ความคิดเห็นที่ 1 10.Cuauhtemoc Blanco หากใครที่เคยผ่านประสบการณ์ France'98 มา คงจะจำลีลาอันลือลั่นประจำทัวร์นาเม้นท์ของบลังโก้ได้ การใช้เท้าสองข้างหนีบบอลแล้วยกข้ามผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม อาจเป็นแค่ภาพในจินตนาการที่หลายคนเคยคิดเล่น ๆ แต่บลังโก้ได้ใช้มันในการแข่งขันจริง และในระดับทัวร์เม้นท์ที่เป็นถึงฟุตบอลโลก !! เคาห์เตม็อค บลังโก้ เกิดในปี 1973 ที่เม็กซิโก ช่วงชีวิตนักเตะของเขาส่วนใหญ่ล้วนค้าแข้งให้สโมสรในเม็กซิโก ได้รับโหวตให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของลีกเม็กซิโก 5 ครั้ง บลังโก้เป็นนักเตะในตำนานคนหนึ่งของ Club America โดยลงเล่นไป 333 นัดและยิงไปถึง 125 ประตู เขาเคยมาค้าแข้งในยุโรปช่วงสั้น ๆ ที่สเปนกับ Real Valladolid สองปีในปี  2000-2002 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เคยโยกไปเล่นเมเจอร์ลีกซอคเกอร์ กับ Chicago Fire อยู่สองสามปี เรียกได้ว่า ส่วนใหญ่ก็จะวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ หรือ ในประเทศของตัวเอง ผลงานในระดับสโมสรจึงไม่เป็นข่าวคราวในบ้านเราสักเท่าไหร่นัก ในระดับทีมชาติ บลังโก้ได้รับการยกย่องให้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดการคนนึงของเม็กซิโก เป็นดาวซัลโวอันดับสองของทีมชาติ โดยลงเล่นไป 121 นัด ยิงไป 39 ประตู ผ่านศึกฟุตบอลโลกกับเม็กซิโกมาตั้งแต่ปี 1998,2002 ส่วนในปี 2006 ที่เยอรมัน บลังโก้หลุดจากทีมชาติเนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บ และ ล่าสุดปี 2010 ที่แอฟริกา ก็ยังมาวาดลวดลายบนวัย 37 ปีให้เราได้เห็นกันอยู่ ซึ่งนั่นคงเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย หรืออาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เราได้ยลฝีเท้าของเขา... บลังโก้ เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้สร้างเอกลักษณ์เป็นที่จดจำด้วยลักษณะการเล่นที่เขาสร้างขึ้นมาเอง แม้บางครั้งการหนีบบอลหนีคู่ต่อสู้ อาจไม่ใช่จุดเริ่มต้นของประตู หรือมันอาจไม่มีแม้กระทั่งประโยชน์ใด ๆ ในเกมส์แข่งขันด้วยซ้ำ เฉกเช่นบางครั้งที่ศิลปะของศิลปินก็ไม่ต้องการคำอธิบายใด ๆ นอกจากความสวยงาม... แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 55 22:37:41 จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 22:37:10

ความคิดเห็นที่ 2 Blanco จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 22:38:53

ความคิดเห็นที่ 3 Cuauhtemoc Blanco จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 22:39:32

ความคิดเห็นที่ 4 9. David Ginola หากจะหาใครสักคนที่เข้าข่ายศิลปินลูกหนังทั้งลีลาการเล่น บุคคลิก หน้าตา แล้วล่ะก็ ดาวิด ชิโนล่า ต้องเป็นผู้ที่ถูกกล่าวถึงเป็นคนแรก ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ชิโนล่าเป็นนักฟุตบอลที่ความสวยงามมาพร้อมคุณภาพเสมอ การกระชากลากเลื้อยไป ๆ หยุด ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ ท่วงท่าการครอบครองบอลที่สง่างามประกอบกับผมที่ยาวสลวยของเขานั้นช่างดูพลิ้วไหวยิ่งนัก ดาวิด ชิโนล่า เป็นนักฟุตบอลระดับเวิรล์ดคลาสคนนึงที่ไม่มีเกียรติยศใด ๆ นักในทีมชาติ เหตุการณ์ครั้งสำคัญหรือจุดเปลี่ยนของเขากับระดับทีมชาติคือ เกมส์รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1994 ในนัดสุดท้าย ฝรั่งเศสที่คุมทัพโดย เชราร์ด อุลลิเยร์ มีทั้ง ชิโนล่า และ คันโตน่าในสนาม พวกเขาต้องการเพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น ในการเล่นในบ้านพบบัลแกเรียก็จะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย เกมส์เสมอกันที่ 1-1 มาจนถึงนาทีสุดท้าย การตัดสินใจที่ผิดพลาดของชิโนล่า เมื่อทีมได้ลูกฟรีคิกในฝั่งของบัลแกเรีย ชิโนล่าเลือกที่จะโยนบอลเข้าไปแทนที่การครองบอลอยู่ที่มุมธง บอลจากเท้าชิโนล่านั้นถูกตัดไปและจบลงที่ เอมิล โคสตาดินอฟ ซัดแสกหน้านายทวารฝรั่งเศสเข้าไปในนาทีที่ 90 ฝรั่งเศสตกรอบคัดเลือกไม่ได้ไปฟุตบอลโลก และอย่างที่เรารู้กัน บัลแกเรียไปไกลถึงอันดับ 4 ในปีนั้น หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เราก็ไม่ได้เห็นดาวิด ชิโนล่าในชุดทีมชาติอีกเลย ในปี 1995 เขาได้ย้ายจาก PSG มาอยู่ Newcastle ด้วยค่าตัวแค่ 2.5 ล้านปอนด์   และใช้เวลาอยุ่ในพรีเมียร์ลีกถึง 7 ปีกับ Spurs,Aston Villa ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดกับ Everton ในปี 2002 ด้วยวัยแค่ 35 ปีเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอต่อการยกย่องเขาให้เป็นศิลปินที่สง่างามในพื้นหญ้าอีกคนหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 55 02:56:24 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 55 22:51:36 จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 22:50:15

ความคิดเห็นที่ 5 David Ginola จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 22:52:03

ความคิดเห็นที่ 7 David Ginola จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 22:52:46

ความคิดเห็นที่ 8 8.  Sinisa Mihajlovic ศิลปะบนสนามฟุตบอลอีก 1 อย่างที่เราปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือการได้เห็นประตูที่สวยงามที่มาจากลูกฟรีคิก ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงทองของคนชอบเสพประตูจากฟรีคิกยิ่งนัก เพราะมีมือฉมังจากทุกสารทิศทั่วโลก โผล่มาให้เราได้ยลอยู่เสมอ ทั้ง David Beckham,Juninho,Shunsuke Nakamura,Alvaro Recoba แม้กระทั่ง Jose Luis Chilavert รวมทั้งคนคนที่เรากำลังจะกล่าวถึงนี้ ในโลกที่คนส่วนใหญ่เสพกันแต่ลูกฟรีคิกของเบ็คแฮ่ม เบ็คแฮ่ม และเบ๊คแฮ่ม   ยังมีอีกหลาย ๆ คนในโลกนี้เช่นกัน ที่คิดว่า ลูกฟรีคิกจากปีกขวาหน้าหล่อจาก Manchester UTD นั้น ยังเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บของมิไฮโลวิชผู้นี้   ซึ่งคำพูดนี้ ก็ไม่ได้ดูเกินจริงไปแม้แต่น้อย ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ สาขาในวงการฟุตบอล มีมากคนเลยทีเดียวที่ยกย่องให้ลูกฟรีคิกที่ออกจากเท้าซ้ายของมิไฮโลวิชนั้นเหนือกว่าเบ๊คแฮ่ม มิไฮโลวิชเคยทำสุดยอดของการยิงฟรีคิก นั่นคือการทำแฮททริก ยิงฟรีคิก 3 ประตูในเกมส์เดียวกันมาแล้วในเกมส์กัลโช่กับซามพ์โดเรีย เคยมีผู้จัดการทีมคู่ต่อสู้ของ Lazio ทีมหนึ่งได้กล่าวไว้ก่อนเกมส์แชมป์เปี้ยนส์ลีก นัดหนึ่งว่า "ยูฟ่า น่าจะมีการออกกฏให้สามารถใช้ผู้รักษาประตูสองคนได้ เมื่อมิไฮโลวิชยิงฟรีคิก" นั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าลูกฟรีคิกของเขานั้น น่าสะพรึงกลัวต่อฝั่งตรงข้ามถึงขนาดไหน และเช่นเดียวกัน เราก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน กว่าที่ฟ้าจะประทานยอดนักฟรีคิกเฉกเช่นมิไฮโลวิชมาให้เราได้เสพกันอีก แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 55 03:00:47 จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:02:30

ความคิดเห็นที่ 9 Sinisa Mihajlovic จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:03:52

ความคิดเห็นที่ 10 ขอแทรกนิดนึงครับ....อันนี้ผมเห็นด้วย มิไฮโลวิช เราไม่เคยเห็นถ่ายทอดสดไงครับ เราเห็นแต่เบคแฮม..... จากคุณ : แมลงปอร่อแร่ เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:11:27

ความคิดเห็นที่ 11 7.  denilson คุณเคยเซิร์ชอะไรใน Youtube ในแนวประมาณ best dribling,skill of football,amazing skill หรืออะไรทำนองนี้มั้ย? เชื่อได้ว่าในคลิปรวม ๆ ทักษะเหนือธรรมชาติของนักฟุตบอลทั้งหลายนั้น จะต้องบรรจุลีลาของนักเตะแซมบ้าผู้นี้เข้าไปด้วยอย่างแน่นอน เดนิลสันเป็นนักเตะพร้อมจะทำให้เราตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอเมื่อเขาได้บอล ด้วยทริคและเทคนิคประหลาด ๆ มากมาย ในความเป็นจริงดูเหมือนเรื่องพวกนี้จะอยู่เหนือผลงานส่วนตัวของเขาด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าในการกระชากลากเลื้อย หรือการโชว์ออฟทั้งหลายแหล่ก็อาจจะไม่ได้เป็นประโยชน์กับทีมมากมายนัก แต่น่าแปลกใจที่เดนิลสัน ก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกของทีมชาติในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ ๆ อย่างฟุตบอลโลกเสมอ เขาติดทีมชาติทั้งหมด 61 นัด ยิงไป 8 ประตู มีส่วนในแชมป์โลกกับบราซิลปี 2002 โดยได้ลงเป็นตัวสำรองในนัดชิงชนะเลิศด้วย ในครั้งหนึ่งเดนิลสันยังเคยเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกมาแล้ว เมื่อย้ายจาก Sao Paolo มา Real Betis ในปี 1998 ด้วยสนนราคา 21.5 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าแพงมากในสมัยนั้น จากผลงานที่ไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างมาก นอกจากลีลาที่มหัศจรรย์เท่านั้น แต่เดนิลสันยังได้รับความสำคัญในระดับทีมชาติ หรือแม้แต่กระทั่งเบติสยอมฉีกสถิติโลกเพื่อคว้าตัวเขามา นั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ในโลกของฟุตบอล นอกจากชัยชนะแล้ว ความสวยงามก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน... จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:17:47

