ความคิดเห็นที่ 1 วีดิโอนี้เป็นวีดิดอต้นฉบับครับ ปี 1964  ปรมาจารย์โอยาม่า ต้องการเผยแพร่วิชาคาราเต้ของท่านไปทั่วโลก ท่านจึงเลือกศิษย์เอกของท่าน 3 คน เพื่อไปเผยแพร่วิชาคาราเต้สายคาคูชินไคในต่างประเทศ ศิษย์เอกของท่าน 3 คนได้แก่ 1.ทาเดชิ นากามูระ(Tadashi Nakamura) 2.เคนจิ คูโรซากิ(Kenji Kurosaki) 3.อาคิโอะ ฟูจิฮาระ(Akio Fujihira) เดือนกุมภาพันธ์ปี 1964 ศิษย์เอกของท่าน 3 คนได้เดินทางมายัง สนามมวยลุมพินี ประเทศไทย เพื่อเข้าแข่งขันกับยอดฝีมือมวยไทยประจำเวทีลุมพีนี กติกาใช้อาวุธได้ทุกประเภท ชก แตะ ต่อย ทุ่ม ศอก เข่า ฝ่ายญี่ปุ่น ชนะ 2 ต่อ 1 โดยทาเดชิ นากามูระ(Tadashi Nakamura) และ อาคิโอะ ฟูจิฮาระ(Akio Fujihira) ชนะได้โดยการน็อคเอาท์ด้วยหมัด(Punch) ส่วน เคนจิ คูโรซากิ(Kenji Kurosaki)แพ้น็อคจากศอก(Elbow) คู่แรก ทาเดชิ นากามูระ(Tadashi Nakamura)ที่ต่อยกับนักมวยไทย ไม่มีวีดิโอให้ดูนะครับ แต่การแข่งขันในปี 1964 นากามูระ ชนะโดยการน็อคฝ่ายไทยด้วยหมัด(Punch)ครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 00:15:54 แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 21:08:05 แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 21:02:06 จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 20:51:26

ความคิดเห็นที่ 2 คู่ที่สอง ราวี เดชาชัย(Rawee Deechachai) vs เคนจิ คูโรซากิ(Kenji Kurosaki) ราวีเอาชนะน็อคไปด้วยการใช้ศอกใส่เต็มๆหน้า แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 21:31:57 จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 20:54:30

ความคิดเห็นที่ 3 คู่สุดท้ายครับ เห่าไฟ ลูกคลองตัน(Huafai Lukcontai) vs อากิโอะ ฟุจิฮิระ(Akio Fujihiha) อากิโอะ เอาชนะโดยการน็อคด้วยหมัด แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 21:46:24 แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 21:31:38 แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 21:01:50 จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 20:57:25

ความคิดเห็นที่ 4 หลังการชกครั้งนี้ทำให้ทาเดชิ นากามูระ และ อาคิโอะ ฟูจิฮาระ มีชื่อเสียงในญี่ปุ่นครับ และ ทาเดชิได้ไปสอนคาราเต้ในสถาบันต่างๆเป็นเวลากว่า 3 ปี ต่อมาท่านโอยาม่า จึงจัดตั้งคาราเต้สายคาคูชินไคขึ้นต่อมาในปี 1964 ครับ วีดิโอนี้เป็น Original ยังไงเพราะว่า เป็นครั้งแรกในสายคาคูชินไคที่ไปชก นอกเวทีคาราเต้ครับ รูป Tadashi Nakamura ตอนนี้อายุ 70 แล้ว ยังมีชีวิตอยู่ จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:06:59

ความคิดเห็นที่ 5 จบแล้วครับ ชนะหรือแพ้อยู่ที่การฝึกฝนและการเรียนรู้ระหว่างกันครับ ขอโทษที่ไม่ได้เอาบทความยูยิตสูลงเพราะเนื้อหาเยอะมากๆ และเขียนนักมวยบราซิลตระกูลกราซี ในเวที MMA ก่อนครับ แล้วค่อยเพิ่มขึ้นเพระาข้อมูลเยอะมากๆครับ จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:10:21

ความคิดเห็นที่ 6 ชื่อนักมวยคือราวี เดชาชัย และเห่าไฟ ลูกคลองตันครับ จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:25:55

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณครับ ผมอ่านผิดครับ ขออนุญาตแก้นะครับ จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:31:16

ความคิดเห็นที่ 8 เอาเข้าจริงพอต้องขึ้นเวทีชกจริง ลีลาการชกก็ไม่ใช่คาราเต้ ก็จดมวยแบบมวยไทยนั่นแหละ จะมีบ้างก็ลูกทุ่มแบบยูโดมากกว่า ลีลาคาราเต้จริง ๆ ต้องคู่ที่ชกกับช้างเผือก นั่นจึงจะถือว่ามวยไทยเจอคาราเต้ของจริง (แต่ช้างเผือกก็ถูกห้ามใช้ศอก ห้ามต่อยหน้า) จำไม่ได้ละว่าชื่ออะไร จากคุณ : tytsn1197 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:49:17

ความคิดเห็นที่ 9 นักคาราเต้ที่ชกกับช้างเผือกคือ แอนดี้ ฮุค ครับ เป็นมวยดังอีกคนของK1รุ่นใหญ่ จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:52:48

ความคิดเห็นที่ 10 8* คือจะว่างั้นก็ไม่ถูกนะครับ คาราเต้จริงๆมีทั้งแตะต่อย ชกก็มี แตะข้างก็ยังมีในคลิป การแตะแบบราวคิกก็มี จากที่ผมพอรู้มาจากเพื่อนที่เคยซ้อม ท่าแตะชกทั้งหลายที่เห็นในคลิปก็เป็นท่าออกอาวุธของคาราเต้ทั้งสิ้น จะว่าๆเป็นมวยไทยผมคิดว่าเป็นการกล่าวอ้างที่เลื่อนลอย และไม่ควรพูดครับ เพราะในข้อเท็จจริงทั้ง 3 คนไม่ได้เรียนมวยไทยครับ และทั้ง 3คนไม่มีการใช้ศอกเข่าเลย  รูปแบบการสู้บนเวทีถ้าใส่นวมมันก็จะเป็นแบบนี้แหละไม่ว่าวิชาไหน ถ้าแข่งในกติกาคาราเต้รูปแบบก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 21:57:37 จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:56:00

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าแพ้ เราต้องยอมรับมั่งว่าแพ้เป็นได้เช่นกัน มวยไทยไม่ใช่ว่าจะแพ้ไม่ได้ ถ้าฝ่ายเราไม่ศึกษาคู่แข่งดีๆ ก็เป็นเรื่องปกติ คาราเต้เอง ยังยอมรับเลยว่าเรียนรู้ประยุกต์ท่าเตะของมวยไทยไปปรับปรุงวิชาตัวเองให้ดีขึ้น จากคุณ : Mr. Polar Bear เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:38:00

ความคิดเห็นที่ 12 การที่เขาเดินยทางมาท้าเรา เพราะเขามีเป้าหมายอยู่แล้วว่า ถ้าล้มมวยไทยได้ เขาสามารถเอาชื่อเสียงตรงนี้ไปทำอะไรได้อีกมาก ประวัติอาจารย์โอยาม่า สร้างชื่อเสียงมาจากการท้าประลองสำนักคาราเต้อื่นๆ อยู่แล้วครับ จากคุณ : Mr. Polar Bear เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:40:07

ความคิดเห็นที่ 13 คู่แรกคือ ฟูจิวาร่า กับ สีแพร เกียรติสมภพ (ถ้าจำชือไม่ผิด) ไปชกันที่ญี่ปุ่นครับ สีแพรดีกรีแชมป์แพ้น๊อกกลับมาแทบเสียผู้เสียคน เพราะสมัยนั้น แพ้คนต่างชาติเสียชื่อมากครับ ขนาดเสื่อมเสียระดับชาติก็ว่าได้ ฟูจิว่ร่าเป็นนักมวยต่างชาติคนแรกที่ได้แชมป์ราชดำเนิน จากคุณ : ขลุ่ย Silent flute เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 00:02:08

ความคิดเห็นที่ 14 คห.13 ขอบคุณครับ เผลอลงคลิปผิด แต่แก้ข้อมูลแล้วครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมยังสงสัยอยู่ว่าใช่ Tadashi Nakamura หรือเปล่า แปลว่าวีดิโอของ นากามูระที่ต่อยกับนักมวยไทย ไม่มีวีดิโอให้ดูนะครับ แต่ 2 คู่หลังถูกต้องแน่นอนครับ สรุป นักคาราเต้ทั้ง 3 คนมาแข่งขันที่ประเทศไทยครับ แต่มีวีดิโอการแข่งขันครั้งนี้แค่ 2 คู่ครับ(ตามที่โพสไป) แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 05:08:04 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 00:39:07 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 00:27:12 จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 00:13:37

