TIA Column : Merseyside Darby Match ของเจอร์ราร์ด
|
 |
บทความนี้อาจมาช้าไปหน่อย ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ ไม่ได้ดูและติดภารกิจที่ทำให้เวลาจะนอนยังแทบไม่พอ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ เพราะเกมนี้จะเป็นหนึ่งในเกมที่แสนพิเศษในหัวใจของเรา คงไม่ต้องบอกสาเหตุกระมังคะ ว่าทำไมมันถึงพิเศษ อิอิ
ขอบรรยายถึงอาการและความรู้สึกหลังจากตื่นขึ้นมาแบบเบลอๆในเช้าวันพุธที่ 14 มีนาคม ซักเล็กน้อย ...เพราะเราไม่เคยลืมวันและเวลาที่ทีมรักต้องลงแข่งไม่ว่าจะรายการใด ดังนั้นพอรู้สึกตัว ก็รีบคว้าโทรศัพท์เช็คผล นาทีที่เปิด SMS หัวใจมันพองโตเอามากๆ ...ชนะ 3-0 เท่านั้นยังไม่พอ ยังเป็น 3 ประตูของกัปตัน แฮตทริกที่ 5 ในชีวิต มันเลยค่อนข้างปลาบปลื้มเป็นพิเศษ
หลังจากโหลดคลิปมาดูแล้ว ส่วนตัวเราคิดว่า ภาพรวมของทีมก็ยังไม่ได้สมบูรณ์นัก ยังมีหลายๆจังหวะในเกมที่จ่ายพลาดแบบไม่น่าพลาด แต่เกมรุกก็ดูวูบวาบดี สถิติยิงประตูสวยงาม โอกาส 15 ครั้ง เข้ากรอบ 10 ลูก เป็น 3 ประตู ที่จริงทำให้นึกถึงเกมก่อนๆที่มีโอกาสกว่า 20 ครั้ง เข้ากรอบก็ไม่น้อย แต่มันไม่เป็นประตูเหมือนกันนะ ยอมรับว่ามันเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งเราไม่ควรไปคิดถึงมันอีก เพียงแต่มันอดเสียดายไม่ได้เท่านั้นเอง
เห็น 2 ประตูหลังที่กัปตันยิงมั้ยคะ ซักเต็มหลังเท้า ลูกเหิรเสียบใต้คาน เชื่อว่านาทีนั้น ทุกคนคงคิดเหมือนกันว่า ดีนะที่มันไม่สูงกว่านั้น เพราะบางที อีกแค่นึ้วเดียว บอลก็อาจชนคานแทน ความแตกต่างมันแค่นี้เองจริงๆ ไม่ได้หมายความว่ากัปตันยิงประตูดีกว่าคนอื่นๆในทีม แต่มันเป็นแค่จังหวะของบอลที่พุ่งออกจากเท้า แน่นอนว่าลูกยิงที่ชนเสาและคานไปกว่า 20 ลูกของเราในฤดูกาลนี้ มันไม่อาจเอามาเป็นข้ออ้างใดๆให้กับคะแนนในตารางได้ เพราะแม้ว่าเราจะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า “เราพยายามอย่างเหลือเกินแล้ว” ...แต่ที่เรา “พยายาม” ไปนั้น มันอาจยังไม่มากพอ ส่วนตัว เราเคยคิด เคยตั้งคำถามในใจว่า แล้วทำไมทีมอื่นไม่เห็นต้องพยายามมากเท่าเรา ทำไมเขาถึงไม่ยิงชนเสา ชนคานเท่าเรา
???
