ความคิดเห็นที่ 1 เอฟเอคัพปี2001 เจอกับอาร์เซนอล เริ่มเกมได้ไม่นานก็ถูกเธียร์รี่ อองรีหลุดเดี่ยวแตะหลบเวสเซอร์เฟลเข้าไปยิง แต่ถูกสเตฟาน อองโชใช้มือปัดออกหลัง แต่กรรมการตัดสินให้โกล์เตะจากเส้นประตูซะงั้น จากนั้นอาร์เซนอลก็บุกต่ออีกหลายครั้ง ครั้งที่หวาดเสียวที่สุดถูกอองรีและชิลด์ กรีมองดี้รุมยิง บอลกระฉอกไปเข้าทางแอชลีย์ โคลที่เติมเข้ามา โคลยิงโดยไม่จับ ใส่ประตูที่โล่งกว้างปราศจากผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูล แต่ซามี่ ฮูเปียวิ่งเข้ามาเตะสกัดจากเส้นได้ทันท่วงที หลังจากนั้นไม่นาน อองรีก็หลุดเข้ามายิงอีก แต่เวสเซอร์เฟลเซฟเอาไว้ได้ แต่บอลก็กระฉอกไปเข้าทางเฟดเดอริค ลุงเบิร์ก ซึ่งเข้ามาชิพบอลข้ามหัวเวสเซอร์เฟลไปยังโกล์ที่โล่งอยู่ แต่ฮูเปียเจ้าเก่าก็มายืนดักรอลูกแล้วโหม่งสกัดจากเส้นได้อีกครั้ง ครึ่งหลังลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูจากลูกโหม่งของเอมิล เฮสกี้ แต่เดวิด ซีแมนก็เซฟเอาไว้ได้ จนนาทีที่73 โรแบร์ ปีแรสก็จ่ายให้ลุงเบิร์กหลุดเข้าไปยิงให้อาร์เซนอลขึ้นนำ1-0 จากนั้นไม่กี่นาทีอาร์เ้ซนอลก็เกือบได้อีกลูก อองรียิงติดเซฟของเวสเซอร์เฟล แต่บอลก็เด้งกลับมาเข้าทางออกรีอีกครั้ง ซึ่งอองรีก็หวดเต็มแรง แต่กลับโดนไม่เต็มเท้า(โดนปุ่มสตั๊ด) บอลจึงไหลไปช้าๆ และฮูเปียก็เข้ามาเกี่ยวลูกไปได้ ในที่สุดนาทีที่82ลิเวอร์พูลก็ได้ฟรีคิก แม็คอลิสเตอร์เปิดเข้าไป นักเตะทั้ง2ฝ่ายแย่งกันโหม่ง ก่อนที่บอลจะตกพื้นและไมเคิล โอเว่นเข้ามาล้มตัวยิงตีเสมอ1-1 ช่วงท้ายเกม ขณะที่อาร์แซน เวนเกอร์กำลังคิดแผนการแก้เกมในช่วงต่อเวลาพิเศษ แพทริค แบร์เกอร์ก็เปิดบอลยาวให้โอเว่นเลี้ยงมายังแดนของอาร์เซนอล เบียดชนะลี ดิ๊กสัน แตะหลบโทนี่ อดัม และยิงเรียดผ่านมือซีแมนเข้าไปให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ2-1ในนาทีที่88 จบเกมส์ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะไป2-1 ได้แชมป์เอฟเอคัพสมัยที่6ไปครองในที่สุด จากคุณ : Mafiya เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:13:22

ความคิดเห็นที่ 2 ยูฟ่าคัพ ปี2001 เจอกับอลาเบสจากสเปน ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน1-0 จากลูกโหม่งของมาร์คุส บับเบิ้ล ก่อนจะเป็น2-0จากสตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่อลาเบสก็ไล่ตามมาเป็น2-1 จากลูกโหม่งของอีบัน อลองโซ แต่โอเว่นก็ถูกทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ แล้วก็เป็นแม็คอลิสเตอร์ยิงจุดโทษเข้าไปให้ลิเวอร์พูลหนีไปเป็น3-1 ครึ่งหลังอลาเบสไล่ตามมาเป็น3-2จากลูกโหม่งของชาบี โมเรโน และอีกไม่นานโมเรโนคนเดิมก็ยิงตีเสมอเป็น3-3 แต่หลังจากนั้นฟาวเลอร์ก็ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำเป็น4-3 แต่แล้วในนาทีที่89 จอร์ดี้ ครัฟ อดีตนักเตะแมนยูผู้เป็นลูกชายของโยฮัน ครัฟก็โหม่งตีเสมอลิเวอร์พูลเป็น4-4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เดลฟิ เกลี กองหลังอลาเบสโหม่งเข้าประตูตัวเองให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำเป็น5-4 จบเกมลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะไป5-4 ได้แชมป์ยูฟ่าคัพสมัยที่3ไปครองในที่สุด แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 16:09:51 จากคุณ : Mafiya เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:13:49