ความคิดเห็นที่ 15 ศึกครั้งที่สองครูตุ้ยนำนักมวยสู้ศึก ชนะอย่างสวยงาม ในยูทูปจะมีคู่ของ พุฒ ล้อเหล็ก ผลของศึกครั้งแรกเคยได้ยินมาว่า เห่าไฟเสียผุู้เสียคนไปเลย จากคุณ : EspressoFx เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 00:49:08

ความคิดเห็นที่ 16 ขออภัยข้อมูลซ้ำกับ คห13 ครับแถมผมฟังชื่อนักมวยไทยผิดอีก แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 01:18:10 จากคุณ : น้าหน่อย เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 01:14:14

ความคิดเห็นที่ 17 ผมลองไปหามา ดูเหมือนจะเป็นการประลองระหว่างมวยไทยกับคิกบ็อกซิ่งนะครับ แถมทางเวทีประมาท นักมวยไทยที่ส่งไปแข่งจึงมีแต่ระดับกลางๆ ตั้งแชเล้งนี่ไม่รู้ระดับฝีมือแค่ไหน แถมร้างเวทีไป3ปี ที่เป็นระดับยอดมวยอย่างราวีก็ร้างเวทีไปนานเป็นปี เห่าไฟนี่ไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าผมจะเคยได้ยินมาว่าร้างเวทีไปสักพักด้วยเหมือนกัน "นิยามของคำว่าคิกบ็อกซิ่งที่โอซามู โนกูจิ คิดดัดแปลงขึ้น โดยมาจากการการที่เขาชื่นชอบศิลปะการต่อสู้และออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อดูการต่อสู้ของประเทศต่างๆ แล้วเขาก็มาพบกับมวยไทย ที่ประเทศไทย ซึ่งเขามีความประทับใจต่อศิลปะการต่อสู้ดังกล่าว เขาจึงดัดแปลงมวยไทยผสมกับคาราเต้ขึ้นในยุค 1950 ซึ่งคำดังกล่าวยังได้ถูกนำมาใช้ในคิกบ็อกซิ่งของชาวอเมริกัน เมื่อมีการนำศิลปะการต่อสู้มาใช้ทั้งสองชนิด ก็มักจะกล่าวถึงในลักษณะเฉพาะของกีฬาคิกบ็อกซิ่ง[3] อย่างไรก็ตามโอซามู โนกูจิ เริ่มมีแผนการโปรโมตที่ไม่เป็นที่พอใจต่อ ยอดธง เสนานันท์ ซึ่งเป็นครูมวยชาวไทย ตลอดจนผู้ที่เลื่อมใสในกีฬามวยไทยเท่าใดนัก เนื่องจากเขามีแผนการโฆษณาคิกบ็อกซิ่งโดยพยายามทำให้โลกหลงเข้าใจว่ามวยไทยมีต้นกำเนิดมาจากกีฬาคิกบ็อกซิ่งจากประเทศญี่ปุ่น ทั้งที่จริงแล้วคิกบ็อกซิ่งนั้นเป็นการต่อสู้ที่ดัดแปลงรูปแบบการต่อสู้มาจากมวยไทย กับคาราเต้สายเคียวคุชินไคกัน ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 โอซามู โนกูจิ ได้พานักมวยคิกบ็อกซิ่ง 3 ราย ในรุ่นแบนตั้มเวท, เฟเธอร์เวท และมิดเดิลเวท ซึ่งได้แก่ ฟูจิฮิร่า, นากามูระ และเคนจิ คูโรซากิ มาต่อสู้กับนักมวยไทย ที่เวทีมวยลุมพินี ซึ่งในครั้งนั้น ทางผู้จัดได้ประเมินนักมวยคิกบ็อกซิ่งต่ำมาก จึงจัดให้นักมวยไทยระดับพอใช้รับมือ ซึ่งได้แก่ "เห่าไฟ ลูกคลองตัน" ชกกับ ฟูจิฮิร่า และ "ตั้ง แช เล้ง" ซึ่งเว้นช่วงการแข่งขันไปนาน 3 ปี ชกกับ นากามูระ จากการแข่งขันครั้งดังกล่าว ทั้ง "เห่าไฟ ลูกคลองตัน" และ "ตั้ง แช เล้ง" เป็นฝ่ายแพ้ ในขณะที่คู่เอก เป็นการต่อสู้ระหว่าง เคนจิ คูโรซากิ ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนนักมวยคิกบ็อกซิ่ง และเป็นอดีตนักคาราเต้แถวหน้าที่มีฝีมือสูงมาก พบกับ "ราวี เดชาชัย" ซึ่งเป็นนักมวยไทยที่ห่างหายไปจากวงการนานนับปี โดยในการแข่งขันคู่เอกครั้งนี้ ราวีเป็นฝ่ายชนะน็อคกู้ศักดิ์ศรี มวยไทย คืนมาได้ อันนำไปสู่การต่อสู้ตัดสินสุดท้าย ในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2515 โอซามู โนกูจิ พาเหล่านักมวยคิกบ็อกซิ่งมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้เอง ที่ครูยอดธง ได้นำเหล่านักมวยไทยมาแข่ง ในรายการบีเอส ซามูไร ซึ่งการแข่งขันครั้งดังกล่าวนักมวยไทยเป็นฝ่ายชนะ จอมพลถนอม กิตติขจร ได้มีคำสั่งเนรเทศโอซามู โนกูจิ ออกประเทศภายใน 24 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนาของประเทศ และเมื่อโอซามูมาถึงประเทศญี่ปุ่น เขาก็ถูกทางการญี่ปุ่นสั่งห้ามเกี่ยวข้องกับวงการมวยอีกต่อไป เนื่องจากสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่ประเทศในขณะนั้น หลังจากนั้นเป็นต้นมา ชาวญี่ปุ่น ไม่เคย กล่าวอ้างว่า มวยไทยมีต้นกำเนิดมาจาก คิกบ๊อกซิ่งอีกเลย แม้จะเปิด ศึก K-1 สำหรับคิกบ๊อกซิ่ง โดยเฉพาะ แต่ก็ต้องก้มหน้ายอมรับความจริงว่า เป็นแค่ วิชามวยที่ ก๊อบมวยไทย มาเท่านั้น 5555+  ขอขอบคุณ ราวี เดชาชัย ที่ กูศักดิ์ศรี ให้กับมวยไทย ในปี 2507 ได้ ทำให้ คิกบ๊อคซิ่ง ต้องยกพวกมาให้ มวยไทย ถล่มยับปิดฉาก การต่อสู้อันยาวนาน" Credits : http://atcloud.com/stories/97847 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 08:58:28 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:57:54

ความคิดเห็นที่ 18 ผมอ่านแล้วแปลกๆขอมูลมันขัดๆกันอย่างไรก็ไม่รู้  การต่อสู้ นี้เป็นศักศรีของประเทศ ทำไม่เอามวยทีไปหยุดชกมา 3ปีมาสู้   ผมไม่เชืออะ เพราะดูรูปร่าง นักมวยไทยแล้วไม่เห็นเหมือนคนหยุดซ้อมเลย  จะว่าคนสู้ไม่มีฝีมือ ก็ไม่ใช้ เพราะฟูจิว่ารา มันต่อยชนะจนได้ชือว่าเอาแช้มราชดำเนินคนแรกมาได้      ฟังดูมันแปลกๆไหม  ผมว่าไอ้คนเขียนบทความนี้ มันมีคติ กับคิกบ็อกซิ้งแหงมๆ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 09:30:43 จากคุณ : win_mma เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 09:26:24

ความคิดเห็นที่ 19 คห.17 ขอยืนยันว่าไม่ใช่ คิกบอกซึ่งอย่างแน่นอนครับทั้ง 3 คน เข้าแข่งขันภายใต้ชื่อ Oyama Dojo ครับ มี อากิโอะ ฟุจิฮิระ(Akio Fujihira) คนเดียวที่ภายหลังยอมรับเทคนิคของคิกบอกซึ่ง และกลายเป็นนักคิกบ๊อกซึ่งครับ ส่วน Tadashi Nakamura ภายหลังอยู่ในสำนัก คาคูชินไค จนท้ายที่สุด แยกออกมาตั้งคาราเต้สายของตัวเอง คือสาย Seidō juku และเป็นเจ้าสำนักคนแรกของคาราเต้สายนี้ครับ ส่วนเรื่อง นักมวยเก่งไม่เก่งยังไง อันนี้ก็แล้วแต่คนจะวิจารณ์ครับ เพราะการแพ้ชนะมันอยู่ที่คนอยู่แล้วครับ Tadashi Nakamura When he was 19 years old (1961) he made his first tournament appearance, the All-Japan Student Open Karate Championship, where he was placed first. In 1962, he took part in a match against a Muay Thai champion of the Lumpinee Boxing Stadium. The contest had been to determine which country had the 'best' martial art. He fought Muay Thai rule but in winning he became a Japanese national hero. http://en.wikipedia.org/wiki/Tadashi_Nakamura There were "Karate vs. Muay Thai fights" February 12, 1963. The three karate fighters from Oyama dojo (kyokushin later) went to the Lumpinee Boxing Stadium in Thailand, and fought against three Muay Thai fighters. The three kyokushin karate fighters' names are Tadashi Nakamura, Kenji Kurosaki and Akio Fujihira (as known as Noboru Osawa). Japan won by 2–1: จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 09:33:11