ความคิดเห็นที่ 12 Denilson จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:19:39

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีครับคุณ แมลงปอร่อแร่ ใช่ครับ ช่วงนั้นประเทศไทยยังไม่ค่อยถ่ายทอดสดฟุตบอลกัลโช่มากนัก พรีเมียร์ลีกที่ว่านิยมยังมีอาทิตย์ละ 2-3 คู่บิ๊กแมทช์เท่านั้น คนส่วนใหญ่จึงมีโอกาสได้ดูเบ๊คแฮ่มมากกว่า ผมถึงรู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่ตอนนั้นติด UBC เลยมีโอกาสได้เห็นฟรีคิกของมิไฮโลวิชบ่อย ๆ จนชินตาเลยล่ะครับ (เป็นอีกคนที่ตื่นมาดู Lazio ดึก ๆ เพราะรอแค่ช่วงฟรีคิก) จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:24:55

ความคิดเห็นที่ 14 เสียดายเดนิลสันน่าจะใช้ทักษะให้เป็นประโยชน์กว่านี้ เล่นให้เข้ากับเพื่อน ดูอย่างคริสเตียโน โรนัลโด สมัยก่อนก็เก่ง ทักษะดี แต่การประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมยังไม่ดี ปัจจุบันพอปรับตัวได้ก็กลายเป็นนักเตะระดับโลกไปเลย จากคุณ : kagerou1 เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:26:25

ความคิดเห็นที่ 15 6.  Nwankwo Kanu นักฟุตบอลหลาย ๆ คน มีอันต้องเลิกเล่นกันไป บ้างด้วยเหตุจากอาการบาดเจ็บ มีไม่น้อยที่เป็นโรคประจำตัว แต่คานูไม่ใช่หนึ่งในนั้น ถึงแม้โรคร้ายที่เขาเป็นจะอันตรายถึงชีวิตถึงระดับโรคหัวใจก็ตาม... หลังจากที่เล่นในลีกบ้านเกิดอย่างไนจีเรียมาสองปี ในปี 1993 เป็น Ajax ที่เซ็นสัญญาซื้อคานูไปในราคา 3 แสนปอนด์ (เทียบในสมัยนี้ น่าจะจ่ายค่าเหนื่อยพวกระดับซุเปอร์สตารส์ได้แค่ครึ่งเดือนเท่านั้น) คานูลงสนาม54 นัดและยิงไปถึง 25 ประตู ได้แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกในปี 1995 ก่อนที่จะเซ็นสัญญาย้ายไปอยู่กับ Inter Milan และในซัมเมอร์นั้น คานูเป็นกัปตันทีมชาติในจีเรีย นำทีมคว้าแชมป์โอลิมปิก 1996 ซึ่งว่ากันว่า เป็นชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของไนจีเรีย ช่วงเวลานั้นไนจีเรียเต็มไปด้วยนักเตะที่มีฝีเท้าดีขึ้นมาพร้อม ๆ กันเกือบทั้งทีม ด้วยนักเตะอย่าง Jayjay Okocha,Finidy George,Garba Lawal,Sunday Oliseh,Taribo West รวมถึงคานู ในช่วงเวลา 3 ปีที่อยู่ที่ซาน ซิโร่นั้นเป็นช่วงเวลาที่ลำบากสำหรับเขาอย่างมาก เมื่อได้ตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการรักษาตัวมากกว่าเล่นฟุตบอล จนทำให้ลงสนามกับอินเตอร์ไปแค่ 12 นัด ทำได้แค่ 1 ประตูเท่านั้น และในปี 1999 เป็นอาร์เซน่อลที่ตัดสินใจซื้อคานูมาร่วมทีมในราคา 4.15 ล้านปอนด์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์กับการตัดสินใจของเวนเกอร์ที่ซื้อนักเตะที่เป็นโรคหัวใจมาร่วมทีม แต่ในช่วงเวลา 6 ปีที่อยู่อาร์เซน่อล คานูได้แสดงให้เห็นว่าเขาเยี่ยมยอดเพียงใด ที่สามารถเอาชนะโรคร้าย และวาดลวดลายที่สวยงามในสนามได้อย่างเยี่ยมยอดราวกับคนที่แข็งแรงปกติ หนึ่งในนัดที่อยู่ในความทรงจำของคานูและแฟนบอลอาร์เซน่อลคือ เกมส์ พรีเมียร์ลีกที่ไปเยือนเชลซีที่ สแตมป์ฟอร์ด บริดจ์ เชลซีออกนำไปก่อน 2-0 จากลูกโขกของ Flo และ Petrescu แต่กลับเป็นคานูที่พลิกเกมส์ได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อเป็นคนทำแฮตทริกนำอาร์เซน่อลพลิกกลับมาชนะได้ 3-2 จนสื่อที่อังกฤษต่างประโคมข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์กันว่า Chelsea 2-3 Kanu เชลซีไม่ได้แพ้อาร์เซน่อล แต่แพ้คานูอย่างราบคาบ ประตูชัยของคานูในช่วงทดเวลา นั่นถือเป็นศิลปะบนผืนหญ้าที่สง่างามที่สุดชิ้นนึงที่คานูได้ฝากเอาไว้ในโลกฟุตบอล แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 55 03:05:40 จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:33:42

ความคิดเห็นที่ 16 Nwankwo Kanu จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:35:38

ความคิดเห็นที่ 17 มิไฮโลวิช ผมให้ติดอันดับ 1 ร่วมจ้าวฟรีคิกเลยครับ อันดับของผมมีดังนี้ 1.ซินิซ่า มิไฮโลวิช , จูนินโญ่ แปร์นัมบูการ์โน่ แม่นยำทั้งคู่ ใกล้ไกลยิงได้หมดทุกแบบทุกมุม 3.ชุนซูเกะ นากามูระ ถ้าพูดเรื่องฟรีคิกอย่างเดียว พวกญี่ปุ่นไม่เป็นรองใครในโลก สืบทอดตำนานด้วยเอ็นโดะ กับ ฮอนดะ 4.คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไอ้นี่ก็ทุกแบบทุกมุม จ้าวแห่งการยิงฟรีคิกอัดเต็มใบไซด์ไปทางไหนแล้วแต่ฟ้ากำหนด 5.เดวิด เบ็คแฮม ยิงได้ไม่มากทิศทาง แต่หวังผลได้สูง จากคุณ : Doraemyung เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:51:38

ความคิดเห็นที่ 18 5. Augustin Jay-Jay Okocha   ยุคทองของไนจีเรียจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้มีเอ็นวานโก้ คานู และถ้าให้มันสุดยอดอย่างสมบูรณ์ ก็ต้องบวกโอโคชาเข้าไปอีกคนนึงด้วยเช่นกัน นักฟุตบอลจอมเทคนิคพิศดารผู้นี้ เริ่มเล่นฟุตบอลจากข้างถนนเฉกเช่นดาราดังคนอื่น ๆ เล่นฟุตบอลอาชีพในไนจีเรียได้แค่สองปี ฟอร์มก็ไปเข้าตาทีมในบุนเดสลีกาอย่าง Eintracht Frankfurt เขาอยู่ในเยอรมันถึง 5 ปี ก่อนจะย้ายไปที่ตุรกีเซ็นสัญญาร่วมทีม Fenerbahce ในปี 1996 ช่วงพีคของโอโคชาเกิดขึ้นในช่วงที่เขาย้ายมาอยู่กับ PSG ในฝรั่งเศสในปี 1998 ในฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศสโอโคชาและไนจีเรียฟอร์มเยี่ยม เมื่อสามารถเป็นที่หนึ่งของกลุ่มที่มีทั้งสเปน ,ปารากวัย,และบัลกาเรีย ซึ่งถือว่าเป็น Group of death ในปีนั้น แต่น่าเสียดายที่ต้องมาแพ้ให้เดนมาร์กในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โอโคชายังเล่นในฝรั่งเศสอยู่ถึงปี 2002 ก่อนจะย้ายมาอยู่สโมสรที่เขาลงเล่นมากนัดที่สุด นั่นคือ Bolton เจย์เจย์อยู่ที่นี่ 5 ปี ลงเล่นไป 124 นัด ยิงไป 14 ประตู เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลโบลตันด้วยลีลาการเล่นที่เต็มไปด้วยเทคนิคและความสามารถเฉพาะตัวขั้นสูง ที่ทำเอากองหลังคู่แข่งหัวปั่นมานักต่อนัก หลังจากที่เขาออกจากโบลตัน โอโคชาไปอยู่ที่กาตาร์ได้หนึ่งปี และย้ายกลับมาเล่นที่อังกฤษช่วงสั้น ๆ กับ Hull City ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2008 เหลือเพียง Vdo ใน youtube ให้เราได้เสพความมหัศจรรย์ของเขาเท่านั้น จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 00:02:38

ความคิดเห็นที่ 19 Augustin Jay-Jay Okocha จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 00:03:16

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องฟรีคิก อย่าลืมมาริโอ บาสเลอร์ จากคุณ : มิโรสลาฟ ดุ๊กดิ๊ก เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 00:05:01

