Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จดหมายเปิดผนึกถึง "คอลัมนิสต์บางท่าน" จาก แฟนบอลไทยคนหนึ่ง ติดต่อทีมงาน

ก่อนอื่น ผมในฐานะแฟนบอลไทยคนหนึ่ง ที่ไม่ได้เป็นแฟนบอลของทั้งบุรีรัมย์และเมืองทองฯ แต่หลังจากที่ได้ตามข่าวกรณีนี้มาตั้งแต่ต้น จึงอยากชี้แจงให้คอลัมนิสต์บางท่านได้ทราบว่า ผมและน่าจะรวมถึงแฟนบอลไทยโดยส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการมุ่งประเด็นไปในเรื่องอื่นใดตามที่ท่านพยายามจะหยิบยกขึ้นมากล่าวหาคู่กรณีของนายจ้างของท่านแต่อย่างใด การจะปกป้องนายจ้างไม่ใช่เรื่องแปลก หากมั่นใจว่าที่ถูกคืออะไร ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร หรือทุกอย่างโปร่งใสจริงหรือไม่ ถ้า “รู้และมั่นใจ” อย่างนั้นและคิดว่าคนอื่นมันช่างไม่รู้อะไร (โง่) ส่วนผู้รู้อย่างแท้จริงเช่นคอลัมนิสต์บางท่าน ก็ควรต้องออกมาชี้แจงอย่างตรงประเด็น แต่ถ้าทำไม่ได้แล้วพยายามเบี่ยงประเด็นไปสร้างTopicใหม่โจมตีคู่กรณีเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามของสังคมเช่นที่กำลังทำอยู่ พวกเราก็คงไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากแสดงว่าท่านเองก็ “ไม่รู้และไม่มั่นใจ” ในคำตอบที่แฟนบอลกำลังตั้งข้อสงสัยนั่นเอง

ว่าแล้วผมขอชี้แจงทีละประเด็นตามที่คอลัมนิสต์บางท่าน(พยายาม)ยกมา ดังนี้

1) ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ท่านพยายามจะกล่าวหาใครนั้น มันจริงหรือไม่จริง มันอาจจะจริงก็ได้ถ้าแหล่งข่าวที่ “ท่าน (คนเดียว) เชื่อถือได้” นั้นมันเชื่อถือได้อย่างท่านว่าจริงๆ หรือมันอาจจะไม่จริงก็ได้ถ้าแหล่งข่าวนั้น เชื่อถือไม่ได้ หรือด้วยอคติท่านก็เลยเข้าใจผิดไปเองว่าเชื่อถือได้ ... ว่าแต่..แล้วใครจะรู้ล่ะว่าจริงๆแล้วแหล่งข่าวที่ว่ามันเชื่อถือได้หรือไม่?
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ สิ่งที่คอลัมนิสต์บางท่านยกขึ้นมากล่าวอ้างแบบไร้ซึ่งหลักฐานที่มีน้ำหนัก มันส่งผลอย่างไร

อาชีพทุกอาชีพล้วนมีจรรยาบรรณ ท่านทำงานในฐานะสื่อมวลชน หน้าที่ของสื่อมวลชนคือ นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริง (หมายถึงข้อความจริงที่พิสูจน์ได้) ขณะเดียวกันก็สามารถวิเคราะห์วิจารณ์ได้ในฐานะสื่อโดยยึดอรรถประโยชน์ของผู้อ่านที่จะได้รับเป็นเป้าหมายหลัก แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องอยู่ในกรอบของการไม่ไปละเมิดหรือกล่าวหาทำให้บุคคลอื่นต้องเสียหายหากคำกล่าวหานั้นพิสูจน์ไม่ได้หรือไม่มีหลักฐานชัดแจ้งประกอบคำกล่าวหาเช่นว่านั้น เพราะนั่นเท่ากับว่าเป็นการหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 –ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำผิดฐานหมิ่นประมาท แต่อย่างไรก็ตามหากสามารถพิสูจน์ได้ด้วยพยานหลักฐานว่าข้อความที่กล่าวหานั้นเป็นความจริงและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก็จะได้รับการเว้นโทษตามมาตรา 330