ความคิดเห็นที่ 20 #18 เขาก็เขียนไว้แล้วนี่ครับว่า "ทางผู้จัดได้ประเมินนักมวยคิกบ็อกซิ่งต่ำมาก จึงจัดให้นักมวยไทยระดับพอใช้รับมือ" แล้วตอนหลังก็มีการจัดแก้มือกับคิกบ็อกซิ่งอีกรอบ ซึ่งนักมวยไทยชนะหมดไงครับ ส่วนร้างเวทีนี่ไม่จำเป็นต้องไม่ซ้อมนะครับ อาจจะมีการซ้อมอยู่เรื่อยๆก็ได้ แล้วในคลิปนี่คุณภาพชัดแจ๋วขนาดนั้นเลยเหรอครับ เห็นแต่ภาพขาวดำรางๆรู้ได้ยังไงครับว่าเนื้อตัวไม่เหมือนคนร้างเวที อีกอย่างไปเจอชะตากรรมของเห่าไฟมาอีก ถ้าไม่ใช่ศักดิ์ศรีของประเทศ คงไม่เป็นไปได้ถึงขนาดนั้นหรอกครับ "ผมนึกดูว่า ปี 2507 นั้น ทีวีเป็นขาวดำ ในหมู่บ้านหนึ่งมีทีวี เครื่องหรือสองเครื่องเท่านั้น ข่าวสารระดับประเทศก็น้อยมาก นักมวยไทย ชกกับนักมวยต่างประเทศ แทบไม่เคยมี และหากมีมันก็หมายถึง การที่ต้องรับผิดชอบเสมือนการเดิมพันกับความรู้สึก ที่เอาประเทศมารองรับ คนทั้งชาติต่างตั้งตามอง เห่าไฟเอง ก็ไม่รู้หรอกว่า คิกบ็อกซิ่งคืออะไร วันนั้นมีกติกาพิเศษ ใช้หัวโหม่งได้ ยกสามเห่าไฟโดนหัวโหม่ง ร่วงลงไปนับแปด ลุกขึ้นมาโดนขวาอีกที ก็หลับยาว และเขาก็นึกไม่ถึงว่า ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นของเขา มันสร้างความผิดหวังต่อชาวไทยมากเพียงใดในยุคสมัย แต่หลังการชกในครั้งนั้น เห่าไฟไม่เคยหลุด ออกไปจากความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ ที่พามวยไทยมาเสียท่าแก่คิกบ็อกซิ่ง ไม่มีใครปลอบใจให้อภัย กับการพ่ายแพ้ของเห่าไฟ จากวันนั้นจนวันที่เห่าไฟ หายไปจากวงการและตายไป แม้แต่ตัวเห่าไฟเอง" Credits : http://www.oknation.net/blog/musachiza/2012/02/27/entry-1 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:04:00

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 17 ในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2515 โอซามู โนกูจิ พาเหล่านักมวยคิกบ็อกซิ่งมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้เอง ที่ครูยอดธง ได้นำเหล่านักมวยไทยมาแข่ง ในรายการบีเอส ซามูไร ซึ่งการแข่งขันครั้งดังกล่าวนักมวยไทยเป็นฝ่ายชนะ จอมพลถนอม กิตติขจร ได้มีคำสั่งเนรเทศโอซามู โนกูจิ ออกประเทศภายใน 24 ชั่วโมง ข้างบนคงเป็นบทความจากป้าวิกี้ ซึ่งไม่ถูกต้องทีเดียวนัก จากที่โนกูจิได้พยายามเปิดตลาดคิกบ็อกซิ่งในญี่ปุ่น มีการนำนักมวยไทยที่หมดอายุในตลาดไทย ไปสอนที่ญี่ปุ่น และขึ้นชกกับนักมวยญี่ปุ่นด้วย นักมวยไทยหรือครูมวยเหล่านี้ มักจะโดนน็อคประจำ เมื่อโนกูจิหาญมาเปิดคิ๊กบอกซิ่งยิมในไทย ที่ราชดำริห์อาร์เขด เพื่อประกาศศักดาว่า คิกบอกซิ่งเหนือกว่ามวยไทย โรงยิมติดกระจกใส สามารถมองจากภายนอกเข้าไป มีอาหารและเครื่องดื่มจำหน่าย เพื่อผู้สนใจจะได้ทานไป ชมการฝึกไป สร้างความไม่พอใจกับคนไทยยุคนั้นเป็นอย่างมาก ถึงกับบุกไปที่โรงยิม เรียกร้องให้นายโนกูจิขอโทษ และยอมรับว่าเลียนแบบมวยไทย และให้ปิดโรงยิม นี่คือเหตุที่ทำให้ครูยอดธงเบิดกระโหลกโนกูจิสั่งสอน เมื่อประมาณ3-4ปีก่อน ผมได้คุยกับครูยอดธงเกี่ยวกับการเบิดกระโหลกโนกูจิ ซึ่งครูยอดธงก็ยังจำเหตุการได้ดีครับ ที่คนไทยไปล้อมโรงเรียนคิกบ็อกซิ่งของโนกูจิ เป็นข่าวใหญ่มาก หากทิ้งไว้คงมีการบุกเข้าทำลายหรือวางเพลิง รัฐบาลไทยจึงดำเนินการเนรเทศโนกูจิอย่างเร่งด่วนครับ ส่วนการชกที่เวทีนั้น ไม่มีเหตุการร้ายแรงครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:12:17

ความคิดเห็นที่ 22 ผมอ่านแล้วข้อมูลนี้แล้วมันแปลกนะครับ ตั้งแต่ตอนที่บอกว่าเป็นคิกบ็อกซิ่งแล้ว มันขัดกับข้อมูลที่อ่านเจอในเน็ตอ่ะ อีกอย่างคู่ของเห่าไฟ ที่เจอกับคาราเต้ ปี 1964 โดนน็อคด้วยหมัดครับ ไม่ได้โดยโขกด้วยหัวแต่อย่างใดแล้วล้มไปนับแต่อย่างใด  ลุกขึ้นมาอีกก็โดนน็อคด้วยหมัด จากคลิปเห็นได้ชัดว่าโดนน็อคด้วยการชก ข้อมูลที่เขียนตอนนี้มันไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่เกิดแล้วขึ้นแล้วครับ ถ้าคุณจะพูดเรื่อง โอซามู โนกูจิ กับ คิกบ็อกซึ่งกับประเด็นลอกมวยไทย ผมขอให้ตั้งกระทู้ใหม่ดีกว่าครับ เพราะกระทู้นี้เป็นเนื้อหาของศิษย์เอกของโอยาม่า คาราเต้ คาคูชินไค 3 คนที่มาชกในประเทศไทย ปี 1964 เท่านั้น ถ้าเรื่องอนาคตคิกบ็อกซิ่งกับมวยไทย ซึ่งไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้ขอแนะนำว่าแยกอีกกระทู้ดีกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 10:24:04 จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:22:54