ความคิดเห็นที่ 3 ในการแข่งยูฟ่า แชมป์เปียนสลีกปี2005 ลิเวอร์พูลพบกับเอซี มิลาน แชมป์6สมัยจากอิตาลี ไม่ถึง1นาทีฌิมี่ ตราโอเลก็ทำฟาวล์กาก้าทางกราบซ้าย อันเดรีย ปีร์โล่เปิดฟรีคิกเข้าไปให้เปาโล มัลดินียิงให้เอซี มิลานขึ้นนำ1-0อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน มิลานก็ได้ลูกเตะมุม คลาเรนซ์ เซดอล์ฟเปิดลูกเตะมุมให้เฮอร์นัน เครสโปโหม่งเต็มๆ แต่บอลติดหลุยส์ การ์เซียที่ยืนคุมเส้นอยู่ ต่อจากนั้นมิลานบุกเข้ามาเป็นแผงทั้งอังเดร เชฟเชนโก,เครสโปและกาก้า เจอร์ราร์ดพยายามสกัดบอลจากเครสโป ทำให้บอลหลุดไปถึงเชฟเชนโก และเชฟเชนโกสามารถส่งลูกบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จ แต่ไลน์แมนยกธงล้ำหน้าเสียก่อน จากนั้นลิเวอร์พูลก็บุกใส่บ้าง การ์เซียเลี้ยงบอลไปแต่ถูกสกัดโดยอเลสซานโดร เนสต้า แม้ว่าการ์เซียพยายามจะฟ้องว่าบอลโดนแขนเนสต้า กรรมการก็ไม่สนใจ 3ประสานอันตรายของมิลานบุกสวนกลับ กาก้าจ่ายบอลไปทางขวาให้เชฟเชนโก ก่อนที่เชฟเชนโกจะจ่ายเรียดเข้าเขตโทษให้เครสโปเข้ามายิง2-0 หนำซ้ำในช่วงนาทีที่44กาก้าก็จ่ายทะลุให้เครสโปหลุดไปชิพข้ามหัวเจอร์ซีย์ ดูเด็คเข้าไปเป็น3-0 ครึ่งหลังลิเวอร์พูลเกือบเสียลูกที่4จากฟรีคิกของเชฟเชนโก แต่ดูเด็คปัดออกไปได้ฉิวเฉียด แต่ในที่สุดยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ก็สามารถเปิดบอลเข้าเขตโทษของมิลาน ให้เจอร์ราร์ดโหม่งตีไข่แตกให้ลิเวอร์พูลไล่ตามมาเป็น3-1 ก่อนจะไล่ตามมาเป็น3-2จากลูกยิงไกลของวลาดิเมียร์ สมิเซอร์ และแล้วเวลาที่เดอะ ค็อปรอคอยก็มาถึง คาราเกอร์จ่ายบอลเข้าเขตโทษให้มิลาน บารอส ซึ่งตอกส้นต่อให้เจอร์ราร์ด แต่ก่อนที่กัปตันจีจะได้ทำอะไร เจนนาโร่ กัตตูโซก็วิ่งเข้ามาขัดขาเจอร์ราร์ดล้มลง กรรมการเป่าให้ลิเวอร์พูลได้จุดโทษ คนรับหน้าที่สังหารคือชาบี อลองโซ ซึ่งยิงไปติดเซฟของดีด้า แต่อลองโซก็วิ่งเข้าไปซ้ำได้ทัน ทำให้ลิเวอร์พูลตีเสมอเป็น3-3 ลิเวอร์พูลได้โอกาสอีกครั้งจากลูกยิงไกลของรีเซ่ แต่ดีด้าปัดบอลไว้ได้ จากนั้นก็เป็นโอกาสของมิลาน เมื่อเชฟเชนโกจ่ายบอลเข้าเขตโทษ ดูเด็คกับคาราเกอร์ชนกันเองจนบอลกระฉอกไปเข้าทางเครสโป แต่ตราโอเล่วิ่งเข้ามาล้มตัวสกัดจากเส้นเอาไว้ได้ทันท่วงที ช่วงท้ายเกมเชฟเชนโกจ่ายให้กาก้าในเขดโทษ แต่คาราเกอร์เข้ามาเสียบกาก้าไว้ทัน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ คาราเกอร์ช่วยชีวิตลิเวอร์พูลไว้อีกครั้ง เมื่อสามารถสกัดบอลจากยอห์น ดาร์ล โทมัสสันเอาไว้ได้ และในนาทีที่118 แซร์จิญโญก็เปิดบอลให้เชฟเชนโกโหม่งในกรอบเขตโทษ แต่ดูเด็คเซฟเอาไว้ได้ แต่เชฟเชนโกก็วิ่งเข้าไปซ้ำจ่อๆ แต่ดูเด็คก็เซฟจ่อๆเช่นกัน ทดเจ็บต่อเวลาพิเศษลิเวอร์พูลได้โอกาสทองจากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ แต่นักเตะมิลานสามารถบล็อกลูกฟรีคิกของรีเซ่ได้ จึงต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ คนแรกของมิลานคือแซร์จิญโญ ยิงข้ามคาน ส่วนคนแรกของลิเวอร์พูลคือฮามันน์ยิงเข้าไปได้ คนที่2ของมิลานคือปีร์โล่ ยิงไปติดเซฟของดูเด็ค ส่วนของลิเวอร์พูลคือฌิบริล ซิสเซ่ก็ยิงเข้าไปได้ คนที่3ของมิลานคือโทมัสสันยิงเข้า ขณะที่รีเซ่ของลิเวอร์พูลถูกดีด้าเซฟไว้ได้ ลูกที่4ทั้งกาก้าของมิลาน และสมิเซอร์ของลิเวอร์พูลยิงเข้าทั้งคู่ คนที่5ของมิลานคืออังเดร เชฟเชนโก ก็ถูกดูเด็คเซฟเอาไว้ได้ ลิเวอร์พูลจึงเป็นฝ่ายชนะ ได้แชมป์ยูฟ่า แชมป์เปียนสลีกสมัยที่5ไปครองในที่สุด จากคุณ : Mafiya เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:14:55

