ความคิดเห็นที่ 1 MANCHESTER CITY CLUB     Abu Dhabi United Group     [ 2011 - 2012 ]                                      ^^^^^^^^^^ [Manchester City ][  Abu Dhabi Grop ]^^^^^^^^^^                              ^^^^^^^^^^ [ MCFC ][ Abu Dhabi Grop ]^^^^^^^^^^^                              ^^^^^^^^^^^[ แฟนเรือใบ ][ หัวใจเดียวกัน ]^^^^^^^^^^                              ^^^^^^^^^^[กระทู้เดิอน พฤษภาคม 2555] ^^^^^^^^^^^^^^^ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:44:12

ความคิดเห็นที่ 2 ^^^^^^^^^^[กระทู้เดิอน พฤษภาคม 2555] ^^^^^^^^^^^^^^^ 1---http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12035238/S12035238.html 2---http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12037130/S12037130.html 3---http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12037130/S12037130.html 4---http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12049059/S12049059.html 5---http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12052836/S12052836.html 6---http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12055491/S12055491.html 7---http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12058287/S12058287.htm 8---http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12060588/S12060588.html 9---http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12065470/S12065470.html 10--http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12070018/S12070018.html 11--http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12075106/S12075106.html 12--http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12076987/S12076987.html 13--http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S12079691/S12079691.html แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 17:54:26 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:44:49

ความคิดเห็นที่ 3 ผ่า!เกมพิพากษาแชมป์'พรีเมียร์ลีก' 'เรือใบสีฟ้า' แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่ “เรือใบสีฟ้า” เคยลอยลำนำห่าง ยูไนเต็ด แบบทิ้งกันคนละเรื่อง และแคล้วคลาดจากพะยันอันตรายมาหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายก็ต้องโดนแซงและมากที่สุดถึง 8 คะแนนเลยทีเดียว แต่ หลังจากจบเกมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซิตี้ ไล่ล่ากลับมาเหลือ 3 คะแนนอีกครั้ง ทำให้นัดวันจันทร์นี้คือเกมสำคัญสุด ๆ ที่พวกเขาจะต้องท่องให้ขึ้นใจว่า “ชนะอย่างเดียว” หากชนะได้สำเร็จ ซิตี้ จะแซงขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงทันที และก็เหลือการดวลแข้งอีกแค่ 2 นัดเท่านั้นในฤดูกาลนี้ ความพร้อมในเกมนี้มีข่าวออกมาว่า โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือชาวอิตาเลี่ยน ที่เป็นประเภทซาดิสเจ็บแล้วไม่รู้จักจำ ทำบางอย่างไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เมื่อเตรียมจะส่ง มาริโอ บาโลเตลลี่ หัวหอกเจ้าปัญหา ที่พ้นแบน 3 นัดกลับมาซ่าอีกครั้ง หลังจากเชื่อมั่นว่า แม้บางเรื่อง “เกรียนโอ้” จะเพี้ยนและติ๊งต๊องเกินไป แต่ทุกคนต้องไม่ลืมว่า เขาคนนี้เคยยิงเผาผีมาแล้วถึง 2 เม็ดในการยำใหญ่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด 6-1 เมื่อต้นซีซั่นที่ผ่านมา ในการจัดทัพครั้งนี้ แน่นอนที่สุดก็คือ ผู้รักษาประตูจะต้องเป็น โจ ฮาร์ท จอมหนึบมือ 1 ทีมชาติอังกฤษ ที่เล่นได้แบบคงเส้นคงวามากที่สุดในซีซั่นนี้ หากไม่มี ฮาร์ท ป่านนี้ ซิตี้ คงจะ “โบรคเค่นฮาร์ท” ไปเป็นที่เรียบร้อย ขยับมาที่แนวรับ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ปราการหลังทีมชาติอังกฤษ ที่บาดเจ็บจนพลาดแมทช์ที่ดวลกับ วูล์ฟส์ ผ่านความฟิตเรียบร้อย พร้อมลงประจำการด้านแบ๊คขวา ขณะที่ กาแอ กลีชี่ จะเบียด อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ลงยืนแบ๊คซ้าย หลังจากเกมที่แล้วจ่ายบอลแบบ”คิลเลอร์พาสต์”ให้กับ อเกวโร่ สังหารประตูได้ คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แวงซองต์ ก็องปานี กัปตันทีม จะได้เล่นร่วมกับ โจลีออน เลสค็อตต์ นั่นหมายความว่า แนวรับของซิตี้อยู่ในชุดที่สมบูรณ์แบบที่สุดของทีม เช่นเดียวกับตำแหน่งกองกลาง สไตล์การเล่นแบบพาบอลขึ้นไปจ่ายกันสั้น ๆ เพื่อเปิดพื้นที่โดยไม่ใช้ "ปีกอาชีพ" คือสไตล์ของ มันชินี่ เมื่อเขาให้ แกเร็ธ แบร์รี่ ปักหลักกวาดหน้าแบ๊คโฟร์ โดยมี ยาย่า ตูเร่ เปิดตัวทะลุทะลวงจากแถวสอง โดยมีการปั้นเกมของ ดาบิด ซิลบา และซามีร์ นาสรี่ ที่ตอนนี้ถือว่าเล่นกันอย่างลงตัว แน่นอนที่สุด ในแนวรุกจะต้องเป็นคู่ของ เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ หัวหอกอันดับ 1 ของทีม ร่วมกับ “เอล อาร์ปาเช่” คาร์ลอส เตเวซ โจรกลับใจ แม้ว่าจะเหมือน ”บอลคนแคระ” แต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ที่สำคัญ ในกลุ่มผู้เล่นสำรองของซิตี้ ถือว่าน่าสนใจเมื่อได้ บาโลเตลลี่ กลับมาแล้ว ทำให้ทุกตำแหน่งถือว่ามีแบ๊คอัพครบถ้วน เอดิน เชโก้, อดัม จอห์นสัน, โคโล่ ตูเร่ และไนเจล เดอ ยอง เมื่อครบถ้วนทุกกระบวนความแบบนี้ ถ้าหากพลาดอีกปัญหาไม่ได้อยู่ที่นักบอล .. แต่อยู่ที่”โชคชะตา”และคนชื่อ”มันชินี่”!!! จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:48:05

ความคิดเห็นที่ 4 'ปิศาจแดง' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากเป็นผู้ตามอย่าง "อึดถึกทน" อยู่นาน โอกาสหลายต่อหลายครั้งไม่เปิดซะที แม้กระทั่งวันดีอย่าง วันคล้ายวันเกิดแฮปปี้เบิร์ธเดย์ของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน .. “ผีแดง” ยังแซงผ่าน ซิตี้ ไม่ได้ ในที่สุด เมื่อสไตล์การเล่นแบบรวดเร็วดุดันช่วงต้นฤดูกาลหายไป เนื่องเพราะอาการบาดเจ็บของ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ และอันแดร์สสัน ทำให้ต้องไปเรียก พอล สโคลส์ กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งเลิกราอย่างไปทางการไปเมื่อปีก่อน และกลายเป็นว่า สโคลส์ ลงเล่นตัวจริงเมื่อไหร่พวกเขาก็ไม่รู้จักคำว่าแพ้ สุดท้ายพุ่งแซงมาได้สำเร็จ พร้อมกับฉีกหนีไปถึง 8 แต้ม ทุกอย่างดูเหมือนจบ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว มันยังไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อพวกเขาแพ้ วีแกน ต่อด้วยการทำได้แค่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ทำให้สถานการณ์ตอนนี้บีบหัวใจอย่างยิ่ง เมื่อช่องว่างตอนนี้ห่างกันแค่ 3 และถ้าพลาดแพ้ขึ้นมา ก็จะตกจ่าฝูงทันที เกมนี้มีการวิเคราะห์กันว่า ยูไนเต็ด อาจะเลือกเล่นกองหน้าคนเดียวก็เป็นได้ เพื่อเน้นแดนกลางให้แน่นและให้แน่นอนที่สุด แต่สุดท้ายสไตล์คลาสสิค 4-4-2 น่าจะถูกใช้มากที่สุดเช่นเดียวกัน เวย์น รูนี่ย์ ที่ปีนี้ไม่หวือหวา แต่สม่ำเสมอมาก ๆ จะได้คู่กับ แดเนี่ยล เวลเบ๊ค ในแดนหน้า โดยคนสำคัญของทีมนี้อย่าง อันโตนิโอ วาเลนเซีย ที่เปิดบอลได้เด็ดขาดแทบจะทุกจังหวะจะเดินเกมด้านซ้าย และถ้าหาก เซอร์อเล็กซ์ ไม่คิดมากเรื่องของการลดกระแส จะต้องส่ง แอชลี่ย์ ยัง ลงป่วนด้านซ้าย ขณะที่คู่กลางนาทีนี้ลงตัวที่ ไมเคิล คาร์ริค ที่กลับมาคืนฟอร์มดีได้พอดีกับเวลา เขาเล่นเป็นแบ๊คอัพให้กับ พอล สโคลส์ ได้อย่างลงตัว ไม่แปลกแน่ถ้าจะเห็นคู่นี้เดินเกมด้วยกันในนัดสำคัญนี้ จะมีปัญหาก็คือ แบ๊คโฟร์นี่แหละที่ เซอร์อเล็กซ์ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนน่าปวดหัว แม้กระทั่งตัวของนักเตะเอง คงจะสับสนไม่แพ้กัน ตัวอย่างก็คือ ฟิล โจนส์ ที่มาดี ๆ ก็หลุดไปเลย เพราะขาดธรรมชาติในการเล่นไปแล้ว แต่เกมนี้เขาหรือ คริส สมอลลิ่ง น่าจะเบียดลงเล่นแทนที่ ราฟาเอล ที่ห่วยมากจนถูก เซอร์ ด่าออกสื่อ ที่เหลือนั้น ถือว่าลงตัวแล้วไม่ว่าจะเป็น ปาทริซ เอฟร่า, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และจอห์นนี่ อีแวนส์ รวมไปถึงด่านสุดท้ายอย่าง ดาบิด เด เคอา ส่วนขุมกำลังสำรอง ก็ถือว่าไม่เบา เพราะมีทั้งพวกปริ่ม ๆ ตัวจริงมากมายทั้ง ไรอัน กิ๊กส์, นานี่, พาร์ค จี ซอง กระทั่ง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ พูดก็พูดเถอะ แมนฯยูฯ ปีนี้ไม่ได้ดีไปกว่าทีมอื่น ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่น่ากลัวของพวกเขาก็คือ ความเป็น ยูไนเต็ด นั่นแหละ ที่สามารถบันดาลอะไรได้โดยเฉพาะคำที่ว่า พวกเขาไม่แพ้ทุกทีมแน่ๆ .. แต่สามารถชนะทุกทีมได้สบาย! จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:48:40

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนเกม กับ'โรแบร์โต้ มันชินี' ก่อนเกม กับ'เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน' มีคนมาบอกผมว่า ประตูที่ สตีเว่น พีนาร์ ยิงให้ เอฟเวอร์ตัน ตีเสมอ ยูไนเต็ด 4-4 เป็นประตูที่สำคัญต่อเรา ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ได้ทำให้สถานการณ์การลุ้นแชมป์ของเราเปลี่ยนไปหรอก เพราะทุกคนก็เห็นกันดีอยู่ว่า เรายังมีคะแนนที่ตามหลัง ยูไนเต็ด เหมือนอย่างเคย แม้มันจะน้อยลงก็ตาม ในวันจันทร์นี้ มันจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องชนะเท่านั้น เท่ากัยบว่า ยูไนเต็ด ยังได้เปรียบอยู่เยอะ แถมโปรแกรมง่ายกว่าด้วย พวกเขาจะเจอทีมลอยตัวไปแล้วอย่าง สวอนซี และ ซันเดอร์แลนด์ ส่วนเราต้องเจอ นิวคาสเซิ่ล ที่เล่นดีมาก นอกจากนั้นต้องเจอกับ ควีนส์ปาร์ค ที่กำลังดิ้นหนีเอาตัวรอดจากการตกชั้น ที่สำคัญผมขอย้ำว่า นี่ไม่ใช่เกมสำคัญที่สุดในชีวิตของผม แต่เกมกับ ยูไนเต็ด สำคัญเสมอ พวกเรารอแบบนี้มาตั้งแต่ปี 1968 แล้ว ผมบอกไม่ได้ว่า หัวใจผมจะเต้นแรงกว่าเดิมหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ แฟนบอลตั้งตาคอยเกมนี้อยู่ มันเหมือนกับว่าจะเป็นการดวลกับระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด เลยทีเดียว   สำหรับผมแล้ว ถ้าให้เลือกผมเลือกให้ ยูไนเต็ด ที่จะเป็นแชมป์ พวกเขาสุดยอดทั้ง เวย์น รูนี่ย์ หรือว่า ไรอัน กิ๊กส์ ทำให้คืนวันอาทิตย์ก่อนเกมนั้น ผมคงนอนหลับสบายแน่นอน เพราะชีวิตมีอะไรให้ทำอีกเยอะ มากกว่าฟุตบอลแค่เกมเดียว ยิ่งไปกว่านั้นผมหวังว่า เซอร์อเล็กซ์ คงจะเอาไวน์มาฝากผม หลังจากผมเคยเอาไวน์อิตาเลี่ยนให้เขาไปแล้ว ซึ่งผมอยากได้ไวน์แดง ส่วนเกมนี้ขอย้ำอีกทีว่า มันอยู่ที่ ยูไนเต็ด ไม่ใช่อยู่ที่พวกเรา! จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:49:41

ความคิดเห็นที่ 6 ก่อนเกม กับ'เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน' มีคนมาบอกผมว่า ประตูที่ สตีเว่น พีนาร์ ยิงให้ เอฟเวอร์ตัน ตีเสมอ ยูไนเต็ด 4-4 เป็นประตูที่สำคัญต่อเรา ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ได้ทำให้สถานการณ์การลุ้นแชมป์ของเราเปลี่ยนไปหรอก เพราะทุกคนก็เห็นกันดีอยู่ว่า เรายังมีคะแนนที่ตามหลัง ยูไนเต็ด เหมือนอย่างเคย แม้มันจะน้อยลงก็ตาม ในวันจันทร์นี้ มันจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องชนะเท่านั้น เท่ากัยบว่า ยูไนเต็ด ยังได้เปรียบอยู่เยอะ แถมโปรแกรมง่ายกว่าด้วย พวกเขาจะเจอทีมลอยตัวไปแล้วอย่าง สวอนซี และ ซันเดอร์แลนด์ ส่วนเราต้องเจอ นิวคาสเซิ่ล ที่เล่นดีมาก นอกจากนั้นต้องเจอกับ ควีนส์ปาร์ค ที่กำลังดิ้นหนีเอาตัวรอดจากการตกชั้น ที่สำคัญผมขอย้ำว่า นี่ไม่ใช่เกมสำคัญที่สุดในชีวิตของผม แต่เกมกับ ยูไนเต็ด สำคัญเสมอ พวกเรารอแบบนี้มาตั้งแต่ปี 1968 แล้ว ผมบอกไม่ได้ว่า หัวใจผมจะเต้นแรงกว่าเดิมหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ แฟนบอลตั้งตาคอยเกมนี้อยู่ มันเหมือนกับว่าจะเป็นการดวลกับระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด เลยทีเดียว   สำหรับผมแล้ว ถ้าให้เลือกผมเลือกให้ ยูไนเต็ด ที่จะเป็นแชมป์ พวกเขาสุดยอดทั้ง เวย์น รูนี่ย์ หรือว่า ไรอัน กิ๊กส์ ทำให้คืนวันอาทิตย์ก่อนเกมนั้น ผมคงนอนหลับสบายแน่นอน เพราะชีวิตมีอะไรให้ทำอีกเยอะ มากกว่าฟุตบอลแค่เกมเดียว ยิ่งไปกว่านั้นผมหวังว่า เซอร์อเล็กซ์ คงจะเอาไวน์มาฝากผม หลังจากผมเคยเอาไวน์อิตาเลี่ยนให้เขาไปแล้ว ซึ่งผมอยากได้ไวน์แดง ส่วนเกมนี้ขอย้ำอีกทีว่า มันอยู่ที่ ยูไนเต็ด ไม่ใช่อยู่ที่พวกเรา! นี่เป็นเกมดาร์บี้แมตช์ที่อยู่เหนือดาร์บี้แมตช์อย่างแท้จริง มันมีความหมายมากกว่าที่อื่นๆ ทั้งหมด ใครที่เป็นฝ่ายปราชัยจะถูกความผิดหวังทิ่มแทงจนเจ็บช้ำ มันอยู่ในสายเลือดของแฟนบอล และผมรู้ว่ามีนักเตะซิตี้หลายคน ที่พร้อมจะทุ่มเททุกสิ่งอย่างในการเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้                ตอนนี้ ไม่แปลกอะไรเลยที่ผมจะบอกให้ทุกคนรู้ว่า พวกเขาเป็นคู่แข่งโดยตรงของเรา เวลานี้ แมนฯซิตี้ ก้าวขึ้นมาท้าชิงแชมป์กับเรา ทำให้เราต้องเพ่งสมาธิไปถึงพวกเขา เราโฟกัสไปยังทีมที่จะมาหยุดยั้งพวกเราจากการคว้าแชมป์ เราจะต้องทำตัวให้ชินกับการเล่นเกมนัดสำคัญๆ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะว่าพวกเขาคงจะอยู่ตรงนี้กับเราไปอีกนาน จากการทุ่มเงินมหาศาลในการที่จะต่อกรบนโลกลูกหนังอย่างนี้               จากนี้ไป พวกเรา จะต้องต่อสู้กับพวกเขาในเกมใหญ่ ๆ อีกบานเบอะเยอแยะ บางทีอาจจะเป็นในนัดชิงชนะเลิศรายการต่าง ๆ ในปีต่อ ๆ ไป ที่ผ่านมาเราเจอกันมาแล้วในรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เมื่อปีก่อน และในเกมบอลถ้วยซีซั่นนี้ ถ้าเราจะต้องลุ้นคว้าแชมป์ลีกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งผมว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน จริงอยู่ที่เกมกับ ลิเวอร์พูล เป็นในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกของแฟนฟุตบอล แต่ตอนนี้ความสำคัญมันอยู่ที่การพบกับ แมนฯซิตี้ ซึ่งผมคิดว่า ผลเสมอก็น่าจะทำให้เราพอใจอย่างมากแล้ว จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:51:24

ความคิดเห็นที่ 7 สถิติที่เจอกันมา แมนฯยูฯ เหนือกว่า ด้วยการชนะ 67 จาก 161 นัดที่เจอกัน ซิตี้ ชนะ 44 ครั้ง หลังจากเจอกันหนแรกตั้งแต่ปี 1894 ในเกมระดับดิวิชั่น 2 มาในเกมนี้ถือว่าสำคัญสุด ๆ และเป็นการเจอกันหนที่ 4 ของปีนี้                คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ยูไนเต็ด เฮ 3-2 ต่อด้วยพรีเมียร์ลีก ซิตี้บุกเผาผีถึงรัง 6-1 แต่เอฟเอ คัพ ผีบุกเอาคืน 3-2 ซึ่งบอลออกมาบีบแบบนี้ ทางเดียวก็คือโอกาส”ออกกลาง”มีมากที่สุด และน่าจะเป็น ยูไนเต็ด บุกมาแบ่งแต้มออกไป เพราะถ้าแพ้ล่ะก็ผกผันถึงชีวิตแน่นอน จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:52:10

ความคิดเห็นที่ 8 ทีมอื่นก็ใช้!มันโช่ป้อง'เรือ'ไม่ได้ทุ่มเงินซื้อความสำเร็จ โรแบร์โต้ มันชินี่เทรนเนอร์มาดเท่ของ"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ออกโรงปกป้องทีมของเขาโดยชี้ว่าไม่ได้ใช้เงินซื้อความสำเร็จแต่อย่างใดและทีมอื่นๆในพรีเมียร์ ลีกก็ใช้เงินมากมายเช่นเดียวกัน มันชินี่ยอมรับว่าซิตี้อาจจะได้เปรียบเล็กๆที่มีเงินเสริมทัพมากมายทำให้มีโอกาสคว้าแชมป์มากกว่าทีมอื่นทว่าเขาก็ชี้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะคว้าแชมป์มาครอง "มันชัดเจนว่าหากคุณสามารถใช้เงิน คุณมีโอกาสมากกว่าในการคว้าแชมป์แต่มันก็ไม่ง่ายเสมอไปหรอกนะ"มันชินี่กล่าว "หากคุณมีเงิน คุณต้องเลือกนักเตะที่สามารถเล่นได้ในทีมนี้และก็เช่นเดียวกับทีมอื่นๆที่เล่นในพรีเมียร์ ลีก พวกเขาก็ใช้จ่ายเงินมากมายในช่วง 10 ปีหลัง" "ทุกๆครั้งที่เราพูดถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันจะเป็นการพูดว่าพวกเขาสามารถทุ่มเงิน" "ทว่าหากคุณใช้จ่ายเงินกับนักเตะที่ดี คุณก็สามารถเล่นได้ดีแต่มันไม่ง่ายเลยที่จะคว้าแชมป์" _________________ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:01:08