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่า Chineseman กรองขอมูลหน่อยดีกว่า    ถาม หน่อยคุณอ่านไม่แปลกๆเหอร ไม่สงสัย บางหรือ  แล้วคุณ เซ็กรายละเีอียดจากบทความนี้แล้วหรือยัง ก็ยังใครเขียนก็ไม่รู้ เป็นตุเป็นตะ*(เขามาในฐานะคาราเต้ยังไม่รู้เลย)*  มันเพียงแต่เขาว่ากันว่า ร้างเวที จริงเท๊จยังไงก้ไม่รู้ เพราะเวลาแพ้ มักมีขอกล้าวหาตามหลังทุกที  เพราะมีกลุ่มพวกคลั้งมวย มันไม่ยอมรับกันดีๆ ก็ไม่รู้เพราะอะไร พอไม่ถูกใจ ตู้ก็ด่า ไว้ก่อน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไงทีจะยอมรับอย่างนักเลงดีว่าตรูแพ้เป็น   พูดตรงๆ เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ คนเขาก็ไม่อยากเล่นมวยไทยครับ   มวยมีเยอะแยะ ทำไม่ต้องเอามวยร้างเวทีมาต่อยก็ไม่เขาใจ   คิกซ์บ็อกซิง ก็มวยไทยประยุก มวยสากล คาราเต้  ทำไม่เขาจะไม่รู้ว่าคืออะไร มันแทบไม่แตกต่างจากมวยไทยเลย  มันมีหัวโม้ง  เราก็มีศอก  สมัยนั้น รับรองได้การใช้ศอกสู้เราไม่ได้    แสดงว่ามันชนะเราได้มันคงเตรียมตัวมาดีซึงเขา ไม่ได้ทำผิดตรงไหน  การต่อสู้ระหว่างวิชา สมัยก่อนเป็นเรือง ใหญ่นะครับ  การ ทีเห่าไฟไปแพ้ ไม่ใช้ไม่รู้กติกา ก้ต้องรู้ ในเมือรู้ ก็ต้องยอมรับ  แต่ เวลาไปแพ้พวกคลั้งชาติก็ว่าเขาล้มมวยถูกเหอร  กลายเป็นตราบาปของนักชกทีคนสมัยนั้นไม่ให้อภัยเขา โืทษทีจนสมัยนี้ ก็ยังมีคนว่าเห่าไฟล้มมวย      กีฬามันพัฒณา คน  แต่คนไม่พัฒณาตาม  ผมต่อสู้เรือง พวกนี้มาตลอดกับการเปรียบเทียบระหว่างวิชา กีฬามันมีแพ้ชนะกันได้ไ่ม่ใช้ไม่มี  แต่คนแพ้ คนไทยด้วยกันกับไม่ให้อภัยกันมันถูกเหรอ    ผมถึงได้ทะเลาะกับพวกคลั้งมวยไทย จนคนพวกนี้กล้าวหาว่าผมเกลียดมวยไทย  ผมทะเลาะ เพราะผมไม่อยากให้มีเหตุการณ์ อย่าง เห่าไฟเกิดขึ้นอีก  มวยแพ้ แต่คนไม่แพ้อย่างนี้ไม่ใช้ครับ      ผมเห็นด้วย ว่าถ้าจะพูดประเด่นอื่น ก็ควรแตกประเดน ถ้าการกล้าวหาว่า คิกบ็อกซิงลอกมวยไทย ย้อนกลับมาดูเรา เองด้วยว่าเราดีกว่าเขาตรงไหน ในเมือมวยไทยเราก็ลอก*รูปแบบ*มวยสากลมาเหมือนกัน!! แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 11:09:50 จากคุณ : win_mma เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:07:10

ความคิดเห็นที่ 24 การทีเราไปทุบตีเขา กับทำให้เขายิงโต   และเหมือนตลกร้าย...   คิกซ์บ็อกซิงทีเราชิงชัง นักหนา กลายเป็นขุมทอง ทีนักมวยไทยกระหาย ทีจะหาหนทางไปต่อยทำมาหากินกัน หึึๆๆ จากคุณ : win_mma เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:31:39

ความคิดเห็นที่ 25 เหตุการ์ณของ โอยาม่า เอาคนมาแข่งมวยไทย นี่คนละยุคกับคิกบ๊อกซิ่งครับ อันนี้เก่ากว่า เพิ่มเติมว่าสำนักเซโดคาราเต้ ก็เป็นหัวหอกเริ่มต้นการแข่งขันK-1อีกราย จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:20:02

ความคิดเห็นที่ 26 สงสัยสิครับ สงสัยว่าเรื่องที่เวทีประมาทจึงเอานักมวยไทยไม่เก่งมาชก มันน่าสงสัยตรงไหน เพราะค่านิยมคนสมัยก่อนนึกว่ามวยไทยเก่งที่สุด จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องเอามวยเก่งมาเปลืองตัวชก ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร แล้วยังไม่ได้ตอบผมเลยว่าภาพขาวดำแบบนั้น คุณดูรู้ได้ยังไงว่าร้างหรือไม่ร้างเวทีครับ แค่สงสัยก็เลยมั่วเอาอีกแล้วหรือเปล่า หรือคุณมีข้อมูลสถิติการชกของราวีกับเห่าไฟว่าไม่ได้ร้างเวทีจริง เรื่องมวยไทยเอามาจากมวยสากล คุณก็พูดโดยอ้างไปถึงครูมวยฟิลิปปินส์อะไรของคุณที่ไม่เห็นจะมีอะไรมาอ้างอิงเลย นอกจากในปริทัศน์มวยไทยซึ่งผมไปลองอ่านแล้วเขียนว่าเขามาต่อยมวยสากล จะขอหลักฐานอ้างอิงก็ต้องนัดพบกับคุณ (ขอบอกว่าผมไม่ได้ว่างขนาดนั้น แล้วที่บ้านไม่มีเครื่องสแกนหรือกล้องถ่ายรูปเหรอครับ เอามาลงเว็บไม่ได้?) แม้แต่ภาษาไทยยังเขียนไม่ค่อยถูกเลย เรื่องข้อมูลแน่นผมว่าบอกตัวเองก่อนดีกว่ามั้งครับ สำหรับผมขอตอบกระทู้นี้แค่นี้นะครับ เรื่องคิกบ็อกซิ่งคิดว่าคงเป็นความสับสนของคนไทยด้วย เพราะผู้บรรยายในคลิปราวีก็บอกว่าเป็นคิกบ็อกซิ่ง แต่ถ้ามีหลักฐานว่าเป็นคาราเต้ก็คงจะเป็นคาราเต้ครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 13:29:43 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:11:10

ความคิดเห็นที่ 27 ผมเจอข้อมูลอ้างอิงแล้วนะครับ แต่ไม่ทราบคุณวินจะถือว่ามีน้ำหนักมากพอหรือเปล่า จากหนังสือมวยตู้ฉบับที่ 1326 หน้า 29 "ทางเวทีรับเป็นผู้จัดโดยตั้งชื่อรายการว่า "ศึกคิกบ๊อกซิ่ง" ...ทว่าในอีก2คู่ที่เหลือซึ่งทางเวทีลุมพินีนำนักมวยไทยรุ่นเก๋าสภาพโรยรามาปะทะกับนักมวยคิกบ๊อกซิ่ง ด้วยเจตนาจะให้ต่อยกันคู่คี่ คนดูจะได้ไม่เหน็บแนมว่า "เอาหมูมาเชือด" และเพื่อให้มีโอกาส "เล่น" กันบ้าง..."เห่าไฟ ลูกคลองตัน" ดาราเดิมพันตัวกลั่น ระยะนั้นเริ่มมีอาการเมาหมัด ทั้งที่ออกอาวุธจนเป็นต่อ 10-1 แต่พลาดไปเจอกำปั้น..." ข้อมูลเรื่องคิกบ๊อกซิ่งผมว่าทางเมืองไทยคงสับสน เพราะผู้บรรยายในคลิปราวีก็พูดเหมือนกัน อีกอย่างจากที่บอกมาดูเหมือนอ.โอยาม่าจะไม่ได้เป็นคนคุมศิษย์เอกมาต่อยเอง เป็นไปได้ไหมว่าโนกุจิเป็นคนคุมมาต่อย เลยอุปโลกน์มวยของตัวเองเป็นคิกบ็อกซิ่งซะ ทางเมืองไทยจึงเข้าใจผิดไปด้วย จากที่ถึงกับใช้ชื่อรายการว่า "ศึกคิ๊กบ๊อกซิ่ง" หรือใครมีข้อมูลบ้างครับว่าชื่อรายการไม่ได้ชื่อนี้ (เรื่องประเด็นที่ทางเวทีกลัวจะหาว่าเอาหมูมาต่อย ก่อนหน้านั้นในปี 2505 เคยมีการนำมวยปล้ำมาต่อยกับอดุลย์ ศรีโสธร โดยโปรโมทว่าเป็นสุดยอดมวยปล้ำ คนดูก็อยากดูกันใหญ่ แต่แล้วก็โดนอดุลย์เตะน็อกง่ายๆ คนดูด่ากันเละ ทางเวทีคงกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยครับ เพราะสมัยนั้นไม่มีgoogle youtube ข้อมูลคู่ชกอะไรก็ไม่รู้เลย ถ้าอยากอ่านผมพิมพ์ให้ก็ได้นะครับ) แต่ข้อมูลของนักมวยไทยผมว่ามวยตู้ไม่น่าจะพลาด ถ้าคุณวินมีข้อมูลอะไรมาแย้ง เช่นข้อมูลว่าตอนนั้นเห่าไฟกำลังอยู่ในช่วงพีึค น็อกใครต่อใครเป็นว่าเล่น เป็นต้น ก็บอกมาก็แล้วกันครับ ปล. จริงๆแล้วมีฉบับที่พูดถึงราวี เดชาชัยกับคุโรซากิแบบเต็มๆทั้งสกู๊ปด้วย เสียดายผมหาไม่เจอครับ เจอแค่ที่พูดถึงย่อๆในหน้าประวัติศาสตร์มวยไทยในอดีต แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 14:12:01 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 13:55:34 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:50:43