การที่สื่อมวลชนกล่าวหาผู้อื่นในทางเสียหายโดยไม่มีหลักฐาน นอกจากอาจจะเข้าข่ายละเมิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งจรรยาบรรณของความเป็นสื่อสารมวลชนอีกกระทงหนึ่ง การกล่าวหาคนอื่นในทางเสียหายแล้วปัดความรับผิดชอบอ้างว่าไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเพราะเป็นนักข่าว(ฟังดูยิ่งใหญ่ดี) อ้างว่าแค่ไปฟังมาจากแหล่งข่าวที่ “ท่านเชื่อถือได้” (ตลกดี) แล้วนำมาเล่าต่อโดยอ้างว่าเป็นความชอบธรรมของนักข่าวที่จะทำได้ อ้างไปถึงกระทั่งนักข่าวการเมืองบ้าง นักข่าวในต่างประเทศบ้าง บอกว่าเห็นเค้าก็ทำกัน ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย ก็เลยถือเอาเป็นความชอบธรรมว่าตนเองก็น่าจะทำได้ (ตรรกะสุดยอด)
ถ้ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แล้วที่นักข่าวหรือสำนักพิมพ์ต่างๆที่โดนฟ้องให้เห็นอยู่เรื่อยๆนั่นคืออะไร? ส่วนที่ไม่โดนฟ้องก็คงมีแค่สองกรณี คือเป็นความผิดที่ยอมความได้เมื่อผู้เสียหายไม่เอาความก็ไม่เป็นคดี หรือไม่ก็เป็นกรณีหลักฐานไม่ชัดแจ้งก็เลยรอดตัวไป แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนมันก็ผิดจรรยาบรรณของนักข่าวทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่มีกฎของนักข่าวว่าใครทำผิดจรรยาบรรณแล้วต้องจับเข้าคุกเท่านั้นเอง สุดท้ายมันจึงอยู่ที่จิตสำนึกของความเป็นนักข่าวแต่ละคนว่าจะยึดถือจรรยาบรรณอย่างแท้จริงอย่างที่ปากว่า หรือแค่จะยกเอากรณีต่างๆที่ขาดจิตสำนึกเหล่านั้นขึ้นมาอ้างหาความชอบธรรมให้ตัวเองอย่างไร้ตรรกะ

เห็นหลายประโยคที่มักอ้างความเป็นนักข่าวมากล่าววาทะที่แสดงถึงความไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของตนอยู่เรื่อยๆ การกล่าวว่า “หลักฐานของนักข่าวอย่างผมคือการรับรู้มาจาก "แหล่งข่าว"”
คำว่า “หลักฐาน” หมายถึง สิ่งที่ผู้กล่าวอ้างสามารถนำมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามคำกล่าวอ้างของตนได้
ดังนั้น “แหล่งข่าว” ในประโยคดังกล่าว มันจะเป็น “หลักฐาน” ของนักข่าวผู้กล่าวอ้างได้ก็ต่อเมื่อได้นำแหล่งข่าวที่ว่านั้นมาแสดงพิสูจน์ให้เห็นว่าคำกล่าวอ้างนั้นมันจริงเท็จอย่างไร จึงจะเรียกว่านั่นคือ “หลักฐาน”
อยากให้เข้าใจเสียใหม่ให้ถูกต้องและกรุณาอย่าแถ และถ้าหากนำมาพิสูจน์ไม่ได้ก็เท่ากับว่าเป็นการกล่าวหาคนอื่นลอยๆอย่างไร้หลักฐานนั่นเอง

“ผู้ใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริง ผู้นั้นมีภาระการพิสูจน์” นี่คือหลักกฎหมายพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ในชั้นศาล เมื่อใครก็ตามได้กล่าวหาผู้ใดเป็นประเด็นขึ้นมา หน้าที่ที่จะต้องนำหลักฐานมาแสดงย่อมตกอยู่แก่คนที่ไปกล่าวหาเค้า หาใช่การผลักภาระการพิสูจน์คำกล่าวหาไปให้ผู้เสียหายเป็นฝ่ายต้องนำหลักฐานมาแสดงไม่ การทำเช่นนั้นจึงดูเหมือนกับว่าเป็นการปัดความรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย

ถ้ามีนักข่าวซักคนนึงที่นึกอยากเขียนอะไรก็เขียนแม้จะทำให้ผู้อื่นเสียหาย โดยอ้างเพียงว่าได้ยินได้ฟังมาอีกที โดยไม่มีหลักฐาน(เอกสารหรือบุคคลมีตัวตนที่น่าเชื่อถือ)อื่นใดมาประกอบคำกล่าวอ้าง แต่กลับบอกว่าถ้าใครเสียหายและคิดว่าที่เขียนไม่เป็นความจริงก็ให้เอาหลักฐานเอกสารมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์เอาเอง ท่านคิดว่าสื่อประเภทนี้ยังสมควรจะสถาปนาเรียกตัวเองว่าเป็นสื่อมีจรรยาบรรณอีกหรือไม่...
(**สังเกต**...ตอนกล่าวหาผู้อื่นก็กล่าวหาด้วย “คำพูด” แต่กลับจะถามเอา “เอกสาร” จากผู้เสียหายหากต้องการจะพิสูจน์..แหม..ตรรกะสุดยอดอีกแล้วครับท่าน)
ทั้งหมดทั้งปวง ไม่ได้บอกว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อกับสิ่งที่กล่าวอ้าง แต่ที่เขียนมาซะยืดยาวก็แค่เห็นว่ากำลังมีการเบี่ยงประเด็นโดยอ้างเหตุผลแบบผิดๆเพื่อหาความชอบธรรมให้ตัวเองเท่านั้นเอง