ความคิดเห็นที่ 9 สรุปการซื้อขายทั้งหมดพรีเมียร์ ลีก 2011/2012 อาร์เซนอล - ใช้จ่าย 56 ล้านปอนด์ , ได้รับ 74 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : มิเกล อาร์เตต้า , อเล็กซ์ แชมเบอร์เลน, แชร์วิญโญ่ , แพร์ แมร์เตซาคเกอร์ , อันเดร ซานโตส , ปาร์ค ชู-ยอง , คาร์ล เจนกินสัน , โจเอล แคมป์เบลล์ , *ยอสซี่ เบนายูน นักเตะที่ย้ายทีม : เชสก์ ฟาเบรกัส , ซาเมียร์ นาสรี่ , กาแอล กลิชี่ , เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ , อาร์มานด์ ตราโอเร่ , เจย์ เอ็มมานูเอล-โธมัส , *เดนิลสัน , *มาร์ค แรนดอลล์ , *เวลลิงตั้น , *คาร์ลอส เวล่า , *กิลส์ ซูนู , *โจเอล แคมป์เบลล์ , *เฮนรี่ แลนส์บิวรี่ , *นิกคลาส เบนด์เนอร์ แอสตัน วิลล่า - ใช้จ่าย 17 ล้านปอนด์ , ได้รับ 36 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : ชาร์ลส์ เอ็นซอกเบีย , เชย์ กิฟเว่น , อลัน ฮัตตัน , *เจอร์เมน เจนาส นักเตะที่ย้ายทีม : สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง , แอชลี่ย์ ยัง, ลุค ยัง, โจนาธาน ฮอคค์, แบร๊ด ฟรีเดล, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, ยอห์น คาริว แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส - ใช้จ่าย 11.5 ล้านปอนด์ , ได้รับ 16.8 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : สก็อต แดนน์, ไซม่อน วุคเซวิช, เดวิด กู๊ดวิลล์, ไมลส์ แอนเดอร์สัน, ราโดสลาฟ เปโตรวิช, บรูนอย ริไบโร่ นักเตะที่ย้ายทีม : ฟิล โจนส์, แฟรงค์ ฟิลดิ้ง, นิโคล่า คาลินิช, เจสัน บราวน์, ซูรับ คิซานิชิวี่, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, เบนจานี่, *คีธ แอนดรูส์ โบลตัน - ใช้จ่าย 7 ล้านปอนด์ , ได้รับ 6.2 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : ดาวิด เอ็นก็อก, คริส อีเกิ้ล, ไตโรเน่ เมียรส์, ดาร์เรน แพร็ทลี่ย์, ไนเจล รีโอ โคเกอร์, ตุนชาย, เดเดร็ค โบยาต้า, *กาเอล คาคูต้า นักเตะที่ย้ายทีม : อาลี อัล ฮับซี่, แม็ธ เทย์เลอร์, แดนนี่ วาร์ด, โยฮัน เอลมานเดอร์, ทาเมียร์ โคเฮน, โจอี้ โอไบรอัน เชลซี - ใช้จ่าย 77.5 ล้านปอนด์ , ได้รับ 4.8 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : ฆวน มาต้า, โรเมลู ลูกากู, ธิบอว์ด คูโตอิส, ลูคัส เปียซอน, อูไลส์ ดาวิล่า, โอริโอ โรเมอู, ราอูล เมเรเลส นักเตะที่ย้ายทีม : ไมเคิ่ล มานเซียน, ซโลโบดาน รัชโควิช, ยูริ เซอร์คอฟ, เนมันย่า มาติช, ฟาบิโอ บอรินี่, เจมส์ คอร์ก, *แพทริค ฟาน อาลโฮลท์, *อูไลส์ ดาวิล่า, *กาเอล คาคูต้า, *ไรอัน เบอร์แทรนด์, *ยอสซี่ เบนายูน เอฟเวอร์ตัน - ใช้จ่าย 0 ล้านปอนด์ , ได้รับ 12.5 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : เอริค ดิเยอร์, *รอยสตัน เดรนเธ่, *เดนิส สตราคัวเรอซี่ นักเตะที่ย้ายทีม : มิเกล อาร์เตต้า,ยาคูบู, เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด, เจมส์ วอห์น, เอียน เทอร์เนอร์, คีแรน อการ์ด, โฮป อัคพาน, *เชย์น ดัฟฟี่ ฟูแล่ม - ใช้จ่าย 16.6 ล้านปอนด์ , ได้รับ 1.3 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : ไบรอัน รูอิซ, โอร์แลนโด้ ซา, พัชทิม คาซามี่, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, มาร์แซล เกคอฟ, แดน เบิร์น, ชาบ้า โซโมยี่ นักเตะที่ย้ายทีม : โจนาธาน กรีนนิ่ง, คากิโช่ ดิคกาโคอี้, โซลธาน เกร่า, ดิโอมองซี่ กามาร่า, จอห์น แพนท์ซิล, *ดาวิด สต็อคเดล, *ลอรี่ ดัลล่า วาลเล่, *ราฟิค ฮัลลิเช่ ลิเวอร์พูล - ใช้จ่าย 62 ล้านปอนด์ , ได้รับ 17.5 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : เคร๊ก เบลลามี่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สจ๊วรต ดาวนิ่ง, ชาร์ลี อดัม, เซบาสเตียน โคเตส, โฆเซ่ เอ็นริเก้, อเล็กซานเดอร์ โดนี่, วิลลียาน บิเจฟ นักเตะที่ย้ายทีม : ดาวิด เอ็นก็อก, คริสเตียน โพลเซ่น, พอล คอนเชสกี้, ราอูล เมเรเลส, เอมิเลียโน่ อินซัว, ดาเนี่ยล อยาล่า, มิลาน โยวาโนวิช, โซติติออส คีเกียร์คอส, ทอม อินซ์, *สเตฟาน ดาร์บี้, *โจ โคล, *ดาเนี่ล ปาเชโก้, *อัลแบร์โต้ อาควิลานี่, *วิลลียาน บิเจฟ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - ใช้จ่าย 78 ล้านปอนด์ , ได้รับ 14.38 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : แซร์คิโอ้ อเกวโร่, ซาเมียร์ นาสรี่, กาแอล กลิชี่, สเตฟาน ซาวิช, คอสเตล พานติมิลิม่อน, โอเว่น ฮากรีฟส์ นักเตะที่ย้ายทีม : เคร๊ก เบลลามี่, เจโรม บัวเต็ง, เชย์ กิฟเว่น, เฟลิเป้ ไคซีโด้, โช, ชาลุม โลแกน, *ไมเคิ่ล จอห์นสัน, *เบน มี, *ไรอัน แม็คกีฟเวิน, *เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, *เดเดร็ค โบยาต้า, *โรเก้ ซานตา ครูซ, *วลาดิเมียร์ เวียส, *จอห์น กีเด็ทติ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ใช้จ่าย 51.3 ล้านปอนด์ , ได้รับ 9.83 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : ดาวิด เด เกอา, ฟิล โจนส์, แอชลี่ย์ ยัง นักเตะที่ย้ายทีม : แกเบรียล โอแบร์ตอง, จอห์น โอเชีย, เวส บราวน์, โอเว่น ฮากรีฟส์, โจ ดัดเจี้ยน, คอร์รี่ อีแวนส์, *เบเบ้, *ริทชี่ เด เลท นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด - ใช้จ่าย 12 ล้านปอนด์ , ได้รับ 12.5 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : ดาวิเด้ ซานตอน, โยฮาน กาบาย, แกเบรียล โอแบร์ตอง, เมดี้ อาห์เบียด, ซิลแว็ง มาร์กโวซ์, เด็มบ้า บา นักเตะที่ย้ายทีม : โฆเซ่ เอ็นริเก้, เควิน โนแลน, เวย์น เร้าเลทจ์, โจอี้ บาร์ตัน, เบน โธเซอร์, *คาเซงก้า ลัว ลัว, *เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ นอริช ซิตี้ - ใช้จ่าย 9.6 ล้านปอนด์ , ได้รับ 0 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : สตีฟ มอริสัน, เจมส์ วอห์น, แอนโธนี่ พิลคิงตั้น, ดาเนี่ล อยาล่า, เอลเลียต เบ็นเน็ต, แบร๊ดลี่ย์ จอห์นสัน, *ริทชี่ เด เลท, *ไคล์ นอร์ตั้น นักเตะที่ย้ายทีม : โคดี้ แม็คโดนัลด์, โอเวน ตูดอร์ โจนส์, ลุค เดลี่ย์, สตีเฟ่น สมิธ, แม็ท กิลล์, แซม ฮาเบอร์แกม, สตีเฟ่น ฮิวจส์, *ทอม อเดเยมี่ ควีนสพาร์ค เรนเจอร์ส - ใช้จ่าย 12 ล้านปอนด์ , ได้รับ 0 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : ชอน ไรท์-ฟิลลิปส์, อาร์มานด์ ตราโอเร่, ดีเจ แคมป์เบลล์, แดนนี่ แก็บบิดอน, เจย์ โบ็ธรอยด์, คีรอน ดายเออร์, ไบรอัน เมอร์ฟี่ย์, บรูโน่ เปโรเน่, โจอี้ บาร์ตัน, *แอนทอน เฟอร์ดินานด์ นักเตะที่ย้ายทีม : มิเคเล่ ไลเกิร์ทวู้ด, จอร์เจียส โธฟาส, จอร์ช ปาร์คเกอร์, โจ โอสเลอร์, ลี บราวน์, คาสปาร์ กอร์คส, *ปีเตอร์ ราเมจ, *อังเจโล่ บาลานธ่า สโต็ค ซิตี้ - ใช้จ่าย 22 ล้านปอนด์ , ได้รับ 0 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : วิลสัน ปาลาซิออส, ปีเตอร์ เคร้าช์, คาเมร่อน เชโรม, โจนาธาน วู้ดเกท, แม็ทธิว อัพสัน นักเตะที่ย้ายทีม : คาร์ล ดิ้คกินสัน, ไอเดอร์ กุ๊ดยอนเซ่น, อับดุลลาย เฟย์, อิบราฮิม ซองโก้, *แอนดรูว์ เดวี่ส์ ซันเดอร์แลนด์ - ใช้จ่าย 27.45 ล้านปอนด์ , ได้รับ 20 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : คอนนอร์ วิคแฮม, เคร๊ก การ์ดเนอร์, จอห์น โอเชีย, อาเหม็ด เอลโมอามาดี้, จี ดอง-วอน, เวส บราวน์, เจมส์ แม็คลีน, ไคเรน เวสท์วู้ด, เซบาสเตียน ลาร์สัน, ดาวิด วอห์น, *นิกคลาส เบนด์เนอร์ นักเตะที่ย้ายทีม : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีด มัลบร็องค์, นาธาน ลุสคอมบ์, ไมเคิ่ล เคย์, *จอร์จ แม็คคาร์ธี่, *คริสเตียน ริเวรอส, *แอนทอน เฟอร์ดินานด์ สวอนซี - ใช้จ่าย 9.25 ล้านปอนด์ , ได้รับ 80,000 ปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : แดนนี่ เกรแฮม, เวย์น เร้าท์เลดจ์, ไมเคิ่ล วอร์ม, เลรอย ลิต้า, โฆเซ่ มูไรล่า, เกอร์ฮาร์ท เทร็มเมล, เฟเดริโก้ เบสโซเน่, *ราฟิค ฮัลลิเช่ นักเตะที่ย้ายทีม : ชอห์น แม็คโดนัลด์, โดรัส เด ไวรส์, ดาร์เรน แพร็ทลี่ย์, อัลเบิร์ต เซอร์ราน, *สก็อต ดอนเนลี่ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส - ใช้จ่าย 6 ล้านปอนด์ , ได้รับ 22.5 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : สก็อต ปาร์คเกอร์, แบร๊ด ฟรีเดล, คริสเตียน เซบาลอส, ซูเลย์มาน คูบาลี่, *เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, *ยาโก้ ฟัลเก้ นักเตะที่ย้ายทีม : เจมี่ โอฮาร่า, โจนาธาน วู้ดเกท, ร็อบบี้ คีน, อลัน ฮัตตั้น, วิลสัน ปาลาซิออส, ปีเตอร์ เคร้าช์, *เจอร์มาน เจนาส, *บองกานี่ คูมาโล่, *ไคล์ นอร์ตั้น, *สตีเฟ่น คอล์เกอร์, *ไรอัน เมสัน, *ดาวิด เบนทลี่ย์ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน - ใช้จ่าย 4.5 ล้านปอนด์ , ได้รับ 4.88 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : เชน ลอง, แกเร็ธ แม็คอูเล่ย์, บิลลี่ โจนส์, โซลธาน เกร่า, *เบน ฟอสเตอร์ นักเตะที่ย้ายทีม : สก็อต คาร์สัน, อิสมาเอล มิลเลอร์, ปาโบล อิบาเนซ, บาร์จ้า วาเลโร่, อัลดุลลาย ไมอิเต้, จิอานนี่ ซูอิเวอร์ลูน, ไจลส์ บาร์นส์, มาเร็ค เช็ค, ไรอัน ออลซอพ, *โบอาส มายฮิลล์, *คริส วู้ด, *เจมส์ เฮิร์ทส์ วีแกน แอธเลติก - ใช้จ่าย 5 ล้านปอนด์ , ได้รับ 9.5 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : อาลี อัล ฮับซี่, เดวิด โจนส์, อัลเบิร์ต ครูแซท, ชอห์น มาโลเนย์, *แพทริค ฟาน อานโฮลท์ นักเตะที่ย้ายทีม : ชาร์ล เอ็นซอกเบีย, อันโตนิโอ อมาย่า, ดาเนี่ยล เด ริดเดอร์, สตีเฟ่น คาล์ดเวลล์, *เมาโร โบเซลลี่ วูล์ฟแฮมป์ตัน - ใช้จ่าย 11.4 ล้านปอนด์ , ได้รับ 0 ล้านปอนด์ นักเตะที่ร่วมทีม : โรเจอร์ จอห์นสัน, เจมี่ โอฮาร่า, โดรัส เด ไวรส์ นักเตะที่ย้ายทีม : เกร็ก ฮัลฟอร์ด, เดวิด โจนส์, เจ็ฟฟรี่ย์ มูจานยี่ เบีย, มาร์คัส ฮันเนมาน, เดวิด โจนส์, *สตีเฟ่น มูโยโกโล่, *แดนนี่ แบ็ธ, *นาธาเนี่ยล เมนเดส-แลง, *ดาวิด เดวิส, *แอนดี้ เคิร์ก - นักเตะที่ย้ายทีมด้วยการยืมตัวจะมีเครื่องหมาย * กำกับ - ราคารายรับและรายจ่ายรวมเฉพาะที่มีการเปิดเผยค่าตัวเท่านั้น http://www.soccersuck.com จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:05:04

ความคิดเห็นที่ 10 ปะ ... ไปตัดอ้อยกัน!หมูนำทัพโชว์เสื้อแข่งผีซีซั่นหน้า เวย์น รูนี่ย์หัวหอกไม่ล้านแล้วของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดรับบทเป็นนายแบบพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆโชว์ชุดแข่งที่จะใช้ในฤดูกาลหน้าให้แฟนบอลได้ยลโฉมกันแบบเต็มๆ แม้ว่าจะโดนกระแสวิจารณ์มากมายหลายลากทั้งว่ามีหน้าตาเหมือนผ้าขี้ริ้วบ้าง ชุดตัดอ้อยบ้าง แต่ “ปีศาจแดง” ก็ใช้ชุดนี้เป็นเสื้อทีมเหย้าสำหรับฤดูกาลหน้าแน่นอน เสื้อตัวนี้ดีไซน์ออกมาโดยไนกี้ ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “กิ๊กแฮม” ดีไซน์ และแดนนี่ เวลเบ็คหัวหอกดาวรุ่งของทีมก็ได้ออกมาพูดถึงแบบเสื้อตัวนี้ด้วย “ในฐานะนักเตะ เราต่างรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สวมเสื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่เป็นสโมสรใหญ่ที่มีความหมายกับผู้คนมากมายและเสื้อรุ่นใหม่นี้ก็ช่วยย้ำเตือนว่าเราต่างก็มีส่วนและต้องทุ่มเททุ่มอย่างเพื่อให้สิ่งเหล่านี้สืบทอดต่อกันไป” โก๋แดนกล่าว http://www.soccersuck.com/ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:06:43

ความคิดเห็นที่ 11 * จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:07:06

ความคิดเห็นที่ 12 มันโช่โคตรมั่นใจแข้งเรือไม่มีขาสั่นนัดตัดสินแชมป์ โรแบร์โต้ มันชินี่กุนซือมาดเนี๊ยบของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่า นักเตะในทีมของเขาจะเก็บอาการตื่นเต้นและโชว์ฟอร์มของตัวเองออกมาได้เป็นอย่างดีในเกมกับควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส หลังจากโดนนำห่างถึง 8 แต้มเมื่อเดือนก่อน ตอนนี้ “เรือใบ” เหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะถึงตำแหน่งแชมป์แล้วและมันชินี่ก็ยันว่า พวกเขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปไหน “ผมเชื่อมั่นในลูกทีมเต็ม 100% พวกเขารู้ว่าตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว” มันโช่กล่าว “พวกเขาทำงานหนักและสู้มาในทุกๆเกมตลอดฤดูกาล ตอนนี้พวกเขามีโอกาส โอกาสงามๆเลยด้วย ในสองเกมหลังกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและนิวคาสเซิ่ลพวกเขาเล่นได้แข็งแกร่งทั้งกายและใจและผมคิดว่ามันก็จะเป็นแบบนั้นอีกในวันอาทิตย์นี้” http://www.soccersuck.com/ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:12:31

ความคิดเห็นที่ 13 มันโช่เชื่อหากสอยแชมป์ได้'เรือ'ครองความยิ่งใหญ่อีกหลายปี โรแบร์โต้ มันชินี่เทรนเนอร์มาดเท่ของ"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้เชื่อว่าหากทีมของเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกในปีนี้ได้สำเร็จ พวกเขาจะครองความยิ่งใหญ่ต่อไปอีกหลายปี ซิตี้รั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ ลีกในขณะนี้และพวกเขาต้องการชัยชนะเหนือ"ทหารเสือราชินี"ควีนปาร์ค เรนเจอร์สในวันพรุ่งนี้เพื่อการันตีแชมป์เหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมันชินี่ก็เชื่อว่าหากพวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้จะเป็นก้าวแรกของความสำเร็จที่จะตามมาอีกมากมายใน 3 หรือ 4 ปีข้างหน้า "ผมคิดว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นหนึ่งในท็อปทีมของอังกฤษและยุโรป"มันชินี่กล่าว "ในภายหลัง มันมีความเป็นไปได้ว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้จะคว้าแชมป์ไปอีก 3 หรือ 4 ปี" "ตอนนี้ ผมไม่รู้แต่มันสำคัญที่ต้องคว้าแชมป์แรกให้ได้ก่อนและแชมป์ที่สองก็จะตามมา" _________________ http://www.soccersuck.com/ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:13:31

ความคิดเห็นที่ 14 มันโช่โวเรือนี่แหละเล่นแจ่มสุดแล้วในพรีเมียร์ โรแบร์โต้ มันชินี่กุนซือมาดเนี้ยบของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ออกมาบอกว่าทีมของเขานั้นเล่นฟุตบอลได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแล้วในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ "มันโช่"ใกล้ที่จะพาซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปีได้เต็มทนหากเอาชนะควีนส์ ปาร์ก เรนเจอร์สในเกมวันอาทิตย์นี้ได้สำเร็จหลังจากที่มีคะแนนเท่ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแต่ผลต่างประตูได้เสียดีกว่าซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ทีมซัดไปถึง 90 ลูกในฤดูกาลนี้และมันชินี่ก็ยืนยันว่า"เรือใบสีฟ้า"เป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้ดีที่สุดแล้วในพรีเมียร์ลีก "ผมคิดว่าสุดท้ายแล้วทีมที่ชนะสมควรที่จะชนะแล้ว เราเล่นฟุตบอลได้ดีกว่าทีมอื่นๆ 100 เปอร์เซ็นต์ แม้แต่ตอนที่เราไม่ชนะเราก็เล่นดีกว่า" มันชินี่กล่าว "มันสำคัญที่จะยิงประตูให้ได้เพียงพอที่จะคว้าแชมป์ ผมคิดว่าเราเล่นได้ดีมาตลอด 6 เดือนหลัง สำหรับผมเราเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้แจ่มที่สุดในพรีเมียร์ลีก" "มันก็เหมือนทีมอื่นนั่นแหละ มันเป็นไม่ได้ที่จะเล่นได้ดีทุกเกม เรามีเดือนที่แย่ เราเสียประตูง่ายและยิงไม่ค่อยได้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ" "ที่สุดแล้วถึงเราจะไม่ชนะในวันอาทิตย์นี้ เราก็ยังเป็นทีมที่เล่นได้เยี่ยมสุดในพรีเมียร์ลีกอยู่ดี" http://www.soccersuck.com/ss/ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:14:53

ความคิดเห็นที่ 15 มั่นใจถ้วยพรีเมียร์ช่วยปลดล็อคความสำเร็จเรือใบ 0 อากูเอโรเชื่อ หาเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้จะทำให้มีความสำเร็จตามมาอีกมาก แซร์คิโอ อากูเอโร ดาวยิง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี มั่นใจหากทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาลนี้ ความสำเร็จจะตามมาอีกมากมาย แน่นอน "ผมอยากคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ และหลังจากนั้นมันจะมีตามมาอีกมากมายสำหรับทีมเรา เรามีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม แต่มันยังมีดีอีกมากที่จะออกมาจากทีมนี้"กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ กล่าว   ปัจจุบัน แมนฯซิตี ซิตี รั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตาราง พรีเมียร์ ลีก โดยมีลูกได้เสียที่ดีกว่า"ปีศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอริร่วมเมืองอยู่ 8 ลูก ซึ่งหากซิตี้สามารถเอาชนะ"ทหารเสือราชินี" ควีนปาร์ค เรนเจอร์ส ในวันอาทิตย์นี้ได้สำเร็จ จะทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปีเลยทีเดียว .posttoday.com/ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:16:15

ความคิดเห็นที่ 16 โทษนะผี!เหี่ยวฟันธง"เรือ"เข้าป้ายแชมป์พรีเมียร์ แฟนบอล"ปีศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก้มหน้าฟังไว้หลังอาร์แซน เวนเกอร์กุนซือหน้าเหี่ยวของ"ปืนใหญ่"อาร์เซน่อลฟันธง"เรือใบสีฟ้า"แมนเชส เตอร์ ซิตี้จะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ได้อย่างแน่นอน ปัจจุบัน 2 ทีมดังแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ยังมีลุ้นแชมป์กันทั้งคู่หลังแต้มเท่ากันทว่า ประตูได้เสียซิตี้ดีกว่าทำให้รั้งตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามจากการที่ในนัดสุดท้ายซิตี้จะได้เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน ของ"ทหารเสือราชินี"ควีนปาร์ค เรนเจอร์สในขณะที่ยูไนเต็ดต้องยกพลบุกไปเยือน"แมวดำ"ซันเดอร์แลนด์ทำให้เวน เกอร์มองว่า"เรือใบสีฟ้า"มีโอกาสดีกว่าในการคว้าแชมป์ "เราไม่ค่อยมีตัวอย่างของทีมที่พลาดแชมป์ในบ้านในเกมสุดท้าย"เวนเกอร์กล่าว "ดังนั้นคุณต้องยอมรับตามหน้าเสื่อว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นเต็งแชมป์" "คิวพีอาร์ต้องการเล่น พวกเขาต้องการผลการแข่งขันแต่ผมคิดว่ามันมากเกินไป ซิตี้เป็นตัวเต็งที่จะได้แชมป์" http://mcfc.in.th/forum/topics/932109:Topic:772047 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:17:31