ความคิดเห็นที่ 28 ผมกลับเห็นด้วยกับคุณ win_mma นะครับ ผมไม่เห็นว่าคุณ win_mma จะพูดผิดหรือพูดไม่มีเหตุผลแต่อย่างใด กลับพูดได้ดีและมีเหตุผลดีมากๆครับ ประเด็นแรก เรื่องที่นักมวยไทยไม่ได้ฝึกซ้อมเอามาสู้กับคาราเต้ คุณไม่คิดเหรอว่าการที่ฝ่ายญี่ปุ่นเขากล้ามาท้าถึงประเทศไทย ท้ามาถึงเวทีมวยลุมพีนี ที่เป็นสถานที่หากินของนักมวยไทย เป็นสถานที่เลี้ยงปากเลี่ยงท้องของนักมวยไทย คุณไม่คิดเหรอครับว่าคนไทยจะไม่รู้ว่าฝ่ายญี่ปุ่นมีเจตนาอะไร เจตนาของฝ่ายญี่ปุ่นคือมากอบโกยชื่อเสียงโดยต้องการเอาชนะมวยไทย คุณไม่คิดเหรอครับว่าเรื่องแบบนี้คนไทยจะไม่รู้ ถึงขนาดมาท้าถึงเวทีแล้ว ถ้าคิดตามหลักสามัญสำนึกมันจึงดูไม่มีเหตุผลที่ฝ่ายไทยจะส่งนักมวยไทยฝีมือไม่ดีไปแข่งเพราะ ฝ่ายเรารู้ดีอยู่แล้วว่าเขาต้องส่งยอดฝีมือมาแน่ (ก็แมร่งเล่นมาท้าถึงถิ่น) การกล่าวว่านักมวยไทยเก่งๆไม่อยากลงไปเปลืองตัว ไม่น่าจะฟังขึ้น เพราะถ้าเราชนะมวยไทยก็ได้เครดิตเต็มๆไม่เสียอะไร แต่ถ้าเราแพ้ ถึงขั้นมาแพ้ในบ้านตัวเองจะเสียเครดิตมากกว่าครับ ผมคิดว่าคนไทยสมัยนั้นคงไม่กล้าเสี่ยงเอาคนที่ยังไม่พรอ้มมาสู้ในเวทีระดับนี้หรอกครับ ถ้าแพ้จะได้ไม่คุ้มเสีย ผมเลยค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณ win_mma ว่ามันค่อนข้างดูเหมือนการแก้ตัวมากกว่า การแข่งขันแล้วแพ้หรือชนะ ไม่ได้แปลว่าศาตร์นั้นๆดีกว่าหรือแย่กว่านะครับ เพราะมันอยู่ที่การฝึกฝนและการเรียนรู้กับผู้อื่นมากกว่า ผมมองแบบนั้น รักมวยไทยได้แต่อย่าคลั่งมวยจะดีกว่า ส่วนเรื่องคาราเต้ อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า ทั้ง 3 คนไม่ได้เรียนมวยไทยหรือคิกบ๊อกซิ่งครับ ส่วน เคนจิ คูโรซากิ(Kenji Kurosaki) เป็นอาจารย์สอนคาราเต้สายคาคุชินไคครับ ยิ่งไปกว่านั้นหลังการชกคู่นี้ ทาเดชิ นากามูระ(Tadashi Nakamura)ยังได้ไปสอนคาราเต้ให้กับสถาบันต่างๆ รวมทั้งในค่ายทหารด้วยครับ ซึ่งนากามูระออกมาตั้งสำนักคาราเต้สายใหม่ที่ชื่อว่า Seidō juku ครับ นากามูระ(ซึ่งเป็นคนเดียวที่มีประวัติค่อนข้างละเอียดกว่า 2 คนที่เหลือ)ลองไปอ่านประวัติของท่านดูเลยครับจะรู้ว่า นากามูระไม่เคยฝึกมวยไทย คิกบ็อกซิ่งแต่อย่างใด ท่านฝึกคาราเต้ กับเคนโดครับ และปัจจุบันท่านก็ยังสอนคาราเต้อยู่ครับ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะเป็นคิกบ็อกซิ่ง ผมคิดว่าน่าจะเป็นความเข้าใจผิดของคนไทยเสียมากกว่าครับ เพราะคนไทยเป็นคนตั้งชื่อรายการเอง และเรายังไม่คุ้นเคยกับคาราเต้ เวลาสู้ก็ถอดกิสู้ มันเลยดูเหมือนเป็นนักมวย ทั้งที่จริงๆตอนมาก็มีเสื้อกิคาราเต้ใส่มาครับ สังเกตง่ายๆ และที่สำคัญคือเว็บไซด์ต่างๆใน google ต่างก็ให้เครดิตกับ Kyokushin ครับ ไม่ใช่ คิกบอกซิ่งแต่อย่างใด http://en.wikipedia.org/wiki/Seid%C5%8D_juku http://en.wikipedia.org/wiki/Tadashi_Nakamura http://en.wikipedia.org/wiki/Masutatsu_Oyama ข้างบนของอ.โอยาม่า เลื่อนไปดูรายละเอียดในชื่อ Founds Kyokushin หนังสือของไทยฟังหูไว้หูดีกว่าครับ เพราะนี่มันนิตยสารมวย ดูในเว็บไซด์มีเว็บไซด์ไหนที่บอกว่านักมวยไทยที่ชกปี 1964 เป็นนักมวยไม่พร้อมครับ จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:17:05

ความคิดเห็นที่ 29 เว็บไซต์ก็ที่ผมยกมาทีแรกไงครับ คุณว่าน่าเชื่อถือกว่านิตยสารมวยหรือเปล่า ถ้าไม่น่าเชื่อถือ จะเชื่ออะไรดีครับ คิดเอาเองหรือครับ? ที่คนไทยสมัยนั้นทำไม่ใช่กล้าเสี่ยงหรอกครับ แต่เป็นการประมาทเพราะคิดว่าวิชาตัวเองแน่ แถมต่างชาติที่เคยมาชกในปี พ.ศ.2505 ก็เป็นของปลอมจนโดนคนดูด่าทั้งสนาม ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกสำหรับพวกชาตินิยมสุดกู่นะครับ ที่จะเหลิงจนประมาทว่านักมวยญี่ปุ่นที่มาก็ไม่น่าจะมีอะไรเหมือนกัน อย่าลืมว่าเป็นยุคสมัยที่ไม่มีทั้ง google internet youtubeใดๆให้ค้นทั้งนั้นด้วย อีกอย่างประเด็นของผมไม่ใช่ว่าเป็นคาราเต้หรือคิกบ็อกซิ่งแล้วครับ แต่คือนักมวยไทยสภาพดีหรือเปล่า ซึ่งเท่าที่เห็นยังไม่มีข้อมูลอะไรมาแย้งตรงนี้ได้นะครับ นอกจากสมมติฐานที่คิดกันขึ้นมาเอง บนพื้นฐานว่าคนไทยที่ชาตินิยมคิดว่าวิชาตัวเองดีที่สุดแล้วจะไม่มีทางประมาทนักศิลปะการต่อสู้วิชาอื่นเลย แบบนั้นถูกแล้วแน่หรือครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 14:48:59 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 14:43:53 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:40:37

ความคิดเห็นที่ 30 โอเคๆครับ ไม่พูดแล้วเรื่องคาราเต้ คิกบ็อกซิ่งอะไรนั้น จบๆตัวเราตัดสินเองครับ Tadashi Nakamura When he was 19 years old (1961) he made his first tournament appearance, the All-Japan Student Open Karate Championship, where he was placed first. In 1962, he took part in a match against a Muay Thai champion of the Lumpinee Boxing Stadium. ผมแล้วแต่คนคิดแหละครับ แล้วแต่คนคิดคนเฃื่อแหละ แต่ละฝ่ายก็อวยกันไป ต่างคนต่างเชื่อไม่ว่ากันครับ กระทู้นี้เดือดจริงๆฮ่ะ ไม่ว่ากันๆ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 14:54:33 จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:51:00

ความคิดเห็นที่ 31 ยิ่งแปลกใหญ่เลยครับ นักมวยไทยที่ชกกับนากามูระ ฝ่ายไทยบันทึกว่าเป็นนักมวยไทยคนจีนชื่อ ตั้ง แช เล้ง ซึ่งผมไม่เคยได้ยินในสารบบยอดมวยมาก่อน มวยตู้ (ฉบับเดิม หน้าเดิม) ก็บันทึกว่า "...ตั้ง แช เล้ง นักมวยไทยที่ถูกอุปโลกน์เป็นมวยจีน สังขารย่ำแย่เต็มฟัด โดนนากามูร่าดาวรุ่งคิกบ๊อกซิ่งถล่มจอดป้ายยก2..." แต่ก็แล้วแต่คนจะเชื่ออย่างว่าครับ ผมแค่เอาข้อมูลส่วนอื่นๆมานำเสนอเท่านั้นว่าสมัยก่อนการจัดชกมวยไทยโดยประมาทคู่ต่อสู้มีเยอะ เขาไม่ได้มองต่างชาติเป็นของจริงที่ประมาทไม่ได้เหมือนสมัยนี้ (แม้สมัยนี้บางคนก็ยังมองว่าต่างชาติต่อยมวยไทยไม่เก่ง ซึ่งน่าจะเห็นประปรายในเว็บบอร์ด แต่ถ้าไปในสนามจะมีเยอะครับ) ไม่รู้ว่าจะรู้จักคาราเต้รึยังด้วยนะครับตอนนั้น เพราะขนาดชื่อยังเรียกสับสนกับคิกบ็อกซิ่งเลย จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:03:50