ความคิดเห็นที่ 4 เอฟเอคัพปี2006 พบกับเวสต์แฮม เริ่มเกมได้ไม่ทันไรลีโอเนล สกาโลนีก็เปิดบอลเรียดเข้ามาในกรอบเขตโทษของลิเวอร์พูล และเป็นคาราเกอร์สกัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเองให้เวสต์แฮมขึ้นนำ1-0 ก่อนที่แมทธิว เอเธอริงตันจะยิงไกลใส่ลิเวอร์พูล โฆเซ่ เรน่าเซฟกระฉอก ทำให้ดีน แอชตันวิ่งเข้ามาซ้ำให้เวสต์แฮมขึ้นนำ2-0 จากนั้นปีเตอร์ เคร้าช์กระโดดยิงเข้าประตูเวสต์แฮมอย่างสวยงาม แต่...ล้ำหน้า แต่จากนั้นไม่นาน เจอร์ราร์ดก็เปิดบอลให้ซิสเซ่ล้มตัวยิงตีไข่แตก2-1 ครึ่งหลังบอลขลุกขลิกในเขตโทษเวสต์แฮม ถูกเจอร์ราร์ดวิ่งเข้ามาซัดเต็มข้อตาข่ายแทบขาด ให้ลิเวอร์พูลตีเสมอเป็น2-2 แต่แล้วพอล คอนเชสกี้พยายามจะเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษลิเวอร์พูล แต่เปิดผิดเหลี่ยม บอลย้อยเข้าประตูลิเวอร์พูลให้เวสต์แฮมขึ้นนำ3-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นักเตะลิเวอร์พูลเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษของเวสต์แฮม ถูกนักเตะเวสต์แฮมโหม่งสกัดออกมา และเป็นเจอร์ราร์ดวิ่งเข้ามาซัดจากระยะ30กว่า่หลา บอลพุ่งผ่านมือชาลเก้ ฮิสล็อปเป็นประตูตีเสมอสุดสวยให้ลิเวอร์พูลต่อลมหายใจในเอฟเอคัพ ในช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่118 นักเตะเวสต์แฮมเปิดบอลเข้ามาให้บ็อบบี้ ซาโมร่าโหม่งชนคาน ก่อนที่บอลจะเด้งมาทางมาร์ลอน แฮร์วู้ดซึ่งได้โอกาสยิงจ่อๆ แต่ยิงแป้กออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย ถึงเวลาดวลจุดโทษ ลูกแรกของลิเวอร์พูลฮามันน์ยิงเข้าไปได้ ส่วนบ็อบบี้ ซาโมร่าของเวสต์แฮมยิงไปติดเซฟของเรน่า ลูกที่2ฮูเปียยิงไปติดเซฟฮิสล็อป ขณะที่เท็ดดี้ เชอริงแฮมยิงเข้าไปได้ ลูกที่3เจอร์ราร์ดยิงเข้าไปได้ ส่วนคอนเชสกี้ถูกเรน่าเซฟไว้ได้ ลูกที่4รีเซ่ยิงเข้า ขณะที่ลูกยิงของแอนตัน เฟอร์ดินานด์ของเวสต์แฮมก็ถูกเรน่าเซฟไว้ได้ ทำให้ลิวเอร์พูลเป็นฝ่ายชนะ ได้แชมป์เอฟเอคัพสมัยที่7ไปครองในที่สุด แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 20:33:43 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 16:14:59 จากคุณ : Mafiya เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:15:21