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่บ่อยครั้งนัก ที่ตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลลีกจะต้องมาตัดสินกันในวันสุดท้ายของฤดูกาล และยิ่งหายากเต็มที ที่ในวันสุดท้าย จะเป็นวันชี้ชะตาของอีกหลายต่อหลายทีม ทั้งกลุ่มลุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรป และกลุ่มหนีตกชั้น ดังนั้นศึกพรีเมียร์ลีก นัดส่งท้าย ในวันอาทิตย์นี้ จึงถือเป็น “ไคลแม็กซ์” ที่จะตัดสินโฉมหน้าของฤดูกาลนี้อย่างแท้จริง และต้องติดตามห้ามกระพริบตาว่าจะมี “ปาฏิหาริย์” อย่างที่หลายทีมต้องการเกิดขึ้นหรือไม่...... ***************** เดิมพันวันส่งท้าย...ปาฏิหาริย์ (ไม่) มีจริง? ในที่สุดศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2011-2012 ก็เดินทางมาถึงบทสรุป ในวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค. นี้ โดยทั้ง 10 คู่ 10 สนาม จะเตะพร้อมเพรียงกัน ในเวลาบ่าย 3 โมงตรงของเมืองผู้ดี หรือ 21.00 น. ของประเทศไทยทั้งหมด และหลายคู่ก็ยังมีความหมายอย่างมาก ถึงกับอาจจะชี้ชะตาอนาคตของทีมนั้น ๆ ได้เลยทีเดียวด้วย วันนี้ พริตตี ฮันเตอร์ จึงสรุปสถานการณ์ของการลุ้นต่าง ๆ ในเกมสุดท้าย และบทสรุปของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ มาฝากกัน ********************** ปาฏิหาริย์เพื่อแชมป์ แม้จะเป็นนัดสุดท้าย แต่ในหลายอย่างยังไม่ได้บทสรุป โดยเฉพาะตำแหน่งแชมป์ ที่ไม่น่าเชื่อว่า 2 ทีมคู่รักคู่แค้นแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ จะทำแต้มเท่ากันพอดี หลังผ่านไป 37 เกม นั่นคือ 86 คะแนน ทำให้ต้องตัดสินแชมป์กันในนัดสุดท้าย ถ้าหวยออกทางฝั่งสีแดง จะถือเป็นลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ถ้าออกทางสีน้ำเงิน จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรก และแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรก ในรอบ 44 ปีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี ดังนั้น นี่จึงเป็นเกมที่มีเดิมพันสูงอย่างยิ่งสำหรับทั้ง 2 ทีมอย่างแท้จริง ถึงแม้ทั้ง 2 ทีม จะมีแต้มเท่ากัน แต่โอกาสของ แมนฯ ซิตี มีมากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด หลายเท่าตัว เพราะมีประตูได้-เสีย นำหน้าอยู่ถึง 8 ประตู นัดสุดท้าย ถ้าหากทีมเรือใบสีฟ้าชนะ ทุกอย่างก็น่าจะจบ เนื่องจากต่อให้ทีมผีแดงชนะ พวกเขาก็ต้องชนะด้วยผลต่างประตูนับสิบลูก ซึ่งเรียกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ เกมสุดท้าย แมนฯ ซิตี จะได้เล่นในเอติฮัด สเตเดี้ยม พบกับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องบุกไปเยือน ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งจะว่าไป ทีมสำเภาทองเจองานยากกว่า เพราะ คิวพีอาร์ ยังต้องดิ้นรนหนีตกชั้น แต่ ซันเดอร์แลนด์ ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว เพียงแค่เล่นไปให้หมดโปรแกรม แม้ว่าทีมผีแดงต้องเป็นฝ่ายไปเยือนก็ตาม ดังนั้น แม้จะดูดีกว่าเยอะ แต่ แมนฯ ซิตี ก็ประมาทไม่ได้ เพราะถ้าหากพลาดท่าเสมอหรือแพ้ขึ้นมา แชมป์จะกลับไปอยู่ฝั่งมุมแดงทันที ที่สำคัญอย่าลืมว่า ทีมทหารเสือราชินี มีกุนซือชื่อ มาร์ค ฮิวจ์ส ซึ่งเป็นอดีตนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด และเคยถูก แมนฯ ซิตี ไล่ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมมาแล้ว ดังนั้น “สปาร์กี” จึงมีแรงบันดาลใจมากกว่าปกติ และต้องการล้างแค้นทีมสีน้ำเงินแน่นอน นอกจากนั้น ในมุมของ ควีนส์ปาร์ค พวกเขาอาจจะไม่จำเป็นถึงกับต้องชนะเพื่อให้รอดตกชั้น และแค่เสมอก็น่าจะลอยลำแล้ว จึงมีโอกาสสูงที่ คิวพีอาร์ จะมาอุดเต็มรูปแบบ เพื่อยันเสมอขอ 1 แต้ม แมนฯ ซิตี จึงต้องเจองานหนักกว่าปกติในการเจาะเข้าไปทำประตู ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก เพราะต้องชนะให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สถานเดียว แล้วก็รอ “ปาฏิหาริย์” จากเอติฮัด ซึ่งจะว่าไป โอกาสก็มีไม่ใช่น้อยเหมือนกัน เนื่องจาก ถ้าหาก แมนฯ ซิตี พลาดนิดเดียว ทุกอย่างก็จะเข้าทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ทันที ********************* ปาฏิหาริย์เพื่ออยู่รอด ในโซนท้ายของตาราง ตกชั้นแน่นอนแล้ว 2 ทีม นั่นคือ วูล์ฟแฮมป์ตัน และ แบล็กเบิร์น ขณะที่ วีแกน ก็รอดแน่นอนแล้ว เช่นเดียวกับ แอสตัน วิลลา ที่ไม่น่าพลาด เพราะประตูได้-เสีย เหนือกว่าคู่แข่งนับ 10 ประตู ทำให้นัดสุดท้าย เป็นการลุ้นกันระหว่าง ควีนส์ปาร์ค กับ โบลตัน สถานการณ์ล่าสุด ควีนส์ปาร์ค มี 37 คะแนน ลูกได้-เสีย ลบ 22 ประตู ขณะที่ โบลตัน มี 35 แต้ม ลูกได้-เสีย ลบ 31 ประตู ทำให้ทีมทหารเสือราชินี โอกาสดีกว่ามาก และอย่างที่บอกว่า แค่เสมอก็น่าจะลอยลำ เพราะถ้า ควีนส์ปาร์ค เสมอ ต่อให้ โบลตัน ชนะ ทั้ง 2 ทีม ก็จะมี 38 คะแนนเท่ากัน แต่ด้วยลูกได้-เสีย ที่ดีกว่าถึง 9 ประตู ทำให้เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่ โบลตัน จะรอด อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวโปรแกรม และสถานการณ์บีบบังคับ ทำให้ต้องยอมรับว่า โบลตัน ก็มีสิทธิฝัน เพราะอย่างที่ทราบว่า เกมสุดท้าย ควีนส์ปาร์ค ต้องไปเยือน แมนฯ ซิตี ซึ่งโอกาสแพ้สูงลิบ ขณะที่ โบลตัน ได้ไปเยือน สโตค ซึ่งถึงแม้จะหนัก แต่โอกาสชนะก็มากกว่าอยู่ดี เนื่องจากทีมช่างปั้นหม้อไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้ว แม้ว่าจะลงเล่นส่งท้ายในบริทาเนีย ก็ตาม ดังนั้น ในโซนหนีตกชั้น อะไรก็ยังเป็นไปได้ และยังเดาไม่ออกจริง ๆ ว่า อีกทีมที่ต้องหล่นชั้นจะเป็น โบลตัน หรือ ควีนส์ปาร์ค ****************** ปาฏิหาริย์เพื่อยุโรป เนื่องด้วย เชลซี เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้ไม่มีอะไรรับประกันว่า ทีมอันดับ 4 จะได้ไปเล่นถ้วยใหญ่ของยุโรป ในฤดูกาลหน้า เพราะถ้าหาก เชลซี ชนะ บาเยิร์น และได้แชมป์ พวกเขาจะได้สิทธิในฐานะแชมป์เก่าทันที และทีมอันดับ 4 จะได้ไปแค่ ยูโรป้า ลีก ทำให้ต้องได้อันดับ 3 ไว้ก่อนเท่านั้น ถึงจะรับประกันได้ว่าได้ไปแน่ หลังจากแพ้ ลิเวอร์พูล เมื่อกลางสัปดาห์ ทำให้ เชลซี หมดสิทธิติด 1 ใน 4 และได้อันดับ 6 แน่นอนแล้ว จึงเหลือแค่ อาร์เซนอล, สเปอร์ และ นิวคาสเซิล ที่ต้องลุ้นกัน และทั้ง 3 ทีม ก็ยังมีสิทธิจบเป็นอันดับ 3, 4 หรือ 5 ได้ด้วยกันทุกทีม สถานการณ์ล่าสุด อาร์เซนอล 67 คะแนน ประตูได้-เสีย + 24, สเปอร์ 66 คะแนน ประตูได้-เสีย +23 และ นิวคาสเซิล 65 คะแนน ประตูได้-เสีย +7 ทำให้โอกาสของทีมปืนใหญ่มีมากที่สุด เพราะถ้าชนะก็ที่ 3 แน่นอน ไม่ต้องสนใจผลอีก 2 คู่ เกมสุดท้าย อาร์เซนอล ต้องไปเยือน เวสต์บรอมวิช ขณะที่ สเปอร์ เล่นในบ้านพบ ฟูแลม และ นิวคาสเซิล บุกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ซึ่งถ้าดูแค่โปรแกรมต้องยอมรับว่า ทีมไก่เดือยทองเจองานหนักน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม สเปอร์ ต้องชนะสถานเดียว ถ้าหากต้องการลุ้นที่ 3 หรือแม้แต่ที่ 4 นอกจากนั้น ยังต้องลุ้นให้ อาร์เซนอล พลาดเสมอหรือแพ้ด้วย โดยถ้าหากปืนแพ้หรือเสมอแล้ว สเปอร์ ชนะ พวกเขาจะแซงได้ที่ 3 แต่ถ้าผลเหมือนกัน อาร์เซนอล ก็จะเข้าป้ายอยู่ดี แต่ อาร์เซนอล ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ในช่วงหลัง และนับตั้งแต่ไร้ มิเคล อาร์เตตา ทีมก็ชนะใครไม่ได้เลย แถมเกมนี้ต้องไปเยือน เวสต์บรอมวิช ที่จะส่งท้าย รอย ฮอดจ์สัน ในบ้านตัวเองด้วย ทำให้ไม่ใช่งานง่ายเช่นกัน ทว่าสเปอร์ก็หนักไม่ต่างกัน เพราะแม้ได้เล่นในบ้าน แต่ต้องเจอกับ ฟูแลม ที่ฟอร์มดีมากในช่วงหลัง แถมยังมี มาร์ติน โยล อดีตกุนซือของทีม นำทัพ ทำให้ โยล ย่อมต้องการถอนแค้นทีมเก่า ยิ่ง นิวคาสเซิล โอกาสตอนนี้ต้องบอกว่าไม่มากแล้ว เพราะนอกจากต้องไปเยือนทีมแกร่งอย่าง เอฟเวอร์ตัน แล้ว ยังต้องแช่งให้ อาร์เซนอล และ สเปอร์ พลาดพร้อมกันด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก การลุ้นแย่งไปแชมเปี้ยนส์ ลีก จึงสรุปได้ว่า อาร์เซนอล โอกาสมากที่สุด และกุมชะตาของตัวเองในกำมือ ขณะที่ สเปอร์ ยังออกได้หมดทุกหน้า ทั้งสุดยอด และสุดแย่ อยู่ที่นัดสุดท้ายจริง ๆ แต่ นิวคาสเซิล ค่อนข้างจะยากมากทีเดียว **************************** นักเตะแห่งฤดูกาล ความเห็นตรงกันทุกสำนัก สำหรับนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล และเป็นใครไปไม่ได้เด็ดขาดนอกจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี หลังระดมยิงในลีกไปถึง 30 ประตู และ 32 ประตู ในทุกรายการ พร้อมด้วยแฮตทริกถึง 2 ครั้ง แต่ฤดูกาลนี้ก็ยังมีนักเตะอีกหลายคน ที่ฟอร์มโดดเด่นเป็นสง่า โดยเฉพาะ เวย์น รูนีย์, ไมเคิล คาร์ริค และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ของ แมนฯ ยูไนเต็ด, ดาวิด ซิลบา, โจ ฮาร์ท และ เซร์คิโอ อเกวโร ของ แมนฯ ซิตี, ฮวน มาตา ของ เชลซี รวมถึงพวกที่พลิกโผอย่าง แกรนต์ โฮลท์, โยฮัน กาบาย และ คลินต์ เดมป์ซีย์ ด้วย ************************ ซื้อสุดยอด นักเตะอย่าง เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร หรือ ฮวน มาตา อาจจะค่าตัวแพง และถูกตั้งคำถามเรื่องความแข็งแกร่ง และการเอาตัวรอดในพรีเมียร์ลีก แต่ทั้งคู่ก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นของจริง และเล่นได้สมกับคำว่าระดับโลกอย่างแท้จริง เพราะเหนือกว่านักเตะทั่วไปอย่างชัดเจน แต่ปีนี้ก็มีของดีราคาถูกให้เห็นหลายคน โดยเฉพาะ ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ และ เดมบา บา ของ นิวคาสเซิล ขณะที่ โยฮัน กาบาย และ สกอตต์ ปาร์คเกอร์ ที่เหมือนกับทำให้ต้นสังกัดถูกหวยจังเบอร์ ส่วน แอชลีย์ ยัง แม้ดังเรื่องพุ่งล้มมากกว่า แต่การเข้าก๊วนผีปีแรกก็ถือว่าสอบผ่าน ************************ ซื้อสุดแย่ ผิดหวังเกินใคร ไม่มีทีมไหนเกิน ลิเวอร์พูล เพราะทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ สจวร์ต ดาวนิง ฝากความหวังไม่ได้เลย ขณะที่ แมนฯ ซิตี ก็มี ซามีร์ นาสรี ที่ยังทำได้ไม่สมกับค่าตัว และชื่อเสียง แม้ว่าอาจจะพาทีมได้แชมป์ และ เชลซี ก็เหมือนสูญเงิน 18 ล้านปอนด์ ไปกับอากาศ เมื่อ โรเมลู ลูกากู ไม่ใช่ “นิวดร็อกบา” อย่างที่คาด และทำไม่ได้แม้แต่โอกาสลงสนาม *************************** ทีมแห่งฤดูกาล 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมในแต่ละตำแหน่งของ สมาคมนักเตะอาชีพ (พีเอฟเอ) อาจจะไม่ถูกใจใครหลายคน โดยเฉพาะแฟนผีแดง เพราะไม่มีชื่อของ 2 นักเตะที่โดดเด่นอย่าง ไมเคิล คาร์ริค และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย แต่มันก็ถือเป็นมติของส่วนรวมอย่างแท้จริง เพราะเป็นการเลือกกันเองของนักเตะ และมีผลดังนี้ ผู้รักษาประตู : โจ ฮาร์ท, แบ๊กขวา : ไคล์ วอล์คเกอร์, เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : แวงซองต์ กอมปานี-ฟาบริซิโอ โคลอชชินี, แบ๊กซ้าย : เลห์ตัน เบนส์, ปีกขวา : ดาวิด ซิลบา, มิดฟิลด์คู่กลาง : ยายา ตูเร-สกอตต์ ปาร์คเกอร์, ปีกซ้าย : แกเร็ธ เบล, คู่กองหน้า โรบิน ฟาน เพอร์ซี-เวย์น รูนีย์ *********************** สุดยอดกุนซือ มีลุ้นหลายคนทีเดียว โดยเฉพาะ 2 กุนซือน้องใหม่อย่าง เบรนแดน รอดเจอร์ส และ พอล แลมเบิร์ต ที่พาทีม สวอนซี และ นอริช ทำผลงานได้อย่างสุดยอดเหลือเชื่อ ขณะที่ชื่อของ โรแบร์โต มันชินี และ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ไม่มีทางหลุดจากเฟรม เพราะพาทีมลุ้นแชมป์ แถมอาจจะรวมถึง โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ที่เข้ามาขัดตาทัพแทน อังเดร วิลลาส โบอาส แต่กลับสามารถพา เชลซี กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้งด้วย แต่คนที่มาแรงที่สุด และทุกคนเทใจให้ ต้องยกให้ อลัน พาร์ดิว ของ นิวคาสเซิล เพราะนอกจากตัวผู้เล่นจะดูธรรมดา เทียบกับทีมอื่นไม่ติด และเสียตัวหลักไปหลายคน แถมยังไม่ได้รับการต้อนรับที่เป็นมิตรนักจากแฟนบอลตัวเอง แต่ พาร์ดิว กลับพาทีมมีลุ้นไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หน้าตาเฉย บอสหนุ่มใหญ่คนนี้จึงเหมาะสมกับตำแหน่งกุนซือแห่งฤดูกาลมากที่สุด ********************* สุดยอดประตู ลูกตีลังกายิงของ เวย์น รูนีย์ ที่ยิงใส่ แมนฯ ซิตี เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นประตูยอดเยี่ยมในรอบ 20 ปีของพรีเมียร์ลีก แต่ถ้าหากลูกยิงใบไม้ร่วงของ ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ ที่ยิงใส่ เชลซี ในฤดูกาลนี้ ส่งเข้าประกวดทัน ประตูของ รูนีย์ อาจจะตกอันดับก็เป็นได้ เพราะมันเป็นลูกยิงที่สวยงามอย่างเหลือเชื่อ และเปี่ยมไปด้วยความสำคัญอย่างแท้จริง จนถูกนำไปเปรียบกับลูกยิงคลาสสิกตลอดกาลของ มาร์โก แวน บาสเทน อดีตดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ ที่ยิงใส่ สหภาพโซเวียต ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1988 นัดชิงชนะเลิศ เลยทีเดียว *************************** "พริตตี ฮันเตอร์" http://www.news.co.th/article/125/114050 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 18:18:46 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:18:14

ความคิดเห็นที่ 18 38 แมตช์ "สำคัญ" เท่ากันหมด วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม 2555 เวลา 03:00 น. เพิ่งกลับมาจากอังกฤษเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังพาทีมงาน “แอร์เอเชีย” ไปเยือนกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษระหว่าง 4–9 พ.ค. 2012 เพิ่งกลับมาจากอังกฤษเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังพาทีมงาน “แอร์เอเชีย” ไปเยือนกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษระหว่าง 4–9 พ.ค. 2012 สนุกครับ เพราะเหมือนได้กลับไปบ้านหลังที่สองที่เคยอยู่มาเกือบ 10 ปีระหว่าง 1997–2006 และก็แน่นอนว่า ประเด็นหลักที่หนีไม่พ้นก็คือเรื่องของ “อากาศ” (แบบอังกฤษ) อุณหภูมิที่โน่นตอนนี้น่าจะอยู่ประมาณ 10 องศาเซลเซียส และมีฝนแทบตลอดทั้งที่เป็นฤดูใบไม้ผลิปลาย ๆ ที่อากาศน่าจะ “อุ่น” กว่านี้ได้แล้ว แต่ยังโชคดีที่ 2 ทุ่มกว่า ๆ ยัง “สว่าง” อยู่ตามคอนเซปต์อากาศ ณ ช่วงเวลานี้ และซัมเมอร์ที่กำลังใกล้เข้ามารับโอลิมปิก 2012 หรือ “ลอนดอน 2012” ช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงตอนนั้น บรรยากาศน่าจะคึกคักมาก เพราะในฐานะชาติเดียวในโลกที่ได้จัดโอลิมปิกถึง 3 ครั้ง บรรดาทัพสื่อมวลชนไทย, นักกีฬาไทย และเจ้าหน้าที่ น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสช่วงเวลาที่ดีที่สุดของมหานครเอกของโลกแห่งหนึ่งอย่างกรุงลอนดอน สำหรับผมเอง ในทริปนี้มีโอกาสได้ “ใกล้ชิด” ฮีโร่สมัยเด็ก “พี่ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่เป็นหัวหน้าโครงการ “บินสู่ฝัน กับแอร์เอเชีย” และ 2 เด็กผู้โชคดีผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศน้องกัน วัสวัติ เกิดศรี และน้องกอล์ฟ กีรติกร อรุณพูลทรัพย์ วัย 14 ปี น้องกันมาจากสุพรรณฯ ส่วนน้องกอล์ฟเป็นเด็กในโครงการของสมาคมฟุตบอลไทยที่ศูนย์ฝึก “หนองจอก” ที่คลุกคลีกับผมจนน่าจะกลายเป็น “พี่น้อง” กันแล้ว เพราะกลับมาเมืองไทยก็ยังคุยกันอยู่ ผมมานั่ง “แอบนึก” ดูว่า หากตัวเองมีลูก (ตอนนี้ยังโสด) ตอนอายุ 26 ปี ลูกของผมคงอายุเท่ากับเจ้ากัน และกอล์ฟแล้ว และเร็ว ๆ นี้น่าจะได้ชวนมาเตะบอลด้วยกันหากมีโอกาส หลัก ๆ แล้ว “โปรแกรม” พิเศษที่น้องกัน และกอล์ฟได้รับก็คือ การได้เยี่ยมชมสนามลอฟตัส โรด ของควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส และได้ชมเกมคิวพีอาร์–สโตค อันเป็นแพ็กเกจปกติอยู่แล้ว ขณะที่ “ไฮไลต์” ที่สุดก็คือ การได้รับแจกชุดนักเตะทหารเสือราชินี ทีมที่ “แอร์เอเชีย” เป็นเจ้าของ และผู้สนับสนุนหลัก, ได้ลงไปวอร์มในสนามก่อนแข่งประมาณ 30 นาที ก่อนที่สุดท้ายจะได้เดินลงสู่สนามพร้อมนักเตะเจ้าบ้าน และร่วม “จับมือ” กับผู้เล่นสโตค เชื่อแน่ครับว่า “แรงบันดาลใจ” และ “ประสบการณ์” ความประทับใจจะฝังอยู่ในใจเด็ก ๆเพื่อเป็น “กำลังใจ” ให้ต่อยอดความสำเร็จในอนาคตอย่างแน่นอน สำหรับเกมนี้ระหว่าง คิวพีอาร์–ช่างปั้นหม้อ ความดราม่าสุด ๆ อยู่ที่การได้ประตูของเจ้าบ้านผ่าน ฌิบริล ซิสเซ ในช่วง 5 นาทีสุดท้ายทั้งที่เล่นแย่มากตลอดเกม ขณะเดียวกันคู่แข่งสำคัญ โบลตัน กลับโดนตีเสมอ 2-2 ในช่วงเดียวกันจากเวสต์บรอมฯ ของรอย ฮอดจ์สัน ทำให้สถานการณ์พลิกผันทันที เพราะแทนที่จะถูกโบลตันนำ 2 แต้มก่อนเข้านัดสุดท้าย ยอดทีมจากลอนดอนตะวันตกกลับนำเสียเอง 2 แต้มก่อนบุกเยือนแมนฯซิตีในวันอาทิตย์นี้ที่แทบจะปิดประตูชนะ เพราะซิตีไม่เคยแพ้ใครในบ้าน และมีสถิติในบ้านดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก ส่วนควีนส์ปาร์ค มีสถิตินอกบ้านแย่ที่สุด อย่างไรก็ดีครับ ผมยังแอบเชื่อว่า โอกาสของทั้งโบลตัน และคิวพีอาร์ ยังเท่า ๆ กัน เพราะโบลตันไปเยือนสโตคซึ่งไม่ต้องเน้นอะไรมาก เนื่องจากไม่มีได้มีเสีย มีแต่ “สปิริต” เท่านั้น เกมลักษณะนี้หากไม่ใช่บอลอังกฤษ แต่เป็นบอลอิตาลี หรือสเปน รับรองโบลตันชนะแน่นอนซึ่งก็จะทำให้แต้มพวกเค้าแซงคิวพีอาร์ที่น่าจะแพ้แมนฯซิตี 1 แต้ม อันจะทำให้คิวพีอาร์ตกชั้นตามวูล์ฟ และแบล็กเบิร์น ไปตามระเบียบ ส่วนหัวตารางก็ต้องลุ้นกันสุด ๆ นะครับ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่หาก “ฟ้าไม่ผ่า” เสียก่อน ซิตีซึ่งพิสูจน์ตัวเองในช่วงหลัง ๆ เฉพาะอย่างยิ่งเกมล่าสุดที่บุกเชือดนิวคาสเซิลได้ น่าจะเบียดเข้าป้ายด้วยประตู “ได้เสีย” ครับ ฟุตบอลลีกจริง ๆ แล้ว “ดีมาก” ที่คอบอลมีโอกาสได้ลุ้นจนหยดสุดท้ายแบบนี้ แต่ต้องเข้าใจนะครับว่า มันคือคนละประเด็นกับความสำคัญของ “นัดสุดท้าย” เพราะตลอด 38 แมตช์แต่ละทีม หรือรวม 380 แมตช์ตลอดฤดูกาลมีความสำคัญเหมือนกันหมด ดังนั้นการ “ตกชั้น” หรือ “เป็นแชมป์” หรือ “โควตายุโรป” ใช่จะตัดสินที่นัดสุดท้าย!? ใจความสำคัญของบอลลีกคือ “ความสม่ำเสมอ” และทีมที่สม่ำเสมอที่สุดนั่นแหละจะทำผลงานได้ตาม “เป้าหมาย” ตอนเปิดฤดูกาลของตัวเองครับ. แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 05:15:44 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:19:45

ความคิดเห็นที่ 19 การแข่งขันพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นหนึ่งในลีกระดับท็อปของยุโรปที่ต้องมาตัดสินลุ้นแชมป์กันถึงนัดสุดท้ายตีคู่มากับ ลีกเอิง ของฝรั่งเศส ซึ่งแต่ละลีกต่างมีความดราม่าไม่แพ้กัน 5 ลีกหลักรู้ชื่อสโมสรชูถ้วยแชมป์ประจำฤดูกาล 2011-12 และเริ่มเฉลิมฉลองกันไปบ้างแล้ว เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส, 2 ทีมในลีกดังท็อปยุโรปกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้งหลังจากเพียรพยายามมานาน โดยยูเวนตุส เพิ่งคว้าแชมป์แรกในรอบกว่า 10 ปี ขณะที่เรอัล มาดริด ลงทุนไปหลายร้อยล้านยูโรตั้งแต่ปี 2009 จนคว้าแชมป์แรกของสโมสรในรอบ 3 ฤดูกาลเหนือบาร์เซโลน่า ขณะ ดอร์ทมุนด์, อาแจ็กซ์ และปอร์โต้ เป็นปรากฎการณ์คล้ายกันแม้ว่าปอร์โต้ จะมีการเปลี่ยนแปลงภายในไปบ้าง สำหรับอื่นๆที่เหลือในโค้งสุดท้ายยังเป็นพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ขับเคี่ยวแย่งอันดับกันสูสี คู่ปรับร่วมเมืองแมนเชสเตอร์ บิ๊กโฟว์ และ 2 ทีมดังในอดีตสอดแทรกขึ้นมาซดกันดุเดือดตั้งแต่ต้นฤดูกาล ยันนัดสุดท้ายที่จะถึงในสัปดาห์นี้ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:20:36

ความคิดเห็นที่ 20 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่ลงทุนหนักที่สุดในลีกยุโรปสู้รบปรบมือกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาตั้งแต่นัดแรก เคยนำ 5 แต้มต้นฤดูกาล เคยตามหลัง 8 แต้มเมื่อต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ใครๆก็บอกว่าจากประสบการณ์แล้ว ผีแดง แชมป์ชัวร์ ผ่านไป 1 เดือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บชัย 5 แมตช์รวด กลับขึ้นมานำ ปีศาจแดง คู่ปรับผู้ทำแต้มหล่นกับวีแกน และมาสะดุดขาตัวเองหัวฟาดเสมอเอฟเวอร์ตัน 4-4 รวมถึงพลาดแพ้ในดาร์บี้แมตช์ ผ่านไป 37 นัดในลีกฤดูกาลสุดเซอร์ไพรส์กลายเป็นเรือใบสีฟ้า ขึ้นนำแมนฯยูฯ ด้วยลูกได้เสียที่มากกว่า 8 ลูก ขณะที่มีแต้มเท่ากันอย่างน่าเจ็บช้ำ นัดที่ 38 ของฤดูกาลมันช่างหนักหน่วงสำหรับแฟนบอลแมนเชสเตอร์นัก ฝั่งซิตี้ จะได้เล่นในบ้านกับ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส การได้คาร์ลอส เตเวซ กลับมาเหมือนจะเข้าทางเรือใบ บอลไหลลื่นมากกว่าช่วงที่ใช้งานหัวหอกร่างโย่งทั้งหลาย แต่สำหรับทีมของมาร์ค ฮิวจ์ส ลูกหม้อเก่าของเมืองแมนเชสเตอร์ (ยูไนเต็ดด้วย) ก็อาจกลืนยากสักนิด แสบปาก เผ็ดร้อนสักหน่อยเมื่อพวกเขามีเลเวลเพิ่มขึ้นเมื่อขีดพลังงานของทีมขึ้นสีแดง ลมหายใจในลีกสูงสุดร่อแร่ ต้องการแต้มเพื่อเบียดหนีตกชั้นกับโบลตัน แต่เชื่อว่า ขุมกำลังเรือใบน่าจะกางใบเต็มกำลังบดใส่ทีมของสปาร์กี้ ที่ฟอร์มขึ้นลงได้ ทีมของโรแบร์โต้ มันชินี่ ดูไร้ริ้วรอยในการเล่นในบ้าน ชนะ 17 เสมอ 1 แต่ความทรงจำในนัดที่ลอฟตัส โร้ด อาจทำให้ลูกทีมเรือใบแหยงเล็กๆ เมื่อต้องพึ่งพายาย่า ตูเร่ ช่วงท้ายเกมเช่นเดียวกับเกมล่าสุด แต่โดยรวมถือว่าได้เปรียบเมื่อกุมชะตาตัวเองเอาไว้ในบ้านของตัวเอง ซึ่งนอกจากจะชี้ชะตาแชมป์ลีกแรกของสโมสรรอบกว่า 40 ปีแล้ว ยังเป็นชะตาอนาคตของกุนซืออิตาเลียนเช่นกัน สถานการณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังชนฝา ไม่มีอะไรต้องทำนอกจากยิงซันเดอร์แลนด์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และต้องพึ่งพาดวง อาศัยพลังกองแช่งลุ้นให้เกมละแวกใกล้เคียงมีอะไรติงต๊องเกิดขึ้นกับเจ้าถิ่นที่เอทิฮัด สเตเดี้ยม จากข้อเท็จจริงที่ว่า คิวพีอาร์ ต้องการแต้มติดมือ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:21:18