ความคิดเห็นที่ 32 คือชื่อนักมวยไทยที่สู้ ผมก็ไม่รู้ว่าใครนะครับ ข้อมูลในเน็ตบอกแค่ว่าเป็นนักมวยไทยระดับแชมป์แค่นั้นเอง แสดงว่าข้อมูลไม่ตรงกัน ช่างมันเถอะครับ คิดว่าคนที่อ่านๆอยู่คงตัดสินเองแหละว่า จะเชื่ออะไร ต่างคนต่างคิดครับ ไม่ว่ากัน จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:11:33

ความคิดเห็นที่ 33 ครับ เสียดายที่ผมหาสกู๊ปที่พูดถึงการชกของราวีครั้งนี้เต็มๆไม่เจอ ไม่งั้นอาจจะมีข้อมูลมากกว่านี้ เอาเป็นว่าเรื่องนี้แล้วแต่คนจะเชื่อก็แล้วกันครับ จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:15:53

ความคิดเห็นที่ 34 ติดใจอยู่เรื่องนึง "มีกติกาพิเศษ ใช้หัวโหม่งได้" ส่วนตัวผมมองว่าโหม่งนี่เป็นอาวุธที่น่ากลัวมากเลยนะ สมมติผมจับพลัดจับผลูมีเรื่องต่อยกับบัวขาว (แน่นอนว่าผมไม่มีทางสู้ได้อยู่แล้ว) ผมก็คิดว่าสิ่งที่จะสร้างโอกาสชนะได้มากที่สุดก็คือโหม่งนี่แหละ เพราะแทบไม่เคยเห็นศิลปะการต่อสู้ไหนสอนให้ป้องกันท่าโหม่งเลย โดยเฉพาะมวยไทยในปัจจุบัน ปล. ไม่ได้บอกว่าใช้หัวโหม่งจะชนะบัวขาวนะ แค่เพิ่มโอกาสชนะจาก 0% มาเป็น 0.01% เท่านั้น ปล. 2 ไม่ค่อยเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้เลย จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 16:38:57

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่าจะเป็นสื่อinternet หรือหนังสือ ก็ไม่ต่างกันหรอก อยู่ที่ใครเขียนขึ้นมากกว่า อย่างข้อมูล wiki. ภาษาอังกฤษ คุณว่าใครใส่ข้อมูลลงไป ฝรั่งที่สนใจคาราเต้หรือลูกศิษย์อาจารย์ท่านนั้นๆ หรือใครก็ตามที่อยากโปรโมทสำนัก การเขียนเพิ่มเติมข้อมูลให้ดูน่าเกรงขามหรือดูยิ่งใหญ่ขึ้นมันก็ไม่แปลก ผมเจอบทความประเภทนี้ประจำ  ประเภททำได้แค่"7" แต่พิมพ์ไปเป็น "9" ซึ่งรายละเอียดเก่าๆตรงนี้ จะหาคนมาแย้งก็ลำบาก มันก็ทำเนียนกันได้ และสุดท้าย เราไม่ควรเอาความคิด ของคนปัจจุบันไปใส่ให้คนสมัยก่อนนะครับ ต่างยุคต่างสมัย สมัยนั้นเค้าอาจคิดซื่อๆไม่เคยเจอเล่เหลี่ยม ก็ไม่คิดไรมากจัดมวยที่ คิดว่าน่าจะสูสีให้พวกพนันได้แทงกันก็ได้ จากคุณ : Kuroro เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 18:06:52

ความคิดเห็นที่ 36 มาอ่านกระทู้นี้เหมือนได้รู้อะไรมากขึ้น มวยไทยถ้าพลาดมาก็ควรยอมรับว่าเราก็แพ้ได้ครับแล้วควรเรียนรู้จากสิ่งที่พลาดไป เรียนรู้จากมวยอื่น ศึกษาของเขาถ้าไม่เรียนรู้เขาเลยคิดว่าตนเองเก่งอยู่แล้ว ก็จะแพ้ได้ง่ายๆเหมือนข้างบนนั่นแหละครับ การพัฒนาตัวเองเสมอ เป็นสิ่งที่จะพัฒนามวยไทยให้ก้าวไกลออกไปนะครับ จากคุณ : hong_pl เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 18:40:54

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าเอาความทรงจำที่เคยอ่านๆ หนังสือเรื่องเล่ามวยไทย ผมว่า สนามมวยอาจกลัวชกไม่สนุก เลยต่อเอามวยรองๆ ขึ้นไป เพื่อให้นักพนันมีลุ้น โดยที่ไม่ศึกษาฝ่ายตรงข้ามดีพอว่าเขาเก่งแค่ไหน พอแพ้ขึ้นมา ก็งานเข้า เสียชื่อเสียงมวยไทย และใช้เป็นที่กล่าวอ้างของผู้ชนะได้อีกนาน พูดไปน่าเจ็บใจ แต่ความจริงมันเป็นอย่างนั้น เขารู้เรา แต่เราไม่รู้เขาซักนิด เรื่องการใช้หัวโหม่ง คาราเต้หลายสายอนุญาตให้ใช้ แต่มวยไทยเราไม่ใช้กัน ท่าแก้มันมีครับ ขึ้นกับว่าจะศึกษามาก่อนหรือไม่ จากคุณ : Mr. Polar Bear เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 22:04:32

ความคิดเห็นที่ 38 ผมมีหนังสือประวัติ ความเป็นมาช่วงคาราเต้ มาสู้กับมวยไทย จากนั้นมีคิ๊กบ๊อคซิ่ง   และพวกคิ๊กมาสู้ในไทย  ไทยไปสู้ที่ญี่ปุ่น  มวยไทยไปที่ญี่ปุ่น และการเริ่มมีk-1 รายละเอียดผมคิดว่าน่าสนใจครับ สีทั้งเล่ม ภาพเยอะ ผมคิดว่าน่าจะได้ข้อเท็จจริงอีกมุมของทางญี่ปุ่นจากหนังสือเล่มนี้ได้บ้าง  มีรายละเอียดนักมวยดังๆในอดีตเพียบครับ พร้อมศึกและคู่สำคัญๆระหว่างไทย ญี่ปุ่น  หรือญี่ปุ่นกับอเมริกาในอดีตด้วย ใครที่มีเพื่อนฝูง แปลญี่ปุ่นได้ สนใจอยากให้ผมแสกนส่งให้แล้วแปลนำมาแชร์ให้ในพันทิพย์อ่านกัน ผมยินดีให้ครับ (แต่ไม่ส่งเล่มจริงให้นะ หวง) จากคุณ : j thailandfight เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 00:20:41

ความคิดเห็นที่ 39 น่าเสียดายผมแปลไม่ได้ครับ แต่เนื้อหาน่าสนใจมาก ถ้าใครแปลแล้วช่วยเอามาลงเป็นวิทยาทานที่นี่บ้างก็จะดีครับ จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 00:48:44

ความคิดเห็นที่ 40 มาเชียรืพี่เจ แปลงเองเลยครับ ดับนี้แล้ว จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 02:35:31

ความคิดเห็นที่ 41 รายละเอียดในหนังสือนับว่าน่าสนใจมากครับ เพราะ เราจะได้มุมมองของคนญี่ปุ่น รวมถึงได้รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นของฝ่ายญี่ปุ่นที่เราอาจจะยังไม่รู้อีกด้วยครับ นับว่าน่าสนใจมากๆ คห.36 ผมเห็นด้วยตามนั้นครับ จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 06:14:02

