ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับของผม(เจ้าของกระทู้) มองไปที่ลาลีก้า ทีมที่ได้ประโยชน์น่าจะเป็นบาร์เซโลน่า ที่มีทีมเยาชนดีที่สุดในโลกช่วงหลัง  รองลงมาคงเป็นทีมอย่างบิลเบา และ บาเลนเซีย ส่วนที่น่าจะลำบากน่าจะเป็นทีมอย่างรีล มาดริด มาลาก้า และแอต ฯ มาดริด ที่ใช้นโยบายทุ่มเงินซื้อนักเตะดัง ๆ คงต้องระมัดระวังเรื่องนี้กันมากขึ้น ส่วนพรีเมียร์ลีก คงมองไม่ยาก เชลซี แมนซิตี้ คงลำบากขึ้น แมนยูก็เช่นกันแต่ต่างที่แมนยูมีเด็กเยาวชนค่อนข้างเยอะคงไม่ลำบากเท่าสองทีมข้างบน ลิเวอร์พูลก็มีทีมเยาวชนที่ดีน่าจะไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่ทีมที่น่าจะขี้นมาเบียดลุ้นแชมป์มากยิ่งขึ้นต้องยกให้อาร์เซนอลอันดับแรก สเปอร์ตามมาที่ 2 ด้วยแนวทางการทีมอย่างที่เห็นก็จะได้ประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน ในระยะยาวถ้าเวนเกอร์ยังอยู่กับทีม อาร์เซนอลจะน่ากลัวกว่าปัจจุบันครับ ส่วนลีกอิตาลี และ เยอรมันผมไม่สันทัดนักคงต้องให้ท่านอื่น ๆ มาลองให้ทรรศนะกัน ภาพรวมที่ผมมองคือในกรณีที่ทุกทีมยังยึดใช้นโยบายเดิม ผลที่ได้น่าจะประมาณนี้ แต่ก็เชื่อว่าแต่ละทีมคงมีแผนรองรับการถูกตรวจสอบการเงินของยูฟ่าไว้แล้วแต่ก็คงเห็นการเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบของกฎนี้กันบ้าง ไม่มากก็น้อย แก้ไขคำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 55 14:15:49 จากคุณ : เจ้าของกระทู้ครับ (mayerboss) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 14:10:17

ความคิดเห็นที่ 2 ลาลีก้าจะได้เปรียบมากครับ เพราะค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด สโมสรได้ไปเต็ม ๆ แต่ EPL รวมแล้วแบ่งจ่าย แมนยูอาจจะมีคนดูถ่ายทอดสดมากที่สุด แต่ยังต้องเสียส่วนแบ่งให้ทีมอื่นในลีคอยู่ดี ส่วนซิตี้ยังไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะฐานแฟนบอลท้องถิ่นสูงและชื่อเสียงกำลังมาแรง ทำเงินไม่ยากเท่าไหร่ กฎนี้ไม่ฆ่าทีมใหญ่หรอกครับ แต่ทีมเล็กที่ขึ้นมาไม่ทันจะไม่มีโอกาสได้เกิดอีกเลยต่างหาก จากคุณ : WarHammer เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 14:34:34

ความคิดเห็นที่ 3 ผมคิดว่ากฎ.นี้น่าจะมีทางพลิกแพลงเลี่ยงไปได้ เนื่องจากลึกๆแล้วในปัจจุบันการแข่งฟุตบอลเป็นธุรกิจชนิดที่ว่ายากที่จะมาควบคุมในการลงทุน       คนที่ตามดูฟุตบอลก็ย่อมอยากจะดูบรรดาซุปเปอร์สตาร์กันทั้งนั้น ดังนั้นมันก็หลีกเลี่ยงการลงทุนในเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอก เชื่อได้ว่ามันไม่น่าที่จะสามารถควบคุมได้แบบเบ็ดเสร็จหรอก    อาจจะมองแค่ตาข้างขวาเท่านั้น   ส่วนตาข้างซ้ายก็ไปมองอย่างอื่นแทน    ทำให้พอที่จะกล้อมแกล้มดำน้ำไปได้บ้าง แต่หากว่าบีบกันแบบเฮี๊ยบๆเต็มถังจริงๆก็อาจจะมีการรวมหัวกันสำหรับทีมใหญ่ที่มีความสามารถร่วมกัน"ขบถ"แต่กฎ.นี้     แล้วพากันไปตั้งลีคใหม่ไม่ยอมรับยูฟ่า.ซึ่งเคยมีการขู่แบบนี้มาแล้ว จากคุณ : เสือปลาขี้เมา เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 14:42:59