ความคิดเห็นที่ 21 แชมป์สมัยที่ 20 ของปีศาจแดงอาจยากกว่าที่คิด และมีแนวโน้มสูงที่จะจบด้วยความผิดหวัง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นคือ พวกเขาเชื่อเสมอว่า สิ่งที่ทีมถนัดที่สุดไม่ใช่แทคติก สไตล์ หรือ การเล่นใดๆ แต่เป็นความเชี่ยวชาญในการเอาชนะคู่ต่อสู้ และอย่าลืมว่าฤดูกาลนี้อะไรที่ไม่เคยเห็น ก็ได้เห็นมาแล้ว สำหรับสถานการณ์ของสามก๊ก ที่ลุ้นตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งฤดูกาลนี้ตำแหน่งที่ 4 อาจไม่เพียงพอสำหรับที่นั่งไปเตะเพลย์ออฟ หากเชลซี ค้นฟ้าคว้าดาวในยุโรปได้สำเร็จเป็นครั้งแรก อาร์เซนอล ดวงแข็งพอจะกุมชะตากลับมาลุ้นรักษาที่ 3 เมื่อก๊กอื่นพลาดกันไปหมด นัดสุดท้าย ทีมกุมอนาคตเอาไว้ในรองเท้าของตัวเอง ชนะ เวสต์บรอมได้หมายถึงไปเล่นยุโรปติดกัน 10 ฤดูกาลทันที แต่หากสะดุด สเปอร์ส ที่ดวลฟูแล่ม หรือ นิวคาสเซิล ที่ดวลเอฟเวอร์ตันมีโอกาสคาบไปทั้งสิ้นขึ้นกับสถานการณ์ทั้ง 2 สนาม ความเข้มข้นของลีกอังกฤษเคี่ยวกันจนวินาทีสุดท้าย เป็นฤดูกาลที่ 2 ใน 3 ปีหลังที่ต้องเชียร์กันจนจบกันไป เมื่อวงการกีฬาเปลี่ยนแปลงไป เม็ดเงินเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับการสร้างความเป็นเลิศ โฉมหน้าของลูกหนังอังกฤษเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเดิมหลายเท่านับตั้งแต่เริ่มต้นยุคเศรษฐีรักฟุตบอล เมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมา และบทสรุปของฤดูกาลนี้จะขีดเส้นสู่ความเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่าง ยุคของกุนซือเฒ่ากำลังหมดลงในอีกไม่กีปี หลายทีมเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านภายใน ความขลังของพรีเมียร์ลีกกลับมาดุเดือดตอนท้ายของยุครุ่งเรือง ห้วงเวลาขีดเส้นอนาคตนี้ไม่ควรพลาดเป็นอันขาด บทสรุปของ 20 ทีม ใน 10 เกมส์เริ่มต้น เวลา 21.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม เตรียมลุ้น! จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:22:09

ความคิดเห็นที่ 22 หนนี้มาทำนายกับ Jessica Ennis ยอดนักกีฬาสัตตกรีฑา หญิงชาวอังกฤษ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:23:37

ความคิดเห็นที่ 23 สถิติการยิงประตูของผู้เล่น"สำคัญ"ตั้งแต่เข้ามาในสโมสร Defender 1. Micah Richards ทำไปแล้ว 7 ประตู ใบเหลือง 18 ใบ ไม่เคยโดนใบแดง 2. Vincent Kompany ทำไปแล้ว 7 ประตู ใบเหลือง 22 ใบ ใบแดง 1 ใบ 3. Pablo Zabaleta ทำไปแล้ว 3 ประตู ใบเหลือง 25 ใบ ใบแดง 3 ใบ 4. Joleon Lescott ทำไปแล้ว 7 ประตู ใบเหลือง 3 ใบ ไม่เคยโดนใบแดง 5.Gael Clichy ไม่เคยทำประตู ใบเหลือง 2 ใบ ใบแดง 1 ใบ Midfielder 1. James Milner ทำไปแล้ว 3 ประตู ใบเหลือง 7 ใบ ไม่มีใบแดง 2. Adam Johnson ทำไปแล้ว 11 ประตู ใบเหลือง 4 ใบ ไม่มีใบแดง 3.Gareth Barry ทำไปแล้ว 5 ประตู ใบเหลือง 21 ใบ ใบแดง 1 ใบ 4.Samir Nasri ทำไปแล้ว 5 ประตู ใบเหลือง 2 ใบ ไม่มีใบแดง 5. David Silva ทำไปแล้ว 10 ประตู ใบเหลือง 2 ใบ ไม่มีใบแดง 6.Gnegneri Toure Yaya ทำไปแล้ว 12 ประตู ใบเหลือง 11 ใบ ไม่มีใบแดง Forward 1.Edin Dzeko ทำไปแล้ว 15 ประตู ใบเหลือง 1 ใบ ไม่มีใบแดง 2. Sergio Aguero ทำไปแล้ว 22 ประตู ใบเหลือง 1 ใบ ไม่มีใบแดง 3.Carlos Tevez ทำไปแล้ว 48 ประตู ใบเหลือง 13 ใบ ไม่มีใบแดง 4.Mario Balotelli ทำไปแล้ว 19 ประตู ใบเหลือง 12 ใบ ใบแดง 3 ใบ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:24:24

ความคิดเห็นที่ 24 นัดปิดฤดูกาลของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เมืองผู้ดี ในวันอาทิตย์ (13 พ.ค.) ที่จะถึงนี้ ถือเป็นนัดสั่งลาที่น่าจะได้ลุ้นกันมันสุด ๆ ไปเลย เนื่องเพราะว่า แฟนบอลยังจะได้ตามลุ้นผลการแข่งขันที่จะมีผลต่อการลุ้นแชมป์, หนีตาย และลุ้นโควตาบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นับนิ้วรวมแล้วถึง 6 คู่เลยทีเดียวเชียวละครับ ไม่เหมือนหลาย ๆ ซีซั่นที่ผ่านมา ที่เกมนัดส่งท้ายของฤดูกาล จะหาแมตช์ที่มีความหมาย ต้องตามลุ้นกันอยู่แค่ไม่กี่นัด ในโซนหนีตายนั้น มาถึงตรงนี้ ก็เหลือเพียงแค่ ควีนส์ปาร์ค กับ โบลตัน ที่ต้องดิ้นรนกันในเฮือกสุดท้าย โดยสถานการณ์ของทีมทหารเสือราชินี ดีกว่าตรงที่มีแต้มสะสมนำหน้าโบลตัน อยู่ 2 แต้ม แต่ที่แย่กว่าก็คือ แมตช์สุดท้ายของทีมทหารเสือ คือการไปเยือนถิ่นทีมลุ้นแชมป์อย่าง แมนฯ ซิตี้ ปืนใหญ่ "อาร์เซนอล" ในขณะที่ แมตช์สุดท้ายของ "เดอะทร็อตเตอร์" โบลตัน ง่ายกว่ามาก แม้จะต้องออกนอกบ้านเช่นกัน แต่ทีมที่พวกเขาต้องไปเยือน ก็คือทีมที่ไม่ต้องลุ้นอะไรมากมายแล้วอย่าง "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ งานนี้ ทีมใดจะอยู่รอดปลอดภัย ก็ต้องอ่านไปเรื่อย ๆ จนจบคอลัมน์นะครับ สำหรับในกลุ่มลุ้นโควตาแชมเปี้ยนส์ลีก ก็คือ อันดับ 3 และ 4 (ในกรณีเชลซี ไม่ได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก) ระหว่าง ปืนใหญ่ "อาร์เซนอล", "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส และ "นกสาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด นั้น สถานการณ์ของทั้ง 3 ทีม ก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเองทั้งนั้น โดย ปืนใหญ่ ของอาร์แซน เวนเกอร์ ถ้าบุกไปเอาชัยเหนือ เวสต์บรอมวิช ได้ ก็ไม่ต้องสนใจผลการแข่งขันของทั้ง สเปอร์ส และ นิวคาสเซิล ว่าจะออกหัวหรือก้อย ในขณะที่ ทีมไก่เดือยทองของแฮร์รี่ เรดแนปป์ ก็ต้องเอาชัยเหนือฟูแล่ม ให้ได้ แล้วลุ้นให้ ปืนใหญ่ ไม่ชนะ เวสต์บรอมวิช พวกเขาก็จะได้อันดับที่ 3 ส่วนทีมนกสาลิกาดง ของอลัน พาร์ดิว ต้องบุกไปชนะ เอฟเวอร์ตัน เพียงสถานเดียว แล้วลุ้นให้อาร์เซนอล และ สเปอร์ส แพ้ทั้งคู่ พวกเขาจึงจะคว้าอันดับ 3 หรือ สาลิกาดง นิวคาสเซิล ไม่ก็ให้ทีมใดทีมหนึ่งแพ้ แล้วพวกเขาชนะ อย่างน้อย ๆ นิวฯ ก็จะซิวอันดับที่ 4 พออุ่นใจเอาไว้ก่อน แต่! ใครจะได้เฮในนัดสุดท้าย ก็ขอให้อ่านต่อไปเรื่อย ๆ ครับ แน่นอนว่า ส่วนใหญ่ของแฟนบอล ยังคงใจจดใจจ่ออยู่กับการตามลุ้นแชมป์ของ 2 ทีมเมืองแมนเชสเตอร์ ทั้ง ซิตี้ และ ยูไนเต็ด ที่จะต้องมาตัดสินชะตากรรมกันในวันสุดท้ายของซีซั่นพอดี สถานการณ์มาถึงตรงนี้ ผมมักจะเจอคำถามจากพรรคพวกเพื่อนฝูง คนที่รู้จัก ซึ่งจะยิงคำถามเข้าใส่แบบไม่ให้ได้ทันตั้งตัวเลยว่า ปีนี้ ใครจะเป็นแชมป์ ผมก็มักจะตอบแบบ "แบ่งรับแบ่งสู้" อยู่เสมอว่า แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสดีกว่า แต่ว่าก็อย่าได้คิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะหมดสิทธิก้าวไปเป็นแชมป์บอลลีกสูงสุดเป็นสมัยที่ 20 เป็นอันขาด เหตุผลที่ผมบอกออกไป ไม่ใช่เพราะผมมั่นใจในทีม "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ค ว่าจะบุกไปคว้าชัยชนะ หรือแบ่ง 1 คะแนนมาจากทีมเรือใบสีฟ้าที่ เอติฮัต สเตเดี้ยม หรอกครับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่! ที่ผมตอบพรรคพวกไปว่า แมนฯ ยูฯ ยังมีโอกาส เนื่องจากว่าพวกเขา จะบุกไปเอาชนะเหนือทีม "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ด้วยสกอร์ถล่มทลายเกินกว่า 10 ประตู จนมีประตูได้-เสียสะสม แซงหน้า แมนฯ ซิตี้ จนได้ ใครจะบอกว่า ผม "ฝัน" ไปหรือเปล่าก็ช่างเถอะ แต่ที่ผมคิด และมักจะตอบออกไปเช่นนี้ เพราะผมเชื่อว่า ในนัดสุดท้ายของบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้นั้น ทุก ๆ ทีม ล้วนแล้วแต่จะต้อง "พึ่งตัวเอง" แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นหากอยากจะไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเอง ทีมเรือใบสีฟ้า ของโรแบร์โต้ มันชินี่ ก็จะต้องคว้าชัยเหนือควีนส์ปาร์คให้ได้ และควรจะยิงประตูตุนเอาไว้สักหน่อย เพื่อเดินหน้าไปสู่แชมป์แบบสบายใจหายห่วง ไม่ต้องไปสนใจว่า คู่แข่งร่วมเมืองจะยิงซันเดอร์แลนด์มากมายแค่ไหน ทีมปิศาจแดง ของท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็จะต้องบุกไปเอาชัยแบบฟ้าถล่มดินทลายเหนือ ซันเดอร์แลนด์ ให้ได้ เพื่อไล่แซงหน้าทีมคู่แข่งรวมเมืองได้อย่างที่หวัง เพื่อเป็นแชมป์สมัยที่ 20 ทีมปืนใหญ่ ของอาร์แซน เวนเกอร์ ก็จะต้องบุกไปคว้าชัยเหนือ เวสต์บรอมวิช ที่ฮอว์ธอร์น ให้ได้ เพื่ออันดับที่ 3 แน่ ๆ แบบไม่ต้องไปสนผลงานของคู่แข่งในนัดสุดท้าย เรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ทีมไก่เดือยทอง ของแฮร์รี่ เรดแนปป์ ก็ต้องเอาชัยในลอนดอนดาร์บี้เหนือ ฟูแล่ม ให้ได้ก่อน เพื่อให้ได้อย่างน้อยอันดับ 4 แล้วก็แช่ง อาร์เซนอล ให้ไม่ชนะในนัดสุดท้าย เพื่อเป็นที่ 3 หรือถ้าแช่งไม่สำเร็จ ก็ยังได้ไปแช่ง เชลซี ให้แพ้ บาเยิร์น มิวนิค ในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทีมดังแห่งลอนดอนตอนเหนือ จึงจะได้สิทธิไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป ทีมนกสาลิกาดง ของอลัน พาร์ดิว ก็ต้องบุกไปชนะเอฟเวอร์ตัน ให้ได้ก่อน แล้วแช่งให้ทั้งอาร์เซนอล และ สเปอร์ส แพ้ทั้งคู่ หรือไม่ก็ให้ อาร์เซฯ แพ้, สเปอร์ส เสมอ ทีมยักษ์ใหญ่จากภาคอีสาน ก็จะได้สิทธิไปเล่นบอลแชมเปี้ยนส์ลีกในฐานะอันดับ 3 หรือถ้าได้ที่ 4 ก็ค่อยไปแช่งเชลซี อีกที ในขณะที่เป้าหมายของทีมทหารเสือราชินี ของมาร์ค ฮิวจ์ส ต้องบุกไปคว้าอย่างน้อย 1 แต้มจากถิ่นเอติฮัต สเตเดี้ยม พวกเขาก็จะอยู่รอดปลอดภัย ส่วน โบลตัน ของโอเว่น คอยล์ ก็ต้องบุกไปชนะสโต๊ค แล้วเชียร์ให้ แมนฯ ซิตี้ มีชัยเหนือ ควีนส์ปาร์ค พวกเขาก็จะได้อยู่ต่อ เรียกว่า แต่ละทีม ต่างก็มีภารกิจของตัวเองที่จะต้องกระทำให้แล้วเสร็จ เพียงแต่ว่า ภารกิจของบางทีม (แมนฯ ซิตี้ , อาร์เซนอล , สเปอร์ส , โบลตัน) ดูไม่ยากเกินไปกว่าที่พวกเขาจะกระทำ แต่สำหรับบางทีม (แมนฯ ยูฯ, นิวคาสเซิล, ควีนส์ปาร์ค) ภารกิจในนัดสุดท้าย มันยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่าหนัง "มิสชั่น อิมพอสซิเบิล" แค่นั้นเองครับ ทว่า! สุดท้ายแล้ว ใครจะสมหวัง หรือผิดหวัง ไม่เกิน 5 ทุ่มของวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคมนี้ ได้รู้กัน แหล่งข่าว : http://sport.sanook.com จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:25:13

ความคิดเห็นที่ 25 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำใจยอมรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงไม่ปล่อยให้แชมป์ พรีเมียร์ลีก หลุดมือแน่ แต่ยังภาวนาลึกๆ ให้ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส บุกไปสร้างปาฎิหาริย์ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ได้สำเร็จในวันอาทิตย์นี้       เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมือง จะทำแชมป์ พรีเมียร์ลีก หลุดมือในฤดูกาลนี้ และ "เรือใบสีฟ้า" คงจะผิดหวังอย่างหนักแน่ หากไม่ได้กลับมาเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 44 ปี ในวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคมนี้             ในเวลานี้ สองทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ มีคะแนนเท่ากัน แต่ "เรือใบสีฟ้า" มีผลต่างประตูได้-เสียที่ดีกว่าถึง 8 ลูก และเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลวันอาทิตย์นี้ ก็จะได้เปิดบ้านต้อนรับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ขณะที่ "ปีศาจแดง" ต้องบุกไปเยือน ซันเดอร์แลนด์             เฟอร์กูสัน กล่าวว่า "เราทำได้แค่ทำตัวเองให้ดีที่สุด และพยายามคว้าชัยชนะให้ได้ หวังว่า จะมีอะไรบ้าๆ เกิดขึ้นกับ ซิตี้ คุณคงคิดว่า ซิตี้ จะชนะเช่นเดียวกับพวกเรา แต่ ซิตี้ จำเป็นต้องชนะ มันเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับพวกเขา เนื่องจาก การแพ้ในเกมแบบนี้เป็นเรื่องไม่สามารถจะเชื่อได้ และจะมีผลกระทบต่อพวกเขาอย่างยิ่ง"             "นี่จะเป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาล มันเยี่ยมต่อผู้ชมที่เป็นกลาง และสื่อมวลชน แต่เป็นเรื่องเจ็บปวดต่อทั้งสองทีม แต่ ซิตี้ จะเจ็บปวดมากกว่าหากพวกเขาเสียมันไป ซิตี้ อยู่ในฟอร์มที่ดี และทำได้เยี่ยมในบ้าน แต่คุณไม่สามารถรู้อะไรที่แน่นอนได้หรอก คุณคงหวังว่า จะมีอะไรบ้าๆ บางอย่างเกิดขึ้น"             "ควีนส์ปาร์ค กำลังต่อสู้เพื่ออยู่รอดใน พรีเมียร์ลีก พวกเขาลงทุนไปจำนวนมาก แต่บางทีนักเตะส่วนใหญ่ของพวกเขาอาจต้องถูกขึ้นบัญชีขายหากพวกเขาต้องตกชั้น นักเตะหลายรายมีรายได้ของพวกเขาราวครึ่งหนึ่งของที่ผมเก็บหอมรอมริบมาได้" กุนซือชาวสกอตต์ กล่าวในที่สุด http://www.siamsport.co.th/football/premierleague/view.php?code=120511233232 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:26:28

ความคิดเห็นที่ 26 ตำแหน่งแชมป์จะทำให้แมน ซิตี้ฮึกเหิมจนยากจะหยุดได้(เริ่มจะกลัว ว่างั้น) ตำแหน่งแชมป์จะทำให้แมน ซิตี้ฮึกเหิมจนยากจะหยุดได้(เริ่มจะกลัว ว่างั้น) กุนซือรุ่นลายครามของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบอกว่า อริร่วมเมืองของเค้ายิ่งจะน่ากลัวมากขึ้นทุกที น่ากลัวมากยิ่งกว่า สมัยตอนที่มูรินโญ่ เข้ามาคุมเชลซีสมัยตอนรุ่งๆเสียอีก.เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นศัตรูตัวร้ายยิ่งกว่าเชลซีสมัยรุ่งเรื่องหลายเท่าตัว หรือนอกจากว่า โรแบร์โต้ มันชินี้ ไม่สามารถควบคุมลูกทีมของเค้าให้เล่นอย่างที่เค้าต้องการเท่านั้น หายนะถึงจะเข้ามาสู่ทีม เส้นทางการลุ้นแชมป์ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้เองก็คงสลายไปด้วยอย่างแน่นอน.ยูไนเต็ดเองก็อาจจะเป็นเพียงแค่ หมาล่าเนื้อเท่านั้น การลุ้นแชมป์อาจจะต้องวัดและลุ้นกัน ยันนาทีสุดท้าย เพราะว่าทั้งสองทีมต่างมีคะแนนเท่ากัน แต่ลูกประตูได้เสียเท่านั้น ที่จะเป็นข้อแตกต่าง และวัดแชมป์. ลูกทีมของมันชินี้มีประตูลูกได้เสียที่ดีกว่าทีมของเราเอามากๆ ลูกทีมของมันชินี้ คงพยายามเล่นกันจนสุดความสามารถกับ ควีน พาร์ค แรงเยอร์ อย่างแน่นอนและก็คงจะชนะไปในที่สุด เพื่อชัยชนะของพวกเค้าที่ห่างหายไปนานมากกว่า 40 กว่าปี.และสำหรับทีมของเค้าเอง คงจะต้องชนะ ซันเดอร์แลนด์สถานเดียวเท่านั้น เพื่อโอกาสลุ้นแชปม์ และก็ต้องลุ้นและอาศัยฝีมือของ มาร์ค ฮิวส์กุนซือ ศิษย์เก่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการแมน ซิตี้อีกแรงด้วยเหมือนกัน แล้วโอกาสลุ้นแชมป์ของยูไนเต็ดจะกลับมาเต็มๆอีกครั้ง(นั้นคือตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ ลีคของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)แต่โอกาสของทั้งสองทีมก็ยังเปิดกว้างอยู่เสมอ อะไรก็เกิดขึ้นได้ในการแข่งขัน มักจะอยู่เหนือการคาดหมายเสมอมา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเองเป็นคนใจกว้างพร้อมพูดกล่าวชมผู้จัดการชาวอิตาลีว่าเป็นยอดโค็ชมากความสามารถ. แต่ในฤดูกาลหน้า ผมจะกลับมาล่าแชมป์อันดับที่ 20 ของผมต่อไป.เมื่อก่อนพวกเราเคยต่อสู้กันกับมูรินโญ่ ผู้เก่งกาจมากความสามารถ. เค้าทำทีมได้เก่งมาก.คุณรู้ว่าคุณกำลังแข่งขันกับผู้จัดการที่ชาญฉลาดมาก.คุณไม่ได้ต่อสู้กับทีมที่พลังทางด้านการเงินมากเพียงอย่างเดียว แต่คุณ กำลังต่อสู้กับทีมที่เต็มไปด้วยตัวนักเตะระดับดาวดังมากมาก.ใครก็ยากที่จะเอาชนะทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ ทีมที่มีคุณภาพ ,และฉลาดในการเล่น มีลักษณะใกล้เคียงกับเชลซีในขณะนั้นมากเหลือเกิน.เหล่านักเตะของพวกเค้ามีฤดูกาลที่ดีเอามากๆ.เมื่อพวกเค้าได้ถ้วยแชมป์ไปครอบ ซึ่งก็แน่นอน ละว่าปีที่จะถึง พวกเค้าก็ต้องซื้อนักเตะอย่างน้อยก็ 5-6 คนเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมอีก.เป็นอีกปีหนึ่งที่ซิตี้มีครบจริง ตัวผุู้เล่นที่ดี ผู้จัดการที่ยอดเยี่ยม.สำหรับความท้าทายในฤดูกาลหน้านั้น เฟอร์กูสัน ยังบอกว่า.เราต้องทำอะไรสักอย่าง และนั้นมันก็เป็นส่ิงเดียวที่พวกเรา ทำได้.เราจะต้องตอบสนองความท้าทายของเราเอง และเราก็จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ. ในสถานการณ์ที่เราอยู่ในขณะนี้ก็ดูเหมือนว่าเรากำลังจะไม่ได้อะไรติดมือออกไปจากในฤดูกาลนี้แน่แล้ว.ผู้เล่นส่วนใหญ่ของเราทีมีอยู่ ล้วนแต่เป็นผู้ เล่นดาวรุ่งทั้งนั้น.เราจะยังคงไม่มองหาตัวผู้เล่นอื่นๆ.มันยังไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรมากนัก สำหรับผู้เล่นดาวรุ่งที่เรามีอยู่ในทีม. ในหลาย ๆ วิธี ที่มันเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้เล่นดาวรุ่งของเรา. มันเป็นความท้าทายเป็นอย่างมาก. เห็นได้ชัดกับพวกเขาตอนนี้ถ้าเราสูญเสียแชมป์ไป เหมือนเมื่อครั้งเชลซีที่ได้แชมป์สองครั้งติดๆกัน. พวกเราก็ยังกลับมาแย่งแชมป์จากเชลซีได้อีก.เราจะจัดการกับมันให้ดีที่สุด. และเราก็หวังว่า พวกเราจะสามารถทำมันให้ได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันกล่าวปิดท้ายในที่สุด credit  http://www.bluemoon-mcfc.in.th จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:27:09