ความคิดเห็นที่ 42 นั้น ทำให้ผมรู้ว่าคุณ ไม่ใช้ คนรักหรือฝึกมวยไทยทีไหนเลย จริงๆ คุณไม่ได้รักมวยไทยจริงๆหรอก เป็นเพียงแค่เอามวยไทยบังหน้า   ผมคิดว่า คุณเป็นแค่ โอโตกุมวยไทย  ที่คลั้งมวยไทย  และวันๆ อยู่บนหน้าเน็ต และคงไม่ฝึกอะไรจริง จังหรือไม่ฝีึกเลย  เวปทีเสพคงจะเป็นพวกมวยไทยชนะคนนู้นคนนี้วิชานู้นวิชานีมากกว่าหรือหนังสือมวยการพนั้นหึๆ นอกเหนือจากนั้นคงไม่เอา   ขอมูลอื่นมากกว่านั้นมันคงไม่มี  เพราะอะไร เท่าทีผมจำได้ ว่าถ้าคุณอยากได้ขอมูลให้มาเอา  ผมคาดหวังว่า คุณคงไม่ใช้ตาขาวอะไร ปรากฎว่าไม่ใช้ คุณไม่มาเอาทำให้ผมรู้ว่าคุณไม่ได้รักมันจริงๆและ คงแทบไม่ได้ฝึกอะไรมาเลย  ถ้าคุณฝึกมาจริง ๆหรือรักมันจริงๆทำไม่ต้องกลัวผมละ ทำไมไม่มีเวลาให้ เพราะผมเชือว่าถ้ามีความรักอะไรซักอย่างเรามีเวลาให้สิ่งนั้นเสมอ  ไอ้ทีไม่มีเวลาคงอ้างไปเรือย เพราะผมเห็นคุณบนเน็ตโทษที แทบทุกวัน (โดยเฉพาะช่วงปิดเทรมหุๆ)ไม่รู้ทำงานอะไร    ผมจะบอกอะไรคุณให้ อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญ นัก คุณจะได้ขอมูลต่อเมือผมนัดมา จะไกลแค่ไหนหรือจะดึกดื่ืนแค่ไหนคุณต้องมา  และผมไม่ให้ฟรี ผมคิดค่าครูแพง ครับ ผมคิดว่าอะไรทีมันมาง่าย เหมือนเคาะเอามันทางเน็ต มันมีค่าเท่ากับความคิดมือสอง สู้เราเขาห้องสมุดค้นคว้า ดีกว่า ยังไงความรู้พวกนี้ก็เป็นของเรา วันที 12-13 ผมจะนัดเืพือนซ้อมกัน อีกทีไหนเมือไรทีไหน ค่อยว่ากันอีกที   แต่หวังว่าคราวนี้ คงเห็นตัวคุณไม่ใช้ชายกระโปรงนะครับ ขอบคุณ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 11:13:02 จากคุณ : win_mma เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 11:08:12

ความคิดเห็นที่ 43 ตำราดังกล่าวข้างบน น่าจะมีในห้องสมุด ผมไปหาเองได้ครับ มวยเมืองสยามนี่รู้สึกจะเคยเห็นแวบๆอยู่ ขอบคุณครับ ถ่ายมาให้ดูแบบนี้ทำให้ผมรู้เลยว่าไม่จำเป็นต้องถ่อไปหาคนแบบคุณ (ค่าครูนี่ผมว่าหากำไรเข้าตัวมากกว่า 555) ไว้ว่างๆจะไปลองค้นดูนะครับว่ามีครูมวยไทยชาวฟิลิปปินส์ที่ว่าจริงหรือเปล่า เข้าห้องสมุดค้นคว้าเป็นเรื่องดีครับ แต่ให้ปลิงมาเกาะหากำไรนี่ผมคงไม่โง่เสียทั้งค่าเดินทาง เสียเวลา และเสียเงินหรอกครับ ปล. คำว่าไม่ได้ว่างขนาดนั้น ผมหมายถึงไม่ว่างพอจะมาเจอคนแบบคุณครับ ไม่ใช่ไม่มีเวลาว่างเอาซะเลย วันศุกร์ที่จะถึงผมก็ว่างพอไปดูมวยไทยได้อยู่ครับ เรื่องคู่ซ้อมผมหาเองได้ครับ ขอบคุณ ขอพูดตรงๆว่าไปเจอคนแบบคุณมันไร้สาระ ปล2. ส่วนเรื่องส่วนตัวของผมคิดว่าคุณคงไม่จำเป็นต้องรู้นะครับ ผมยังไม่ค่อยจะพูดถึงการศึกษาของคุณเลย ที่บางคำขนาดเด็กประถมยังเขียนถูก แต่ก็เขียนผิด หุหุ ปล.สุดท้าย ถ้าจะมาพูดประเด็นชายกระโปรงหรือเรื่องส่วนตัว ผมคงไม่ตอบแล้วครับ เพราะดูหมาเห่าใบตองแห้งไปคนเดียวสนุกกว่าเยอะ จริงๆประเด็นของกระทู้นี้ก็จบไปแล้วข้างบนด้วย เกรงใจ จขกท.ครับ กระทู้จะดราม่าและรกโดยไม่จำเป็น แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 11:26:55 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 11:24:06 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 11:23:16

ความคิดเห็นที่ 44 รกไม่จำเป็นกล้าพูดได้อย่างไร  อาย5เอ้ยตัวเองเปิดประเด่นสร้างประเ่ด่นให้เขาแตกแยก กระทู้เขามาดีๆ จนเขาทะเลาะกันก็เพราะคุณ สำนึกไว้ซะ ว่าคุณนะเป็นเกรียนมวยไทยในกระทู้นี้  จขกท นี้ไม่ต้องการให้ทะเลาะกันเจตณาเขาต้องการเขียนประวัตศาสตร์ความรู้  คุณทำอย่างนี้ เขาจะมีใจเขียนอีกไหม เคยเขียนอะไรทีมีสาระประโยชน์ไหม เห็นๆวัน ก้อปเขามา  มีอะไรบางทีมาจากตัวเองบาง   ผมก็อยากไม่ได้รู้อะไรคุณเลย คุณไม่ได้สำคัญ  ขนาดนั้น แต่กลับกันคุณ กลับเจือกรู้เกียวกับผมหลายเรืองนะ ผมสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ    เหอร เขียนผิดหรือเรืองแค่นี้เป็นประเดนโอเค คุณเขียนถูกทุกครั้งเหอร ก็อย่าหลุดมาแล้วกัน เปล่าครับตำราข่างบนไม่มี ข้อมูล ทีผมว่าครับ เรืองมวยราว ประวัติศาสตร์มวยไทย ไม่ได้มีแต่ในหนังสือมวยไทยครบั  ผมบอกเลยคุณหาอย่างไรก็ไม่เจอ   ปลิงมาเกาะ หึๆ ผมรับรองได้ ผมคิดครูคุณแพง แต่ไม่ได้เอาเงินทองหรอกครับ  ขอมูลของผม เอาเงินมาซือไม่ได้ครับ มันต้องสำหรับคนมีใจเท่านั้้น  หึๆ แต่คุณมันไม่มี  คนอย่างผมไรสาระ 5555   ผมช่วนคุณมาเอาความรู้เนี้ยนะ ไรสาระ คนทีไม่เอาอะไรเลย ทำตัว เป็นน้ำเต้มแก้ว  ฟายแท้ๆเลยครับ จำไว้นะ ครับ ถ้าคุณ ไม่มาเอา คุณอย่ามาเสนอหน้าว่ามวยไทยไม่มีมวยสากล อีก หรือว่าจะทนว่าผมเห่าว่าทุกวัน อ้ายทุ้ด...หึิๆ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 12:21:15 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 12:11:50 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 12:10:39 จากคุณ : win_mma เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 12:09:57

ความคิดเห็นที่ 45 หุหุ ก็เพิ่งรู้นะครับว่าเอาข้อมูลอะไรมาขัดแย้งไม่ได้เลย เดี๋ยวจะกลายเป็นสร้างความแตกแยก (แบบนี้ใครน้ำเต็มแก้วกันแน่หว่า ) ทีหลังเห็นคุณตอบกระทู้ผมจะได้ไม่แย้ง เพราะคุณถูกทุกอย่างครับ แย้งไม่ได้ เดี๋ยวผมกลายเป็นเกรียนมวยไทยอีก 555 ปล. ผมพอเข้าใจแล้วครับว่าทำไมมวยไชยาทุกสายถึงไม่ต้อนรับคุณ แถมยังมีปัญหาไปทั่ว ใช่ครับเขาคงคลั่งมวยไทยกันหมด มีแต่คุณถูกอยู่คนเดียวครับ 555 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 12:45:55 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 12:40:56

ความคิดเห็นที่ 46 หนังสือทุกเล่ม ก็คงจะมีในห้องสมุดแห่งชาตินะแหละครับ เพราะตอนขอเลขหนังสือ ต้องส่ง ไปให้ห้องสมุดด้วยอยู่แล้ว หนังสือมวยเมืองสยาม เป็นหนังสือของอาจารย์ วัลลภิศร์ สดประเสริฐ ซึ่งเป็นการเขียนถึงเรื่องมวยในยุคก่อน ซึ่งได้รับทราบมาจาก อาจารย์เขตร ศรียาภัย ท่านเองเป็นลูกศิษย์ของทั้ง อาจารย์เขตร และ อาจารย์กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ ด้วยครับ รวมทั้งภาพวาดในหนังสือก็วาดเองด้วยครับ สวยงามทีเดียว เพราะท่านเองก็เป็นลูกศิษย์อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติด้วยเช่นกัน อีกทั้งเป็นหนังสือที่มี 2 ภาษาด้วยครับ ไทย อังกฤษ ว่าแต่หนังสือแม่ไม้มวยไทย รูปบนปกนี่ครูแปรง กับ ครูแหลมนี่นา อืมๆ การนำภาพไปใช้บนหนังสือแบบนี้ ต้องขออนุญาตกันมั้ยครับ ไม่แน่ใจเรื่องนี้แฮะ จากคุณ : EZ2DJ เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 16:46:35