ความคิดเห็นที่ 4 ทีมใหญ่ก็ยังจะใช้ฐานแฟนบอลที่มีอยู่เดิม +ค่าลิขสิทธิ์ต่างๆอยู่รอดไปได้ไม่ต่างจากเดิม เพราะถ้ามีการใช้กฏนี้จริงๆ ก็น่าจะมีผลกระทบถึงราคาซื้อ-ขาย นักฟุตบอลด้วย รายรับบางทีมอาจจะลดลงแต่รายจ่ายก็น่าจะลดลงตามด้วย ทีมเล็กๆต่างหากที่ผมว่าจะอยู่ยาก  คงจะไม่มีทีมที่เลื่อนชั้นจากลีคล่างๆได้แบบปีต่อปี ความแตกต่างระหว่างทีมในแต่ละลีคน่าจะสูงขึ้น จากคุณ : อยากให้กลับไปเป็นเหมือนวันวาน เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 15:09:45

ความคิดเห็นที่ 5 ทีมจากเยอรมัน นี่หายห่วงแน่ครับ ของเขาดีจริง รายรับ รายจ่ายการควบคุมเพดานการเงินดีมาก ส่วนทีมจากอิตาลีนี่ก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ทุ่มค่าตัวนักเตะ แต่ก็ไปหนักพวกค่าเหนื่อยแทน รายรับ รายจ่าย ไม่รู้จะสมดุลย์หรือเปล่า จากคุณ : ผมไม่ล้านนะ แค่หน้าผากกว้าง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 15:19:01

ความคิดเห็นที่ 6 ทีมที่น่าจะได้รับผลกระทบก็คือทีมที่ทุ่มซื้อเกินผลประกอบการไปมากๆ ชัดๆเลยคือ ปารีส , ซิตี้ , มาลาก้า และรวมถึง เชลซี(หลังๆเบาลงแล้วแต่ยังลดยอดขาดทุนสะสมก่อนหน้าได้ไม่หมด) ลิเวอร์พูล....อันนี้น่าคิด เพราะจริงๆแล้วในแต่ละปีก็ทุ่มเงินลงมาไม่น้อย และก็ซื้อพลาดซะเยอะ โอกาสพลาดจะน้อยลง ส่วของการพัฒนาเยาวชน เยาวชนคนสุดท้ายของลิเวอร์พูลที่เป็นกำลังหลักชื่อ คาร์ราเกอร์, เจอร์ราด ไม่ใช่เหรอ? มิลาน...เจ้าพ่อทุ่มของกัลโช่เลย ในขณะที่ลีกกัลโช่ไม่บูมเหมือนก่อน รายได้หดหายไปเยอะ เรอัล...ไม่น่ามีปัญหา เพราะถึงจะทุ่มก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทุ่มพร้อมๆกัน เหมือนตอนสร้างซีดาน เพราะอย่างที่ คห.2 ว่า ด้วยนโยบายการแบ่งค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอด ทางลาลีกา เอื้อต่อทีมใหญ่มาก รายได้จึงยังเยอะอยู่ ถ้าไม่ทุ่มบ้าๆ (อย่างโด้, กาก้า) ให้บ่อยเกิน ก็ไม่เป็นปัญหา จากคุณ : RedBloodinYellowSuit เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 15:27:55