ความคิดเห็นที่ 21 4.  Paolo Di Canio นี่คือศิลปินลูกหนังอารมณ์ร้ายผู้ก่อความวุ่นวายในสนามมานักต่อนัก แต่ในทางกลับกัน ด้านฝีเท้าของเขาก็สามารถท้าชนได้กับนักเตะระดับเวิร์ลดคลาสทุกคนบนโลก!!! เปาโล ดิ คานิโอ คือคำจำกัดความของศิลปินบนผืนหญ้าของแท้ สิ่งที่เค้าทำเอาไว้ หลาย ๆ อย่างกลายเป็นเรื่องคลาสสิค เป็นเรื่องเล่าแก่คนรุ่นหลังถึงความอาร์ทติสต์ของพ่อมดลูกหนังรายนี้ ดิ คานิโอ เกิดที่โรม เซ็นสัญญาเป็นนักเตะฝึกหัดของ Lazio ในปี 1985 เขาใช้เวลาอยู่ที่นี่ 5 ปี ระหว่างนั้นถูกส่งต่อไปให้ยืมตัวที่ Ternana อยู่ 1 ฤดูกาล ในช่วงระหว่างปี 1990-1996 ดิ คานิโอ ย้ายไปยังทีมใหญ่ ๆ ในอิตาลีถึง 3 ทีม คือ Juventus,Napoli และ A.C.Milan นั่นเป็นเครื่องรับประกันในฝีเท้าเขาได้อย่างดีว่ายอดเยี่ยมแค่ไหน แต่นั่นก็เป็นเครื่องยืนยันถึงการอยู่ที่ไหนได้ไม่นานเช่นกันนั่นเอง เปาโล ย้ายข้ามฟากมาอยู่กับ Celtic เมื่อปี 1996-97 ได้หนึ่งฤดูกาล ก่อนที่จะเป็น Sheffield Wednesday ที่ซื้อเขามาในราคา 4.7 ล้านปอนด์ เพื่อจับคู่กับ Benito Cabone ซึ่งคู่หูมหากาฬคู่นี้ดีพอที่จะทำให้ทีมจากเมืองเชฟฟิลด์ไปไกลถึงระดับท็อปเทนในพรีเมียร์ลีก แต่ในเดือนกันยายนปี 1998 เปาโล ดิ คานิโอ ได้ก่อวีรกรรมขึ้น ด้วยการผลักเข้าที่อกของผู้ตัดสิน พอล อัลค็อก จนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ทำให้ตัวเขาโดนปรับเงิน 10000 ปอนด์ และโดนแบน 11 นัด เป็นเรื่องอื้อฉาวที่สุดของพรีเมียร์ลีกปีนั้น หลังจากนั้นหนึ่งปี เขาได้เซ็นสัญญาย้ายมาอยู่กับเวสต์แฮมด้วยค่าตัวแสนถูก 1.7 ล้านปอนด์ ที่นี่ เค้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมขุนค้อน นักเตะวัยกระทงของเวสต์แฮมที่ก้าวขึ้นมาเป็น Superstar ในปัจจุบันอย่าง Frank Lampard,Rio Ferdinand, Michael Carrick,Joe Cole,Glen Johnson ฯลฯ ล้วนผ่านการร่วมทีมกับกัปตันศิลปินคนนี้มาทั้งนั้น เขาเป็นตำนานนักเตะคนหนึ่งของเวสต์แฮม ลูกกระโดดสลับขาวอลเล่ย์ใส่ Wimbledon ในปี 2000 ถูกยกให้เป็นประตูยอดเยี่ยมตลอดกาล 10 อันดับแรกของพรีเมียร์ลีก ในปีถัดมา ใครจะไปเชื่อว่าศิลปินอารมณ์ร้อนอย่างดิ คานิโอ จะได้รับรางวัล Fifa Fair Play award จากช็อตที่ Paul Gerard ผู้รักษาประตูเอฟเวอร์ตัน ออกมาตัดบอลพลาดและบาดเจ็บ เหลือแต่หน้าประตูอันว่างเปล่า ดิ คานิโอยืนอยู่ตรงนั้นและมีโอกาสอันงามที่จะทำประตู แต่เขากลับเลือกที่จะใช้มือจับฟุตบอลแล้วบอกผู้ตัดสินให้หยุดเล่นก่อนไปดูอาการของเจอราร์ด ซึ่งนั่นเป็นช็อตประทับใจที่สุดเหตุการณ์นึงในประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว ในปี 2001 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยพยายามที่จะเซ็นสัญญากับดิ คานิโอ แต่เจ้าตัวเลือกที่จะอยู่ในอัพตัน ปาร์คต่อไป ดิ คานิโอ ย้ายไปชาร์ลตันในปี 2003 ก่อนจะกลับไปเล่นในอิตาลีกับทีมแรกของเขาอย่าง Lazio ในปี 2004-2006 ก่อนจะปิดฉากชีวิตนักฟุตบอลอันยาวนาน 23 ปีกับสโมสร Cisco Roma ใน เซเรีย C2 และตัดสินใจเข้าสู่การอบรมเป็นโค้ชอาชีพ ซึ่งน่าสนใจเหลือเกินว่า ศิลปินลูกหนังสุดขั้วอย่างเขา เมื่ออยู่ในมาดผู้จัดการทีมแล้ว จะทำทีมไปในรูปแบบที่เร้าใจเพียงใด แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 55 00:57:32 จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 00:50:39

ความคิดเห็นที่ 22 Paolo Di Canio จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 00:52:34

ความคิดเห็นที่ 23 มิไฮโลวิช...คือที่สุดของลูกนิ่ง จากคุณ : archparty เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 00:53:20

ความคิดเห็นที่ 24 ตอนเด็กๆผมรู้จักแค่พรีเมียร์ในใจผมอันดับ 1 จึงมีแค่ เบ็คแฮม สมัยพีคๆนี้ถ้าได้ฟรีคิก กองเชียร์แมนยูลุกขึ้นเฮล่วงหน้าได้เลย เสียดายไม่ได้ดูลีคอื่น จากคุณ : Mr.thanyawat เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 01:05:42

ความคิดเห็นที่ 25 อย่าลืม Striker คนนี้นะครับ ถึงแม้ชีวิตหลังค้าแข้งของเขาจะพัวพันกับข้อหาล้มบอลก็ตาม หนึ่งในสุดยอดผู้เล่นของลาซิโอ ซินญอรี่ ผู้มีเท้าซ้ายอันสุดยอด รวดเร็ว เทคนิคสูง และแม่นยำ แต่ไม่เคยได้แชมป์ซีรี่ยส์อา จากคุณ : Ex-Sentinel เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 01:20:19

ความคิดเห็นที่ 26 จุดโทษอันไม่เหมือนใคร แทบไม่ต้องวิ่ง แค่2ก้าวยิง จากคุณ : Ex-Sentinel เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 01:23:25

ความคิดเห็นที่ 27 คห 24 เด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนั้น ทีมไหนรุ่งเรืองก็จะจำและรู้จักนักเตะเก่ งๆแค่ทีมนั้น แต่ก็ไม่ผิดอะไร แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 55 01:26:08 แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 55 01:25:18 จากคุณ : รอคอย ณ ดอยหนาว เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 01:24:26

ความคิดเห็นที่ 28 ลุ้นให้มี เลอทิสซิเอ ติดอันดับด้วย จากคุณ : toronado เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 01:27:17

ความคิดเห็นที่ 29 3.  Dennis Bergkamp เป็นที่รู้กันว่า ตำนานหมายเลขหนึ่งของเดอะ กันเนอร์สคือ Thierry Henry แต่ถ้าไม่มีคนคนนี้ บางทีประวัติศาสตร์ของอาร์เซน่อล อาจเปลี่ยนไป เบิร์กแคมป์เป็นนักฟุตบอลที่มีท่วงท่าลีลาที่สง่างาม เป็นนักฟุตบอลที่ดูแล้วเนียนตามากที่สุดคนนึงในโลก ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสบอลแรก การผ่านบอล ลูกคิลเลอร์พาสอันเป็นสัญลักษณ์ หรือแม้กระทั่งการส่งฟุตบอลเข้าไปกองซุกก้นตาข่ายก็ทำได้นิ่ง เฉียบขาดเยือกเย็นสมฉายา Iceberg ของเขา สุดยอดนักฟุตบอลที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และจินตนาการชาวดัตช์คนนี้ เป็นเด็กฝึกหัดของสถานที่บ่มเพาะนักฟุตบอลในวัยเยาว์อันดับหนึ่งของโลกอย่าง Ajax (ปัจจุบันเกียรติยศนี้ อาจตกไปอยู่กับ ลา มาเซีย ของ Barcelona แทน) เบิร์กแคมป์อยู่กับอาแจ็กซ์ถึง 8 ฤดูกาล ลงเล่น 237 นัด ยิงกระจายถึง 122 ประตูซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก ๆ เขาอยู่ร่วมรอยต่อเวลากับเจเนเรชั่นที่สุดยอดที่สุดของอาแจ๊กซ์ กับ พี่น้อง De Boar,Van der Sar,Seedorf,Davids,Kluivert,Kanu,Litmanen ซึ่งล้วนแล้วแต่ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับโลกทั้งสิ้น ฤดูกาล 93-94 ไอซ์เบิร์กย้ายมาเล่นในกัลโช่ เซเรียอา กับ Inter Milan สถานที่ที่กล่าวกันว่าเป็นช่วงตกต่ำของเบิร์กแคมป์   ในเวลานั้นเขาคือเด็กมหัศจรรย์จากฮอลแลนด์ เขามาพร้อมกับความหวังอันสูงส่งของกองเชียร์อินเตอร์ ถึงแม้เขาจะได้แชมป์ยูฟ่าคัพกับทีมในปี 93-94 แต่กับที่นี่เบิร์กแคมป์ลงเล่นไป 2 ฤดูกาล 81 นัด และยิงไปได้เพียง 30 ประตู ในปี 1995 เบิร์กแคมป์ย้ายข้ามฟากมาอยุ่ที่พรีเมียร์ลีกกับอาร์เซน่อลด้วยค่าตัว 7.5 ล้านปอนด์ พร้อมคำถามกองมหึมาว่า เงินที่บรู๊ซ ริอ๊อค ทุ่มลงไปเพื่อเด็กหนุ่มของปลอมที่ล้มเหลวกับอินเตอร์นั้น จะคุ้มมากน้อยเพียงใด กระแสถาโถมเข้าใส่ริอ๊อคหนักขึ้น เมื่อดัทช์แมนผู้นี้ยังทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันหลังจากลงสนามให้กันเนอร์สไป 5 นัด จนแม็ทช์ปลดล็อคมาเกิดขึ้นในวันที่ 23 กันยายน ในนัดเจอกับเซาท์แธมป์ตันที่ไฮบิวรี่ เบิร์กแคมป์ยิงประตูแรกกับอาร์เซน่อลได้สำเร็จ ซึ่งนั่นเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นมหากาพย์ของตำนานคนหนึ่งของชาวกูนเนอร์ส ในปีถัดมา อาร์เซน เวนเกอร์ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมของอาร์เซน่อล พร้อมของขวัญโคตรคลาสสิคที่บรู๊ซ ริอ๊อคได้มอบไว้ให้ เวทย์มนต์ของดัตช์แมนคนนี้ เสกเกียรติยศมากมายเข้ามาสู่ถิ่นไฮบิวรี่ แชมป์พรีเมียร์ลีก ในปี 1997–98, 2001–02, 2003–04 แชมป์ เอฟเอคัพ ในปี 1997–98, 2001–02, 2002–03, 2004–05 แชมป์เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ในปี 1998, 2002, 2004 ประตูที่เขาเกี่ยวบอลหมุนนิคอส ดาบิซัส ก่อนแปเรียดผ่านมือเชย์ กิฟเว่น ในแมทช์พบนิวคาสเซิล ได้รับยกย่องให้เป็นประตูยอดเยี่ยมตลอดการของพรีเมียร์ลีก มันถูกนำมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างที่เราดูกี่รอบก็ไม่เคยเบื่อ เช่นเดียวกับลูกยิงใส่อาร์เจนติน่าในรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกปี 1998 นั่นก็คลาสสิคเช่นกัน เบิร์กแคมป์ตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2006 เล่นให้อาร์เซน่อล 11 ฤดูกาล 416 แมทช์ 120 ประตูกับอีก 111 แอสซิสต์ คงเป็นคำตอบได้อย่างดีว่า การตัดสินใจของบรู๊ซ ริอ๊อคในกาลครั้งนั้นถูกหรือผิดเพียงใด... แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 55 03:14:29 จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 01:36:17