ความคิดเห็นที่ 27 ฮึดสู้หนีตกชั้น ท่องยุทธจักร ลูกหนังโลก : ฮึดสู้หนีตกชั้น : ลุงหวานเย็น        ผ่านพ้นไปแล้วครึ่งทางสำหรับ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาลนี้ หลังเดินทางเข้าสู่เกมนัดที่ 20 ซึ่งเป็นเหมือนการเริ่มต้นช่วงฤดูกาลหลังที่เหลือนั่นเอง แม้สถานการณ์ลุ้นแชมป์บนหัวตารางคะแนนจะยังคงเป็นเรื่องของ 2 คู่ปรับร่วมเมืองแมนเชสเตอร์อย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ กับ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังขับเคี่ยวกันได้สนุก โดยมี 3 ยักษ์ใหญ่จากกรุงลอนดอนอย่าง สเปอร์ส, อาร์เซนอล และเชลซี คอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ แต่เรื่องของการดิ้นรน "หนีตกชั้น" ในโซนด้านล่างก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน        เพราะบรรดาทีมลูกหนังในกลุ่มครึ่งล่างของตารางต่างเริ่มลุกขึ้นมาต่อสู้กับสถานการณ์ที่มีผลต่อความอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดเมืองผู้ดีบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ฟูแล่ม, ซันเดอร์แลนด์, สวอนซี, ควีนส์ปาร์ค และวูล์ฟแฮมป์ตัน แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเป็นเพียงแค่ "สมันน้อย" หรือทีมแจกแต้มที่พร้อมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้ทีมคู่แข่งได้แบบง่ายดายเหลือเกิน ทว่าบรรดาทีมรองบ่อนเหล่านี้กลับเริ่มฮึดสู้พร้อมกับแปลงร่างกลายเป็น "หมูเขี้ยวตัน" ที่พร้อมเอาชนะทุกทีมได้ทุกเมื่อ เพื่อหวังเก็บชัยโกยคะแนนเอาไว้ช่วยต่อลมหายใจนั่นเอง          โดยเฉพาะ วีแกน และ แบล็คเบิร์น ที่โชว์ฟอร์มในช่วงหลังได้ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา เริ่มจาก "ลาติกส์" ที่สามารถแบ่งแต้มจาก 3 ทีมแกร่งอย่าง เชลซี, ลิเวอร์พูล และสโต๊ค ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ได้แบบน่าประทับใจ ส่วน "กุหลาบไฟ" ไม่ยอมน้อยหน้า ดูได้จากผลงานในช่วงหลังที่บุกไปเสมอ ลิเวอร์พูล ได้แบบเกินคาด ก่อนที่จะบุกไปเก็บชัยชนะเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแบบไม่น่าเชื่อ        แม้อันดับของทั้ง 2 ทีมดังกล่าวจะยังคงจมปลักอยู่ในโซนท้ายตารางเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่า หากใครต้องเผชิญหน้ากับพวกที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นก็ขอให้ระวังตัวเอาไว้ได้เลย เพราะมีสิทธิโดนทีมเหล่านี้ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้ได้เหมือนกัน แต่อาจยกเว้น โบลตัน ที่ยังไม่ยอมฟื้นเสียที เพราะยังคงจมปลักอยู่ในโซนท้ายตารางเหมือนเดิม        ไม่แน่เหมือนกันว่า บรรดาทีมลูกหนังในโซนท้ายตารางที่ถูกปรามาสให้ต้องกระเด็นตกชั้นอาจรอดพ้นจากชะตากรรมดังกล่าวก็เป็นได้ หากฮึดสู้ด้วยการงัดฟอร์มเก่งออกมาโชว์ในช่วงที่เหลือต่อจากนี้ได้เหมือนอย่างการลงเล่นเกมรอบชิงชนะเลิศในศึกฟุตบอลถ้วยรายการต่างๆ แบบทุกนัด แม้จะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากก็ตาม ---------- ท่องยุทธจักร ลูกหนังโลก : ฮึดสู้หนีตกชั้น : ลุงหวานเ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:28:02

ความคิดเห็นที่ 28 10 อันดับประตูสุดสวยของ"เดลี่ เมล์"มีดังนี้!    อันดับ 1. ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ่ (กองหน้า-นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด) กับลูกยิงประตู"สิงห์บลูส์"เชลซี และช่วยให้"สาลิกาดง"บุกมาเอาชนะคารังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปด้วยสกอร์ 2-0 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา!    อันดับ 2. หลุยส์ ซัวเรซ (กองหน้า-ลิเวอร์พูล) กับการยิงประตู นอริช ซิตี้ เมื่อวันที่ 28 เดือนเมษายนที่แล้ว โดยเป็นลูกยิงไกลกว่าครึ่งสนามหลังนายประตู"นกขมิ้นเหลืองอ่อน"ออกมายืนห่างประตู และเกมนัดนี้ ซัวเรซ ก็ยิงแฮตทริกแรกให้กับ"หงส์แดง"ได้ด้วย    อันดับ 3. ปีเตอร์ เคร้าซ์ (กองหน้า-สโต๊ค ซิตี้) กับลูกยิงประตู"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันที่ 24 เดือนมีนาคม ปี 2012 ซึ่งได้ตะวัดยิงเร็วลูกย้อยหมดสิทธิ์ที่ โจ ฮาร์ท จะบินเซฟได้    อันดับ 4. ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา (ปีก/เพลย์เมกเกอร์-นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด) กับการเลี้ยงกระชากบอลตั้งแต่ครึ่งสนามก่อนจบด้วยการส่งบอลไปนอนที่ก้นตาข่ายทีมเยือนโบลตัน วันเดอร์เรอร์ส เมื่อวันที่ 9 เดือนมีนาคมที่แล้ว    อันดับ 5. เซบาสเตียน โคอาเตส (กองหลัง-ลิเวอร์พูล) กับการขึ้นจักรยานอากาศในกรอบเขตโทษยิงประตู"ทหารเสือราชินี"ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ในวันที่ 21 เดือนมีนาคม 2012 และเป็นประตูขึ้นนำคิวพีอาร์ เจ้าถิ่น 2-0 ก่อนลงเอยด้วยผลเสมอกัน 2-2    อันดับ 6. โรบิน ฟาน เพอร์ซี (กองหน้า-อาร์เซน่อล) กับลูกยิงตามน้ำไชนิดไม่ต้องจับ ส่งบอลเข้าเสาไกล ในเกมเปิดสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เอาชนะ"ทอฟฟี่สีน้ำเงิน"เอฟเวอร์ตัน ไปหวุดหวิด 1-0 เมื่อวันที่ 10 เดือนธันวาคมปีที่แล้ว    อันดับ 7. แกเร็ธ เบล (ปีก-ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์) กับการยิงปั่นโค้งหนีมือ โจ ฮาร์ท ผู้รักษาประตู"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และกลายเป็นประตูที่ช่วยให้ สเปอร์ส บุกมาไล่ตีเสมอเป็น 2 ประตูต่อ 2 เมื่อวันที่ 22 เดือนมกราคม ปี 2012    อันดับ 8. ไบรอัน รูอิส (กองหน้า-ฟูแล่ม) กับลูกยิงประตูนัดที่"เจ้าสัวน้อย"เปิดบ้าน ต้อนรับ"ทอฟฟี่สีน้ำเงิน"เอฟเวอร์ตัน และเป็นการยิงประตูสุดสวยของ รูอิส หัวหอกวัย 24 ปีเลือดคอสตาริก้า โดยเกืดขึ้นในวันที่ 23 เดือนตุลาคมปี 2011    อันดับ 9. เคร็ก การ์ดเนอร์ (กองกลาง-ซันเดอร์แลนด์) กับลูกยิงฟรีคิกแถวหน้าปากประตูทีมเจ้าถิ่น วีแกน แอธเลติก โดยเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ซึ่งทดเจ็บถึง 5 นาที เมื่อวันที่ 3 เดือนมกราคมปี 2012    อันดับ 10. เซร์คิโอ อเกวโร่ (กองหน้า-แมนเชสเตอร์ ซิตี้) ในเกมที่บุกไปถล่ม"นกขมิ้นเหลืองอ่อน"นอริช ซิตี้ ยับเยิน 6-1 และเป็นการประสานงานระหว่าง คาร์ลอส เตเบซ และ อเกวโร่ สองแข้งเพื่อนร่วมทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งเกมนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 เดือนเมษายนที่ผ่านมา! http://www.rakball.net/overview.php?c=3&id=54161 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:28:54

ความคิดเห็นที่ 29 10 เกมสุดมันส์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2011-12 ตื่นเต้นระทึกใจจริงๆ เมื่อศึกฟุตบอลพรีเมียร์ อังกฤษ ลีกยอดนิยมของชาว Sport.Mthai โม้แข้งมาถึงนัดสุดท้ายแล้ว ซึ่ง 37 เกมที่ผ่านมานั้น ติช เต ฉ่อ บอกได้เลยว่า พรีเมียร์ ลีก ปีนี้เป็นอีกปีที่สนุกตั้งแต่เริ่มเปิดฤดูกาลมีเกมที่ตื่นเต้นระทึกใจมากมาย แถมแต่ละเกมนั้นก็ยิงกันมโหฬารบานตะไท และผมก็คัดมาแล้วเน้นๆ 10 เกมไล่ตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมา ซึ่ง 10 เกมนี้จะมีคู่ไหนบ้าง แล้วจะมันส์ระทึกใจแค่ไหนไปดูกันเลยครับ 1. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 8-2 อาร์เซน่อล (28 สิงหาคม 2011) 2.แบล็กเบิร์น 4-3 อาร์เซน่อล (17 กันยายน 2011) 3. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-6 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (23 ตุลาคม 2011) 4. เชลซี 3-5 อาร์เซน่อล (29 ตุลาคม 2011) 5. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-3 แบล็กเบิร์น (31 ธันวาคม 2011) 6. เชลซี 3-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (5 กุมภาพันธ์ 2012) 7. วูล์ฟ 1-5 เวสต์บรอมฯ (12 กุมภาพันธ์ 2012) 8. อาร์เซน่อล 5-2 สเปอร์ส (26 กุมภาพันธ์ 2012) 9. แบล็คเบิร์น 2-3 ลิเวอร์พูล (10 เมษายน 2012) 10. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-4 เอฟเวอร์ตัน (22 เมษายน 2012)  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-4 เอฟเวอร์ตัน (22 เมษายน 2012) เกมที่ 10 นี่แหละ ทำให้ เรือได้กลับมาลุ้นนนนนน ขอบคุณ  ทอฟฟี่สีน้ำเงิน.. จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:29:52

ความคิดเห็นที่ 30 สถิติการยิงประตูของผู้เล่น"สำคัญ"ตั้งแต่เข้ามาในสโมสร Defender 1. Micah Richards ทำไปแล้ว 7 ประตู ใบเหลือง 18 ใบ  ไม่เคยโดนใบแดง 2. Vincent Kompany ทำไปแล้ว 7 ประตู  ใบเหลือง 22 ใบ ใบแดง 1 ใบ 3. Pablo Zabaleta ทำไปแล้ว 3 ประตู   ใบเหลือง 25 ใบ ใบแดง 3 ใบ 4. Joleon Lescott ทำไปแล้ว 7 ประตู  ใบเหลือง 3 ใบ ไม่เคยโดนใบแดง 5.Gael Clichy ไม่เคยทำประตู  ใบเหลือง  2  ใบ  ใบแดง 1 ใบ Midfielder 1. James Milner ทำไปแล้ว 3 ประตู  ใบเหลือง 7 ใบ  ไม่มีใบแดง 2. Adam Johnson ทำไปแล้ว 11 ประตู  ใบเหลือง 4 ใบ  ไม่มีใบแดง 3.Gareth Barry ทำไปแล้ว 5 ประตู  ใบเหลือง 21 ใบ  ใบแดง 1 ใบ 4.Samir Nasri ทำไปแล้ว 5 ประตู  ใบเหลือง 2 ใบ  ไม่มีใบแดง 5. David Silva ทำไปแล้ว 10 ประตู  ใบเหลือง 2 ใบ  ไม่มีใบแดง 6.Gnegneri Toure Yaya ทำไปแล้ว 12 ประตู  ใบเหลือง 11 ใบ  ไม่มีใบแดง Forward 1.Edin Dzeko ทำไปแล้ว 15 ประตู  ใบเหลือง 1 ใบ  ไม่มีใบแดง 2. Sergio Aguero ทำไปแล้ว 22 ประตู  ใบเหลือง 1 ใบ  ไม่มีใบแดง 3.Carlos Tevez ทำไปแล้ว 48 ประตู  ใบเหลือง 13 ใบ  ไม่มีใบแดง 4.Mario Balotelli ทำไปแล้ว 19 ประตู  ใบเหลือง 12 ใบ  ใบแดง 3 ใบ http://mcfc.in.th/forum/topics/932109:Topic:771572 http://mcfc.in.th/forum/topics/932109:Topic:771572 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:30:56

ความคิดเห็นที่ 31 อีกนัดเดียว!เลสคอตต์สุดทึ่งเรือจ่อสอยแชมป์ลีก โจลีออน เลสคอตต์ปราการหลังเลือดผู้ดีของ"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้รับสุดทึ่งกับผลงานของทีมที่จ่อเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีกในฤดูกาลนี้เต็มทน ซิตี้เคยตามหลังยูไนเต็ดถึง 8 คะแนนทว่าปัจจุบันพวกเขารั้งจ่าฝูงด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่าในขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียงนัดเดียวเท่านั้น "คุณฝันถึงสิ่งเหล่านี้ ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน แน่นอน ผมอยากได้แชมป์พรีเมียร์ ลีกแต่มันอยู่ในหัวของผมมาตลอด"เลสคอตต์กล่าว "มันจะเป็นวันที่บ้ามากๆหากเราคว้าแชมป์ได้ เราใกล้จะได้มันแล้ว มันไม่น่าเชื่อเลย" "มันหลุดมือเราไปแล้ว เราไม่ได้เชื่อในมันมากกว่าความหวังแต่มันก็อยู่ในเคสที่ว่าหากพวกเขาพลาด เราก็ต้องฉกฉวยผลประโยชน์เอาไว้" "มันคงจะเป็นเรื่องบ้าหากยอมแพ้หลังเกมกับอาร์เซน่อล" "นั่นจะเป็นเรื่องที่งี่เง่ามากๆ มันไม่มีทางที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น" "ไม่มีคำอื่นสำหรับมันเลย มันจะเป็นเรื่องที่โง่มากๆ" "ในระดับนี้ของอาชีพของเรา เราจะต้องไม่ยอมแพ้เมื่อเราเข้าใกล้แชมป์เหมือนเช่นตอนนี้" "นักเตะที่ผมเล่นด้วยมีทัศนคติของการไม่ยอมแพ้และมันก็อยู่ที่นั่นอย่างที่ทุกคนได้เห็น" แหล่งข่าว : soccersuck.com ได้เลยน้อง เดี๋ยว  เพ่ จัด ห้ายยยยยยยยยย จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:33:53

ความคิดเห็นที่ 32 'แค่องศาเล็กๆ'ผีแชมป์หรือชวด!? แค่องศาเล็ก ๆ : คอลัมน์ ท่องยุทธจักร ลูกหนังโลก : โดย ... เอก แฟนพันธ์แท้       ยาย่า ตูเร่ ทำให้บรรดากองแช่งฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด นั่งเซ็งกันเป็นแถบๆ 2 ประตู แบบเนียนๆ กองกลางระดับโลกชาวไอเวอรีโคสต์คนนี้คนเดียวแท้ๆ ที่ยับยั้งความหวังของบรรดา "เรดอาร์มี" ที่ยังพอมีให้กลายเป็นหวังลมๆ แล้งๆ       ความเด็ดขาดของกองกลางระดับโลกที่ ยายา ตูเร่ แสดงให้เห็น นั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ทำไมกลุ่มทุนอาหรับถึงได้ยอมประเคนค่าจ้างที่แพงระยับสูงถึง 3 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ก่อนที่จะประคองตัวจาก บาร์เซโลนา มาอยู่ที่ถิ่นอีสต์แลนด์       นิสัย คนเอเชีย มีความใจถึงมากกว่าที่ชาวอเมริกัน หรือชาวยุโรป มีอยู่แล้ว ยิ่งอังกฤษเองแท้ๆ ไม่ต้องพูดถึง เหนียวหนืดเป็น "ตังเม" จะมีก็แต่ แจ็ค วอล์คเกอร์ อดีตประธานผู้ล่วงลับของ "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น เท่านั้นที่มีคราบของความเป็น "เจ้าบุญทุ่ม" กับเกมฟุตบอล       นอกนั้นหากทุ่มแบบไม่สุด ก็อย่าหวังว่าจะสร้างความสำเร็จในยุคที่ฟุตบอลต้องมีคำว่า "เงิน" และ "ธุรกิจ" นำหน้าเหมือนอย่างในตอนนี้       มิเชล พลาตินี บอสใหญ่ ยูฟ่า กำชับหนักหนา เรื่องความเหลื่อมล้ำของการใช้เงินสร้างทีมจะขู่จะฮึ่มอย่างไรก็ช่าง เพราะตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ กำลังจะเก็บดอกออกผลจากทีมที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมาแค่ไม่กี่ปี       ส่วนเด็กผีที่กำลังตีอกชกตัวพาลประชดไปว่า ให้ผีไม่ได้แชมป์อย่างนี้ดีแล้ว เพราะ "เฟอร์กี้" หลงตัวเองอย่างนี้แบบไม่เสริมทีม ถ้าไม่ได้แชมป์อย่างนี้ ปีหน้า ก็จะได้ซื้อเสียบ้าง       แต่ลืมอะไรกันไปหรือเปล่า เพราะเมื่อต้นฤดูกาล "ปีศาจแดง" คว้านักเตะเข้ามาในทีมด้วยงบประมาณที่ไม่น้อยเลยนะครับ       ดาวิด เด เกีย, แอชลีย์ ยัง และ ฟิล โจนส์ 3 คนนี้ซัดไป 60 กว่าล้านปอนด์แล้วนะครับ นี่ยังไม่รวมพวกที่กลับมาจากการยืมตัวอย่าง แดนนี เวลเบ็ค กับ ทอม เคลเวอร์ลีย์ อีกสองคน หากนับเป็นการซื้อตัวรวมกันก็คงไม่ต่ำกว่า 30 ล้านปอนด์       นับเล่นๆ นี่ก็เกือบ 100 ล้านปอนด์ แล้วอย่างนี้บอกยังไม่เสริมทีมหรือครับ       ความสำเร็จ กับ ความล้มเหลว เส้นบางๆ ที่ทำให้ "เรดอาร์มี" บางคนเดือดดาล ลองย้อนกลับไปดูอีกสักครั้ง หาใช่ทีมดีไม่พอก็ไม่ใช่ครับ       ความผิดพลาดรายละเอียดเล็กน้อย ในเกมสำคัญแค่เกมเดียวต่างหากที่ทำให้คำว่า สำเร็จ กับ ล้มเหลว ถูกยกขึ้นมาเป็นภาพใหญ่       เกมกับ เอฟเวอร์ตัน ในขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด นำ 4-2 หาก นานี บิดคออีกองศาเล็กๆ แทนที่บอลจะชนเสาแล้วเด้งออกก็อาจเข้าประตูไปเป็น 5-2 ถึงวันนี้แล้ว แฟนผีอาจไม่บอกว่า "เฟอร์กี้" หลงตัวเองไม่เสริมทีมก็ได้ครับ       ... สำเร็จ กับ ล้มเหลว มันต่างกันแค่ องศาเล็กๆ องศาเดียวจริงๆ ครับ ! -ขอขอบคุณ  : คอลัมน์ ท่องยุทธจักร ลูกหนังโลก : โดย ... เอก แฟนพันธ์แท้ -ขอขอบคุณ  : คอลัมน์ ท่องยุทธจักร ลูกหนังโลก : โดย ... เอก แฟนพันธ์แท้ -ขอขอบคุณ  : คอลัมน์ ท่องยุทธจักร ลูกหนังโลก : โดย ... เอก แฟนพันธ์แท้  ปล.เป็นคอลั่มน์ ที่มี ทั้งเหตุ และผล เขียนออกมาตรงๆ สุดยอดมากครับ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:36:45

ความคิดเห็นที่ 33 44 ปี " ที่ยาวนาน " ***********เป็นแชมป์ลีกสูงสุด 2 สมัย ในปี พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) ***********และ พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) *********** แชมป์เอฟเอคัพ 4 สมัย ***********แชมป์ลีกคัพ 2 สมัย *********** และ เป็นแชมป์ ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ อีก 1 สมัย จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:37:58

ความคิดเห็นที่ 34 * จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:38:25

ความคิดเห็นที่ 35 o นับถอยหลัง เหลืออีก 30 ชั่วโมง or 1800 นาที  o นับถอยหลัง เหลืออีก 30 ชั่วโมง or 1800 นาที o นับถอยหลัง เหลืออีก 30 ชั่วโมง or 1800 นาที  o นับถอยหลัง เหลืออีก 30 ชั่วโมง or 1800 นาที o นับถอยหลัง เหลืออีก 30 ชั่วโมง or 1800 นาที  o นับถอยหลัง เหลืออีก 30 ชั่วโมง or 1800 นาที จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:49:38

ความคิดเห็นที่ 36 และเรา.มาปิดซอย ล้างถ้วยยยยยยยยยยยยยยยยย...ล้างชามมมมมมมมมมม จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:53:09

ความคิดเห็นที่ 37 * จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:53:36

ความคิดเห็นที่ 39 * จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:54:57

ความคิดเห็นที่ 41 * จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:56:01

ความคิดเห็นที่ 43 * จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:56:44

ความคิดเห็นที่ 45 * จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:57:38

ความคิดเห็นที่ 46 ที่พึ่งสุดท้าย? เฟอร์กี้ ภาวนาขอให้ เรือ พลาดเองนัดสุดท้าย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” สวดขอพรและการภาวนากลายเป็นที่พึ่งสุดท้าย สำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปซะแล้ว ที่ออกมาแช่งขอให้อิรร่วมเมือง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นกันผิดพลาดจนพลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ในนัดสุดท้าย โดย ณ ตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ และ แมนฯ ยูฯ มี 86 แต้มเท่ากัน แต่ แมนฯ ซิตี้ กุมความได้เปรียบมีประตูได้เสียมากกว่าถึง 8 ประตู ทำให้โอกาสที่ แมนฯ ซิตี้ จะคว้าแชมป์มีมากกว่า แถมในโปรแกรมนัดสุดท้าย แมนฯ ยูฯ จะต้องลุ้นหนักกว่า เพราะลูกทีมของ โรแบร์โต้ แมนชินี่ จะได้เฝ้ารังเจอกับทีมท้ายตารางอย่าง ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส แต่ทางด้าน เฟอร์กี้ ก็หวังว่าจะเห็นคู่แข่งสะดุดขาตัวเองพลาดแชมป์ “อันดับแรกเราต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่งพวกเรารู้ดีว่า ซิตี้ แข็งแกร่งมากเมื่อได้เล่นในเอติฮัด สเตเดี้ยม และผมคงได้แค่ภาวนาว่า ซิตี้ จะกดดันตัวเองเรื่อง 3 คะแนน จนทำผิดพลาดและพลาดการคว้า 3 แต้ม” เฟอร์กูสัน กล่าว แหล่งข่าว : Mthai จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 19:52:05