ความคิดเห็นที่ 7 รีล มาดริดเนี่ยนะ จะเสียผลประโยชน์ สถานะทางการเงินเค้ามีกำไรมากที่สุดในโลกนะครับ กฏนี้ไม่ใช่การจำกัดการใช้เงินเหมือน Salary Cap ในอเมริกานะครับ มันบอกเพียงแค่ว่า ต้องหาเงินมาให้มากกว่าเงินที่จ่ายออกไป ถึงแม้ รีล มาดริดจะเป็นทีมที่จ่ายเงินออกมากที่สุด แต่ก็เป็นทีมที่หาเงินได้มากกว่า เงินที่จ่ายออกไปมากที่สุด เพราะฉะนั้น จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย จากคุณ : หาดอย (ปากดี) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 15:33:09

ความคิดเห็นที่ 8 รีลมาดริดไม่เสียประโยชน์หรอกครับ เพราะการเงินเค้าดี ผลประกอบการเป็นบวกมาตลอดหลายปี นักเตะจากสถาบันเยาวชนก็ไม่ใช่กระจอก แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ขึ้นมาชุดใหญ่มาดริดเท่านั้น ไปได้ดิบได้ดีกับทีมอื่นแทน ส่วนบาร์ซ่าที่บอกว่าทีมเยาวชนดี ดันเด็กเยอะนั้นก็ถูก แต่กลับเป็นทีมกีฬาที่จ่ายเงินค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก สูงกว่าทั้งมาดริดและแมนซิตี้ซะอีก และผลประกอบการเป็นบวกหรือไม่ อันนี้ก็ไม่อาจทราบได้จริงๆ ส่วนในอังกฤษ ก็ต้องดูไปที่ทีมที่ผลประกอบการเป็นลบครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเกือบ80%ของลีก มีแค่ไม่กี่ทีมเท่านั้นที่ทำกำไรได้ แต่ทีมไหนที่ติดลบเยอะๆมากเกินไป ทีมนั้นแหละที่จะลำบาก จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 15:48:20

ความคิดเห็นที่ 9 ทีมเล็กๆเเหละจะเเย่ จากคุณ : sitthikit2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 16:03:48

ความคิดเห็นที่ 10 เหมือนเป็นการตอกย้ำทีมเล็กๆให้ แย่ลงไปจมดิน นะสิ จากคุณ : หวานแซบ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 16:18:58

ความคิดเห็นที่ 11 คิดว่าลีกเยอรมันน่าจะไม่มีปัญหาอะไรมากครับ เนื่องจากไม่ใช่ประเภททุ่มซื้อมากนัก แล้วการบริหารจัดการต่างๆมีเป็นระบบมานานแล้ว ไม่น่าจะมีสโมสรไหนที่ติดลบนะ แม้แต่ทีมเล็กๆก็เถอะ ส่วนทีมที่นิยมทุ่มซื้ออาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ คงจะบริหารจัดการกันได้เพราะยังมีเวลาอยู่บ้าง ยิ่งทีมใหญ่ๆรายได้จากลิขสิทธิ์เยอะด้วยยิ่งไม่น่ามีปัญหา จากคุณ : Eye of Sauron เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 16:58:07

ความคิดเห็นที่ 12 แฟร์เพลย์มา ทีมใหญ่ใช้เงินน้อยจะเจอปัญหาน้อยที่สุด เพราะรายรับสมดุลกับรายจ่าย ทีมใหญ่ใช้เงินมากจะเจอปัญหามากขึ้น ต้องพยายามทำให้บัญชี balance กัน อาจจะใช้เงินได้ไม่คล่องมือเหมือนเดิม ส่วนทีมที่เจอปัญหาเยอะสุดคือทีมเล็กๆครับ ไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิดกันเลยทีเดียว รายรับน้อยนิด ไม่สามารถซื้อนักเตะดีๆหรือเพิ่มค่าเหนื่อยให้กับนักเตะเก่งๆที่มีอยู่แล้วได้ สุดท้ายนักเตะเก่งๆเหล่านี้ก็โดนดูดเข้าทีมใหญ่หมด เพราะสามารถจ่ายค่าเหนื่อยได้สูงกว่า สรุป financial fair play มันก็ fair แค่ชื่อ เพราะมันปกป้องแค่ผลประโยชน์ของทีมใหญ่เท่านั้นแหละครับ ถ้าจะให้มันเท่าเทียมกันจริง มันต้องกำหนด salary cap เลย แฟร์ที่สุดแล้ว จากคุณ : bankook เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 17:01:46