มันก็เป็นแค่คำถามที่หาคำตอบไม่ได้ เราเลยไม่รู้ว่าจะคิด จะตั้งคำถาม หรือคร่ำครวญกับมันไปอีกทำไม บางทีก็เหมือนเด็กอ่านหนังสือสอบ บางคนอ่านแทบตาย แต่ไม่ตรงกับที่อาจารย์ออกข้อสอบ แต่บางคนเหมือนเขาสามารถจิ้มบทที่อาจารย์จะออกข้อสอบได้ราวกับตาเห็น โดยที่ทั้งสองคนก็ไม่มีใครรู้ว่าอาจารย์จะออกข้อสอบแบบไหน กับความพยายามในการยิงประตูของลิเวอร์พูล ดูเราจะต้องใช้พลังมากเป็นสองเท่า โอเคว่าในบรรดาโอกาสยิงประตูเข้ากรอบทั้งหมดที่เรามี อาจจะมีลูกที่ขาดประสิทธิภาพอยู่ไม่น้อย แต่ลูกที่มีประสิทธิภาพมากพอ และมากเกินพอ หลายลูกเช่นกันที่ถูกเซฟได้ทั้งจากผู้รักษาประตูและเสากับคาน ในขณะที่ทีมอื่นไม่เห็นต้องพยายามมากมายขนาดนี้เลย
อย่างที่บอกว่า ป่วยการที่เราจะไปหาคำตอบว่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้ และต้องพยายามอีกเท่าไหร่ถึงมากพอ เราต้องกลับมาอยู่กับตัวเรา ทำสิ่งที่ต้องทำต่อไป บางครั้ง เราก็เบื่อคำตอบของ คิง เคนนี่ถึงเรื่องโอกาสการยิงประตูที่มีนส่วนทางกับประตูที่เราได้เหมือนกัน เขาก็ตอบอย่างที่เราเพิ่งบอกไม่ว่า ...ก็ต้องทำสิ่งที่เราควรทำต่อไป... มันไม่ใช่อะไรที่เราจะไปควบคุมได้ เราทำได้แค่พยายามในส่วนของเรา
มันเท่านั้นจริงๆ
และจนถึงวันนี้ นานเท่าไหร่แล้วที่เรายิงประตูในลีกไม่ได้เกิน 2 ลูก นานเท่าไหร่แล้วที่ต้องเหนื่อยใจกับโอกาสบุกมากมายที่ไม่เป็นประตู เราเองก็ไม่รู้ว่า โมเมนตัมนี้จะอยู่ไปอีกนานเท่าไหร่ มันอาจมาแล้วหายไปในทันที หรืออยู่ไปอีกยาวนานและทำให้ทีมดีขึ้นเรื่อยๆอย่างที่เราหวังก็ได้ แต่ไม่ว่านัดหน้าจะเป็นยังไง ขอให้เชื่อมั่นกันได้ว่า นักเตะลิเวอร์พูลทุกคนไม่มีวันยอมแพ้ ไม่มีวันถอดใจ และจะสู้เพื่อยิงประตูต่อไป แม้ว่ามันจะยากแค่ไหน แม้ว่าจะต้องเพิ่มความพยายามอีกเท่าใด พวกเขาจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เรื่องเหนื่อยและท้อมันอาจมีบ้าง แต่ขอให้เชื่อว่าพวกเขาทุกคนจะไม่ปล่อยให้มันมาทำลายความพยายามและหัวใจสู้อย่างแน่นอน
การลงสนามนัดที่ 400 ในลีกของกัปตันช่างมีความหมายมากมายเหลือเกิน ทั้งโดยส่วนตัวของเขาเองและกับทีม ...สเกาเซอร์ที่ยิงแฮตทริกใน Merseyside Derby Match ได้จะมีซักกี่คน แต่เขาเป็นหนึ่งในนั้น สิ่งที่เขาทำในนัดนี้จะต้องถูกพูดถึงไปอีกนานแสนนาน แต่อย่างที่กัปตันบอกนะคะ มันไม่ใช่เพราะเขาคนเดียว แต่เป็นเพราะความช่วยเหลือของเพื่อนร่วมทีมด้วย ...ซัวเรซแอสซิส 2 ลูก หนึ่งในสองลูกนั้นมาจากการจ่ายบอลทะลุช่องของเฮนเดอร์สัน
สำหรับซัวเรซ เราคงไม่ต้องสาธยายว่าเขามีดียังไง แต่ขอปกป้องเขานิดนึงจากข้อกล่าวหาที่เคยได้ยินมาว่า เขาหวงบอลและชอบเล่นคนเดียว ...ขอค้านเลยว่า ไม่จริงนะคะ เราสังเกตนัดที่ซัวเรซต้องเล่นเอง ก็เพราะเพื่อนขึ้นมาเติมไม่ทันหรือเพื่อนยืนในตำแหน่งที่จ่ายบอลให้ไม่ได้ เรื่องพยายามจะฝ่าด่านกองหลัง เราคิดว่ามันเป็นธรรมชาติของกองหน้าทุกคนที่ต้องพยายามเสี่ยง ยิ่งนักเตะอย่างซัวเรซ ซึ่งเขาเคยทำได้มาแล้ว เขาย่อมเชื่อว่าจะทำได้อีก และเราไม่มีปัญหาหากเขาจะลองทำบ้างตามโอกาสที่มี อย่างน้อยเขาก็กล้าที่จะเล่น กล้าที่จะเสี่ยง