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับคุณ EZ2DJ ผมจะลองไปหาที่หอสมุดแห่งชาติดู หนังสือเกี่ยวกับมวยคงไม่ได้เยอะจนเหลือบ่ากว่าแรงผมหรอก ได้ความรู้แน่และไม่เสียค่าปลิงด้วยครับ แต่ถ้าเป็นหนังสือลึกลับขนาดหอสมุดแห่งชาติยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ผมว่าคงออกมาแนวตำนานมวยลิงลมของคุณพลายทมิฬในสมัยก่อน หรือไม่ก็ตำนานฮูฒันร่าอะไรทำนองนั้นมั้งครับ 555 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 18:09:48

ความคิดเห็นที่ 48 ผู้สนใจประวัติอาจารย์โอยาม่า สามารถหาแผ่นดีวีดี นักสู้จ้าวพายุ   เป็นหนังเกาหลี ทีผมว่าทำได้ดีทีเดียว เล่าเรื่องการต่อสู้ของอาจารย์โอยาม่า ตั้งแต่ก่อนเก่ง จนมีชื่อเสียง หรือจะหาตำรา Best Karate ฉบับภาษาไทย ก็เป็นของอาจารย์โอยาม่า เช่นกันครับ คนรักศิลปะการต่อสู้ อย่าทะเลาะกันเลย ผมยังจำได้ว่าหลายปีก่อน (นานมาก) เคยได้แลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องมวยไทย และศิลปะการต่อสู้กับหลายๆ ท่านในนี้   มีความสุขมาก อยากให้เป็นอย่างนั้นมากกว่า จากคุณ : Mr. Polar Bear เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 20:18:47

ความคิดเห็นที่ 49 ก่อนทีจะตอบอ่านหรือเปล่า มีตาไหมอ้ายเกรียน มรึงเขาใจเจตณาเขาไหม มวยไทยสำนักคุณไม่รู้จักสอน มารยาทเขาสังคมเหอร  สำนักไหนสอนหรือ ให้มาปัดแข้งปัดขากัน ครับ หื *เตือนไว้ก่อนว่ากระทู้นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปรียบวิชาใดๆครับ ชนะหรือแพ้อยู่กับบุคลเป็นหลัก ไม่ได้พูดถึงที่วิชาใดๆครับ **    ถ้าคุณจะขัดแย้งใดๆ เชิญไปตั้งกระใหม่เลยครับ ไม่มีใครว่า    ตลกมวยไชยาไม่ต้อนรับ 555ต้อนนี้คนทีแตกจะสำนักเก่าเขาแห้ย้ายเป็นเพือนผมหลายคน แล้ว ต้อนนี้ คนมวยโบราณ สายต่างๆ เป็นเพือนผมมากพอกับพวกmma เสียอีก เพราะผมด่าเขาหรือ เปล่าเลย เพราะประเด่นทีผมพูดมันมี"ส่วน"จริงทั้งนั้น     ผมอยู่กับมันเป็นปีๆ เรืองอะไรผมจะให้คุณง่ายๆ ละ  ผมบอกแล้วไง ถ้าอยากให้มีึค่า มันต้องลงทนลงแรงกันหน่อย ก็บอกแล้วไง อ้ายเกรียน  ผมรับรองได้ คุณจะไม่เสียเงินซักบาทเลย(ซักบาทอ่านดีๆ..อย่ามามัวว่ากรูคิดตั้งค์) เพียงแต่ว่า ใครอยากได้วิชามันต้องมีใจ มาแลก  คนทีมีใจมาแลก ต้องมีความเป็นลูกผู้ชาย...แล้วคุณมีไหมละ...   ปล.มวยไทยเวที เกิด มา 80ปี-90ปี ถ้ามีหนังสือมวยไทยออกเฉลีย 2-3ปีเล่ม เท่ากับ ว่ามีหนังสือพวกนี้ วนเวียนไม่ตำกว่า 30 เล่มขึ้นไปครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 11:00:13 จากคุณ : win_mma เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 10:46:25

ความคิดเห็นที่ 50 #48 ผมไม่มีอะไรหรอกครับ ติดที่ใครบางคนที่คิดว่ามารยาทในสังคมคือการห้ามโต้แย้ง ห้ามขอหลักฐาน ห้ามสงสัยนอกจากนัดเจอแล้วเสียค่า่ปลิงเท่านั้นเอง พูดถึงคนมีข้อมูลเยอะ ชอบแบบคุณj thailandfightนะ กล้าขอดูก็กล้าแสดง กล้าขอก็กล้าให้ด้วย (ยกเว้นให้เล่มจริง) ค่าปลิงไม่ต้องเสีย ไม่ต้องเสียเวลาด้วย แถมไม่อวดรู้ไปทั่วอีกต่างหาก 555 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 19:58:34

ความคิดเห็นที่ 51 ผมกับคุณ Polar Bear รู้สึกจะเคยถกกันเรื่อง ยูโด กระมังครับ คุยกันจนได้เป็นกระทู้แนะนำห้องศุภ อยู่ครั้งนึง ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นน่าจะใช้ ID PGP อยู่ครับ แต่ไม่รู้อยู่ๆเป็นอะไร ID นั้นโดนแบนใช้ไม่ได้ซะอย่างนั้น -0- จากคุณ : EZ2DJ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 23:43:20

ความคิดเห็นที่ 52 ก็ โอเคถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็รีบขอมูลเขา แล้ว ก็อย่าลึมจ้าย  ค่าแปลด้วย ละ จะได้ีรู้ว่ามันมีค่าแค่ไหน   แปลอย่างต้ำสุด หน้า ละ 300 ......ร้อยหน้า ก็สามหมืน เอาเลย นะมรึง รีบขอเลย (แต่ขอมูล ผมไม่คิดซักบาท ขอคนแมนๆ ถ้ากล้ามา ก็กล้าให้เขาใจไหมไอ้ทุ้ด) จากคุณ : win_mma เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 02:41:39

ความคิดเห็นที่ 53 #51 ดีนะครับได้คุยยาวๆแบบนั้น ผมซิดันมาเจอพวกบ้าๆบอๆพอไม่มีข้อมูลก็ท้าให้มาเจอ พอไม่ไปก็ว่าเป็นกะเทยเป็นตุ๊ดอะไรไปโน่นเลย ผมว่าตุ๊ดยังมีศักดิ์ศรีกว่าคนแบบนี้เยอะเลย 555 กล้าพูดกล้าอวดรู้ แต่คุยไปคุยมาไม่กล้าแสดงหลักฐาน ตลกดีครับ ปล. ส่วนตัวก็ไม่คิดอะไรมากนะที่เขาด่าว่าตุ๊ด ไม่ค่อยรู้สึกอะไร เพราะเ้ป็นแค่รสนิยม โชคดีที่เขาไม่ด่าผมว่า ไอ้วิน จะเจ็บกว่าหลายเท่า อิอิ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 55 08:22:13 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 08:16:33

ความคิดเห็นที่ 54 คุณ win_mma กับท่านอื่นๆ ไม่ต้องเถียงกันหรอกครับ ต่างคนต่างข้อมูลและความคิด ครับเราไม่ว่ากัน ถ้าไม่ดูถูกอาจารย์หรือวิชาอื่นๆก็เพียงพอแล้วครับ จริงๆผมหารายละเอียดการชกแมทนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นได้แล้วครับ ซึ่งผมจะเอารายละเอียดกับเนื้อหาทั้งหมดที่ผมโพสกระทู้นี้ลงใน Blog ผมแทนแล้วกันครับ จะได้ตามอ่านได้ตลอด กระทู้นี้ตกไปเยอะแล้ว เดี่ยวจะโดนลบแน่ๆครับ ลืมบอกไปตอนสุดท้ายก่อนปิดกระทู้ครับว่า ผมจะเอาข้อมูลที่โพสลงกระทู้นี้ลงใน Blog ของผมนะครับ เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับแมทนักคาราเต้ VS นักมวยมวยไทย ปี 1964 ซึ่งเป็นข้อมูลที่โพสลงในกระทู้นี้ + รายละเอียดอื่นๆ สำคัญคือถ้ากระทู้นี้ต่อไปโดนลบแล้วสนใจจะอ่านต่อสามารถไปติดตามอ่านได้ใน Blog นะครับ ขอบคุณทุกๆกิ๊ฟที่ให้ครับ อันนี้แนะนำ Blog ของผมครับ นักยูโดกับเวที MMA ส่วนกระทู้นี้จะทยอยเอาข้อมูลมาลงครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=khonkaen33 แล้วพบกันใหม่บทความหน้าครับ สวัสดีดีครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 55 17:48:35 จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 17:26:44

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณครับ ส่วนเรื่องกระทู้โดนลบนี่กดเก็บกระทู้เข้าคลังที่หัวกระทู้ได้ครับ จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 23:39:16

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณเช่นกันครับ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 55 05:39:47 จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 05:37:14

ความคิดเห็นที่ 57 การ์ด และการ ออกอาวุธ คือตัววัดความต่าง ของศิลปะ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 14:17:04