ความคิดเห็นที่ 13 ลีกเยอรมันเขามีกฏไม่ให้สโมสรมีผลประกอบการติดลบมาตั้งนานแล้ว ไม่งั้นก็ถูกตัดแต้มเป็นอย่างน้อย ทุกทีมจึงไม่สามารถกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้ จากคุณ : RichSurfer เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 17:10:48

ความคิดเห็นที่ 14 ง่ายๆครับ ถ้าเล่น FM ก็ดูตรงการเงินว่าตัวเขียว หรือ ตัวแดง ถ้าแดง ก็เตรียมตัวได้เลย จากคุณ : Kill11by1pass เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 17:49:30

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้ากฎนี้แค่จำกัดการขาดดุล ผมว่าแทบไม่มีผลกับใครเลย เพราะทีมอย่างเชลซี หรือซิตี้ก็จะมีรายรับแบบคาดไม่ถึงมาสนับสนุนเสมอ เช่น อาจจะขายโลโก้บนเสื้อได้ในราคาที่ไม่น่ามีคนเสนอ ขายชื่อสนามให้สปอนเซอร์ในราคาแปลกๆ กฎนี้จะมีผลถ้าจำกัดค่าตัวนักเตะรวมหรือค่าโอนย้ายนักเตะในแต่ละปี แต่เท่าที่ฟังมา ยังมีช่องแต่งบัญชีได้อีกเยอะ เพราะงั้นยังเห็นซิตี้และเชลซีผงาดท้าทายแมนยูไปอีกนาน คือ ผมพูดจริงๆ ธุรกิจฟุตบอลทั้งยุโรปถือว่าเล็กมาก ไม่ใหญ่โตอะไร ยังมีเศรษฐีเงินเหลือใช้อยากเข้ามาอีกเยอะ จากคุณ : แวมไพร์ที่ราบสูง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 18:01:53

ความคิดเห็นที่ 16 ทีมใหญ่มีสนามใหญได้เปรียบ ทีมเล็กสนามเล็ก เสียเปรียบ จากคุณ : I love Alpha เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 18:23:27

ความคิดเห็นที่ 17 แมนยูหนี้เยอะ  แต่ผลประกอบการไม่ตัวแดงนะครับ ไม่เหมือนเชลซีกับแมนซิ  จำไม่ผิดของแมนซิยังแดงอยู่ที่เกือบ200ล้าน  อาเซน่อลสบายตัวสุดแล้วมั้ง  แต่ก็แน่นอนว่ากฏที่ว่าในอนาคตแต่ละทีมซื้อตัวได้ในปริมาณกไรของผลประกอบการ ยังไงทีมเล็กก็เสียเปรียบ  แต่ยังดีที่ในช่วงแรกเค้าให้ติดตัวแดงได้ประมาณ30ล้านปอนด์มั้ง จากคุณ : faiz เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 18:24:04

ความคิดเห็นที่ 18 เจ้าของทีมก็จะมีวิธีเอาเงินมาหนุนสโมสรทางอื่นได้อยู่ดี จากคุณ : สีน้ำเงินชมพูเชิดชูวิชช์ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 19:03:55

ความคิดเห็นที่ 19 ทางยูฟ่าจะมีการตรวจยอดเงินเข้าด้วยครับว่ามาด้วยวิธีการแปลกๆ หรือเปล่า ถ้ามาด้วยวิธีการที่ "ไม่ใช่ฟุตบอล" ล่ะก็ โดนตรวจสอบกันยาว หรืออาจจะให้เข้ามาได้ด้วยจำนวนจำกัด ประเภทเซนสปอนเซอร์กันด้วยตัวเลขเวอร์ๆ นี่อดกันไปหลายดอก งานนี้มันไปอยู่ที่ทีม Scout ของแต่ละทีมแล้วครับว่าใครจะหาของดีราคาถูกมาเล่น/ปั้นขายในราคาแพงๆ ได้มากกว่ากัน จากคุณ : Mikamura Kaoru เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 20:08:50