คนถัดมาที่อยากพูดถึง คือ เฮนเดอร์สัน เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่า “มีดีตรงไหน และทำไมคิง เคนนี่ถึงตั้งใจจะปั้นเหลือเกิน” เด็กคนนี้เซ้นต์บอลยอดเยี่ยมนะคะ เพียงแต่ด้วยประสบการณ์ทำให้เขาอาจจะไม่กล้าเสี่ยง หรือตัดสินใจช้าไปซักหน่อย แต่ให้เวลาเขาเถอะ ถ้าเขามีทัศนคติแบบลูคัสล่ะก็ เราจะได้เห็นสิ่งดีๆจากเขาอีกมาก
ดาวนิ่ง...บางทีเขาอาจมีความกดดันในค่าตัวของตัวเอง แต่เขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และอันที่จริง เขาเปิดเข้าเป้ามากมายทีเดียว แต่เราไม่มีตัวจบสกอร์คมๆวิ่งเข้ามาจิ้มบอลเข้าประตูเท่านั้นเอง ...รู้นะคะว่า กำลังคิดถึงแคร์โรลล์ อืมมม..ยังไงดีล่ะ เราคิดว่ามีคนไม่น้อยที่คิดว่า การซื้อแคร์โรลล์ คือ การตัดสินใจที่ผิดพลาด ส่วนตัวเราก็แอบคิดแบบนั้นบ้างเหมือนกัน แต่พอเห็นเขาสวมชุดแข่งสีแดงเพลิง เราก็ลบความคิดนั้นออกไปจากใจทุกครั้ง และถ้ามองกันอย่างยุติธรรมสักหน่อย เขาก็แบ่งเบาภาระจากซัวเรซไปไม่น้อย การมีกองหน้าสองคน ยังไงเสียก็ดีกว่ามีแค่คนเดียว เวลาที่ทั้งคู่ได้ลงพร้อมกัน ซัวเรซจะมีพื้นที่มากขึ้น แคร์โรลล์จะช่วยเก็บบอลได้ และถ้าได้ระยะ เข้าจังหวะเท้าซ้าย ก็กดหายได้เหมือนกัน (เพียงแต่มันน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง) แต่จุดหนึ่งที่อยากให้มองกันก็ คือ แคร์โรลล์ก็อายุยังน้อย เขายังพัฒนาได้อีก และเราคิดว่า คิง เคนนี่ ต้องคิดดีแล้วที่ยอมเสี่ยงจ่ายเงิน 35 ล้านปอนด์เพื่อเขา แม้ว่าดูเหมือนเป็นเพราะไม่เหลือตัวเลือกใดๆในวันสุดท้ายของเดือนมกราคมเมื่อปีที่แล้ว แต่เราก็ยังเชื่อว่า ถ้ามันไม่ใช่ตัวเลือกตัวเดียวที่ดีพอ คิง เคนนี่ คงยอมเสี่ยงกับเอ็นก๊อกมากกว่า
อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้แน่ๆ คือ มาร์ติน เคลลี่ ...ขอบอกว่า ปลาบปลื้มกับเด็กคนนี้มากจริงๆ นี่ถ้าเขาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ล่ะก็ เราคงจะขอแบ่งใจจากกัปตันไปปลื้มน้องซักครึ่งนึง เขาเป็นสเกาเซอร์ที่จะเป็นความภาคภูมิใจของลิเวอร์พูลในอนาคต ที่ชื่นชม ไม่ใช่เพราะเขาเล่นได้ดีเท่านั้น แต่เพราะความทุ่มเทของเขาด้วย เคยเห็นแบ็คขวาซักกี่คนที่วิ่งเติมเข้าไปในกรอบเขตโทษและเกือบชาร์ตบอลเข้าประตูได้คะ ...ด้วยความสัตย์จริง เรายังไม่เคยเห็นเลย (อาจเพราะดูแต่ลิเวอร์พูลก็ได้ที่ทำให้ไม่เคยเห็น 555+) และถ้าเขายังทำแบบที่ทำอยู่นี้ พร้อมกับพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเราจะต้องได้เห็นปลอกแขนกัปตันทีมที่แขนของเขาอย่างแน่นอน ...กัปตันเคลลี่ ฟังดูดีออก หุหุ
อยากพูดถึงกัปตันให้มากกว่านี้นะคะ แต่เราคิดว่า เราคงต้องพูดเหมือนที่ คิง เคนนี่พูดหลังเกมแล้วล่ะค่ะ คือ “ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีกแล้ว กับทั้งหมดที่เขาทำให้สโมสรแห่งนี้” ...เวลาและโอกาสของเขาเหลืออีกไม่มากนัก แต่เรารู้ว่า เขาจะทำทุกๆนาทีให้มีคุณค่า ทั้งเพื่อตัวเองและเพื่อสโมสรอันเป็นที่รักของพวกเราทุกคน
FA Cup ของเจอร์ราร์ดก็เคยมีมาแล้ว วันนี้เราได้ดื่มด่ำกับ Merseyside Derby Match ของเจอร์ราร์ด หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ปลาบปลื้มกับถ้วยพรีเมียร์ลีกของเจอร์ราร์ดด้วยนะคะ แต่ไม่ใกล้ไม่ไกล ขอ FA Cup ของเจอร์ราร์ดซ้ำอีกครั้งก็ไม่ว่ากันนะ อิอิ
YNWA.
แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 55 11:19:12
| จากคุณ |
:
howk_ky   
|
| เขียนเมื่อ |
:
16 มี.ค. 55 10:41:50
|
|
|
| 
