'ทรูวิชั่นส์' ย้ำ ลิขสิทธิ์ศึกพรีเมียร์ลีก 2012-13 ยังอยู่ พร้อมประมูลสู้
|
 |
“ทรูวิชั่นส์” แจงลิขสิทธิ์กีฬาปี 2012 ยังมีให้ดูเพียบ ย้ำสมาชิกได้ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกต่อไปอย่างน้อย 1 ฤดูกาล (2012-2013) แน่นอน ก่อนลิขสิทธิ์ที่มีอยู่จะหมดลง แต่ยืนยันพร้อมลงประมูล เพื่อถ่ายทอดสดอีก 3 ฤดูกาลถัดไปให้แฟนบอลชาวไทยได้ชมกัน ส่วนการประมูลจะมีขึ้นในปลายเดือนนี้ หรืออย่างช้าที่สุดต้นปีหน้า...
เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องอาหารสามเสน วิลลา นายอรรถพล ณ บางช้าง รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร สายรายการ บมจ.ทรูวิชั่นส์ แถลงข่าวทำความเข้าใจเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาชนิดต่างๆ ของทรูวิชั่นส์ โดยนายอรรถพล กล่าวว่า ที่ผ่านมามีกระแสสร้างความเข้าใจผิดให้กับสมาชิกทรูวิชั่นส์ โดยเฉพาะเรื่องของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่สร้างความสับสนว่าในฤดูกาลหน้าทรูวิชั่นส์จะไม่ได้ทำการถ่ายทอดสดแล้ว ซึ่งตนขอยืนยันว่าในฤดูกาลหน้า (2012-2013) ทรูวิชั่นส์จะยังทำการถ่ายทอดสดครบทุกคู่ทุกแมตช์ให้สมาชิกได้รับชมกันเช่นเดิม และเมื่อจบฤดูกาล 2012-2013 ลิขสิทธิ์ที่เราได้มาถึงจะหมดลง
อย่างไรก็ตาม เป็นธรรมเนียมของการประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของทั่วโลกอยู่แล้วที่จะต้องจัดทำการประมูลก่อนล่วงหน้า โดยสำหรับการประมูลลิขสิทธิ์ฤดูกาล 2013-2014 ไปจนถึง 2015-2016 ทางพรีเมียร์ลีกยังไม่ได้กำหนดเวลา แต่คาดว่าจะเป็นในช่วงของปลายปีนี้ หรืออย่างช้าที่สุดก็คงจะเป็นในต้นปีหน้า จึงขอให้แฟนๆ มั่นใจได้ว่าจะได้ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษต่อไปอีก 1 ฤดูกาลแน่นอน
"ส่วนเรื่องของผลการประมูล คงต้องติดตามกันต่อไปว่าเราจะได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อีกครั้งหรือไม่ และในการประมูลครั้งใหม่นี้อาจจะมีบริษัทอื่นมาร่วมลงประมูลแข่งขันด้วย แต่อยากจะเรียนว่าในการประมูล พรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ จะต้องดูในหลายๆ องค์ประกอบ ไม่ใช่ว่าเพียงแค่มีกำลังเงินก็ซื้อลิขสิทธิ์ได้ เขาจะพิจารณาถึงเรื่องความน่าเชื่อถือทางด้านการเงิน รวมไปถึงเรื่องของฐานลูกค้าของบริษัทที่จะเข้าไปซื้อลิขสิทธิ์ด้วย ว่าจะสามารถเพิ่มความนิยมสินค้าของเขาได้หรือไม่ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ตนคงวิเคราะห์อะไรไม่ได้มาก แต่อยากจะขอย้ำว่า บริษัทที่ได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จได้ทั้งหมด มีหลายองค์ประกอบที่จะต้องทำร่วมกันไป จริงอยู่ ตัวเงินเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่เมื่อได้ลิขสิทธิ์มาแล้ว การบริหารจัดการก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเดินไปได้เช่นกัน หากต้องทุ่มเงินมหาศาลแล้วได้สินค้ามาแค่ตัวเดียว ก็คงต้องพิจารณาดูด้วยว่าคุ้มหรือไม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทรูวิชั่นส์จะร่วมลงประมูลอีกครั้งอย่างแน่นอน และจะพยายามเก็บสิ่งดีที่สุดไว้ให้กับบรรดาสมาชิกด้วย" นายอรรถพล กล่าว
นอกจากนี้ นายอรรถพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องเทนนิส แกรนด์สแลม “ยูเอส โอเพ่น” ต้องขอยืนยันว่าลิขสิทธิ์ยังอยู่กับทรูวิชั่นส์ ไม่ได้ไปอยู่กับช่องอื่นตามที่มีกระแสข่าวสร้างความสับสนก่อนหน้านี้ และที่พิเศษ ในปีหน้าเรายังจะได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก อีกด้วย ซึ่งครั้งนี้แฟนบอลจะได้ชมกันเต็มอิ่มพร้อมๆ กันหลายคู่ โดยอาจจะมีแบ่งไปให้ฟรีทีวีร่วมถ่ายทอดสดบ้าง แต่ที่แน่ๆ ทรูวิชั่นส์จะถ่ายทอดสดคู่สำคัญๆ แม้ว่าบางวันจะมีเตะกันถึง 8 คู่ ก็จะได้ชมครบทั้งหมดแน่นอน และยังจะได้ชมฟุตบอลลีกชั้นนำจากต่างประเทศ อาทิ กัลโช เซเรีย อา อิตาลี, เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐอเมริกา, โปรตุกีส ซุปเปอร์ ลีกา โปรตุเกส, เฟรนช์ คัพ ฝรั่งเศส, ยูโรปา ลีก, เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก, เอเอฟซี คัพ รวมถึงฟุตบอลระดับทีมชาติ อาทิ ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก และกระชับมิตรนัดสำคัญ รวมไปถึงกีฬาสำคัญๆ ทั้งกอล์ฟ, บาสเกตบอล เอ็นบีเอ, เทนนิสรายการต่างๆ รวมทั้ง 4 รายการแกรนด์สแลม, รักบี้ฟุตบอล, มอเตอร์สปอร์ต ฯลฯ เป็นต้นด้วย
"สำหรับฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ทรูวิชั่นส์ก็ยินดีที่จะให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการพัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอลในบ้านเราให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งตอนนี้เรายังเหลือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอีก 1 ฤดูกาล ส่วนการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกในระบบไฮเดเฟเนชั่น หรือระบบ “เอชดี” คาดว่าจะเริ่มขึ้นได้ในปลายเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งถึงตอนนี้เราเตรียมงานไว้เกือบพร้อมแล้ว" นายอรรถพล กล่าว
ที่มา : www.thairath.co.th
| จากคุณ |
:
หน่วยอาชาเหล็ก  
|
| เขียนเมื่อ |
:
12 เม.ย. 55 21:00:51
|
|
|
|