ความคิดเห็นที่ 47 ซันเดอร์แลนด์ VS แมนฯยูฯ "เรือหรือผี...ใครแชมป์"     สัปดาห์ของการตัดสินเดินทางมาถึงแล้ว... แมนฯซิตี้หรือแมนฯยูฯ คือแชมป์พรีเมียร์ลีก... อาร์เซนอล, สเปอร์สและนิวคาสเซิล ใครจะได้อันดับ 3-4 อีกหนึ่งทีมที่จะตกชั้นตามแบลคเบิร์นและวูล์ฟคือทีมไหนระหว่าง ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์สหรือว่า โบลตัน กันแน่ ...ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมกันเวลา 21.00 น. วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค. ทิ้งท้วนส่งท้ายพรีเมียร์ลีกซีซั่นที่ 20 (2011-12) กับบทวิพากษ์พรีเมียร์ลีก สถานะการณ์ลุ้นแชมป์ แมนฯซิตี้ VS แมนฯยูฯ ** แมนฯซิตี้ กับ แมนฯยูฯ แต้มเท่ากันแต่ผลต่างประตูได้เสีย แมนฯซิตี้มากกว่าแมนฯยูฯ +8   นัดสุดท้าย ถ้าแมนฯซิตี้ชนะ อย่างน้อยแมนฯยูฯ ต้องยิงซันเดอร์แลนด์ 10 -0 จึงจะมีผลต่างประตูได้เสียที่มากกว่า (กรณีอย่างน้อยที่สุดคือแมนฯซิตี้ชนะ 1-0) ** ตามกฏพรีเมียร์ลีกกรณีประตูได้เสียเท่ากัน นับประตูได้ ถ้าประตูได้เท่ากันอีก....เตะเพลย์ออฟ ตัดสินสนามเป็นกลาง กลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก ** อาร์เซนอล 67, สเปอร์ส 66 นิวคาสเซิล 65 สามทีมนี้จะมี 1 ทีมได้อันดับ 5 และอาจได้โควต้าไปเตะยูโรปา ลีก ส่วนอันดับ 4 นั้นต้องรอลุ้นวันที่ 19 พ.ค. หากเชลซีแชมป์ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก อันดับ 4  ไปเตะยูโรปาลีก ด้วยความโชคร้ายทันที ** อาร์เซนอล อันดับ 3 ผลต่าง +24 สเปอร์ส +23 ส่วนนิวคาสเซิล +7 ถือว่าเสียเปรียบสุดแต่ถ้าพวกเขาชนะต้องลุ้นให้อาร์เซนอลหรือสเปอร์สไม่ชนะทั้งคู่จึงจะมีโอกาสเข้าไปพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่มตกชั้น ** วูล์ฟ, แบลคเบิร์น ตกชั้นไปก่อนหน้านั้นแล้วเหลืออีก 1 ทีมดูจากตารางคะแนน ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ยังต้องลุ้นกับโบลตัน ซึ่ง คิวพีอาร์มี 37 แต้ม โบลตันมี 35 ถ้าผลออกมาตรงกันข้ามกันคือทีมหนึ่งทีมใดชนะอีกทีมหนึ่งแพ้ ผู้แพ้ตกชั้น ** คิวพีอาร์โชคร้ายต้องไปเยือนแมนฯซิตี ทีมที่ลุ้นแชมป์ ขณะที่โบลตันมีโอกาสอยู่รอดได้ หากลุ้นผลแมนฯซิตี้ เพราะจะบุกเยือนสโตค ซิตี้ ** ส่วนแอสตัน วิลล่า อันดับ 16 แม้มี 38 แต้มแล้วหากแพ้นัดสุดท้ายแต่ผลต่างประตูได้เสียของพวกเขายังมากกว่าโบลตันถึง – 17 ลูก ไม่น่ามีปัญหาในเกมสุดท้าย ซันเดอร์แลนด์ เงื่อนไข : ก่อนแข่งอันดับ 11 ถ้าชนะแล้วจบอันดับ 10 ได้เงินรางวัลเข้าทีม 8.32 ล้านปอนด์(410 ล้านบาทโดยประมาณ) แต่ถ้าแพ้แมนฯยูฯ อาจตกไปอยู่อันดับ 14 จะได้เงินรางวัลลดลงเหลือ 5.3 ล้านปอนด์ หายไป 3 ล้านปอนด์หรือเงินหล่นหายไปถ้าแพ้ 150 ล้านบาท ฟอร์มและสถาพทีม – 10 นัดล่าสุดซันเดอร์แลนด์ชนะแค่ 1 โดยชนะควีนส์พาร์ค  โดย 8 นัดล่าสุดนั้นซันเดอร์แลนด์ไม่ชนะใครเลยอีกต่างหาก นี่จึงเป็นเกมที่พวกเขาต้องการทิ้งทวนและทำให้แมนฯยูไนเต็ดหมดลุ้นแชมป์ให้ได้โดยเฉพาะการเล่นส่งท้ายในบ้านตัวเอง ทีมของมาร์ติน โอนีลส์ ถือว่าพร้อมเตะกับแมนฯยูฯ พอสมควรแกนนำอย่าง ลี แคตเทิลโมล, เครก การ์ดเนอร์, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, คีแรน ริชาร์ดสันที่ปีนี้เล่นแต่แบกซ้ายก็น่าจะเจอกับทีมเก่าของเขาแน่นอน แมนฯยูฯ เงื่อนไข : คงต้องลุ้นผลที่เอติฮัด สเตเดี้ยมด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะชนะซันเดอร์แลนด์ได้ โดยทางปฏิบัติแล้วโอกาสจะลดผลต่างประตูได้เสียคงเป็นไปได้ยาก ฟอร์มและสถาพทีม – แมนฯยูฯ ฟอร์มหนืดไปหลังจากเสมอเอฟเวอร์ตัน 4-4 อย่างไม่น่าเชื่อตามด้วยแพ้แมนฯซิตี้ ทำให้พวกเขาไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนต้นซีซั่นเท่าที่ควรและนี่คือสิ่งที่กลายเป็นฟอร์มอันน่าวิตกกังวลสำหรับแฟนผีแดงไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว เรื่องสถาพทีมนั้นไม่น่ามีปัญหามากเท่ากับสถาพจิตใจของนักเตะผีแดงซึ่งดูเหมือนความมั่นใจถดถอยลงไปพอสมควร นักเตะกำลังหลักพร้อมลงสนามทุกคนตั้งแต่นายด่านสุดท้ายจนถึงกองหน้าอย่าง เวย์น รูนีย์ กลยุทธ์และผลที่คาด โอนีลส์ – น่าจะเล่นเกมรัดกุมและเน้นไม่แพ้ โดยปกติเจอทีมใหญ่มักจะตั้งรับรอสวนกลับ เกมนี้คงไม่แตกต่างจากที่ผ่านๆมา เชื่อว่า ซันเดอร์แลนด์เน้นผลมากจะรับเป็นหลักเพื่อเปิดโอกาสให้แมนฯยูฯ บุกเข้ามา เซอร์ อเล็กซ์ – บุกแหลก จัดทีมแบบ 4-3-3 เพื่อเน้นชนะไว้ก่อน เรื่องอีกสนามค่อยว่ากัน เกมนี้จัดทั้ง รูนีย์, นานี, วาเลนเซีย เผลอๆ มีเวลเบค อีกคนหนึ่งลงไปลุยซันเดอร์แลนด์ เป้าหมายคือบุกและครองบอลเพื่อยิงประตูชนะซันเดอร์แลนด์ให้ได้ ผลที่คาด – แมนฯยูฯ บุกชนะซันเดอร์แลนด์ 2-0 แมนฯซิตี้ VS คิวพีอาร์ แมนฯซิตี้ ; ฟอร์มและสถาพทีม – หลังจากลดช่องว่างจาก 8 เหลือ 3 และเท่ากันในวันชนะแมนฯยูฯ ทำให้สถาพความมั่นใจของนักเตะแมนฯซิตี้กลับคืนมาเยอะและพร้อมทำลายล้างทุกทีม เกมนี้ขอเพียงพวกเขาชนะก็น่าจะเพียงพอต่อการเป็นแชมป์แล้ว ตอนนี้นักเตะกำลังหลักของพวกเขาพร้อมลงสนามทุกคนตั้งแต่ เอล กุน อาเกรโร, คาร์ลอส เตเวส , ยายา ตูเร จนถึง โจ ฮาร์ท นายประตูจอมหนึบ คิวพีอาร์ ; ฟอร์มและสถาพทีม –  ช่วงหลังมีแต่ชนะและแพ้..หามุมเสมอได้ยากสำหรับคิวพีอาร์ แม้ว่าเกมล่าสุดชนะสโตค ซิตี้ แต่พวกเขาก็อยู่ในสถาพทีมเสี่ยงต่อการตกชั้นหากนัดนี้แพ้แมนฯซิตี้แล้วโบลตัน ชนะสโตค ซิตี้ อันดับ 17 ของพวกเขานั้นถือว่ายังไม่ปลอดถัย ส่วนชุดนักเตะนั้นไม่น่าเป็นปัญหามากนัก โจอี บาร์ตัน อดีตนักเตะเก่าแมนฯซิตี้ นำทีมลุย บอบ ซาโมรา คือกองหน้าตัวอันตรายที่แมนฯซิตี้ประมาทไม่ได้เช่นกัน กลยุทธ์และผลที่คาด มานชินี – วางระบบ 4-3-3 ลุยแหลก เอล กุน, เตเวส, นาสรี, ซิลบา ลงลุยเกมรุกโดยมี ยายา ตูเร, แบร์รี ประสานแดนกลาง นัดนี้เปิดฉากบุกและจะบีบให้คิวพีอาร์รับตรงกรอบโทษเพียงอย่างเดียว เชื่อว่าเรือใบจะบุกเข้าหาอย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียวเพื่อยิงประตูปลดลอคให้ได้เร็วที่สุด ฮิวจส์ – เล่นแบบ4-5-1 นี่ก็รับอย่างเดียวหวังแต้มสำคัญส่งท้ายและต้องเล่นเพื่อไม่แพ้ จะรับลึกในแดนตัวเองและหาจังหวะสวนกลับเข้าใส่ แมนฯซิตี้ ผลที่คาด – แมนฯซิตี้ ชนะ คิวพีอาร์ 2-0 คู่อื่นๆ สโตค-โบลตัน ; เจ้าถิ่นชนะ 1 จาก 11 เกมล่าสุดแต่สำหรับในบ้านของพวกเขาจัดว่ายังคงน่ากลัว ส่วนโบลตันต้องชนะจึงจะมีสิทธิ์อยู่รอดได้โดยต้องให้ คิวพีอาร์ แพ้ด้วย  ดูแล้วน่าจะออกเสมอ เวสต์บรอม-อาร์เซนอล ;  ทีมปืนใหญ่มี โรบิน ฟาน เปอร์ซีย์ เจ้าของสถิติ 30 ลูกใน 36 นัด น่าจะเป็นตัวพลิกเกมและทำให้ปืนชนะเกมนี้ได้ สเปอร์ส-ฟูแลม ; ดาร์บี้แมตช์ที่ไม่เข้มข้นในลอนดอน อยู่ที่เกมรับสเปอร์สนั้นพลาดง่ายๆและเสียประตูในบ้าน 4 จาก 5 ล่าสุดโดยตัวทีเด็ดของทีมเยือนคือ คลินต์ เดมพ์ซีย์ น่าจะทำให้เกมนี้เข้มข้นและตื่นเต้น..ดูแล้วน่าจะแบ่งแต้ม เอฟเวอร์ตัน-นิวคาสเซิล ; สูสีมาก แม้ว่าทีมเยือนมี ปาปิส ซิสเซ และ เดมบา บา ที่น่ากลัวกว่าเจ้าบ้าน แต่คู่นี้ออกเสมอบ่อย ให้ทีเด็ดพลังของทอฟฟีว่ามีโอกาสคว้าสามแต้มปิดท้ายซีซั่นได้ นอริช-วิลล่า ; เจ้าบ้านเล่นบอลสวยกว่าวิลล่า แต่ปัญหาคือหลังพลาดง่ายและกองหน้าไม่คม ส่วนวิลล่าเล่นแบบรอจังหวะ และมักทำเกมไม่เป็นรูปร่างมากเท่าไหร่ ให้เครดิต นอริชน่าคว้าสามแต้ม สวอนซี-ลิเวอร์พูล ; สวอนซี เล่นบอลได้แม่นและแน่นอนกว่าหงส์แดง แต่การยิงประตูทีมเยือนนั้นมีตัวทีเด็ดมากกว่า หากเลือกใช้ แอนดี้ แคร์โรลล์ , ซัวเรส ลงสนามพร้อมกันมีโอกาสปิดบัญชี เจ้าถิ่นได้ นัดนี้หงส์แดงชนะ วีแกน-วูล์ฟ ; วีแกนสุดยอดมากช่วงท้ายซีซั่นชนะทีมใหญ่มาจนรอดตกชั้น นัดนี้น่าจะฉลองซีซั่นด้วยการคว้าสามแต้มเอาใจแฟนบอล ดูแล้ววีแกนจะส่งวูล์ฟกับเดอะ แชมเปี้ยนชิพอย่างบอบช้ำ เชลซี-แบลคเบิร์น...เกมส่งท้ายสแตมฟอร์ด บริดจ์ จะมีสี่นักเตะที่ไม่ได้ลงนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นแกน เพื่อส่งแบลคเบิร์นตกชั้นอย่างสมบูรณ์ทุกขุมกำลังเชลซีตอนนี้เหนือกว่าแบลคเบิร์นมาก แม้ว่าอาจจะเล่นแบบไม่เน้นมากเหมือนนัดแพ้หงส์แดง แต่ศักยถาพยังเหนือกว่า น่าจะปิดซีซั่นด้วยการชนะในบ้านได้ค่อนข้างแน่นอน http://www.zeanstep.com/news.php?recordID=6422 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 19:57:52 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 19:57:28

ความคิดเห็นที่ 48 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันนายใหญ่โบราณวัตถุของ"ปีศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคาดว่า"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะเอาชนะได้ในเกมวันพรุ่งนี้ทว่าก็เชื่อว่าตราบใดที่พวกเขายังเป็นมนุษย์ อะไรก็เกิดขึ้นได้ คนส่วนใหญ่แทบจะยกแชมป์ให้ซิตี้ไปแล้วหลังได้เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของควีนปาร์ค เรนเจอร์สในนัดสุดท้ายและเฟอร์กูสันก็ยอมรับว่าอริร่วมเมืองมีโอกาสที่ดีในการคว้าชัยชนะแต่ในเมื่อยังมีความหวัง พวกเขาก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด "มันเป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาลที่ตื่นเต้นเร้าใจ"เฟอร์กูสันกล่าว "มันยอดเยี่ยมสำหรับคนที่เป็นกลางที่ได้ดูการดื้นรนของทั้งสองสโมสร" "ผมคาดว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้จะชนะแต่ตราบเท่าที่พวกเขายังคงเป็นมนุษย์ คุณไม่มีทางรู้ได้หรอก" "คุณก็ได้แต่หวังว่าเรื่องบ้าๆจะเกิดขึ้น" http://www.soccersuck.com/ss/ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 20:51:41

ความคิดเห็นที่ 49 ผียังอยู่!ป๋ากร้าวเรือใบอย่าฝันยิ่งใหญ่ตลอดกาล สาวก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟังเอาไว้!!! เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศกร้าวจะไม่ยอมให้ศัตรูร่วมเมืองกลายเป็นมหาอำนาจลูกหนังเมืองผู้ดีแน่นอน โวสนั่นจะพาทีมเดินหน้ากลับมาครองความยิ่งใหญ่ได้แน่ เหมือนกับที่เคยกลับมากระชากแชมป์จาก "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล และ "สิงห์บลูส์" เชลซี ก่อนหน้านี้        เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกปากเตือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อริร่วมเมือง ลืมความคิดที่จะก้าวขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ในลีกลูกหนังเมืองผู้ดีได้เลย ขณะที่เขายังคงนั่งคุมทัพในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อยู่ในอนาคต         กุนซือชาวสกอตติชวัย 70 กะรัต เคยผิดหวังมาแล้วเมื่อเสียแชมป์ พรีเมียร์ลีก ให้ อาร์เซน่อล และเชลซี ก่อนหน้านี้ กระนั้น เขาสามารถพาทีมกลับมาแข็งแกร่งได้มากกว่าเดิม ซึ่ง เฟอร์กูสัน ก็พร้อมรับความท้าทายครั้งใหม่ หาก "เรือใบสีฟ้า" คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล         จอมคนเลือดวิสกี้ กล่าวว่า "พวกเราจะไม่ไปไหนแน่นอน มันชัวร์ที่สุดแล้ว เรารู้ดีว่า นี่คือความท้าทาย และเรายอมรับในเรื่องนี้ เรามีนักเตะหนุ่มมากมายภายในสโมสร ที่จะได้รับประโยชน์ในซีซั่นนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ซิตี้ จะไม่ไปไหน ด้วยเงินที่พวกเขาต้องใช้จ่าย พวกเขาจะออกไปแล้วซื้อนักเตะเข้ามาเพิ่มอย่างแน่นอน"         "แต่คุณสามารถซื้อนักเตะมากมายเพียงอย่างเดียว และคุณสามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้เป็นเวลานานก่อนที่มันจะถูกรบกวน เรามีแนวความคิดของตัวเองเกี่ยวกับการที่เราจะเดินหน้าไปทางไหนในซัมเมอร์นี้ และผมคิดว่า เราจะพร้อมสำหรับความท้าทายในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นแชมป์หรือรองแชมป์ เราจะพร้อมสำหรับเรื่องนี้"         แม้ เฟอร์กูสัน เคยพาทีมล้มมหาอำนาจลูกหนังอย่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ลงจากคาน รวมถึงกลับมาครองความยิ่งใหญ่ได้จาก "ไอ้ปืนใหญ่" และ "สิงโตน้ำเงินคราม" แต่เริ่มมีคำถามสงสัยว่า เขาจะสามารถต้านทานอำนาจเงินมหาศาลของ "เรือใบสีฟ้า" ที่น่าจะเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้หรือเปล่า         แต่นายใหญ่แห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แสดงความมั่นใจ โดยกล่าวว่า "พวกเราต้องทำบางอย่างเกี่ยวกับมัน เราต้องจัดการความท้าทาย และมันเป็นเรื่องดีสำหรับเรา บางที เราจะแพ้ในฤดูกาลนี้ แต่ยังมีนักเตะหนุ่มมากมายอยู่ในทีม เราจะไม่มองว่ามันเป็นจุดจบของยุคสมัย ในหลายๆ ทางนั้น มันเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับนักเตะหนุ่มที่นี่ แน่นอนว่ามันเป็นความท้าทาย"         นอกจากนั้น เฟอร์กูสัน ยังเชื่อว่า "เดอะ ซิติเซ่นส์" ในเวลานี้ คล้ายคลึงกับ เชลซี ในยุคสมัยของ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุเกส กระนั้น เขาก็ยังกล่าวชื่นชม โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียน ที่สามารถคุมทีมได้เป็นอย่างดี         "แน่นอนว่าเขาได้เปรียบทางการเงินมาก แต่คุณยังคงต้องเลือกนักเตะที่เหมาะสม การพยายามนำพาความสามัคคีนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากๆ คุณภาพของซิตี้นั้น คล้ายคลึงกับเชลซี ภายใต้มูรินโญ่ พวกเขายากที่จะแพ้ และมีนักเตะหลายคนที่มีฤดูกาลที่โดดเด่น"         "เมื่อคุณคว้าแชมป์ลีก คุณจำเป็นต้องมีนักเตะ 5-6 คนที่เล่นได้อย่างสม่ำเสมอ และพวกเขามีนักเตะเหล่านั้น หากคุณซื้อได้ถูก มันก็ไม่มีปัญหา แต่บางครั้งคุณก็ซื้อไม่ถูก มันเกิดขึ้นกับพวกเรา บางครั้ง เมื่อเราซื้อนักเตะที่ไม่เหมาะสมกับพวกเรา แต่สิ่งสำคัญนั้น ซิตี้ ซื้อตัวนักเตะได้ดี" เฟอร์กี้ ร่ายยาว http://www.siamsport.co.th เหออออ อนาคต  มันไม่เหมือนอะหดีตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 20:55:14

ความคิดเห็นที่ 50 เข้ามาอ่านข่าว  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : WomanPower เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 20:57:14

ความคิดเห็นที่ 51 มันโช่มั่นใจซิวแชมป์แม้ช่วงตามผี8แต้ม คงไม่ทำเสียเคล็ดในนัดสุดท้าย โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากเดิมที่ทำทีเก็บอาการมาตลอด ตอนนี้แสดงความมั่นอกมั่นใจว่า นักเตะของเขายึดถ้วยแชมป์เอาไว้ในมือแล้ว คงไม่มีทางยอมทำหลุดมือแน่ แถมคุยช่วงตามหลัง 8 แต้มตอนเหลือ 6 นัด มั่นใจว่าจะบีบช่องว่างลงมาเหลือตาม 3 แต้มก่อนเกมดาร์บี้ได้แน่ ซึ่งก็ทำได้จริงๆ        โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยัน มั่นใจในตัวลูกทีมสุดๆ ว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีวันยอมปล่อยมือจากที่จับถ้วยแชมป์ลีกอย่างแน่นอน หลังการต่อสู้ทรหด ยาวนาน มาถึงวันสุดท้ายแล้ว ซึ่งพวกเขาต้องการชัยชนะเหนทอ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส เพื่อการันตีว่าจะได้แชมป์ลีกสูงสุดมาครองเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี โดยไม่ต้องไปสนใจผลการแข่งขันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ซันเดอร์แลนด์        ซิตี้ ผงาดขึ้นมาได้เปรียบทั้งๆ ที่ย้อนไปเมื่อเดือนก่อน ยังมีแต้มตามหลัง ยูไนเต็ด 8 แต้ม โดย มันโช่ บอกว่า พวกนักเตะไม่มีวันทำพังแน่นอน "ผมเชื่อมั่นในตัวนักเตะ 100 เปอร์เซ็นต์ พวกเขารู้ว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือแล้ว พวกเขาทำงานหนัก สู้ทุกเกมมาทั้งซีซั่น ตอนนี้พวกเขามีโอกาสดีที่สุดแล้ว พวกเขาเล่นดีมากๆ ในสองเกมล่าสุดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และผมคิดว่ามันจะเป็นแบบเดียวกันในวันอาทิตย์          ด้วยการได้แชมป์ลีกครั้งสุดท้ายปี 1968 มันโช่ รู้ว่าช่วงเวลานับจากนี้ไปมีความหมายต่อแฟนบอลทีมสีฟ้าอย่างยิ่ง "ผมเข้าใจดี เราไม่ได้แชมป์ลีกมานาน 44 ปี และเราดันอยู่ร่วมเมืองเดียวกับทีมบ้านพี่เมืองน้องที่คว้าแชมป์ทุกปี มันเลยเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากขึ้นสำหรับแฟนบอล ผมหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงมันได้ พวกเขามีความสุข พวกเขาอยากให้เราชนะอีกเกมเดียว มันเป็นใหญ่ของ ซิตี้ เพราะมันเป็นครั้งแรกในระยะเวลาที่นานมาก เราอยากได้แชมป์เพื่อแฟนบอลของเรา"        ความพ่ายแพ้ต่อ อาร์เซน่อล ในวันอาทิตย์อีสเตอร์ ทำให้ ซิตี้ ตามหลัง ยูไนเต็ด 8 แต้ม โดยเหลือเกม 6 นัด ซึ่งจากนั้นมาพวกเขาชนะมา 5 นัดรวดแล้ว "ตอนนั้นมันกลายเป็นผลดีกับเรา เพราะความกดดันมันหายไป และนักเตะปลอดโปร่งขึ้น เรามีความเชื่อมั่นกันมาเสมอ แม้ตอนโดนนำ 8 แต้ม เรารู้ว่าถ้าหากสามารถกลับมาตามหลัง ยูไนเต็ด ได้ 3 แต้มก่อนเกมดาร์บี้ เมื่อนั้นเราก็มีโอกาส"          "เราเล่นดีมากใน 6 เดือนแรกของซีซั่น เราดีที่สุดในลีก แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเล่นดีทุกนัดเป็นระยะเวลา 1 ปี และเราพบกับช่วงเวลา 1 เดือนที่มีปัญหา  เรายิงไม่ได้ และเสียประตูง่ายๆ ผมคิดว่าตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นหนึ่งในทีมหัวแถวทั้งของอังกฤษ และ ยุโรป ถ้าหากเราคว้าแชมป์ได้ก็มีโอกาสที่เราจะทำได้ต่อเนื่องอีก 3-4 ปี แต่สิ่งสำคัญคือเอาแชมป์สมัยแรกก่อน แล้วสมัยที่สองจะตามมาเอง" http://www.siamsport.co.th/ จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 20:57:25