ความคิดเห็นที่ 5 และสุดท้าย คาร์ลิงคัพปี2012 เมื่อคืนนี้ พบกับคาร์ดิฟ เริ่มเกมได้ไม่ถึง2นาทีลิเวอร์พูลพลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย เมื่อเกล็น จอห์นสันก็ยิงไปชนคาน แต่คาร์ดิฟซึ่งเล่นเกมรับได้อย่างมีวินัยกว่าสามารถขึ้นนำลิเวอร์พูลได้จาก ลูกยิงของโจ มาร์สัม จากนั้นลิเวอร์พูลก็บุกหนักตลอด แต่เพราะความไม่เฉียบคม และเกมรับที่มีวินัยของคาร์ดิฟทำให้ได้แค่หวาดเสียว จนในที่สุดขณะที่หลายๆคนกำลังคิดว่าโชคไม่เข้าข้าง เมื่อลูกโหม่งของหลุยส์ ซัวเรซไปชนเสา บอลเด้งมาเข้าทางของมาร์ติน สเคอร์เทล และสเคอร์เทลก็ยิงตีเสมอให้ลิเวอร์พูลเป็น1-1 จากนั้นทั้ง2ฝ่ายก็ผลัดกันบุก ผลัดกันเสียวแต่ยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันไป1-1 ต่อเวลาพิเศษครึ่งแรกมีเสียวจากลูกโหม่งของแอนดี้ คาร์โรลล์ แต่บอลถากหลุดเสาไปนิดเดียว ขณะที่ลูกโหม่งของซัวเรซถูกแอนดรูว์ เทย์เลอร์สกัดจากเส้นเอาไว้ได้ แต่ในที่สุดในครึ่งหลังของการต่อเวลาพิเศษเดิร์ค เคาท์ลากบอลมาถึงหน้ากรอบเขตโทษก่อนจ่ายเลียดเข้าเขตโทษ นักเตะคาร์ดิฟสกัดออกมา เคาท์จึงล้มตัวยิงสวนเข้าไปให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ2-1 นาทีที่117 นักเตะคาร์ดิฟโหม่งลูกเตะมุมใส่ลิเวอร์พูล แต่เคาท์โหม่งสกัดจากเส้นเอาไว้ได้ แต่ลูกเตะมุมลูกถัดมาแม้ว่าเคาท์จะล้มตัวสกัดเอาไว้ แต่ไม่สามารถป้องกันลูกยิงจ่อๆของเบน เทิร์นเนอร์ไว้ได้ สุดท้ายลิเวอร์พูลต้องมาตัดสินด้วยลูกจุดโทษอีกครั้ง ลูกแรกของลิเวอร์พูล เจอร์ราร์ดยิงไปถูกทอม ฮีตันปัดไปชนคานเด้งออกมา ขณะที่เคนนี่ มิลเลอร์ของคาร์ดิฟยิงไปชนเสา คนที่2ของลิเวอร์พูลคือชาร์ลี อดัมยิงข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้น ส่วนดอน โควีของคาร์ดิฟยิงเข้า คนที่3ของลิเวอร์พูลคือเดิร์ค เคาท์ยิงเข้าได้เป็นคนแรก ขณะที่รูดี้ เชสเตเด้ของคาร์ดิฟก็ยิงไปชนเสา คนที่4ของลิเวอร์พูล สจ๊วต ดาวน์นิงก็ยิงเข้า เช่นเดียวกับฝ่ายคาร์ดิฟคือปีเตอร์ วิตทิงแฮม ลูกที่5ของลิเวอร์พูลคือเกล็น จอห์นสันก็ยิงเข้าไปได้ ส่วนฝ่ายคาร์ดิฟส่งแอนโธนี เจอร์ราร์ด ญาติต่างเชื้อชาติของสตีเว่น เจอร์ราร์ดลงมายิง(แอนโธนีเล่นทีมชาติไอร์แลนด์) ปรากฏว่าแอนโธนียิงออกหลัง ลิเวอร์พูลจึงเป็นฝ่ายชนะ ได้แชมป์คาร์ลิงคัพสมัยที่8ไปครองในที่สุด โดยมีเจอร์ราร์ดผู้พี่เป็นคนชูถ้วย แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 20:32:05 จากคุณ : Mafiya เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:15:58