ความคิดเห็นที่ 30 Dennis Bergkamp จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 01:39:22

ความคิดเห็นที่ 31 jay jay okocha สมัยอยู่แฟรงค์เฟริ์ต นี่สุดยอดอยู่แล้วครับ สุดยอดดาวยิงเลยแหละ จากคุณ : ViRus Loaded!! เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 01:46:20

ความคิดเห็นที่ 32 Euro 96 ดาเวอร์ ซูเคอร์ ยิงชไมเคิ่ลกับคาห์น จากคุณ : น้องแนนแฟนคลับลำดับที่หนึ่ง เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 02:04:05

ความคิดเห็นที่ 33 . จากคุณ : น้องแนนแฟนคลับลำดับที่หนึ่ง เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 02:04:34

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ น้องแนนแฟนคลับลำดับที่หนึ่ง ในยูโร 1996 ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของเยอรมันน่าจะเป็น Andress Kopke นะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 02:13:43

ความคิดเห็นที่ 35 รู้จักทุกคนเลย เป็นข้อพิสูจน์ว่า... เราก็แก่พอได้นะเนี่ย ลุงบลังโก้เนี่ย ผมจำช็อตที่แกใช้หลัง-ใช้ตูดเล่น ได้ติดตากว่าช็อตหนีบบอลกระโดดหลบอีก ฮา+บ้ามาก รอดูสองอันดับสุดท้าย(หรือต้องพูดว่าสองอันดับแรก?)นะครับ จากคุณ : Silent_Jealouser เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 02:33:26

ความคิดเห็นที่ 36 2. Eric Cantona บุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็นฮีโร่   ผู้ที่เล่นฟุตบอลไม่ถึง 15 ฤดูกาล แต่กลับเป็นตำนานให้แฟนบอลรุ่นหลังได้พูดถึงอย่างไม่รู้จบ นักฟุตบอลผู้มีบุคคลิกเหมือนตัวโกงเท่ห์ ๆ ในหนังฮอลลีวู้ด เขาคือ เอริค "the king" คันโตน่า!!! เฟร้นช์แมนในตำนานคนนี้เริ่มเล่นฟุตบอลในฝรั่งเศสบ้านเกิดกับทีม Auxerre ในปี 1983 และอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี ก่อนย้ายไป Marseille ในปี 88 ที่มาร์กเซย เดอะคิง ถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปถึงสองครั้งด้วยกัน คือ บอร์กโดซ์ และ มงต์เปลิเยร์  ก่อนจะย้ายถาวรไปอยู่กับ นีมส์ ได้เพียงแค่ 1 ฤดูกาล เดอะคิงได้เซ็นสัญญามาอยู่กับ Leeds United ในปี 1991-92 คันโตน่านำ ลีดส์เป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้ในเพียงแค่ฤดูกาลแรกที่เขาเข้ามาอยู่ ในฤดูกาลถัดมา เดอะคิง เล่นให้ลีดส์ อีก 13 นัด ก็เกิดเหตุการสั่นสะเทือนเกาะอังกฤษขึ้น อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือผู้ไม่ยอมแพ้ หลังจากไม่ประสบความสำเร็จกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาหลายปี เขาต้องการได้ศูนย์หน้าเข้ามาเพิ่มในทีม หลังจากที่พลาดการคว้าตัว David Hirst,Matt Le Tissier หรือ Brian Dean ไปแล้ว และไม่น่าเชื่อที่ Leeds ได้ตอบตกลงการซื้อขายที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของฟุตบอลอังกฤษไปตลอดกาล เอริค เดอะคิง คันโตน่า เป็นกุญแจหลักสำคัญของเฟอร์กี้ ที่นำพาความสำเร็จอันนับไม่ถ้วนมาสู่ถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด หลังจากที่รอคอยแชมป์สูงสุดในลีกอังกฤษมา 26 ปี อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ เดอะคิง พาปีศาจแดงเป็นแชมป์ได้ในฤดูกาล 1992-93 ซึ่งเป็นปีแรกที่ลีกสูงสุดของอังกฤษ เปลี่ยนจาก Division 1 เป็น พรีเมียร์ลีกด้วย แมนฯยูฯ ภายใต้ร่มเงาของคันโตน่า ประสบความสำเร็จสูงสุดในยุคนั้น เขาพาปีศาจแดงเถลิงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 4 สมัย ในปี 1992-93,1993-94,1995-96,1996-97 มีแค่ฤดูกาล 1994-95 ที่เสียท่าให้แก่แบล๊คเบิร์น ของ คิง เคนนี่ เท่านั้น แชมป์เอฟเอคัพอีกสองสมัยในปี 93-94 และ 95-96 ที่เดอะคิงเป็นคนยิงประตูชัยดับลิเวอร์พูลที่เวมบลีย์ด้วย ช่วงเวลาที่เขาอยู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดอะคิง คันโตน่า ได้สร้างตำนานไว้มากมาย เสื้อคอปกตั้งเป็นสง่า อันเป็นสัญลักษณ์ของเดอะคิง การกระโดดกังฟูคิกใส่แฟนบอลคริสตัล พาเลซ จนทำให้โดนแบนร่วม 8 เดือน ราวกับเป็นพล็อตเรื่องในหนัง การคัมแบ๊คกลับมาจากการโดนแบนเกิดขึ้นในเกมส์แดงเดือด และเดอะคิงสามารถยิงประตูได้จากจุดโทษในเกมส์ที่เสมอกัน 2-2 ลูกที่เลี้ยงครึ่งสนามไปทำชิ่งกับไบรอัน แม็คแคลร์ แล้วบรรจงชิพข้ามหัวนายทวารซันเดอร์แลนด์อย่างคลาสสิค ก่อนหันมาทำหน้าเรียบเฉยใส่เพื่อนร่วมทีมประหนึ่งกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประตูนี้ถูกยกให้เป็น 1 ใน 10 ประตูที่ดีที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก หลังจากพาปีศาจแดงได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 96-97 เอริค คันโตน่าลุกขึ้นมาสั่นสะเทือนวงการลูกหนังอีกครั้ง ด้วยการประกาศแขวนสตั๊ดหน้าตาเฉยด้วยวัยแค่ 31 ปี ทั้ง ๆ ที่น่าจะรักษาฟอร์มที่สุดยอดไปได้อีกอย่างน้อย 3-4 ปี ทิ้งปริศนาเอาไว้ให้เหล่าบรรดาสาวกปีศาจแดงต้องกุมขมับว่า เหตผลที่ทำให้เขาต้องเลิกเล่น แท้จริงคืออะไร แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้ปีศาจแดงต่อยอดความสำเร็จได้จนมาเป็นทีมหมายเลขหนึ่งของเกาะอังกฤษอย่างสมบูรณ์ ด้วยการเป็นแชมป์ลีกสูงสุด 19 สมัย แซงหน้าโคตรอริอย่างลิเวอร์พูลได้อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า ศิลปินลูกหนังแห่งเมืองน้ำหอม คือหนึ่งในบุคคลสำคัญของโคตรความสำเร็จนี้... จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 02:46:50

ความคิดเห็นที่ 37 Eric Cantona จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 02:47:50

ความคิดเห็นที่ 38 Ronaldinho ล่ะครับ ผมว่าคนนี้เล่นบอลแบบสุดยอด โดยไม่แคร์คำสั่งโค้ชสักเท่าไรแล้วนะครับ คนนี้ล่ะครับ ตอนอยู่บาร์ซา ที่เป็นจิตรกรบนผืนหญ้าที่ขัดเจนที่สุด หรือถ้าจะเอาแบบศิลปะสุดๆ ยังไงก็ต้องยกให้ Berbatov ครับ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 02:49:03