ความคิดเห็นที่ 20 เอาเข้าจริงๆกฏนี้ใช้ไม้ได้จริงหรอก จ่ายมากต้องมีรายได้มาก จริงๆแล้วกฏนี้เริ่มบังคับใช้บ้างแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าบังคับใช้ในระดับไหน แต่ทีมอย่างแมนซิตี้ก็แก้ลำโดยการขายชื่อสนามเป็นเอติฮัต สเตเดียมด้วยราคามหาศาล เพื่อที่จะหักลบรายจ่าย ในเมื่อยูฟ่าไม่ได้ควบคุมตลาด จึงช่องโหว่มากมายที่จะทำให้สโมสรมีรายได้อย่างสุจริต กฏนี้คงทำได้เพียง ชลอการใช้เงิน(เพราะต้องรอให้สโมสรฟอกรายได้ก่อน) จากคุณ : XBOX360 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 22:04:01

ความคิดเห็นที่ 21 ทีมใหญ่ไม่น่าห่วงหรอก มันมีทางออก (ช่องโหว่) ที่บางทีมพยายามหามันจนเจอนั่นแหละ (มีมือกฏหมายอาชีพที่สรรหามาเพื่อการนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว) ที่ลำบากเห็นๆ ก็คือทีมเล็ก โดยเฉพาะที่เพิ่งได้เลื่อนชั้น และยังไม่ได้เตรียมตัวมาให้พร้อมนั่นแหละ จากคุณ : Grand Gunner เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 22:43:58

ความคิดเห็นที่ 22 มันก็พูดยากนะครับ อะไรคือรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับฟุตบอล อย่างโรนัลโด้ หรือ เบ็คเคม รายได้นอกเหนือจากเงินค่าเตะสูงมาก ถ้าบอกว่าห้ามรับเงินตรงนี้ นักเตะก็ขาดแรงจูงใจในการเตะ รายได้นักฟุตบอลที่รับจากสโมสรมาจากทุกทาง ค่าตั๋ว ค่าโลโก้อกเสื้อ สารพัด ยิ่งทีมเล่นดี รายได้ก็มาจากทุกทิศ ถ้าจำกัดเพดานรายได้ตรงนี้มันก็ค้านระบบทุนนิยมอีก ถ้าห้ามตรงนี้ แรงจูงใจนักเตะจะหาย แฟร์เพลย์จริงแต่ไม่มีคนดู เป็นโอกาสของลีกที่อเมริกา ที่จะเข้ามาแทนลีกยุโรป ยูฟาคงไม่ชอบ จากคุณ : แวมไพร์ที่ราบสูง เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 09:01:27

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าไม่มีกฎนี้บังคับ ทีมเล็กๆหลายทีมจะใช้จ่ายเกินตัว สุดท้ายก็ต้องล้ม มันน่ากลัวกว่าไหม ทีมเล็กๆส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทุ่มทุนหวังแชมป์อะไร เอาแค่พออยู่รอดก็พอ ค่อยๆโตอย่างช้าๆแต่มั่นคง บทเรียนที่ผ่านมาทีมที่ทุ่มทุนสร้างเจ๊งมาหลายรายแล้ว เมื่อก่อนลีกอิตาลีนี่ถือเป็นอันดับหนึ่งเลย สตาร์ดังๆไปกองอยู่ในอิตาลีหมด สุดท้ายพอฟองสบู่แตก แต่ละทีมเป็นหนี้กันมหาศาล บางทีมถึงกับโดนปรับตกชั้นกันเลยทีเดียว ในเยอรมันก็เคยมี อย่างดอร์ทมุนด์ แชมป์ปีล่าสุดก็เคยเจอประสบการณ์ขาดทุนหลายล้าน จนต้องขายตัวหลักๆไปหลายตัว ในอังกฤษก็อย่างลีดส์ และทีมเล็กๆอีกหลายทีมที่ลงทุนเกินตัว สุดท้ายก็ล้มละลาย ต้องหานายทุนมาซื้อทีม กฎนี้อาจทำให้หลายๆทีมทุ่มทุนไปกับการพัฒนาเยาวชนมากขึ้น จากคุณ : schwalit11 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 09:04:27