ความคิดเห็นที่ 52 ปาฏิหาริย์ (ไม่) มีจริง ? ไม่บ่อยครั้งนัก ที่ตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลลีกจะต้องมาตัดสินกันในวันสุดท้ายของฤดูกาล และยิ่งหายากเต็มที ที่ในวันสุดท้าย จะเป็นวันชี้ชะตาของอีกหลายต่อหลายทีม ทั้งกลุ่มลุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรป และกลุ่มหนีตกชั้น ดังนั้นศึกพรีเมียร์ลีก นัดส่งท้าย ในวันอาทิตย์นี้ จึงถือเป็น “ไคลแม็กซ์” ที่จะตัดสินโฉมหน้าของฤดูกาลนี้อย่างแท้จริง และต้องติดตามห้ามกระพริบตาว่าจะมี “ปาฏิหาริย์” อย่างที่หลายทีมต้องการเกิดขึ้นหรือไม่...... ***************** เดิมพันวันส่งท้าย...ปาฏิหาริย์ (ไม่) มีจริง? ในที่สุดศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2011-2012 ก็เดินทางมาถึงบทสรุป ในวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค. นี้ โดยทั้ง 10 คู่ 10 สนาม จะเตะพร้อมเพรียงกัน ในเวลาบ่าย 3 โมงตรงของเมืองผู้ดี หรือ 21.00 น. ของประเทศไทยทั้งหมด และหลายคู่ก็ยังมีความหมายอย่างมาก ถึงกับอาจจะชี้ชะตาอนาคตของทีมนั้น ๆ ได้เลยทีเดียวด้วย วันนี้ พริตตี ฮันเตอร์ จึงสรุปสถานการณ์ของการลุ้นต่าง ๆ ในเกมสุดท้าย และบทสรุปของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ มาฝากกัน ********************** ปาฏิหาริย์เพื่อแชมป์ แม้จะเป็นนัดสุดท้าย แต่ในหลายอย่างยังไม่ได้บทสรุป โดยเฉพาะตำแหน่งแชมป์ ที่ไม่น่าเชื่อว่า 2 ทีมคู่รักคู่แค้นแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ จะทำแต้มเท่ากันพอดี หลังผ่านไป 37 เกม นั่นคือ 86 คะแนน ทำให้ต้องตัดสินแชมป์กันในนัดสุดท้าย ถ้าหวยออกทางฝั่งสีแดง จะถือเป็นลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ถ้าออกทางสีน้ำเงิน จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรก และแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรก ในรอบ 44 ปีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี ดังนั้น นี่จึงเป็นเกมที่มีเดิมพันสูงอย่างยิ่งสำหรับทั้ง 2 ทีมอย่างแท้จริง ถึงแม้ทั้ง 2 ทีม จะมีแต้มเท่ากัน แต่โอกาสของ แมนฯ ซิตี มีมากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด หลายเท่าตัว เพราะมีประตูได้-เสีย นำหน้าอยู่ถึง 8 ประตู นัดสุดท้าย ถ้าหากทีมเรือใบสีฟ้าชนะ ทุกอย่างก็น่าจะจบ เนื่องจากต่อให้ทีมผีแดงชนะ พวกเขาก็ต้องชนะด้วยผลต่างประตูนับสิบลูก ซึ่งเรียกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ เกมสุดท้าย แมนฯ ซิตี จะได้เล่นในเอติฮัด สเตเดี้ยม พบกับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องบุกไปเยือน ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งจะว่าไป ทีมสำเภาทองเจองานยากกว่า เพราะ คิวพีอาร์ ยังต้องดิ้นรนหนีตกชั้น แต่ ซันเดอร์แลนด์ ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว เพียงแค่เล่นไปให้หมดโปรแกรม แม้ว่าทีมผีแดงต้องเป็นฝ่ายไปเยือนก็ตาม ดังนั้น แม้จะดูดีกว่าเยอะ แต่ แมนฯ ซิตี ก็ประมาทไม่ได้ เพราะถ้าหากพลาดท่าเสมอหรือแพ้ขึ้นมา แชมป์จะกลับไปอยู่ฝั่งมุมแดงทันที ที่สำคัญอย่าลืมว่า ทีมทหารเสือราชินี มีกุนซือชื่อ มาร์ค ฮิวจ์ส ซึ่งเป็นอดีตนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด และเคยถูก แมนฯ ซิตี ไล่ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมมาแล้ว ดังนั้น “สปาร์กี” จึงมีแรงบันดาลใจมากกว่าปกติ และต้องการล้างแค้นทีมสีน้ำเงินแน่นอน นอกจากนั้น ในมุมของ ควีนส์ปาร์ค พวกเขาอาจจะไม่จำเป็นถึงกับต้องชนะเพื่อให้รอดตกชั้น และแค่เสมอก็น่าจะลอยลำแล้ว จึงมีโอกาสสูงที่ คิวพีอาร์ จะมาอุดเต็มรูปแบบ เพื่อยันเสมอขอ 1 แต้ม แมนฯ ซิตี จึงต้องเจองานหนักกว่าปกติในการเจาะเข้าไปทำประตู ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก เพราะต้องชนะให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สถานเดียว แล้วก็รอ “ปาฏิหาริย์” จากเอติฮัด ซึ่งจะว่าไป โอกาสก็มีไม่ใช่น้อยเหมือนกัน เนื่องจาก ถ้าหาก แมนฯ ซิตี พลาดนิดเดียว ทุกอย่างก็จะเข้าทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ทันที ********************* ปาฏิหาริย์เพื่ออยู่รอด ในโซนท้ายของตาราง ตกชั้นแน่นอนแล้ว 2 ทีม นั่นคือ วูล์ฟแฮมป์ตัน และ แบล็กเบิร์น ขณะที่ วีแกน ก็รอดแน่นอนแล้ว เช่นเดียวกับ แอสตัน วิลลา ที่ไม่น่าพลาด เพราะประตูได้-เสีย เหนือกว่าคู่แข่งนับ 10 ประตู ทำให้นัดสุดท้าย เป็นการลุ้นกันระหว่าง ควีนส์ปาร์ค กับ โบลตัน สถานการณ์ล่าสุด ควีนส์ปาร์ค มี 37 คะแนน ลูกได้-เสีย ลบ 22 ประตู ขณะที่ โบลตัน มี 35 แต้ม ลูกได้-เสีย ลบ 31 ประตู ทำให้ทีมทหารเสือราชินี โอกาสดีกว่ามาก และอย่างที่บอกว่า แค่เสมอก็น่าจะลอยลำ เพราะถ้า ควีนส์ปาร์ค เสมอ ต่อให้ โบลตัน ชนะ ทั้ง 2 ทีม ก็จะมี 38 คะแนนเท่ากัน แต่ด้วยลูกได้-เสีย ที่ดีกว่าถึง 9 ประตู ทำให้เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่ โบลตัน จะรอด อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวโปรแกรม และสถานการณ์บีบบังคับ ทำให้ต้องยอมรับว่า โบลตัน ก็มีสิทธิฝัน เพราะอย่างที่ทราบว่า เกมสุดท้าย ควีนส์ปาร์ค ต้องไปเยือน แมนฯ ซิตี ซึ่งโอกาสแพ้สูงลิบ ขณะที่ โบลตัน ได้ไปเยือน สโตค ซึ่งถึงแม้จะหนัก แต่โอกาสชนะก็มากกว่าอยู่ดี เนื่องจากทีมช่างปั้นหม้อไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้ว แม้ว่าจะลงเล่นส่งท้ายในบริทาเนีย ก็ตาม ดังนั้น ในโซนหนีตกชั้น อะไรก็ยังเป็นไปได้ และยังเดาไม่ออกจริง ๆ ว่า อีกทีมที่ต้องหล่นชั้นจะเป็น โบลตัน หรือ ควีนส์ปาร์ค ****************** ปาฏิหาริย์เพื่อยุโรป เนื่องด้วย เชลซี เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้ไม่มีอะไรรับประกันว่า ทีมอันดับ 4 จะได้ไปเล่นถ้วยใหญ่ของยุโรป ในฤดูกาลหน้า เพราะถ้าหาก เชลซี ชนะ บาเยิร์น และได้แชมป์ พวกเขาจะได้สิทธิในฐานะแชมป์เก่าทันที และทีมอันดับ 4 จะได้ไปแค่ ยูโรป้า ลีก ทำให้ต้องได้อันดับ 3 ไว้ก่อนเท่านั้น ถึงจะรับประกันได้ว่าได้ไปแน่ หลังจากแพ้ ลิเวอร์พูล เมื่อกลางสัปดาห์ ทำให้ เชลซี หมดสิทธิติด 1 ใน 4 และได้อันดับ 6 แน่นอนแล้ว จึงเหลือแค่ อาร์เซนอล, สเปอร์ และ นิวคาสเซิล ที่ต้องลุ้นกัน และทั้ง 3 ทีม ก็ยังมีสิทธิจบเป็นอันดับ 3, 4 หรือ 5 ได้ด้วยกันทุกทีม สถานการณ์ล่าสุด อาร์เซนอล 67 คะแนน ประตูได้-เสีย + 24, สเปอร์ 66 คะแนน ประตูได้-เสีย +23 และ นิวคาสเซิล 65 คะแนน ประตูได้-เสีย +7 ทำให้โอกาสของทีมปืนใหญ่มีมากที่สุด เพราะถ้าชนะก็ที่ 3 แน่นอน ไม่ต้องสนใจผลอีก 2 คู่ เกมสุดท้าย อาร์เซนอล ต้องไปเยือน เวสต์บรอมวิช ขณะที่ สเปอร์ เล่นในบ้านพบ ฟูแลม และ นิวคาสเซิล บุกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ซึ่งถ้าดูแค่โปรแกรมต้องยอมรับว่า ทีมไก่เดือยทองเจองานหนักน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม สเปอร์ ต้องชนะสถานเดียว ถ้าหากต้องการลุ้นที่ 3 หรือแม้แต่ที่ 4 นอกจากนั้น ยังต้องลุ้นให้ อาร์เซนอล พลาดเสมอหรือแพ้ด้วย โดยถ้าหากปืนแพ้หรือเสมอแล้ว สเปอร์ ชนะ พวกเขาจะแซงได้ที่ 3 แต่ถ้าผลเหมือนกัน อาร์เซนอล ก็จะเข้าป้ายอยู่ดี แต่ อาร์เซนอล ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ในช่วงหลัง และนับตั้งแต่ไร้ มิเคล อาร์เตตา ทีมก็ชนะใครไม่ได้เลย แถมเกมนี้ต้องไปเยือน เวสต์บรอมวิช ที่จะส่งท้าย รอย ฮอดจ์สัน ในบ้านตัวเองด้วย ทำให้ไม่ใช่งานง่ายเช่นกัน ทว่าสเปอร์ก็หนักไม่ต่างกัน เพราะแม้ได้เล่นในบ้าน แต่ต้องเจอกับ ฟูแลม ที่ฟอร์มดีมากในช่วงหลัง แถมยังมี มาร์ติน โยล อดีตกุนซือของทีม นำทัพ ทำให้ โยล ย่อมต้องการถอนแค้นทีมเก่า ยิ่ง นิวคาสเซิล โอกาสตอนนี้ต้องบอกว่าไม่มากแล้ว เพราะนอกจากต้องไปเยือนทีมแกร่งอย่าง เอฟเวอร์ตัน แล้ว ยังต้องแช่งให้ อาร์เซนอล และ สเปอร์ พลาดพร้อมกันด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก การลุ้นแย่งไปแชมเปี้ยนส์ ลีก จึงสรุปได้ว่า อาร์เซนอล โอกาสมากที่สุด และกุมชะตาของตัวเองในกำมือ ขณะที่ สเปอร์ ยังออกได้หมดทุกหน้า ทั้งสุดยอด และสุดแย่ อยู่ที่นัดสุดท้ายจริง ๆ แต่ นิวคาสเซิล ค่อนข้างจะยากมากทีเดียว **************************** นักเตะแห่งฤดูกาล ความเห็นตรงกันทุกสำนัก สำหรับนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล และเป็นใครไปไม่ได้เด็ดขาดนอกจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี หลังระดมยิงในลีกไปถึง 30 ประตู และ 32 ประตู ในทุกรายการ พร้อมด้วยแฮตทริกถึง 2 ครั้ง แต่ฤดูกาลนี้ก็ยังมีนักเตะอีกหลายคน ที่ฟอร์มโดดเด่นเป็นสง่า โดยเฉพาะ เวย์น รูนีย์, ไมเคิล คาร์ริค และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ของ แมนฯ ยูไนเต็ด, ดาวิด ซิลบา, โจ ฮาร์ท และ เซร์คิโอ อเกวโร ของ แมนฯ ซิตี, ฮวน มาตา ของ เชลซี รวมถึงพวกที่พลิกโผอย่าง แกรนต์ โฮลท์, โยฮัน กาบาย และ คลินต์ เดมป์ซีย์ ด้วย ************************ ซื้อสุดยอด นักเตะอย่าง เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร หรือ ฮวน มาตา อาจจะค่าตัวแพง และถูกตั้งคำถามเรื่องความแข็งแกร่ง และการเอาตัวรอดในพรีเมียร์ลีก แต่ทั้งคู่ก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นของจริง และเล่นได้สมกับคำว่าระดับโลกอย่างแท้จริง เพราะเหนือกว่านักเตะทั่วไปอย่างชัดเจน แต่ปีนี้ก็มีของดีราคาถูกให้เห็นหลายคน โดยเฉพาะ ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ และ เดมบา บา ของ นิวคาสเซิล ขณะที่ โยฮัน กาบาย และ สกอตต์ ปาร์คเกอร์ ที่เหมือนกับทำให้ต้นสังกัดถูกหวยจังเบอร์ ส่วน แอชลีย์ ยัง แม้ดังเรื่องพุ่งล้มมากกว่า แต่การเข้าก๊วนผีปีแรกก็ถือว่าสอบผ่าน ************************ ซื้อสุดแย่ ผิดหวังเกินใคร ไม่มีทีมไหนเกิน ลิเวอร์พูล เพราะทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ สจวร์ต ดาวนิง ฝากความหวังไม่ได้เลย ขณะที่ แมนฯ ซิตี ก็มี ซามีร์ นาสรี ที่ยังทำได้ไม่สมกับค่าตัว และชื่อเสียง แม้ว่าอาจจะพาทีมได้แชมป์ และ เชลซี ก็เหมือนสูญเงิน 18 ล้านปอนด์ ไปกับอากาศ เมื่อ โรเมลู ลูกากู ไม่ใช่ “นิวดร็อกบา” อย่างที่คาด และทำไม่ได้แม้แต่โอกาสลงสนาม *************************** ทีมแห่งฤดูกาล 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมในแต่ละตำแหน่งของ สมาคมนักเตะอาชีพ (พีเอฟเอ) อาจจะไม่ถูกใจใครหลายคน โดยเฉพาะแฟนผีแดง เพราะไม่มีชื่อของ 2 นักเตะที่โดดเด่นอย่าง ไมเคิล คาร์ริค และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย แต่มันก็ถือเป็นมติของส่วนรวมอย่างแท้จริง เพราะเป็นการเลือกกันเองของนักเตะ และมีผลดังนี้ ผู้รักษาประตู : โจ ฮาร์ท, แบ๊กขวา : ไคล์ วอล์คเกอร์, เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : แวงซองต์ กอมปานี-ฟาบริซิโอ โคลอชชินี, แบ๊กซ้าย : เลห์ตัน เบนส์, ปีกขวา : ดาวิด ซิลบา, มิดฟิลด์คู่กลาง : ยายา ตูเร-สกอตต์ ปาร์คเกอร์, ปีกซ้าย : แกเร็ธ เบล, คู่กองหน้า โรบิน ฟาน เพอร์ซี-เวย์น รูนีย์ *********************** สุดยอดกุนซือ มีลุ้นหลายคนทีเดียว โดยเฉพาะ 2 กุนซือน้องใหม่อย่าง เบรนแดน รอดเจอร์ส และ พอล แลมเบิร์ต ที่พาทีม สวอนซี และ นอริช ทำผลงานได้อย่างสุดยอดเหลือเชื่อ ขณะที่ชื่อของ โรแบร์โต มันชินี และ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ไม่มีทางหลุดจากเฟรม เพราะพาทีมลุ้นแชมป์ แถมอาจจะรวมถึง โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ที่เข้ามาขัดตาทัพแทน อังเดร วิลลาส โบอาส แต่กลับสามารถพา เชลซี กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้งด้วย แต่คนที่มาแรงที่สุด และทุกคนเทใจให้ ต้องยกให้ อลัน พาร์ดิว ของ นิวคาสเซิล เพราะนอกจากตัวผู้เล่นจะดูธรรมดา เทียบกับทีมอื่นไม่ติด และเสียตัวหลักไปหลายคน แถมยังไม่ได้รับการต้อนรับที่เป็นมิตรนักจากแฟนบอลตัวเอง แต่ พาร์ดิว กลับพาทีมมีลุ้นไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หน้าตาเฉย บอสหนุ่มใหญ่คนนี้จึงเหมาะสมกับตำแหน่งกุนซือแห่งฤดูกาลมากที่สุด ********************* สุดยอดประตู ลูกตีลังกายิงของ เวย์น รูนีย์ ที่ยิงใส่ แมนฯ ซิตี เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นประตูยอดเยี่ยมในรอบ 20 ปีของพรีเมียร์ลีก แต่ถ้าหากลูกยิงใบไม้ร่วงของ ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ ที่ยิงใส่ เชลซี ในฤดูกาลนี้ ส่งเข้าประกวดทัน ประตูของ รูนีย์ อาจจะตกอันดับก็เป็นได้ เพราะมันเป็นลูกยิงที่สวยงามอย่างเหลือเชื่อ และเปี่ยมไปด้วยความสำคัญอย่างแท้จริง จนถูกนำไปเปรียบกับลูกยิงคลาสสิกตลอดกาลของ มาร์โก แวน บาสเทน อดีตดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ ที่ยิงใส่ สหภาพโซเวียต ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1988 นัดชิงชนะเลิศ เลยทีเดียว *************************** "พริตตี ฮันเตอร์" www.dailynews.c จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 21:03:23

ความคิดเห็นที่ 53 ชนะแชมป์!'เรือใบ'ชุดเก่งรับ'คิวพีอาร์' "เรือใบสีฟ้า" จัดชุดเก่งที่เก็บชัยชนะนัดสำคัญมาแล้ว 2 นัดติดต่อกันรับการมาเยือนของ "ทหารเสือราชินี" ในศึกพรีเมียร์ลีกนัดปิดฤดูกาลวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค. หากชนะครองแชมป์ทันที           ศึกพรีเมียร์ลีกนัดปิดฤดูกาลวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม ทุกคู่ลงสนามเวลา 21.00 น. "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ จ่าฝูงที่มี 86 แต้มเท่ากับ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง แต่มีประตูได้เสียดีกว่าถึง 8 ประตู และมีจำนวนประตูได้มากกว่า จะเปิดสนามอิติฮัด รับการมาเยือนของ "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ทีมอันดับ 17 ที่ยังต้องการแต้มเพื่อลุ้นหนีการตกชั้น ซึ่ง คิวพีอาร์ ยังต้องการอย่างน้อย 1 แต้ม เพื่อความแน่นอน และหากว่าแพ้ และ โบลตัน บุกไปชนะ สโต๊ค ได้ก็จะตกชั้นทันที          เกมนี้ โรแบร์โต มันชินี ผู้จัดการทีมเรือใบยังคงส่งทีมชุดเก่งที่เก็บชัยชนะในนัดสำคัญมาแล้ว 2 นัดติดต่อกันทั้งเกมที่ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 และบุกไปชนะ นิวคาสเซิล 2-0 ทำให้ มันชินี ไม่มีเหตุผลที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทีม โดยเฉพาะแดนหน้าที่ยังมี 3 ประสานเกมรุกอย่าง เซร์คิโอ อาเกโร, ดาวิด ซิลบา และ คาร์ลอส เตเบซ เล่นร่วมกัน โดยที่ ยาย่า ตูเร จะเล่นเป็นกองกลางคุมพื้นที่ก่อน แต่หากว่าเกมฝืดก็พร้อมจะปรับขึ้นไปเล่นเป็นกองกลางตัวรุกเช่นกัน ส่วนทีมเยือนไม่มี ไฮดาร์ เฮลกูสัน กองหน้าที่ยังเจ็บ          แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยังมีลุ้นแชมป์ด้วยการบุกไปเอาชนะ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ และลุ้นให้ แมนฯ ซิตี้ ไม่ชนะ ยังต้องประสบปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นอีกครั้ง โดยเฉพาะแนวรับที่ล่าสุด คริส สมอลลิง มีอาการเจ็บโคนขาหนีบต้องพักยาว และจะพลาดการไปเล่นยูโร 2012 แน่นอน ทำให้คาดว่า ฟิล โจนส์ จะได้ลงมาเป็นแบ็กขวาแทน ส่วนตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กต้องเข็น ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เจ็บโคนขาหนีบอยู่เล็กน้อยลงมาเป็นกองหลังตัวหลัก          แดนหน้า แดนนี เวลเบค ยังไม่สามารถลงสนามได้ เพราะเจ็บข้อเท้า แต่จะฟิตทันไปเล่นยูโร 2012 ทำให้ ฮาเวียร์ เฮอร์นันเดซ น่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงคู่กับ เวย์น รูนีย์ ในแดนหน้า ขณะที่ ซันเดอร์แลนด์ของ มาร์ติน โอนีล ไม่มีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นเพิ่มเติม แต่ที่เจ็บก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น คีแรน ริชาร์ดสัน, เวส บราวน์ และ เซบาสเตียน ลาร์สัน ยังกลับมาเล่นไม่ได้          ด้านสถานการณ์การลุ้นพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ทีมอันดับ 3 มี 67 แต้ม จะไปเยือน เวสต์บรอมวิช โดยหากได้ 3 แต้มกลับมาจะได้เป็นอันดับ 3 อย่างแน่นอน แต่หากแพ้หรือเสมอก็มีโอกาสหลุดไปเป็นอันดับ 5 ได้เช่นกัน แต่ อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมเยือนจะได้ ธีโอ วัลคอตต์ หายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับลงสนามได้ แต่ยังไม่มี บาคารี ซาญา, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, อาบู ดิยาบี, มิเกล อาร์เตตา และ แจ็ค วิลเชียร์ ที่เจ็บ ส่วนเจ้าถิ่นจะไม่มี คริส บรันท์ กองกลางกัปตันทีมที่เจ็บพร้อมทั้งต้องลุ้นความฟิตของ ปีเตอร์ โอเดมวินกี กับ เฌอโรม โธมัส          "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส ทีมอันดับ 4 ที่มี 66 แต้ม จะเล่นในไวท์ ฮาร์ท เลน เตะดาร์บี้แมทช์ กรุงลอนดอนกับ ฟูแล่ม หาก สเปอร์ส ชนะได้ก็มีลุ้นแซงขึ้นที่ 3 หรืออย่างน้อยก็ยังครองอันดับ 4 ไว้ได้ แต่ก็ยังมีปัญหาการบาดเจ็บของผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็น เบอนัว เอกอตโต, นิโก ครันชาร์, โกเมส, ไมเคิล ดอว์สัน และ ทอม ฮัดเดอร์สตัน          "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ทีมอันดับ 5 มี 65 แต้ม ต้องไปเยือน "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน โดยยังไม่มี แดนนี ซิมป์สัน แบ็กขวาที่ยังเจ็บ แต่แดนหน้ายังมี ปาปิส เดมบา ซิสเซ ยืนหัวหอกคู่กับ เดมบา ซิสเซ เหมือนเดิม ขณะที่เจ้าถิ่นต้องลุ้นทดสอบความฟิตของ ฟิล เนวิลล์, ดาร์รอน กิปสัน และ เลย์ตัน เบนส์ แต่ยังคงไม่มี แจ็ค ร็อดเวลล์ กองหลังดาวรุ่ง และ วิคเตอร์ อนิเชเบ ที่ยังเจ็บ และจะใช้ นิกิชา เยลาวิช ยืนเป็นหัวหอกตัวจริงเหมือนเดิม          โปรแกรมคู่อื่นๆ เชลซี พบ แบล็คเบิร์น, นอริช พบ แอสตัน วิลล่า, สวอนซี พบ ลิเวอร์พูล และ วีแกน พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 05:25:08

ความคิดเห็นที่ 54 "เรือ-ผีแดง" ตัดสินแชมป์นัด ปิดฤดู ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกลุ้นแย่งแชมป์จนถึงนัดสุดท้าย ระหว่างแมนฯ ซิตี้ กับ แมนฯ ยู "เรือใบ"เล่นในรังพบควีนสปาร์ก ส่วนผีแดง ไปเยือนซันเดอร์แลนด์ ทีมไหนจะคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีก แฟนบอลอย่าพลาด วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค.2555 พรีเมียร์ลีก -แมนฯ ซิตี้-ควีนสปาร์ก - "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ได้เปรียบในการลุ้นแชมป์ เพราะมีประตูได้เสียดีกว่าแมนฯ ยู นัดนี้สภาพทีมสมบูรณ์ไม่มีใครบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ส่วน ควีน สปาร์ก ต้องชนะ จึงจะรอดตกชั้น แมนฯ ซิตี้ยังไม่แพ้ใครในบ้าน ขณะที่ทีมเยือนก็มีความมุ่งมั่นเพื่อหนีตกชั้น เจ้าถิ่นเกมรุกดุดันและหลากหลายกว่าน่าชนะได้ -ซันเดอร์แลนด์ - แมนฯยู เจ้าถิ่นผลงานแผ่ว เจอกับ "ผีแดง"แมนฯยู ของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ต้องชนะสถานเดียว และยิงให้ได้มากที่สุดเพื่อแซงเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์ เกมนี้จะขาด แอนเดอร์สัน, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์, เนมันย่า วิดิช, แดนนี่ เวลเบ๊ก เจ็บทั้งหมด แต่ทีมเยือนยังแกร่งกว่าเยอะ และด้วยประสบการณ์เหลือล้นน่าบุกมาเก็บ 3 แต้มได้ -เชลซี-แบล็กเบิร์น - "สิงโตน้ำเงินคราม" คงพักตัวหลักเพื่อรอชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก กับบาเยิร์น มิวนิก วันเสาร์ที่ 19 พ.ค.นี้ ด้านแบล็กเบิร์นตกชั้นไปแล้ว เชลซีเหนือกว่าน่าชนะได้ -เอฟเวอร์ตั้น-นิวคาสเซิล - "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" นัดนี้จะขาด แจ๊ก ร็อดเวลล์ ที่เจ็บ ขณะที่นิวคาสเซิล เกมนี้ไม่มี ปีเตอร์ โลเวนครานด์ส, สตีเว่น เทย์เลอร์ บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าถิ่นเล่นในรังไม่น่าแพ้ -นอริช-แอสตั้น วิลล่า - "นกขมิ้น" รอดตกชั้นแล้ว ด้าน แอสตั้น วิลล่า ยังไม่ปลอดภัย เกมนี้ขาด กาเบรียล อักบอนลาฮอร์, ดาร์เรน เบนต์, สติลิยัน เปตรอฟ ที่บาดเจ็บ เกมสูสีน่าแบ่งแต้ม -สโต๊ก-โบลตั้น - "ช่างปั้นหม้อ" จะไม่มี มามาดี้ ซิดิเบ้ ที่เจ็บยาว ขณะที่โบลตั้นต้องชนะสถานเดียวเพื่ออยู่รอด เกมนี้ขาด ริคาร์โด้ การ์ดเนอร์, ฟาบริซ มูอัมบ้า, เดวิด วีเธอร์ บาดเจ็บ สโต๊กเล่นในบ้านดีและ คงไม่แพ้ -สวอนซี-ลิเวอร์พูล - เกมนี้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไม่มี ชาร์ลี อดัม, ลูคัส เลว่า ที่เจ็บ สวอนซี เก่งในบ้านน่ามีแต้ม -สเปอร์-ฟูแล่ม - "ไก่เดือยทอง" เกมนี้ไม่มี เบอนัวต์ อัสซู-เอก๊อตโต้, ไมเคิ่ล ดอว์สัน ที่เจ็บ ขณะที่ฟูแล่มไม่มี แอนดี้ จอห์นสัน, สตีฟ ซิดเวลล์ ที่เจ็บ ไก่ดีกว่า -เวสต์บรอมวิช-อาร์เซนอล - อาร์เซนอลต้องชนะเพื่อจบอันดับ 3 เกมนี้ขาด มิเกล อาร์เตต้า, ธีโอ วัลค็อตต์, เพอร์ เมอร์เตซักเกอร์, บาการี่ ซานญ่า, แจ๊ก วิลเชียร์ บาดเจ็บทั้งหมด มาเยือนแต่ไม่น่าแพ้ -วีแกน-วูล์ฟส์ - วีแกน รอดตกชั้นเหลือเชื่อ ส่วน "หมาป่า" ตกชั้นทีมแรก เจ้าบ้านสภาพดีกว่าเยอะ น่าชนะ กัลโช่ ซีรีส์เอ -ยูเวนตุส-อตาลันต้า - "ม้าลาย" ยูเวนตุส คว้าแชมป์ไปครองแล้ว แต่ต้องการรักษาสถิติไม่แพ้ใคร น่าทำได้ -ฟิออเรนติน่า-กายารี่ - ทั้งคู่อยู่รอดปลอดภัย แต่ ฟิออเรนติน่าเล่นในรังแข็งแกร่ง โอกาสชนะสูงกว่า -เอซี มิลาน-โนวาร่า - เอซี มิลาน ป้องกันแชมป์ไม่สำเร็จ ได้แค่อันดับ 2 ส่วนโนวาร่าตกชั้นแล้ว เจ้าถิ่นแกร่งกว่าน่าชนะไม่ยาก -ปาร์ม่า-โบโลญญ่า - คู่นี้ไม่มีลุ้นอะไรเช่นกัน แต่ ปาร์ม่าช่วงหลังชนะต่อเนื่อง นัดนี้น่าเก็บ 3 แต้มส่งท้าย -เชเซน่า-โรม่า - เชเซน่า ตกชั้นไปแล้ว ส่วนโรม่ามาเยือนก็จริงแต่ขุมกำลังแกร่งกว่า น่าบุกมาเก็บ 3 แต้ม -ลาซิโอ-อินเตอร์ มิลาน - "อินทรีฟ้า-ขาว" ยังมีโอกาสแซงขึ้นอันดับ 3 ถ้าชนะนัดนี้ ขณะที่ "งูใหญ่" อินเตอร์ฯ ต้องเก็บชัยเพื่อโอกาสไปเล่นฟุตบอลยุโรป คู่นี้สูสีกัน น่าแบ่งคะแนน -คิเอโว่-เลชเช่ - คิเอโว่ ไม่มีอะไรให้ลุ้น ส่วนเลชเช่ต้องชนะเพื่อโอกาสอยู่รอด เจ้าบ้านดีกว่า มีโอกาสชนะสูงกว่า -เจนัว-ปาแลร์โม่ - เจนัวต้องการแต้มเพื่อรับประกันความปลอดภัย ด้านปาแลร์โม่ไม่ต้องลุ้นอะไรแล้วสูสี น่าหั่นกันไม่ลง -นาโปลี-เซียน่า - เจ้าถิ่นต้องชนะเพื่อลุ้นแซงขึ้นอันดับ 3 เจอเซียน่าที่หมดลุ้นทุกอย่าง เจ้าถิ่นมีสิทธิ์เบียดชนะ -คาตาเนีย-อูดิเนเซ่ - เจ้าบ้านไม่ต้องลุ้นอะไรแล้ว ส่วน อูดิเนเซ่ ต้องชนะเพื่ออันดับ 3 ทีมเยือนน่าจะบุกมาคว้าชัยได้อย่างที่หวัง ลา ลีกา -เกตาเฟ่-รีล ซาราโกซ่า - เจ้าถิ่นไม่มีอะไรต้องลุ้น ผิดกับ รีล ซาราโกซ่า ที่ต้องบุกชนะเพื่อลุ้นอยู่รอด เกตาเฟ่ เล่นในบ้านดีไม่น่าแพ้ -เลบันเต้-แอธฯ บิลเบา - เจ้าบ้านยังพอมีลุ้นอันดับ 4 ถ้าชนะได้ ด้านแอธฯ บิลเบาเพิ่งเตะกลางสัปดาห์อาจล้า เจ้าถิ่นสดกว่าน่าชนะ -รีล มาดริด-รีล มายอร์ก้า - "ราชันชุดขาว"คว้าแชมป์แล้ว ส่วนมายอร์ก้ายังมีลุ้นพื้นที่ยุโรป แต่เจ้าบ้านแกร่งจริงน่าเก็บชัยส่งท้าย -ราโย บาเยกาโน่-กรานาด้า - ทั้งคู่ต้องชนะเพื่ออยู่รอด แต่ทีมเยือนดูมั่นใจกว่า ไม่น่าแพ้ -เอสปันญ่อล-เซบีญ่า - ไม่มีอะไรให้ลุ้นทั้งสองทีม แต่เจ้าถิ่นช่วงหลังย่ำแย่ อาจโดนทีมเยือนบุกคว่ำ -มาลาก้า-สปอร์ติ้ง กิฆอน - มาลาก้า ต้องชนะเพื่อจบอันดับ 4 ขณะที่ กิฆอนโอกาสรอดริบหรี่ เจ้าถิ่นเก็บ 3 แต้มแน่ -บียาร์รีล-แอตฯ มาดริด - สูสีทั้งเกมรุกและเกมรับ น่าแบ่งแต้ม -ราซิ่ง ซานตานเดร์-โอซาซูน่า - เจ้าถิ่นตกชั้นแล้ว ส่วน โอซาซูน่า ต้องชนะเพื่อลุ้นพื้นที่โรป ทีมเยือนแรงจูงใจสูงกว่าน่าชนะได้ www.khaosod.co จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 05:27:34