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านแล้วรู้อย่างเดียวว่า คนเป็นโรคหัวใจเชียร์ลิเวอร์พูลไม่ได้จริงๆ ทีมบ้าอะไร นัดชิงทีไร กระชากอารมณ์คนดูตลอด จากคุณ : Niceguy_C3 เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:30:13

ความคิดเห็นที่ 7 จะมีอะไร สิ้นหวังไปกว่าการที่ โดนยอดทีมในยุคนั้น อย่าง เอซี มิลาน ยำอยู่ข้างเดียว แถมยิงนำไป 3-0 พอกลับมาครึ่งหลัง แม้จะยิงตีเสมอได้ 3 ลูกรวด แต่รูปเกมส์ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย โดนยำ อยู่ข้างเดียวตลอด จากคุณ : น้ำตาจากสวรรค์ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:30:39

ความคิดเห็นที่ 8 ขอตอบว่าUCL2005 สุดๆแล้วค่ะ บอกตรงๆท้อตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว แต่ก็ทนดูจนจบ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน สุดท้ายมันก็สำเร็จ แต่บอกตรงๆใจหายมากยิ่งลูกเซฟเชนโก้จ่อๆหน้าประตู เห็นแบบนั้นแล้วรู้สึกว่าดวงมันอยู่ที่ทีมเราแล้ว มาตอนจุดโทษนี่ก็ลุ้นจริงๆ แทบไม่อยากดูเลย ทีมเราแย่กว่าทุกอย่าง แต่มาถึงจุดๆนี้ได้ เหมือนมันเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ^^ จากคุณ : -เด็กหงส์หลงอลอนโซ่- เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:34:23

ความคิดเห็นที่ 9 "UCL กับ Milan ครับ ... หัวใจจะวาย หลายรสชาติมากๆ ในเกมส์นั้น" จากคุณ : หนุ่ม No.7 เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:47:16

ความคิดเห็นที่ 10 UCL กับ  Milan ผมว่าที่สุดแล้ว ผมไม่ใช่แฟนหงส์แต่ยอมรับเลยว่า หงส์ชุดนั้นหัวใจคุณหล่อมาก จากคุณ : คนมีตังค์ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:51:42

ความคิดเห็นที่ 11 UCL ที่ Istanbul ปี 2005 ที่สุดของที่สุดแล้วครับ Liverpool ไม่มีอะไรที่สู้ Milan ได้เลย.. มีอย่างเดียวคือ หัวใจที่ไม่ยอมแพ้.. มันโกงตายชัดๆ.. ยังกะฮุ้นปวยเอี๊ยงโดนต๊กโกวบ๊อเต็กฟาดฝ่ามือใส่ปางตาย แล้วดันมาได้กินบัวหิมะ.. รอดตายปาฏิหาริย์.. ผมรักที่จะเชียร์ทีมนี้ ก็เพราะ.. มันเป็นทีมที่สามารถแพ้ได้ทุกทีม และสามารถชนะโคตรทีมในโลกได้ทุกทีมนี่แหละ.. เพราะนี่คือ.. "ฟุตบอล" จากคุณ : disappear.. เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:48:25