2) ก่อนอื่นขออนุญาตทำความเข้าใจก่อนว่า เฟสบุ๊คไม่เหมือนอีเมล์ เฟสบุ๊คเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับเจ้าของที่จะทำอะไรกับพื้นที่ของตัวเองได้ก็จริง แต่สิ่งที่โพสต์ลงไปนั้นถือว่ามีเจตนาที่จะแสดงข้อความดังกล่าวออกสู่สาธารณะอย่างสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นจะโพสต์อะไรลงไปก็ต้องอยู่ในกรอบ จะมาอ้างว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวเพื่อจะหาความชอบธรรมไปพาดพิงกล่าวหาหรือด่าทอใครอย่างอิสระไม่ได้

โอเค..มาเข้าเรื่องต่อ....

ก่อนจะออกตัวว่าไม่ได้แถหรือเลี่ยงบาลี ถ้าลองกลับไปอ่านตามที่เคยเขียนอีกสักรอบ ก็อาจเปลี่ยนใจกับคำออกตัวของตน..

“ไม่มีบรรทัดไหนในเฟซบุ๊คของผมเลยนะครับที่ผมระบุว่าแฟนบอลไทยโง่ อันนี้ท้าพิสูจน์ได้จากข้อความในเฟซบุ๊คผมที่ถูกลากไปลงในเว็บบอร์ดนั้น ผมไม่ได้ทำเป็นเลี่ยงบาลีด้วยนะครับ ผมเรียก เว็บบอร์ดแห่งหนึ่งว่า "เว็บบอร์ดโง่ๆ" (ด้วยอารมณ์เหมือนกินร้านอาหารเห่ยๆ อาหารก็ไม่อร่อย เด็กเสริฟขี้เกียจแล้วผมบอกเพื่อนว่า ร้านอาหารโง่ๆ)”

ชัดเจนครับ..แฟนบอลไทยเค้าไม่ได้โง่อย่างที่บอกนั่นแหละครับ เพราะอ่านแค่นี้เค้าก็รู้และทุกคนก็จะมีคำถามกลับไปว่า “สีข้างถลอกไปถึงไหนแล้วล่ะ”

3) การรับฟังคำกล่าวหาผู้อื่นในทางเสียหายโดยปราศจากความรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองเพียงเพื่อจะเบี่ยงประเด็นหลัก หรือเลี่ยงบาลีหรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ บอกตามตรงครับว่าจนปัญญาจริงๆที่จะหาเหตุผลเอามาแยกแยะอะไรต่างๆอย่างที่ว่าได้ เราไม่เคยปิดหูปิดตา ไม่มีกำแพง หรือไม่เคยไม่พยายามทำความเข้าใจในเรื่องที่ว่าเลย ตรงกันข้าม พวกเรากลับยินดีที่จะรับฟังข้อเท็จจริงในทุกเรื่องซึ่งต้องไม่ใช่เป็นการกล่าวอ้างเพื่อเลี่ยงประเด็นหลักอย่างที่เป็นอยู่...ไม่เห็นต้องมีอะไรซับซ้อน...รู้ก็ชี้แจง...ไม่รู้หรือรู้แต่ไม่อยากบอกก็เงียบไป ไม่มีใครว่าอะไร...เหตุใดจึงต้องออกมาแสดงอารมณ์แต่เลี่ยงที่จะชี้แจงให้ตรงประเด็น โดยสร้างTopicใหม่เพื่อเบี่ยงประเด็นอย่างที่เป็นอยู่ แล้วมาบอกว่าบริสุทธิ์ใจ ฟังไม่ขึ้นครับ

แต่เห็นคล้อยตามอยู่อย่างนึงในเรื่องคำแนะนำที่อยากให้พวกเราใช้ “วิจารณญาณ” ซึ่งเห็นทีว่าต่อไปนี้แฟนบอลไทยอย่างเราๆคงต้องหันมาใช้กันให้เยอะกว่าเดิมอีกมากโข หาก (จำเป็นต้อง) อ่านคอลัมน์บางคอลัมน์ที่นักข่าวบางคนเขียนขึ้นมาให้รอบคอบกว่านี้

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ

จาก FatRabbit…แฟนบอลไทยคนหนึ่ง

จากคุณ : FatRabbit
เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 09:57:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com