืองไทยครับ เอาเป็นว่าแกอยู่ที่ไหนก็หากินได้เสมอ ผมก็เพิ่งได้รับทราบเรื่องมหาวิทยาลัยมวยไทยตอนนี้แหละ ดูเขาบอกไว้ว่า เป็นองค์กรไม่แสวงกำไร (non-profit) และอยู่ที่ซาน ดิเอโก้ ซึ่งอยู่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียครับ(ติดกับประเทศแม็กซิโก)  เดี๋ยวผมจะลองถามๆเพื่อนดูแล้วจะมาบอกนะครับ แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันก็คือค่ายมวยที่เขาตั้งขึ้นและมีระบบของเขาเองโดยไม่ได้ขึ้นกับการกีฬาของรัฐ หรือองค์กรใดๆของเมืองไทยครับ จากคุณ : ขลุ่ย Silent flute เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 22:57:58

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ รักมวยไทย ครับ ผมได้สอบถามเพื่อนๆ แล้วทั้งไทยและเทศ ไม่มีใครทราบมาก่อนว่ามีมหาวิทยาลัยมวยไทยอยูในอเมริกาครับ ผมพอสรุปได้ว่ามันเป็นค่ายมวยไทยค่ายหนึ่ง ที่ดำเนินงานโดยนักมวยไทยชาวอเมริกันชื่อ เดฟ เนลเซ็น (เห็นรูปเขามากที่สุดใน เฟซบุ๊ก ของเขา) และผมทราบว่าเขามีค่ายมวยอยู่ที่ซาน ดิเอโก้ เขาเป็นคนเอาจริงเอาจังและจัดระเบียบมวยไทยในค่ายเขามากครับ เวลามีการประชุมเรื่องมวยไทยที่สถานกงสุล (ต้องขอชมเชยกงสุลท่านนี้ครับที่เข้ามาสนับสนุนมวยไทยอย่างจริงจังแม้บางครั้งต้องเจอกับกฎระเบียบและข้าราชการที่มาจากการเมืองที่เป็นอุปสรรค ท่านชื่อ คุณดำรง ใคร่ครวญ) นายเดฟ จะมีข้อมูลและข้อเสนอแน่นปั้ก ปัจจุบัน มีค่ายเอกโยธิน เพียงค่ายเดียวที่นักเรียนที่สอบเลื่อนวิทยฐานะจะได้ประกาศนียบัตรที่ได้รับการรับรองจากสภามวยไทยโลกของเมืองไทยครับ นักมวยบค่ายนี้เชิงใช้ได้ แรงดีมาก และมีระเบียบและมารยาทดีมากเมื่อออกไปข้างนอก เช่นตอนที่ไปเจอกันตามรายการมวยต่างๆ     ตอนนี้ทางมวยโบราณที่สอนเชิงอนุรักษ์ก็กลืนไม่เข้าคายมาออกเหมือนกันเพราะมีการระดมความคิดจาก บรรดา “ครูมวย” โบราณเพื่อเข้ามาวางมาตนราฐานการเรียนการสอน ที่กลืนไม่เข้าและคายไม่ออกก็เพราะ “ครู” บางคนไม่มีวุฒิพอแม้แต่จะสอนให้ถูกต้อง เพราะการแตกยอดนั้นทำได้ต่อเมื่อมีฐานมั่นคงเสียก่อน และคนที่จะเป็นผู้ดูและหรือคุมทั้งหมดคือ อาจารย์ ศักดิ์ชัย ทัพสุวรรณ ซึ่งเคยมีข่าวว่าท่านต่อต้านมวยโบราณอยู่ ไม่ทราบว่าใครพอจะทราบรายละเอียดบ้างครับ จากคุณ : ขลุ่ย Silent flute เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 22:08:30