ความคิดเห็นที่ 12 UCL Final 2005 is number one for me. จากคุณ : เตียวกงจื้อ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:55:22

ความคิดเห็นที่ 13 ยูฟ่า แชมป์ เปี้ยนส์ ลีก เป็นอะไรที่มันติดตา ตราตรึงในความทรงจำเป็นอย่างมาก .. เพราะเหตุนี้แปหละ ผมคงต้องเชียร์ ลิเวอร์พูล ตลอดไป .. จากคุณ : ChaiOoh เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 17:01:30

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่า เจออลาเบส บีบหัวใจ สุด ๆ ครับ ถ้าใครเกิดทัน ได้ดู ..จะต้อง สุดยอด จากคุณ : chen (chenanfield) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 17:06:06

ความคิดเห็นที่ 15 ยูฟ่า แชมป์ เปี้ยนส์ ลีก เป็นอะไรที่มันติดตา ตราตรึงในความทรงจำเป็นอย่างมาก .. เพราะเหตุนี้แปหละ ผมคงต้องเชียร์ ลิเวอร์พูล ตลอดไป .. จากคุณ : ChaiOoh เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 17:07:02

ความคิดเห็นที่ 16 แมทท์เมื่อคืนครับ...เพราะเจอทีมที่ระดับต่ำกว่าแต่เล่นแบบนี้..... ส่วนแมทท์ที่หัวใจจะวายที่สุด แน่นอน ยูฟ่า แชมป์เปียนสลีกกับเอซี มิลาน ปี2005 เพราะถอดใจตั้งแต่ 3-0 แล้ว ปิดทีวีไปแล้วด้วย...แต่คิดว่าไหนๆก้ออุตสาห์ดูแล้ว เลยขอดูจนจบ...ผมกระโดดแบบสุดๆต่อ 3-3 กับลูกที่ดูเด็คเซฟลูกสุดท้าย (แต่เกือบหัวใจวายตอนที่เชฟเชงโก้โหม่งและยิงซ้ำแล้วดูเด็คเซฟเอาไว้) จากคุณ : นาย 17 อดีตเด็กหลังห้อง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 17:10:01

ความคิดเห็นที่ 17 ยูฟ่า ต้องยอมรับจริงๆ -0- จากคุณ : กอร์นคุง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 19:12:56

ความคิดเห็นที่ 18 นัด มหัศจรรย์ที่อิสตันบุล นี่คงที่สุดแล้วสำหรับตอนนี้แหละครับ เต็งบ๊วยตั้งเข้าร่วม ยันเข้ารอบแล้วรอบเล่า มันก็ไม่ยอมตกรอบ ชิงแล้ว...โดนซะยับหมดรูป ตั้งแต่ครึ่งแรก ลุ้นว่าครึ่งหลังจะโดน ซะขนาดไหนอีก...มันก็ยังด้านตีเสมอ ไม่วายไปชนะลูกโทษเค้าอีก...ทำเค้าแสบมา เล่นซะหลายอารมณ์เลย...นัดนั้น จากคุณ : archparty เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 19:38:43

ความคิดเห็นที่ 19 นัดแชมป์เปี้ยนลีก เพราะจากฟอร์มครึ่งแรก มองไม่เห็นว่าจะเอาไรไปสู้มิลานได้เลยรูปเกมส์เป็นรองแบบสุดๆ  นัดอื่นๆ รูปเกมส์ไม่เป็นรองขนาดนี้ ถึงจะเชียร์เหนื่อยแต่ก็พอหวังได้ จากคุณ : Raycer_X เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 19:45:06

ความคิดเห็นที่ 20 ชิงกับมิลาน นี่คงอารมณ์เดียวกับ มนุษย์ สู้กับ มด ในHunterXhunter อ่ะครับ ราชาม่างเมพขนาดนั้น จะไปสู้ยังไงไหว สุดท้ายเจอระเบิดกุหลาบม่างเลย ตายเรียบ... จากคุณ : Kill11by1pass เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 20:14:42

ความคิดเห็นที่ 21 นัดชิงกับมิลานปี2005 เป็นนัดที่สุดยอดของฟุตบอลไปแล้ว ไม่ใช่เฉพาะของลิเวอร์พูล จากคุณ : แกงป่าปลาเห็ดโคน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 20:16:14

