Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
น้องแตงโม กับ 15 ปีที่จากไปของ ย.โย่ง ติดต่อทีมงาน

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย หากกล่าวถึงชื่อ "เอกชัย นพจินดา" หรือ ในนามปากกา "ย.โย่ง" อดีตผู้ประกาศข่าวกีฬา, ผู้บรรยายเกมฟุตบอล บรรณาธิการและคอลัมนิสต์ชื่อดัง ชาวกีฬาอย่างพวกเรา ก็ยังคงจดจำในความเชี่ยวชาญและความรอบรู้แตกฉานในเกมกีฬา โดยเฉพาะ "ฟุตบอล" ของเขาได้เป็นอย่างดี จนถึงขนาดได้รับการขนานนาม ยกย่องให้เป็นตำนาน "คัมภีร์ลูกหนัง" ของเมืองไทย

และเนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี การจากไปของ สุดยอดปูชนียบุคคลด้านกีฬาของไทย วันนี้ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" ขอรำลึกและแสดงความเคารพถึง คุณเอกชัย ผ่านทางทายาทคนเดียวของท่าน "น้องแตงโม" นางสาวทวีพร นพจินดา ซึ่งให้โอกาสเราได้มาพูดคุยถึงเรื่องราวตั้งแต่อดีตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และความเป็นไปที่เกิดขึ้นจนกระทั่งถึงปัจจุบัน อย่างเป็นกันเอง ภายในบ้านอันแสนอบอุ่นของเธอ

น้องแตงโม ซึ่งขณะนี้ อายุ 21 ปี และกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 สาขาภาพยนตร์ ที่มหาวิทยาลัยมหิดล นานาชาติ ศาลายา ออกมาต้อนรับพวกเรา ด้วยสีหน้าร่าเริงและกระฉับกระเฉง จนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ตลอดกว่าสิบปีที่ผ่านมา ชีวิตของเธอ ต้องอยู่โดยปราศจาก ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัว รวมถึงมรสุมลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาซ้ำเติมอีกครั้ง เมื่อคุณแม่ ยุรี นพจินดา ก็ต้องมาจากโลกนี้ไปอีกท่าน เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว

ลางสังหรณ์ ก่อนคุณพ่อเสีย

การสูญเสีย ย.โย่ง ถือเป็นข่าวดังครึกโครมในตอนนั้น สาวน้อยทรวงทรงสูงผอมชะลูด ไม่ผิดเพี้ยนจากผู้เป็นบิดา เล่าย้อนหลังให้เราฟังถึงเหตุการณ์ตอนที่สูญเสียคุณพ่อได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าตอนนั้น เธอจะมีอายุเพียง 6 ขวบก็ตาม ซึ่ง "น้องแตงโม" เปิดเผยว่า มีความรู้สึกแปลกๆ ก่อนที่เรื่องร้ายดังกล่าว จะบังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันด้วย "ตอนคุณพ่อเสีย ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแม่เป็นคนบอก วันนั้น คุณพ่อไปส่งหนูที่ ร.ร.สาธิตเกษตรฯ ตามปกติทุกเช้า ช่วงนั้นเป็นวันที่หนูสอบป. 1 พอดี ปกติเขาก็จะบ๊ายบายเฉยๆ หนูก็จะสวัสดีคุณพ่อ และเดินขึ้นตึกไปเลย แต่วันนั้นเป็นวันที่แปลก เขาบอกหนูว่า พยายามนะลูก และเราหันมามองพ่อขับรถออกไป หลังจากนั้นวันต่อมา คุณพ่อไปเล่นเทนนิสกับ คุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีดิ์) แล้วก็เสียชีวิตเย็นวันนั้น"

"ตอนแรก คุณแม่นึกว่าแค่เข้าโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่า ไปตอนเช้า แม่มาบอกตรงๆว่า "โมพ่อหนูตายนะ" หนูร้องไห้อยู่วันหนึ่ง เพราะว่าตกใจ แต่เพราะความเป็นเด็ก เลยไม่ได้คิดมาก แต่เหมือนแม่ห่วงจิตใจหนูมาก เลยพยายามให้พี่ป้าน้าอาคอยมารุมล้อมดูแล และแม่เองก็เป็นพยาบาล มีจิตวิทยาเด็ก เขาเลยช่วยประคับประคองเราช่วงที่พ่อเสียชีวิต ทำให้จิตใจหนูโอเค ไม่มีปมด้อยจุดนั้น" ยังเข้มแข็ง แม้เสียเสาหลักคนที่สอง

ยังเข้มแข็ง แม้เสียเสาหลักคนที่สอง

นับตั้งแต่สูญเสียคุณพ่อไป ชีวิตของน้องแตงโม มักจะอยู่กับคุณแม่ยุรี ชนิดที่ไปไหนก็แทบจะไม่ห่างกัน กระทั่งวันหนึ่งข่าวร้ายมาเยือน เมื่อท่านตรวจพบเป็นโรคมะเร็งลำไส้ ในขณะที่น้องแตงโม กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเธอยอมรับว่ารู้สึกช็อกมากกับเหตุการณ์นี้ แต่ในที่สุดแล้ว เธอก็ยังสามารถผ่านจุดวิกฤติในชีวิตของตัวเองไปได้อีกครั้ง ด้วย "ธรรมมะ"  