ความคิดเห็นที่ 39 1. Zinedine Zidane โลกนี้อาจจะมี กัปตันมากความสำเร็จบนโลกลูกหนังอย่าง ฟร้านซ์ เบคเค่นบาวเออร์ นักเตะเทวดาที่คิดจะทำอะไรกับลูกฟุตบอลก็ได้ อย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ สุดยอดมิดฟิลด์อย่าง พลาตินี่ สุดยอดศูนย์หน้าอย่าง โรนัลโด้ บาติสตูต้า หรือแม้กระทั่ง นักเตะทีเก่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาอย่าง มาราโดน่า หรือ เปเล่ แต่ถ้าจะมีนักฟุตบอลสักคน ที่เล่นฟุตบอลได้พลิ้วไหวสวยงาม ราวกับงานศิลปะของจิตรกรชั้นเอก มีลีลา ลวดลายที่สวยงามเป็นธรรมชาติราวกับการเต้นระบำไปพร้อม ๆ ลูกฟุตบอล คน ๆ นั้น ต้องเป็น ซีเนอดีน ซีดาน..... ถ้าเปรียบเทียบการเล่นฟุตบอลของซีดานเป็นงานศิลปะ งานศิลปะของเขา คืองานชั้นยอด ที่กวาดรางวัลมาแทบทุกรางวัลที่มี และตั้งแสดงอยู่บนโพเดียมอันยิ่งใหญ่และหรูหรา เด็กหนุ่มที่ชื่อ ซีเนอดีน ซีดาน เติบโตมาในครอบครัวชาวอัลจีเรีย แต่เลือกที่จะเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส ซีดานเริ่มเขียนหน้าประวัติศาสตร์อันมโหฬารของเขาเองกับสโมสรในฝรั่งเศสอย่าง Cannes ในปี 1988 ก่อนจะย้ายมาโด่งดังกับ Bordeaux ในปี 1992-96 ที่นี่ ซีดานลงเล่น 139 นัด และยิง 28 ประตู คว้าแชมป์ UEFA Intertoto Cup ได้ในปี 1995 และในปีนี้เองที่เกิดอีกหนึ่งเหตุการณ์คลาสสิคขึ้น เมื่อแบล๊คเบิร์น โรเวอร์ส ทีมแชมป์จากเกาะอังกฤษในช่วงเวลานั้น มีโอกาสดีที่จะได้เซ็นสัญญาคว้าตัว ซีดาน ไปร่วมทีม แต่กลับปฏิเสธโอกาสนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า "ทำไมเราจะต้องเซ็นสัญญากับซีดาน ในเมื่อทีมเรามี ทิม เชอร์วู้ด" นั่นอาจถือเป็นความผิดพลาดในรอบศตวรรษของทีมกุหลาบไฟ หลังจากนั้น กลายเป็น Juventus ยอดทีมจากอิตาลีที่คว้าตัวยอดนักเตะผู้นี้ไปครองในราคา 3.2 ล้านปอนด์!!! ที่ถิ่นเดลเล่ อัลปิ ซีดานกวาดเกียติยศได้มากมาย ได้แชมป์ Calcio Serie A ในปี 1996–97, 1997–98 Supercoppa Italia ปี 1997 UEFA Super Cup ปี 1996 UEFA Intertoto Cup ปี 1999 ลงเล่นให้ยูเว่ทั้งหมด 151 นัด ซัดไป 24 ประตู ในช่วงคาบเกี่ยวนั้น ซีดาน ยังแสดงความเป็นนักเตะหมายเลขหนึ่งของยุคได้ ด้วยการคว้าแชมป์โลก 1998 กับฝรั่งเศสและได้รางวัลบัลลงดอร์ในปีเดียวกัน ในช่วงที่อะไร ๆ ก็เหมือนจะมีแต่ซีดาน ซีดาน เขายังได้แชมป์ยูโรกับฝรั่งเศสอีกในปี 2000 ความชัดเจนในคำจำกัดความ"นักเตะเบอร์หนึ่งของโลก" ของซีดาน เริ่มเด่นชัดขึ้นอีก เมื่อได้เซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีม Real Madrid ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติใหม่ของโลกคือ 50 ล้านปอนด์!! ที่ซานติเอโก้ เบอร์นาบิว ซีดานร่วมทีมรีล มาดริดยุคที่ถูกเรียกว่า กาลาติกอส หรือแปลว่า ทีมที่มาจากนอกโลก ซีดานนำทัพราชันชุดขาวร่วมกับบรรดาแข้งซุเปอร์สตาร์สเท่าที่จะมีอยู่ในโลกมนุษย์ในขณะนั้นอย่าง Luis Figo,Ronaldo,RaulGonzalez,David Beckham, Roberto Carlos,Claude Makelele,Iker Casillas!!! ทว่าทีมจากนอกโลกนี้กลับไม่ได้คว้ารางวัลมาประดับไว้มากมายอย่างที่คิด ซีดานช่วยให้เรอัลได้แชมป์ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกในปี 2001-02 ที่ตัวเขาวอลเล่ย์ประตูชัยสุดสวยใส่เลเวอร์คูเซ่นด้วย แต่กับลาลีกา ยอดดาวเตะสุดคลาสสิคเสกแชมป์ให้ราชันชุดขาวในปี 2002-03 แค่ครั้งเดียว ไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดในการค้าแข้งของซีดานกลับกลายมาอยู่ในวันสุดท้ายของชีวิตนักเตะ เมื่อเขาต้องนำทีมชาติฝรั่งเศสเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2006 กับ อิตาลี ต้นเกมส์ฝรั่งเศสได้จุดโทษ ซีดาน ชิพจุดโทษลูกนั้นอย่างคลาสสิคเข้ากลางประตู ทั้ง ๆ ที่ฝั่งตรงข้ามมีนายทวารเป็นถึงโคตรประตูของโลกอย่างจิอันลุยจิ บุฟฟ่อน แต่อิตาลีก็ตามตีเสมอได้จาก การโหม่งของ มาเตรัสซี่ เกมส์ยืดเยื้อมาจนถึงช่วงต่อเวลา ซีดานได้มีปากเสียงกับมาเตรัสซี่ นั่นนำมาสู่การเฮดบัตต์กระฉ่อนโลก จนเป็นเหตุให้ซีดานต้องโดนไล่ออกจากสนาม ท้ายที่สุดฝรั่งเศสพ่ายจุดโทษได้แค่รองแชมป์ ถึงจะปิดฉากอาชีพลูกหนังได้ไม่สง่างามนัก แต่ไม่มีใครบนโลกนี้ที่สงสัยในความสุดยอดของซีดานทั้งฝีเท้าและความสำเร็จ เกียรติยศ โลกลูกหนังทุกวันนี้อาจจะมี นักเตะที่จ่ายบอลเสมือนเอามือจับวางอย่าง ชาบี ศูนย์หน้าที่ยิงคมกริบเป็นใบมีดโกนอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี หรือนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง เมสซี่ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่... อีกกี่สิบปี กี่ร้อยปี กว่าสวรรค์จะประทานนักฟุตบอลที่มีลีลาสวยงามคลาสสิค อย่างซีเนอดีน ซีดาน มาให้เราได้ดูกันอีก... จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 04:44:24

ความคิดเห็นที่ 40 Zinedine Zidane จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 04:45:19

ความคิดเห็นที่ 41 จบแล้วครับ ขอบคุณที่ติดตามครับ ไม่เคยได้ตั้งกระทู้อะไรยาว ๆ แบบนี้สักที อาจจะมีบางคนที่ตกหล่น หรือ ไม่ตรงกับความคิดบางท่านนะครับ เนื่องจากก่อนตั้งกระทู้ได้เรียบเรียงความคิดคร่าว ๆ คือ 1. เป็นนักเตะที่เลิกเล่น หรือ เกือบจะเลิกเล่นไปแล้ว    เพราะศิลปินบนพื้นหญ้าในปัจจุบันอย่าง Messi,Xavi Iniesta หรือ Berbatov!!!    เราก็ยังเห็นผลงานกันอยู่ อยากรำลึกเอานักเตะเก่า ๆ มาบ้าง 2. อยู่ในช่วงยุคที่ผมได้ทันเห็นฝีเท้าอย่างชัดเจน (1994-ปัจจุบัน)    เพื่อที่จะสะดวกเวลาใส่ความคิดเห็น ความรู้สึกส่วนตัวลงไปด้วยครับ กระทู้นี้เกิดจากความรู้สึกคิดถึงนักฟุตบอลที่เราเคยดูสมัยเด็ก ๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าทำไมเราดูฟุตบอลตอนเด็กมันสนุกกว่านี้ มีอะไรที่ไม่คาดคิด เกิดขึ้นได้มากกว่านี้ ไม่ได้ว่าฟุตบอลปัจจุบันไม่สนุกนะครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังเอนจอยกับความมหัศจรรย์ของบาร์เซโลน่าอยู่ แต่เหมือนมันไม่ขลัง ไม่คลาสสิคเท่า ผมคิดว่าคนที่ดูฟุตบอลมานานกว่าผม... ก็คงคิดถึง มาราโดน่า พลาตินี่ โยฮัน ครัฟฟ์ เช่นกัน ถ้าท่านไหนคิดถึงใครอีก ก็แชร์กันได้เลยครับสนุกดี ป.ล. ทั้ง Super Mario,Guiseppe Signori,Davor Suker หรือกระทั่ง Matt Le Tissier ก็ขวัญใจผมตอนเด็ก ๆ ทั้งนั้นเลยครับ Credit - ข้อมูลสถิติจาก www.wikipedia.com          - รูปภาพจาก www.sporting-heroes.net           และค้นหารูปจาก Google บางส่วน จากคุณ : jamiekung เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 05:08:19

ความคิดเห็นที่ 42 ในความคิดผม...คนนี้ แจ่มแมวกว่าคานูยิ่งนัก น่าจะติดอันดับกับเค้าบ้าง อิอิอิ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 55 06:23:06 จากคุณ : บาทาหยอกเย้าวายุ เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 06:22:41

ความคิดเห็นที่ 43 อันดับ1 ซีดานนั้นเป็นอะไรที่สวยงามและสุดยอด พร้อมๆกัน สำหรับผมโชคดีมาก ที่ได้เกิดมาทันเห็นซีดาน ดูฟุตบอลที่ซีดานเล่นแล้วผมทึ่ง มีความสุข ปน อัศจรรย์ไปพร้อมๆกัน ดูโรนัลโด้ กะเมสซี่ หลายครั้งผมเห็นสองคนนี้เล่นต้องอุทานว่า "เก่งว่ะ!!"และสวยในบางที แต่สมัยที่ผมดูซีดานเล่นผมจะบอกว่า"เก่งว่ะ สวยว่ะ เหนือว่ะ!!" จากคุณ : JOkerVirus เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 07:14:04

ความคิดเห็นที่ 44 อันนี้คือ จขกท จัดอันดับเองใช่มั้ยครับ อ่านเพลินดี ดีใจที่มี ชิโนล่า คนนี้ทำให้ผมเชียร์นิวและปันใจให้สเปอรส จากคุณ : หอยทากติดเทอร์โบ เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 07:16:54

ความคิดเห็นที่ 45 #42 ผมชอบลูกยิงใบไม้ร่วงในตำนานของแกมาก และชื่อแกยังถูกเกรียนไทยเอามาเล่นมุขทายชื่อนักบอลอยู่ประจำ จากคุณ : หงส์ปลายปืน เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 08:07:43

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดี ๆ แบบนี้ครับ เดี๋ยวนี้หานักสร้างสรรค์กระทู้บนผืนเวปบอร์ดแบบนี้ได้ยากเต็มทีแล้ว จากคุณ : Nickest of Bakane เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 08:13:43

ความคิดเห็นที่ 47 เจเจ เป็นนักเตะที่ผมชอบมากที่สุดเเล้วใน ทวีปแอฟริกา จากคุณ : กรุณา Log in เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 08:18:21

ความคิดเห็นที่ 48 ของนักเตะ ฮอลแลนด์ เยอรมัน ก็เก่งๆทั้งนั้นนะครับ น่ามีบ้างนะครับ จากคุณ : jk_noom เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 08:21:01

ความคิดเห็นที่ 49 รักกระทู้นี้จัง จากคุณ : หักกลบลบหนี้ เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 08:21:54

ความคิดเห็นที่ 50 ลูกที่พลาดของชิโนล่า จำได้ว่าเป็นลูกเปิดข้ามฟากจากบริเวณกลางสนามนี่ครับ จากคุณ : lsmb (LSMB) เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 08:34:37

ความคิดเห็นที่ 51 เยี่ยมครับ ทำให้นึกถึงนักฟุตบอลเก่าๆอีกเยอะเลย จากคุณ : TAEVERPOOL (ลูกเสือกองร้อย) เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 08:58:40

ความคิดเห็นที่ 52 เอาคลิปมาฝากแฟนๆเบิร์กแคมป์ครับ เมื่อปีที่แล้วไปอัมสเตอร์ดัมมา แกทำงานเป็นผู้ช่วย Fred Grim ในทีมเยาวชน Ajax A1 ตอนนี้ถูกดันขึ้นมาเป็นผู้ช่วยแฟรงค์ เดอบัวร์ในทีมชุดใหญ่แล้วครับ มีบรรยายไทยเล็กน้อย ^^ จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 09:11:56