ความคิดเห็นที่ 22 Milan 2005 นี้คือที่สุดของที่สุดในการชิงแล้ว ถ้าไม่นับถ้วยรางวัลนะ เอาแค่ ชื่อชั้นทีม ประสบการณ์ ลิเวอร์พูล ควรจะตกรอบตั้งแต่รอบแรกด้วยซ้ำ ก็เข้าๆๆๆมาได้ตลอด ยิงเจอ มิลานนำ 3-0 ยิ่งไปกันใหญ่ คือแบบว่า ตัวผู้เล่นสำรองมิลาน ยังดีกว่าตัวผู้เล่นจริง ลิเวอร์พูลอีก พอตีเสมอได้ 3-3 บอกได้คำเดียวกริ๊ดลั้นบ้านเลย แล้วตอนนั้นใจบอกอย่างเดียวว่าต้องแชมป์ ยังไงก็ต้องแชมป์ เพราะมันบ้ามาก บ้าที่สุด เป็นนัดชิงที่เราว่า ไม่ต้องแฟนลิเวอร์พูลหรอก แฟนบอลทั่วไป ก็ต้องบอกว่าเป็นนัดที่บ้าที่สุดในประวัติศาตร์ มัน เวอร์สุดยอด จากคุณ : Get only me เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 22:35:43

ความคิดเห็นที่ 23 อิสตัลบูล 2005 นั่นล่ะครับ.... ตอนจบครึ่งเวลาแรก กับสกอร์ตามหลัง 0 - 3 ถ้าไม่รักกันจริง ปิดทีวีนอนแบบเซ็งๆดีกว่า ใครจะไปรู้ว่าวลี .... " เจ้านายครับ....ผมนึกว่ามันตายแล้ว " สมัยอ่านสตาร์ซ็อคเกอร์ตอนเด็กๆ จะมาบังเกิดในครึ่งเวลาหลัง มันเป็นคืนที่ " มหัศจรรย์ " จริงๆ สำหรับแฟนๆลิเวอร์พูลทั่วทั้งโลก ขนาดนั่งพิมพ์อยู่นี่ ยังขนลุกทุกทีเมื่อนึกย้อนกลับไปในเวลานั้น.....                                                                                                             > Shine on you crazy diamond < จากคุณ : Romancini เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 00:57:36

ความคิดเห็นที่ 24 UCL นั่นลุ้นครับ แต่กับคาร์ดิฟนั่นมันอึดอัด ทุกครั้งที่ชิงกับทีมที่ชื่อชั้นต่ำกว่าแล้วทำอะไรไม่ได้ เล่นผิดฟอร์มมันอึดอัดครับ แต่ในแง่ของโลกฟุตบอล UCL 2005 นั่นมันคือที่สุดของการ comeback และพลิกล็อคแล้ว ตอนนั้น LFC สู้ Milan ไม่ได้เลย โดนไล่ยำแบบเกือบหมดสภาพ แต่มี 6 นาทีมหัศจรรย์ ผู้เล่นและกองเชียร์ที่ไม่ยอมแพ้ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 10:07:49

ความคิดเห็นที่ 25 สุดยอดก็ต้องกับมิลาน แต่ถ้าเหนื่อยใจที่สุดก็กับคาร์ดิฟฟ์นี่แหละ เริ่มเกมเหนือกว่าทุกอย่าง โดนยิงนำ ตีเสมอแล้วยิงขึ้นนำได้ มาโดนตีเสมอในนาทีสุดท้ายอีก ช่วงยิงลูกโทษสองคนแรกยิงไม่เข้า นึกว่าจบซะแล้ว แต่สามคนสุดท้ายก็มายิงได้สุดยอดโดยไม่มีความกดดันเลย จากคุณ : jiabkung เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 11:02:48

ความคิดเห็นที่ 26 นัด มิลาน นั้น ละ.... ........ผมว่า สุดยอดละ.. จาก  แฟนผี... นัดนั้น ผมดูอยู่... ผมเชียร์ บอลอังกฤษทุกทีม.. เวลาเตะ ... ยูฟ่า . จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 19:00:15

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าไม่นับเกมกับมิลาน ผมชอบนัดชิงกับอาร์เซนอลนะ โดนอาร์เซยำใหญ่ทั้งเกมเหมือนกัน แต่นัดนั้นโอเว่นได้โอกาสยิง 2 ครั้ง เข้าทั้งสองลูกเลย  สะใจจริงๆ จากคุณ : หมูขี้เซา เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 21:24:56