"คุณแม่เสียไป 5 ปีแล้ว ตอนหนูอายุ 16 ปี คุณแม่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แล้วมันลามไปที่ตับ ตอนนั้น หนูตกใจมาก เพราะหลังจากที่คุณพ่อเสียไปแล้ว หนูจะเป็นคนที่รักคุณแม่มาก พอรู้ว่าเขามาเป็นแบบนี้ ก็ทำใจไม่ได้ร้องไห้ แต่เพราะคุณแม่เป็นคนที่ธรรมะธัมโม เขาเลยสอนธรรมะพาหนูไปปฏิบัติธรรมด้วย และในปีนั้น หนูได้ทำอะไรให้คุณแม่เยอะมาก เหมือนเป็นปีที่เราได้พิจารณาตัวเอง ได้ทบทวนสิ่งต่างๆ และเราได้ดูแลแม่ จนถึงจุดที่มันเต็ม (น้ำตาคลอ) เหมือนกับได้ดูแลเต็มที่แล้ว พอเขาเสียไป มันเลยยังมีความเข้มแข็งอยู่"

"คุณแม่เป็นคนที่ใช้ชีวิตคุ้มมาก แม้จะอายุสั้นก็จริง แต่เขาได้ทำอะไรมากมายมหาศาล คุณพ่อก็เช่นกันได้ทำอะไรเต็มที่แล้ว ทำให้เรารู้สึกว่า ชีวิตไม่ต้องยาว ไม่ต้องอยู่นานก็ได้ แค่ให้ได้ทำอะไรที่อยากทำจริงๆ ก็พอ ตอนคุณพ่อเสีย เราได้ไปเที่ยว มีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะมาก สนิทกันมากเหมือนเพื่อนสาว เขารักหนูมาก หนูก็รักเขามาก เวลานึกย้อนกลับไป ก็ไม่มีจุดที่จะต้องเสียใจอะไร เพราะเราได้ทำทุกอย่างให้เขาแล้ว" (ร้องไห้)

เป็นคนมองโลกในแง่ดี

กับปัญหาดูเหมือนจะหนักอึ้งสำหรับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง แต่น้องแตงโม ยืนยันว่า ชีวิตของตัวเองไม่ได้รู้สึกขาดอะไรเลย โดยกล่าวว่า "หลักๆ หนูก็ต้องมองโลกในแง่ดี มันพูดง่าย แต่ทำจริงๆ มันไม่ง่าย ต้องมองโลกในแง่ดีคือ เห็นในสิ่งที่มี ถ้าเรามัวแต่ย้ำว่า เราไม่มี มันจะทำให้คิดแต่เรื่องไม่ดี ถ้าเรานึกว่าเรามีอะไรบ้าง เราอยู่ตรงนั้น และทำให้ขยายใหญ่ ทำในสิ่งที่เรามีให้ใหญ่ขึ้นสำหรับเรา เราก็จะรู้สึกเต็ม"

"หนูรู้สึกว่า คนที่อ้างว่าไม่มีพ่อแม่ อ้างเพื่อที่จะว่าทำสิ่งไม่ดี หนูว่ามันไม่จริง มันไม่ถูก คนเรามันมีทางเลือกที่จะคิด ทุกวันนี้ ยังคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่ ในแง่ของการให้เป็นกำลังใจ เวลาเราจะทำอะไร ก็จะนึกถึงพ่อถึงแม่ หรือเราเจอเรื่องแย่ๆ นึกแล้วก็จะมีพลังขึ้นมา"

อย่างไรก็ตาม น้องแตงโมก็ไม่ลืมที่จะขอบพระคุณผู้มีพระคุณทุกคน ที่ช่วยกันเลี้ยงดูเธอด้วยความรักและความอบอุ่นมานับสิบปี ไม่ว่าจะเป็นคุณน้า น้องชายของคุณแม่ยุรี, คุณยาย และคุณอาดาว ลูกพี่ลูกน้องของคุณพ่อ ที่เป็นคอยเป็นห่วงเป็นใย รักใคร่ไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อแม่ของเธอจริงๆ

"โดยรวมเขาดูแลเราดีมาก ให้อิสระพร้อมกับความอบอุ่นเต็มที่ พร้อมสนับสนุนๆ ทุกอย่าง แต่ไม่ถึงกับประคบประหงม มันจะมีพื้นที่ส่วนตัวให้เราโตเป็นผู้ใหญ่เอง ทำให้หนูไม่มีความรู้สึกขาด และเมื่อเราไม่รู้สึกขาด เราก็ไม่คิดจะไปทำเรื่องที่มันไม่ดี อยากบอกพวกเขาว่า ขอบคุณที่สุด หนูว่าหนูเป็นคนที่โชคดีมาก ในความโชคร้าย ก็มีความโชคดีสุดๆ เพราะส่วนมากคนที่คุณพ่อคุณแม่เสีย ชีวิตจะเปลี่ยนไปเลย แต่ของหนู มันกลายเป็นว่า มีสิ่งดีๆ อื่นๆ เข้ามาประคับประคอง ทำให้มันไม่ใช่เรื่องยาก"

 
 

จากคุณ : หมาป่าดำ
เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 08:47:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com