ความคิดเห็นที่ 53 ตำนานลูกหนังโลกศิษย์อาแจ็กซ์อีกคน ยารี่ ลิตมาเน่น ตอนนี้อายุ 40 แล้วยังเล่นบอลอยู่เลย เล่นให้กับ HJK Helsinki ในประเทศบ้านเกิดฟินแลนด์ครับ หนักไปทางสำรอง ปีก่อนได้แชมป์ลีกด้วย ในคลิปถ่ายเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา พอดีไปดูเกมที่เฮลซิงกิแล้วเจอลิตมาเน่น ตอนแรกไม่รู้ว่าก่อนว่าแกยังเล่นอยู่ คุ้นๆหน้าใครฟระ มีแฟนใส่เสื้ออาแจ๊กซ์ปักชื่อแกมาด้วย เลยอ๋อเลย แต่เกมนั้นแกไม่ได้ลงครับ เข้าใจว่าแกยังเล่นเป็นกองหน้านะครับ ไม่ได้ผันตัวเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นแต่อย่างใด ในคลิปยังซ้อมยิงอยู่เลย จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 09:18:00

ความคิดเห็นที่ 54 Alessandro Del Piero ความคลาสสิคที่คุณ(ยัง)ดูได้...นานๆทีนะ จากคุณ : AlePippo เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 09:31:00

ความคิดเห็นที่ 55 ลืมผมไปหรือเปล่า? จากคุณ : Top27 เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 09:36:13

ความคิดเห็นที่ 56 ท่าหนีบบอลของบลังโก้ ใครว่าไม่มีประโยชน์ ทีมตรงข้ามรอดักอยู่ 2 คน แกหนีบบอลผ่านได้สบายๆ ถ้าเลี้ยงลุยแบบธรรมดาๆไม่ผ่านแน่นอน คนนี้แกเล่นบอลแบบน่ารักมากครับ จากคุณ : แมวพุงป่องหูกาง เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 09:45:05

ความคิดเห็นที่ 57 ชอบคนนี้ครับ คาลอส วัลเดอร์ราม่า ฉายา กุลลิทขาว แค่ทรงผมก็คลาสสิกแล้ว จากคุณ : Eye of Sauron เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 09:54:33

ความคิดเห็นที่ 58 ถ้าเอา โรนัลโด้ มาติดอันดับ ลูกฟรีคิก ผมว่าไม่ใช่อ่ะ - -' เพราะมันเล่นยิงแรง ๆ เต็ม ๆ อย่างเดียว คือถ้าลอดกำแพงไปก็มีสทธิ์เข้าสูง แต่โดยส่วนมากจะไม่ลอด จำได้ว่าตอนเจอ Liverpool นั่งนับลูกฟรีคิกของโด้ที่มันยิงอยู่ ครึ่งแรก ยิงไป 7 ครั้ง ติดกำแพงหมด จากที่ตั้งท่าเท่ ๆ ของมัน จนลูกหลัง ๆ ไม่ตั้งท่าละ แล้วครั้งที่ 8 ก็เปลี่ยน กิกส์ มาเตะแทนแล้ว จากคุณ : Nosten เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 09:58:50

ความคิดเห็นที่ 59 หลายคนที่ตรงใจ ผม บลังโก้  ไอซ์เบิร์ก ซีดาน  พวกนี้ ผมมองเป็นศิลปินที่แต่งเติมความสวยงามให้กับกีฬาฟุตบอล มิไฮโลวิช เมสซี่ ดับเบิ้ลโรนัลโด้ โรนัลดิญโญ่ ผมมองเป็นอัจฉริยะลูกหนัง ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กีฬาฟุตบอล อีริค เดอะคิง ดิ คานิโอ กลุ่มนี้ เป็นเหมือน ขบถ ลูกหนัง กล้าที่จะแตกต่าง กล้าที่จะเดินบนเส้นทางที่ตัวเองยึดมั่น ในขณะที่นักกีฬาหลายคน ขายวิญญาณ ให้กับคำว่า ชัยชนะ ถ้วยรางวัล เกียรติยศ คนกลุ่มนี้ แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งเหล่านั้น อย่าง ศักดิ์ศรีในฐานะของมนุษย์คนนึง มีคนยึดมั่นอยู่จริง จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 10:17:11

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณมากครับ เป็นกระทู้ที่ดีที่สุดกระทู้หนึ่งของห้องนี้ก็ว่าได้ อยากให้เยาวชนในห้องนี้ดูไว้เป็นแบบอย่าง ถ้ารักฟุตบอล รักทีมของตัวเอง ก็หมั่นหาข้อมูล เชื่อเถอะครับว่า ทุกทีม มีตำนานที่น่าทึ่ง ยิ่งรู้ ก็ยิ่งรัก ดีกว่ามาด่าว่าใส่กันตั้งเยอะครับ จากคุณ : papamint เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 10:18:36

ความคิดเห็นที่ 61 ยังจำกันได้ไหม ดาวยิงที่ดูเงียบๆ พอๆกับ มนุษย์ไม้ เดนนิส เออร์วิน แต่คมกริบเด็ดขาดเสมอยามสังหารประตูคู่แข่ง ศุนย์หน้าคู่บุญของ ฮิทซ์เฟลด์ ซอร์ค โมลเลอร์(ในตอนหลัง) และ เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตลอดกาล สเตฟาน ชาปุยสาท (Stephane Chapuisat) กับสถิติ 218 นัด 102 ประตู จากคุณ : คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 10:22:10

ความคิดเห็นที่ 62 เทพเจ้าของเหล่าแฟนบอลเสือเหลืองคนนึงทีเดียว จากคุณ : คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 10:24:24

ความคิดเห็นที่ 63 ลืมคนนี้หรือยังครับ พอล  แกสคอยน์ จากคุณ : -Azalan- เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 10:49:29

ความคิดเห็นที่ 64 10 ผู้เล่นที่เจ้าของกระทู้กล่าวถึง ผมรู้จักทุกคนเลยครับ เป็นผู้เล่นยุคเดียวกันหมด ผมจำได้เพราะ ทุกคนเก่งมากจริงๆแม้กระทั่งในโลกของเกมส์ ผมจำได้เพราะเกมส์วินนิ่ง4 ในเครื่องเพลย์สเตชั่น 1  ครับ ผมมีทุกคนในทีมของผมเลย จากคุณ : chai7072 เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 10:55:02

ความคิดเห็นที่ 65 #42 นั่นมันยอดนักเตะที่คนยกย่องให้เป็น มาราโดน่าแห่งคาบสมุทรบอลข่าน เชียวครับ อาจจะไม่เท่า มาราโดน่า แต่ก็ไม่น้อยกว่ากันซักไม่เท่าไหร่ กับบทบาทจอมทัพในแดนกลาง จอร์จี้ ฮากี้ (Gheorghe Hagi) ของ โรมาเนีย รีลมาดริด เบรสชา บาร์ซ่า กาลาตาซาราย 515 นัด 237 ประตู ทีมชาติ 125 นัด 35 ประตู และผมว่ามีอีกคนที่รู้สึกว่าใกล้เคียงเก่งแบบเบียดๆกันมา โดยเฉพาะใน USA 94 แม้จะเล่นคนละตำแหน่ง แต่ความสามารถ อิทธิพลในการนำทีม การยิงประตูและฟรีคิกส์นั้น ผมว่ากินกันไม่ลง คนนี้ครับ ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ (Hristo Stoichkov) ยอดคนของบัลแกเรีย และ บาร์ซ่า 473 นัด 225 ประตู ทีมชาติ 83 นัด 37 ประตู จากคุณ : คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 10:55:18

ความคิดเห็นที่ 66 เอาช่วงที่ผมทันดูฟุตบอลนะครับ ขอเน้นย้ำศิลปินลูกหนังเหล่านี้ด้วย (อยากรู้ว่าเมพขนาดไหน ไปหาดูใน ยูตู๊บได้ครับ ^ ^) 1. Roberto Baggio : เปียทองคำ สุดยอดนักสร้างสรรค์ของอิตาลี ไม่ต้องกล่าวอะไรมาก แค่เค้าลงสนามในชุดของม้าลาย ก็ทำเอาผมต้องเปิดมาดูไฮไลท์ (ที่สมัยนั้นยังไม่มีถ่ายสดมาก) ดูลีลาการผ่านบอลและลากเลื้อยแล้วครับ 2.Thomas Brolin : หลายคนคงลืมไปแล้วว่า เพชฌฆาตผมทองคนนี้ เคยสร้างชื่อกับปาร์มามาเยอะ กับทีมชาติก็ยิงลูกสวยๆ มากมายจริงๆ 3.Paul Gascoigne : แม้ประวัติจะไม่ค่อยดีมาก แต่ก็มีลีลาเทพๆ เจ๋งๆ ให้ดูเหมือนกัน 4.(ในดวงใจเลย) : Brian Laudrup : หนึ่งในขุนพลเดนมาร์ก แทบจะเรียกได้ว่าเป็นกำลังหลักในชุดที่ประสบความสำเร็จที่สุดของแดนโคนม ลองไปชมลีลาได้ 5.Rui Costa : มิดฟิลด์ระดับเทพ ตอนอยู่ฟิออฯ สุดยอดมาก จริงๆ นึกๆ แล้ว 5 คนนี้อยู่กัลโช่หมด อาจเป็นเพราะผมเริ่มดูบอล ก็เริ่มจากบอลกัลโช่ อิอิ ลีลาแต่ละคนได้ใจจริงๆ ครับ จากคุณ : D-2 เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 10:59:27

ความคิดเห็นที่ 67 อาจคิดไม่เหมือนจขกท.นะครับ สำหรับผม นิยามศิลปินลูกหนัง คือนักบอลที่เล่นบอลได้สวยงาม มีลูกเล่น มีจินตนาการแบบคาดไม่ถึง มีทริคในการเลี้ยงผ่านตัวประกบแบบแปลก ดูลีลาแล้วตื่นตาตื่นใจ เฮ่ย ทำได้ไงวะ ส่วนพวกยิงฟรีคิคแม่นๆ แบบมิไฮโลวิช หรือคนอื่นๆ ผมยังไม่ถือว่าเป็นพวกศิลปินนะ ก็แค่ยิงแม่นแค่นั้นเอง ดังนั้นชื่อที่ยกมา ที่ผมเห็นด้วยเลยก็มี ซีดาน ( คนนี้ไม่ต้องกล่าวไรมาก แค่วิ่งธรรมดาแบบไม่มีบอล ท่าวิ่งก็สง่างามเกินบรรยาย ยิ่งได้เห็นการคลึงบอล การดูดบอลลงมา ยิ่งงดงามยิ่งขึ้น ) คานู นี่ก็ใช่เลย  ดูเก้งก้าง ดูเหมือนไม่เร็ว แต่คลึงบอลหลบคู่แข่งให้เห็นบ่อยๆ ตอนมาไทย ก็คลึงบอลหลบกองหลังทีมชาติไทย 3-4 คนเข้าไปยิงแบบง่ายๆเลย โอโคชา นี่ก็เทพมาก  หานักบอลที่เล่นในอังกฤษ แล้วมีจังหวะโชว์สเตปบอลขั้นเทพให้เห็นน้อยมาก เบิกแคมป์ นี่ก็ใช่ ภาพเค้ากระดกบอลผ่านคู่ต่อสู้ที่ประชิดตัว แล้วพลิกตัวเองไปเล่นบอลต่อ มันเป็นอะไรที่อาร์ทจริงๆ อยากเติมโรนัลดินโญ่ เพิ่มอีกคนครับ  ลีลาข้อเท้าคนนี้สุดยอดที่สุดแล้ว อ้อ แทดเด ของโรม่าก็ไม่ธรรมดา หาดูทริคเค้าได้เลยครับ ขอบพระคุณจขกท.ที่ตั้งกระทู้ดีๆขึ้นมาครับ จากคุณ : คอบอล เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 11:15:10

ความคิดเห็นที่ 68 ผมคิดถึง จานฟรังโก้ โซล่า ครับ จากคุณ : Loacker Vanilla เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 11:16:08

ความคิดเห็นที่ 69 บลังโก้ ของ จขกท. ทำให้นึกถึงอีกคนที่ชื่อคล้ายกัน นั่นคือ บรังโก้ Branco (Claudio Ibrahim Vaz Leal) แชมป์โลก 94 ของบราซิลครับ พ่อคนนี้จัดเป็น ดาวยิงฟรีคิกส์ตีนหนักระดับมาสเตอร์รุ่นบุกเบิกคนแรกของวงการทีเดียว ระยะทำการ 30 หลาขึ้นไป ยิงตรงๆตูมเดียวหาย ทั้งๆที่กองหลังและโกลล์ก็รู้ก็เห็นอยู่ว่ามาแน่ ต้นแบบของ โรแบโต้ คาร์ลอส ตีนหนักอีกคนในรุ่นต่อมา แต่ที่น่าแปลกก็คือ เล่นแบ็คซ้ายเหมือนกันซะด้วย จากคุณ : คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 11:22:32

ความคิดเห็นที่ 70 ชอบเฮียฮวนโรมันมาก ศิลปินไส้แห้ง เก่งจัดแต่ไม่ค่อยดัง แถมเลิกเล่นทีมชาติเร็วซะงั้นทั้งๆที่ตอนนั้นเป็นคีย์แมนของอาเจนอยู่เลย จากคุณ : Loacker Vanilla เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 11:25:13

ความคิดเห็นที่ 71 พอเห็นชื่อ โอโคชา รู้เลย ต้องมีคลิป หลอก คาห์น หลังหักไปหักมา จำได้ ตอนนั้น ดูลด ช่องสาม ถ่าย บุนเดส อานิกร กะ อาช่อคูน พากษ์ ลูกนั้น แจ่มมากครับ ติดตาสุดๆ จากคุณ : ร๊อบบี้ ฟาวล์เรื่อย เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 11:27:44

ความคิดเห็นที่ 72 เลอ ทิส เอ กับ จอร์จี้ ฮาร์จี้ ไม่ติดอ่ะ T^T จขกท.ต้องเล่นวินนิ่งบ่อย ๆ แล้วครับ จะได้ชอบ จอร์จี้ ฮาร์จี้ 555 จากคุณ : โหม่งเห็ด เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 11:40:31

ความคิดเห็นที่ 73 ยุคผม เควิน คีแกน พอล ไบร์เน่อร์ เฟริก มากัธ คาร์ลไฮ รุมมินิเก้ จากคุณ : ลุงแดง (มดแดง สารภี) เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 11:41:30

ความคิดเห็นที่ 74 ถ้าศิลปะบนฟลอร์หญ้าไม่ได้หมายถึงการเล่นที่สวยงามอย่างเดียว แต่รวมถึงการเล่นฉีกกฎด้วยล่ะก็ ผมอยากให้ตำแหน่งอื่นๆด้วยนะ  บาร์กเตซ ลูซิโอ ดูสองคนนี้เล่นกี่ทีมันทุกที  จะมีผู้รักษาประตูกับกองหลังสักกี่คนที่กล้าเล่นอย่างนี้ จากคุณ : Loacker Vanilla เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 11:45:24

ความคิดเห็นที่ 75 เป็นกระทู้ที่ดีครับ แต่ไม่ชอบอย่างแรงที่จขกทบอกว่าฟรีคิกของเบคส์เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บของมิไฮโลวิช เว่อร์เกินไปแล้ว ช่วงนั้นอย่างน้อยเบคส์ก็จัดเป็นมือสังหารระดับ Top5แน่นอน จำนวนประตูที่ได้มาจากลูกฟรีคิกตลอดอาชีพค้าแข้งก็ไม่ต่ำกว่า50ลูก  ไม่ใช่ตัวยิงฟรีคิกกะโหลกกะลาหรอก จากคุณ : maezono_no7 เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 12:01:03

ความคิดเห็นที่ 76 ทำไมไม่รอ จขกท เค้า พิมพ์ให้มันเสร็จๆก่อนครับ ค่อยแสดงความคิดเห็นกัน ผม งง เห้อ.....!!! จากคุณ : photobyari เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 12:13:09

ความคิดเห็นที่ 77 เปียทองคำครับ -- แต่เสียดายเฮียแกไม่เคยได้แชมป์โลก จากคุณ : ไม่หมูนะครับ เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 12:35:39

ความคิดเห็นที่ 78 หลายๆคนชอบดูถูกคานู   ทั้งๆที่ช่วงพีคของคานูนี่ก็ซลาตันสมัยนี้ดีๆนี่เอง เพียงแต่ช่วงพีคจริงๆของแกมีไม่นานนัก จากคุณ : NON-MEM เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 12:44:24

ความคิดเห็นที่ 79 ถ้ามี ซีดาน ก็ต้องมีคนนี้ด้วยครับ ริวัลโด้ (Rivaldo Vítor Borba Ferreira) เบอร์ 10 ของบราซิล และ บาร์ซ่า อายุก็เท่ากัน ตอนแรกๆก็เบียดกันมา ก่อนที่คนทั่วไปจะยกให้ซีดานเหนือกว่าในบอลโลกปี 98 ส่วนผมคิดว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ ปล. ริวัลโด้ ได้แชมป์โลก 94 (ฝรั่งเศสตกรอบคัดเลือก) ซีดาน ได้แชมป์โลก 98 (นัดชิงชนะบราซิลที่มีริวัลโด้) จากคุณ : คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 13:01:58

ความคิดเห็นที่ 80 ไว้ว่างๆจะมาโพสต์ใหม่ครับ จากคุณ : คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 13:02:50

ความคิดเห็นที่ 81 -  โรเจอร์ มิลล่า -   เรเน่   ฮิติก้า - โฮเซ่  หลุยซิลาเวิร์ต ผมชอบแนวนี้ประมาณนี้  ฝีเท้าก็สุดยอด เป็นสีสัน มีลีลา  ยิ่งปู่โรเจอร์ ผมว่าแกไม่ธรรมดาจริงๆ ลืมไปครับ อีกคน ผู้รักษาประตูตัวเล็กๆของmexico ที่ชอบใส่เสื้อสีเจ็บๆผมจำชื่อบ่ได้ ใครนึกออกบอกที จากคุณ : Co-plavix เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 13:10:47

ความคิดเห็นที่ 82 คห.81 ฮอร์เก้ แคมโปส ครับ สีเสื้อแกบาดลูกกะตาจริงๆ จากคุณ : Eye of Sauron เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 13:21:58

ความคิดเห็นที่ 83 ^ ^ ^ ฮอเก้ คัมโปส จากคุณ : Billie Jean เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 13:24:01

ความคิดเห็นที่ 84 ยุค 90 นี่ จอมขมังเวทย์เยอะจริงๆ ดูเพลินตามากๆ ปัจจุบัน ลีลาเยอะ มักโดนดรอป ต้องเล่นง่าย ออกบอลเร็วเข้าว่า จากคุณ : online guy เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 13:34:32

ความคิดเห็นที่ 85 ประเด็นคือในฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่ชอบให้มีการครองบอลหรือโชว์ลีลามากมาย พอความสำเร็จของบาร์ซาเข้ามา ทุกทีมพยายามเน้นต่อบอลเร็ว พาสแอนด์มูฟ พวกมิดฟิลด์ตัวรุกที่ครองบอล เลี้ยงบอลผ่านกองหลังมักไม่ได้เกิดกับทีมใหญ่ ๆ อย่างที่เจ้าของกระทู้บอก มันมากับธุรกิจและความสำเร็จ เอาแค่นักบอลที่ครองบอลพักบอลบ่อย ๆ สังเกตแฟนบอลห้องนี้ก็จะด่ากันแล้วว่าทำให้เกมช้า แต่ศิลปินลูกหนังของ จขกท. นี่ขาดไปหลายคนเลยนะครับ ขอเพิ่มเติมให้ตั้งแต่ดูบอลนะครับ คราซิเมียร์ บาลาคอฟ จอร์จี้ ฮาจี้ ดราแกน สตอยโกวิช รุด กุลลิท เปแดร็ก มิยาโตวิช จูนินโญ่ อาเรียล ออร์เตก้า ฮวน โรมัน ริเคลเม่ คาร์ลอส วัลเดอร์ราม่า เดยัน ซาวิเซวิช โรเบิร์ต โปรซิเนกกี้ อเล็กซานเดอร์ มอสโตวอย อเล็น บ็อคซิค ฮริสโต้ สตอยคอฟ เอ็นโช ฟรานเชสโคลี โธมัส เฮสเลอร์ อูเว่ บายน์ ซโวนีเมียร์ โบบัน ฯลฯ ยิ่งเขียนยิ่งเพลิน พอแค่นี้ก่อนดีกว่า เน้นไปที่นักเตะยุโรปตะวันออกเป็นหลักกับอเมริกาใต้และยุโรปบ้างเล็กน้อย เพราะคิดว่าคงรู้จักกันดีกว่านักเตะยุโรปตะวันออกครับ จากคุณ : mayerboss เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 13:45:29

ความคิดเห็นที่ 86 ผมว่า บางทีมันเป็นเรื่องความชอบนะ อะไรที่มัน หมดไปแล้วไม่มีวันมาดูได้อีก คนเรามักจะมองมันเป็นตำนาน หรือเลิศเลอ แต่ความจริงบางทีเราอาจอยู่ในตำนานยุคปัจจุบันอยู่ก็ได้ คริสเตียนโน กับ เมสซี่ นี่ผมให้สองคนนี้เป็นตำนานที่ยัง "เล่นอยู่" ได้เลย ไม่ด้อยไปกว่าที่เอ่ยชื่อมาแน่นอน เป็น ศิลปินลูกหนังโดยแท้ ถ้าศิลปินในอดีตที่เอ่ยมา ผมชอบ เบิร์กแคม ที่สุดอ่ะ จากคุณ : Bearlandia เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 14:04:03

ความคิดเห็นที่ 87 ลูกฟรีคิกจากปีกขวาหน้าหล่อจาก Manchester UTD นั้น ยังเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บของมิไฮโลวิชผู้นี้   -------------------------------------------------------------- อันนี้เว่อร์ไปครับ ผมชอบทั้งเบคและมิไฮนะ รวมถึงน้องจู-แปร์นัม ด้วย และก็คิดว่าฟรีคิกของทั้ง 3 คน อยู่ในระดับเดียวกัน คือระดับโลกนั่นแหละ พออ่านความเห็นตรงนี้ แล้วเสียอารมณ์พอสมควร เหมือนจริงๆแล้ว จขกท. แค่อยากจะกระแนะกระแหนคนที่ดูแต่บอลอังกฤษ รู้จักแต่เบคแฮม จนกลายเป็นอวยมิไฮซะยังกับเทวดามาจากอีกภพนึง ส่วนคนอื่นที่มาปาดบ้าง เรียกร้องจะเอาคนนู้นคนนี้บ้าง บางทีก็เหมือนไม่ได้ดูคอนเซปต์กระทู้เลย จขกท. เค้าโพสออกแนวผู้เล่นศิลปินในอดีต บางคนมาแบบ ซูเคอร์ งี้ มันใช่เหรอครับ ไอ้เก่งน่ะเก่งแน่ ผมก็ยกให้ซูเคอร์อยู่ระดับเดียวกับบาติโกล์ หรือใครอีกหลายคนในสมัยนั้น แต่ดูยังไงเค้าก็ไม่ใช่กองหน้าแนวสร้างสรรค์ศิลปะบนพื้นหญ้าอะไรแบบนั้น จากคุณ : Limelight เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 14:22:50

ความคิดเห็นที่ 88 ยุคนี้เหมือนความสวยงามของฟุตบอลจะถูกมองเป็นภาพรวมของทีมมากกว่า เหมือนบาซ่าที่ต่อบอลกันแม่นจนคู่ต่อสู้แทบไม่ได้บอลไปเล่น ความสวยงามของฟุตบอลคงต้องมาพร้อมประสิทธิภาพด้วย นักเตะที่เราชอบสุด ๆ เป็นแนวRobotแฮะ คือสั่งมาเถอะว่าจะให้ทำอะไร พี่แกก็จะทำอยู่อย่างนั้นแหละ แต่เวลาเห็นนักเตะแบบซีดานนี่ รู้สึกว่าน่าทึ่งจริง ๆ นะ อะไรจะสวยงามแบบนั้น เสียดายที่พอมาดูบอล ซีดานก็แขวนสตั๊ดส์ไปแล้ว มิไฮโลวิชก็สุดยอด ทั้งแม่นทั้งแรง มหัศจรรย์จริงๆ ตอนนี้มีลูกหลานมิไฮโลวิชแอบมาอยู่ที่ซิตี้คนนึงนะ ก็จับตาดูกันต่อไป : ) (แต่ฉันว่าโคลารอฟเอาดีทางอื่นนอกจากฟรีคิกมั่งก็ดีนะ เดี๋ยวจะโดนขายซะก่อน ) จากคุณ : Wadoiji เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 14:26:24

ความคิดเห็นที่ 89 ส่วนตัวผมชอบคนนี้มาก ๆ ฮะ อิวานอฟ เซ็นเตอร์ของบัลแกเรีย เติมเกมบุกกับยิงฟรีคิก ได้เมามันส์มาก จากคุณ : น้องบอย (hydehalf) เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 14:42:38

ความคิดเห็นที่ 90 ขอส่งคนนี้เข้าประกวดครับ ยุคนั้นใครไม่รู้จัก เชย !!!~~ จากคุณ : Phyz เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 15:18:52

ความคิดเห็นที่ 91 juninho paulista หมายเลข 10 ของโบโร่ยุครุ่งเรืองนั่นเอง ~~~ จากคุณ : Phyz เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 15:21:15

ความคิดเห็นที่ 92 ต๊อตตี้ก็ศิลปินพอตัวเลยครับ โดยเฉพาะลูกจ่าย จากคุณ : Lazy Genius เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 16:47:51

ความคิดเห็นที่ 93 รู้จักทุกคนครับ ทันอยู่ แต่ยังไม่แก่นะ หิหิ จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 17:11:57

ความคิดเห็นที่ 94 ถ้าได้ยินชื่อพวกเค้าคุณนึกถึงเหตุการณ์ไหน สำหรับผมออกมาเป็นแบบนี้ -บลังโก้ ท่าหนีบบอลไม้ตายหากิน -ชิโนล่า ช็อตพลาดครั้งประวัติศาสตร์ทำทีมอดไปอเมริกา -มิไฮโลวิช แฮตทริกฟรีคิกนัดยำลา ซามพ์ 5-2 -ดิ คานิโอ โชว์ความนิ่งเขี่ยผีแดงตกรอบเอฟเออย่างเลือดเย็น แม้เฮียโป๊งเหน่งจะเล่นเกมส์จิตวิทยาใส่ -เดนิลสัน หลอกกองหลังเยอรมันหัวทิ่มในนัดชิงบอลโลกที่ญี่ปุ่น   -คานู นักเตะที่เผาเวลาได้ดีที่สุดในโลก ช่วงทดเจ็บลากบอลเข้ามุมดื้อๆ แบบกองหลังหมดสิทธิ์แย่ง -โอโคชา ชื่อนี้มาพร้อมกับความพริ้วไหวดุจสายน้ำ อย่าว่าแต่ 1-1 เลย สามคนยังเอาไม่ค่อยจะอยู่ -เบิร์กแค้มป์ ลูกยิงในตำนานนัดเจออาร์เจนติน่า และอีกครั้งในนัดเจอนิวคาสเซิ่ล -คันโตน่า ลูกถอยหลังวอลเล่ย์แหวกฝูงนักเตะลิเวอร์พูลในนัดชิงเอฟเอ -ซีดาน สำเร็จโทษบุฟฟ่อนอย่างเลือดเย็นในนัดชิงบอลโลก จากคุณ : FireLion เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 17:41:10

ความคิดเห็นที่ 95 1982-1986 ฟุตบอลโลกสองสมัยนี้เต็มไปด้วยนักเตะศิลปิน โดยเฉพาะตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ เท่าที่ผมจำได้ก็มีั ฟานเชสโคลี่ ซิโก้ ชีัโฟ่ ปาแปง โซคราเตส บูตราเกโน่ พลาตินี่ มาราโดน่า ฯลฯ พวกนี้สมัยเป็นนักเตะลีลาเหลือรับประทาน ตอนนี้มาเป็นโค้ชกันเกือบหมด จากคุณ : คนข้างใจ เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 18:01:41

ความคิดเห็นที่ 96 ต๊อตติ - ศิลปะแห่งการชิพ จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 18:10:42

ความคิดเห็นที่ 97 ไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ใช้ในการเปรียบเทียบ การยิงฟรีคิกของมิไฮโลวิชกับเบ็คแฮ่มครับ แม้ผมจะคิดเหมือน จขกทว่า เบ็คแฮ่มไม่ได้ยิงฟรีคิกได้ยอดเยี่ยมอย่างที่สื่อยกย่อง   การยิงฟรีคิกของเบ็คส์ยิงได้ไม่กี่แบบ และไม่กี่ระยะครับ ต่างจากมิไฮโลวิชที่ยิงได้ทุกระยะและทุกมุม ซึ่งพูดได้เต็มปากว่าถ้าได้ฟรีคิกปุป ถ้าเห็นมิไฮมายืนก็แทบลุ้นได้ว่าจะเข้าไม่เข้า แต่เป็นเบ็คส์จะรู้เลยว่าถ้าเป็นมุมแบบนี้ยังไงเบ็คส์ก็ยิงไม่เข้า แต่จะมีมุมโปรดของเบ็คส์ที่ยิงยังไงก็เข้าเหมือนกัน แต่ผมว่าเบ็คแฮมก็เป็นศิลปินบนพื้นสนามคนหนึ่งนะครับ ลูกเปิดจากกราบสนามของเบ็คส์ นี่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นความสมบูรณ์แบบที่สวยงามเวลาลูกบอลลอยออกจากเท้าเค้าไป แต่ จขกท นับตั้งแต่ปี 94 ไม่น่าพลาดจะใส่ชื่อชายที่ชื่อว่า โรแบร์โต้ บักโจ้ ลงไปดวยเลย ศิลปินบนพื้นสนามตัวพ่อเลยนะครับสำหรับผม ในฐานะที่ผมเชียร์บราซิลในปีนั้นผมกับขอบการเล่นฟุตบอลของโรบี่มาก จนนัดชิง กลายเป็นว่าผมดูการเล่นบอลครองบอลของเค้าในการทำเกมรุกของอิตาลีที่เน้นรับตลอดศกในยุคนั้นได้เพลิดเพลินกว่าบราซิลอีก จากคุณ : et009 เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 18:25:58

ความคิดเห็นที่ 98 ไม่มีอะไรจะพูดให้กระทู้นี้ครับ นอกจากคำว่า... จากคุณ : John Bames เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 19:13:27

ความคิดเห็นที่ 99 ศิลปินลูกหนักช่วงปี 90-2000 นี่นับไปนับมาเยอะนะครับ ปัจจุบันเหลือน้อยแล้ว เพราะเล่นตามแท็คติกกันเยอะ แต่ยังไง ซีดานก็ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดเหนือกว่าทุกคน ไม่ใช่แค่คล่องแคล่ว แต่สง่างามที่สุด จากคุณ : A E Y A U D D A เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 19:54:24

ความคิดเห็นที่ 100 คิดถึง แมทธิว เลอ ทิซซิเอร์ พ่อมดในคราบนักบุญ... จากคุณ : notbao เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 20:00:00

ความคิดเห็นที่ 101 พระเจ้าของเซาแธมตัน จากคุณ : notbao เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 20:01:02

ความคิดเห็นที่ 102 เกิดไม่ทัน จากคุณ : juice&boy เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 20:10:51

ความคิดเห็นที่ 103 อย่างชิโนล่าเรียกว่าเป็นความผิดพลาดมากกว่าครับ เพราะถ้าพูดถึงตามกระทู้ น่าจะพูดถึงลีลาการเลี้ยง การยิงบอลตอนอยู่นิวฯมากกว่า หลายๆคนเห็นด้วย หลายๆคนยังไม่เห็นด้วย แต่ก็ขอบคุณกระทู้ดีๆเน้อออออ จากคุณ : KapampaBlue เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 20:28:41