ความคิดเห็นที่ 56 แชมป์แค่เอื้อม!เรือลุ้นกุนยิง,คิวพีอาร์เจ๊ารอด http://www.siamsport.co.th/fo แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 05:38:55 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 05:38:29

ความคิดเห็นที่ 57 "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เตรียมจัดทัพใหญ่ โดยจะส่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" กับ คาร์ลอส เตเวช ลงนำเปิดรังล่าตาข่าย "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ค ที่ลุ้น ฌิบริล ซิสเซ่ ระเบิดฟอร์มเก่งปิดสกอร์ เกมนี้ หากเจ้าบ้านคว้าสามแต้มได้อาจหมายถึงแชมป์ลีกทันทีเพราะประตูได้เสียดีกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูงอยู่มาก ขณะที่ ควีนส์ปาร์ค ขอแค่ผลเสมอก็มีโอากาสอยู่รอดในลีกสูงสุดต่อไปทันทีเช่นกัน ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (นัดปิดฤดูกาล) คืนวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค. ศกนี้ ปรีวิว พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (นัดปิดฤดูกาล2011-2012) วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2555 แมนฯ ซิตี้      -      ควีนส์ปาร์ค สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม        เรือใบสีฟ้า เข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรก และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1968 เพราะขอแค่ชนะสกอร์เท่าไหร่ก็ได้ ก็จะแชมป์ทันที แม้แต้มอาจเท่า แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ประตูได้เสียดีกว่าถึง 8 ประตู        สภาพทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือชาวอิตาเลียน ก็ยังไม่มีปัญหาให้ต้องวิตกด้วย นั่นก็หมายความว่าระบบการเล่นและสิบเอ็ดคนแรกไม่น่าจะต่างอะไรจากเกมที่บุกชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 ในเกมล่าสุด        ส่วน มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าตัวแสบ ที่ไม่ได้เล่นมาตั้งแต่โดนไล่ออกที่ อาร์เซน่อล อาจมีชื่อโผล่เป็นตัวสำรองเกมนี้เผื่อใช้งานยามคับขัน หลังไม่มีชื่ออยู่ในทีมในนัดที่แล้ว        การจัดทัพ 4-3-3 โจ ฮาร์ท เฝ้าเสา แผงหลัง ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, โจเลียน เลสค็อตต์, กาแอล กลิชี่ แดนกลาง ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่, ซามีร์ นาสรี่ ส่วนแนวรุก ดาบิด ซิลบา, คาร์ลอส เตเวซ, เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"        ทางฝั่ง คิวพีอาร์ ต้องหนีตกชั้นกับ โบลตัน ในนัดสุดท้าย แต่พวกเขามีโอกาสดีกว่า เพราะขอแค่เสมอที่ เอติฮัด ก็เพียงพอต่อการอยู่รอดแล้ว เนื่องจากประตูได้เสีย คิวพีอาร์ ดีกว่าเยอะกรณีแต้มเท่ากัน        มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือ คิวพีอาร์ พาทีมคว้าชัยชนะที่ต้องการในเกมที่แล้วที่เฉือนชนะ สโต๊ค 1-0 ในช่วงท้ายเกมจาก ฌิบริล ซิสเซ่ จึงมีโอกาสที่กองหน้าชาวฝรั่งเศสจะได้ลงตัวจริงในเกมนี้คู่กับ บ็อบบี้ ซาโมร่า ไปเลย        ปัญหาของ ฮิวจ์ส ในเกมนี้อยู่ที่แดนกลาง เพราะ ฌอน เดอร์รี่ (ขา) กับ อากอส บุซซากี้ (เอ็นหลังหัวเข่า) บาดเจ็บเพิ่มต้องรอทดสอบความฟิต ขณะที่ แซมบา เดียคิเต้ กองกลางตัวเก่งก็ยังไร้เงาเพราะป่วย        ระบบการเล่น 4-4-2 แพทริค เคนนี่ เฝ้าเสา แนวรับ เนดุม โอนูโอฮา, แอนทอน เฟอร์ดินานด์, คลินท์ ฮิลล์, ตาเย่ ไตโว่ กองกลาง เจมี่ แม็คกี, โจอี้ บาร์ตัน, ฌอน เดอร์รี่, อเดล ทารับต์ คู่หน้า บ็อบบี้ ซาโมร่า กับ ฌิบริล ซิสเซ่ รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม        แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, โจเลียน เลสค็อตต์, กาแอล กลิชี่ - ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่, ซามีร์ นาสรี่ - ดาบิด ซิลบา, คาร์ลอส เตเวซ, เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"        ควีนส์ปาร์ค : แพทริค เคนนี่ - เนดุม โอนูโอฮา, แอนทอน เฟอร์ดินานด์, คลินท์ ฮิลล์, ตาเย่ ไตโว่ - เจมี่ แม็คกี, โจอี้ บาร์ตัน, ฌอน เดอร์รี่, อเดล ทารับต์ - บ็อบบี้ ซาโมร่า, ฌิบริล ซิสเซ่        ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน         เรือเปิดรังเอติฮัดรับคิวพีอาร์ครั้งแรก        นี่คือเกมแรกที่ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส บุกมาเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามแห่งใหม่ เอติฮัด สเตเดี้ยม หรือ ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม เดิม        ก่อนหน้านี้ คิวพีอาร์ มีผลงานที่ยอดเยี่ยมทีเดียวในการเยือนสนาม เมน โร้ด ของ เรือใบสีฟ้า เพราะ 7 เกมหลังสุดที่พบกันในเกมลีกทั้งศึกพรีเมียร์ลีก และดิวิชั่น 1 (แชมเปี้ยนชิพ ปัจจุบัน) พวกเขามาแพ้ที่นี่แค่ 2 เกมเท่านั้น โดยบุกชนะได้ถึง 3 ครั้งด้วย        อย่างไรก็ตาม สถิติโดยรวมแล้ว แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายเอาชนะได้ 20 นัด เสมอกัน 15 นัด และ คิวพีอาร์ เอาชนะได้ 12 นัด โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (นัดปิดฤดูกาล) 21.00 น. เชลซี - แบล็คเบิร์น 21.00 น. เอฟเวอร์ตัน - นิวคาสเซิ่ล 21.00 น. แมนฯ ซิตี้ - ควีนส์ปาร์ค 21.00 น. นอริช ซิตี้ - แอสตัน วิลล่า 21.00 น. สโต๊ค ซิตี้ - โบลตัน 21.00 น. ซันเดอร์แลนด์ - แมนฯ ยูไนเต็ด 21.00 น. สวอนซี ซิตี้ - ลิเวอร์พูล 21.00 น. สเปอร์ส - ฟูแล่ม 21.00 น. เวสต์บรอมวิช - อาร์เซน่อล 21.00 น. วีแกน - วูล์ฟแฮมป์ตัน จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 05:40:01

ความคิดเห็นที่ 58 ภารกิจของแต่ละทีม ภารกิจของแต่ละทีม นัดปิดฤดูกาลของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เมืองผู้ดี ในวันอาทิตย์ (13 พ.ค.) ที่จะถึงนี้ ถือเป็นนัดสั่งลาที่น่าจะได้ลุ้นกันมันสุด ๆ ไปเลย เนื่องเพราะว่า แฟนบอลยังจะได้ตามลุ้นผลการแข่งขันที่จะมีผลต่อการลุ้นแชมป์, หนีตาย และลุ้นโควตาบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นับนิ้วรวมแล้วถึง 6 คู่เลยทีเดียวเชียวละครับ ไม่เหมือนหลาย ๆ ซีซั่นที่ผ่านมา ที่เกมนัดส่งท้ายของฤดูกาล จะหาแมตช์ที่มีความหมาย ต้องตามลุ้นกันอยู่แค่ไม่กี่นัด ในโซนหนีตายนั้น มาถึงตรงนี้ ก็เหลือเพียงแค่ ควีนส์ปาร์ค กับ โบลตัน ที่ต้องดิ้นรนกันในเฮือกสุดท้าย โดยสถานการณ์ของทีมทหารเสือราชินี ดีกว่าตรงที่มีแต้มสะสมนำหน้าโบลตัน อยู่ 2 แต้ม แต่ที่แย่กว่าก็คือ แมตช์สุดท้ายของทีมทหารเสือ คือการไปเยือนถิ่นทีมลุ้นแชมป์อย่าง แมนฯ ซิตี้ ปืนใหญ่ "อาร์เซนอล" ในขณะที่ แมตช์สุดท้ายของ "เดอะทร็อตเตอร์" โบลตัน ง่ายกว่ามาก แม้จะต้องออกนอกบ้านเช่นกัน แต่ทีมที่พวกเขาต้องไปเยือน ก็คือทีมที่ไม่ต้องลุ้นอะไรมากมายแล้วอย่าง "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ งานนี้ ทีมใดจะอยู่รอดปลอดภัย ก็ต้องอ่านไปเรื่อย ๆ จนจบคอลัมน์นะครับ สำหรับในกลุ่มลุ้นโควตาแชมเปี้ยนส์ลีก ก็คือ อันดับ 3 และ 4 (ในกรณีเชลซี ไม่ได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก) ระหว่าง ปืนใหญ่ "อาร์เซนอล", "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส และ "นกสาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด นั้น สถานการณ์ของทั้ง 3 ทีม ก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเองทั้งนั้น โดย ปืนใหญ่ ของอาร์แซน เวนเกอร์ ถ้าบุกไปเอาชัยเหนือ เวสต์บรอมวิช ได้ ก็ไม่ต้องสนใจผลการแข่งขันของทั้ง สเปอร์ส และ นิวคาสเซิล ว่าจะออกหัวหรือก้อย ในขณะที่ ทีมไก่เดือยทองของแฮร์รี่ เรดแนปป์ ก็ต้องเอาชัยเหนือฟูแล่ม ให้ได้ แล้วลุ้นให้ ปืนใหญ่ ไม่ชนะ เวสต์บรอมวิช พวกเขาก็จะได้อันดับที่ 3 ส่วนทีมนกสาลิกาดง ของอลัน พาร์ดิว ต้องบุกไปชนะ เอฟเวอร์ตัน เพียงสถานเดียว แล้วลุ้นให้อาร์เซนอล และ สเปอร์ส แพ้ทั้งคู่ พวกเขาจึงจะคว้าอันดับ 3 หรือ สาลิกาดง นิวคาสเซิล ไม่ก็ให้ทีมใดทีมหนึ่งแพ้ แล้วพวกเขาชนะ อย่างน้อย ๆ นิวฯ ก็จะซิวอันดับที่ 4 พออุ่นใจเอาไว้ก่อน แต่! ใครจะได้เฮในนัดสุดท้าย ก็ขอให้อ่านต่อไปเรื่อย ๆ ครับ แน่นอนว่า ส่วนใหญ่ของแฟนบอล ยังคงใจจดใจจ่ออยู่กับการตามลุ้นแชมป์ของ 2 ทีมเมืองแมนเชสเตอร์ ทั้ง ซิตี้ และ ยูไนเต็ด ที่จะต้องมาตัดสินชะตากรรมกันในวันสุดท้ายของซีซั่นพอดี สถานการณ์มาถึงตรงนี้ ผมมักจะเจอคำถามจากพรรคพวกเพื่อนฝูง คนที่รู้จัก ซึ่งจะยิงคำถามเข้าใส่แบบไม่ให้ได้ทันตั้งตัวเลยว่า ปีนี้ ใครจะเป็นแชมป์ ผมก็มักจะตอบแบบ "แบ่งรับแบ่งสู้" อยู่เสมอว่า แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสดีกว่า แต่ว่าก็อย่าได้คิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะหมดสิทธิก้าวไปเป็นแชมป์บอลลีกสูงสุดเป็นสมัยที่ 20 เป็นอันขาด เหตุผลที่ผมบอกออกไป ไม่ใช่เพราะผมมั่นใจในทีม "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ค ว่าจะบุกไปคว้าชัยชนะ หรือแบ่ง 1 คะแนนมาจากทีมเรือใบสีฟ้าที่ เอติฮัต สเตเดี้ยม หรอกครับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่! ที่ผมตอบพรรคพวกไปว่า แมนฯ ยูฯ ยังมีโอกาส เนื่องจากว่าพวกเขา จะบุกไปเอาชนะเหนือทีม "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ด้วยสกอร์ถล่มทลายเกินกว่า 10 ประตู จนมีประตูได้-เสียสะสม แซงหน้า แมนฯ ซิตี้ จนได้ ใครจะบอกว่า ผม "ฝัน" ไปหรือเปล่าก็ช่างเถอะ แต่ที่ผมคิด และมักจะตอบออกไปเช่นนี้ เพราะผมเชื่อว่า ในนัดสุดท้ายของบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้นั้น ทุก ๆ ทีม ล้วนแล้วแต่จะต้อง "พึ่งตัวเอง" แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นหากอยากจะไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเอง ทีมเรือใบสีฟ้า ของโรแบร์โต้ มันชินี่ ก็จะต้องคว้าชัยเหนือควีนส์ปาร์คให้ได้ และควรจะยิงประตูตุนเอาไว้สักหน่อย เพื่อเดินหน้าไปสู่แชมป์แบบสบายใจหายห่วง ไม่ต้องไปสนใจว่า คู่แข่งร่วมเมืองจะยิงซันเดอร์แลนด์มากมายแค่ไหน ทีมปิศาจแดง ของท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็จะต้องบุกไปเอาชัยแบบฟ้าถล่มดินทลายเหนือ ซันเดอร์แลนด์ ให้ได้ เพื่อไล่แซงหน้าทีมคู่แข่งรวมเมืองได้อย่างที่หวัง เพื่อเป็นแชมป์สมัยที่ 20 ทีมปืนใหญ่ ของอาร์แซน เวนเกอร์ ก็จะต้องบุกไปคว้าชัยเหนือ เวสต์บรอมวิช ที่ฮอว์ธอร์น ให้ได้ เพื่ออันดับที่ 3 แน่ ๆ แบบไม่ต้องไปสนผลงานของคู่แข่งในนัดสุดท้าย เรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ทีมไก่เดือยทอง ของแฮร์รี่ เรดแนปป์ ก็ต้องเอาชัยในลอนดอนดาร์บี้เหนือ ฟูแล่ม ให้ได้ก่อน เพื่อให้ได้อย่างน้อยอันดับ 4 แล้วก็แช่ง อาร์เซนอล ให้ไม่ชนะในนัดสุดท้าย เพื่อเป็นที่ 3 หรือถ้าแช่งไม่สำเร็จ ก็ยังได้ไปแช่ง เชลซี ให้แพ้ บาเยิร์น มิวนิค ในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทีมดังแห่งลอนดอนตอนเหนือ จึงจะได้สิทธิไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป ทีมนกสาลิกาดง ของอลัน พาร์ดิว ก็ต้องบุกไปชนะเอฟเวอร์ตัน ให้ได้ก่อน แล้วแช่งให้ทั้งอาร์เซนอล และ สเปอร์ส แพ้ทั้งคู่ หรือไม่ก็ให้ อาร์เซฯ แพ้, สเปอร์ส เสมอ ทีมยักษ์ใหญ่จากภาคอีสาน ก็จะได้สิทธิไปเล่นบอลแชมเปี้ยนส์ลีกในฐานะอันดับ 3 หรือถ้าได้ที่ 4 ก็ค่อยไปแช่งเชลซี อีกที ในขณะที่เป้าหมายของทีมทหารเสือราชินี ของมาร์ค ฮิวจ์ส ต้องบุกไปคว้าอย่างน้อย 1 แต้มจากถิ่นเอติฮัต สเตเดี้ยม พวกเขาก็จะอยู่รอดปลอดภัย ส่วน โบลตัน ของโอเว่น คอยล์ ก็ต้องบุกไปชนะสโต๊ค แล้วเชียร์ให้ แมนฯ ซิตี้ มีชัยเหนือ ควีนส์ปาร์ค พวกเขาก็จะได้อยู่ต่อ เรียกว่า แต่ละทีม ต่างก็มีภารกิจของตัวเองที่จะต้องกระทำให้แล้วเสร็จ เพียงแต่ว่า ภารกิจของบางทีม (แมนฯ ซิตี้ , อาร์เซนอล , สเปอร์ส , โบลตัน) ดูไม่ยากเกินไปกว่าที่พวกเขาจะกระทำ แต่สำหรับบางทีม (แมนฯ ยูฯ, นิวคาสเซิล, ควีนส์ปาร์ค) ภารกิจในนัดสุดท้าย มันยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่าหนัง "มิสชั่น อิมพอสซิเบิล" แค่นั้นเองครับ ทว่า! สุดท้ายแล้ว ใครจะสมหวัง หรือผิดหวัง ไม่เกิน 5 ทุ่มของวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคมนี้ ได้รู้กัน แหล่งข่าว : http://sport.sanook.com จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 05:41:21

ความคิดเห็นที่ 59 ปรีวิวพรีเมียร์ ลีก นัดปิดฤดูกาล วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2555 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ v ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส(21.00 น.) “เรือใบ” แมนเชสเตอร์ ซิตี้คึกกันสุดๆ เพราะนักเตะในทีมฟิตเต็มถังพร้อมลงคว้าชัยชนะเหนือคิวพีอาร์เพื่อกรุยทางสู่แชมป์พรีเมียร์ ลีก มาริโอ บาโลเตลลี่น่าจะกลับมาเป็นตัวสำรองที่ข้างสนาม หลังจากเขาหายหน้าไปในเกมกับนิวคาสเซิ่ล แซมบ้า เดียกิเต้มิดฟิลด์ของควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์สยังคงไม่พร้อมลงเล่น เนื่องจากติดไวรัสอยู่ ฌอน เดอร์รี่ย์กำลังรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาและเอกอส บุซซากี้ยังไม่แน่ว่าจะพร้อมหรือไม่ แต่ไฮดาร์ เฮลกูสันน่าจะกลับมาจากอาการบาดเจ็บที่ขาหนีบได้ เบน ฟรีคิกฟันธง : ซิตี้ชนะ 2-0 ซันเดอร์แลนด์ v แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด(21.00 น.) เวส บราวน์กลับมาซ้อมพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว หลังเจ็บหัวเข่ามาอย่างนาน แต่เกมนี้ก็ยังไม่น่าจะมีชื่อทันลงเล่น คีแรน ริชาร์ดสันและเซบาสเตียน ลาร์สสันต่างก็หมดสิทธิ์ลงเล่น แต่ไตตัส บรัมเบิ้ลกลับมามีชื่อในทีมอีกครั้ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันกุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ออกมายืนยันแล้วว่าคริส สมอลลิ่งจะพลาดเกมนี้และเกมยูโร 2012 เพราะเจ็บขาหนีบ แดนนี่ เวลเบ็คก็ยังคงไม่สามารถลงเล่นได้ เพราะเจ็บที่ข้อเท้า เบน ฟรีคิกฟันธง : แมนฯยูฯชนะ 2-1 เวสต์บรอมวิช v อาร์เซนอล(21.00 น.) คริส บรันท์กัปตันทีมเวสบรอมดันปวดทอนซิลส์ขึ้นมา ทำให้เขาไม่สามารถลงเล่นในเกมสั่งลารอย ฮอดจ์สันที่จะไปคุมทีมชาติอังกฤษหลังจบฤดูกาลนี้ได้ พอล ชาร์เนอร์จะเล่นเกมสุดท้ายให้กับทีม ในขณะที่ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้และเจอโรม โธมัสยังไม่แน่ว่าจะยังไง อาร์เซนอลอาจจะได้ตัวธีโอ วัลค็อตต์กลับมาเร็วกว่าที่คาด เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหลังต้นขาหายไวเหลือเกิน บาการี่ ซานญ่าต้องเข้ารับการผ่าตัดขาที่หัก แน่นอนว่าเขาต้องพักยาวเลยทีเดียว เบน ฟรีคิกฟันธง : อาร์เซนอลชนะ 3-1 เชลซี v แบล็คเบิร์น(21.00 น.) ดาวิด ลูอิซและแกรี่ เคฮิลล์กำลังพยายามเร่งความฟิตเพื่อให้ทันเกมนัดชิงชนะเลิศ แชมป์เปี้ยนส์ ลีกกับบาเยิร์น มิวนิค ทำให้เกมนี้ยังไม่ทันพร้อมลงสนามแน่นอน จอห์น โอบี มิเกลไม่น่าจะถูกเสี่ยงส่งลงสนาม หลังจากเพิ่งจะหายเจ็บที่หัวเข่ามาไม่นานนี้ แบร๊ดลี่ย์ ออร์แข้งแบล็คเบิร์นไม่มีชื่อในเกมนี้ เพราะเข้ารับการผ่าตัดเอ็นร้อยหวาย พอล โรบินสันและเดวิด ดันน์ต้องเช็กอาการกันก่อน แต่กาแอล ชิเว่ต์ได้ลงเล่นแน่นอน หลังจากถูกจับนั่งสำรองในเกมที่แล้ว เบน ฟรีคิกฟันธง : เชลซีชนะ 2-0 สวอนซี v ลิเวอร์พูล(21.00 น.) เบรนดาน ร็อดเจอร์สกุนซือของสวอนซีไม่มีปัญหาบาดเจ็บของนักเตะในทีมแต่อย่างใดก่อนเกมนี้ ลีออน บริตตันน่าจะกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง หลังหายเจ็บที่หัวเข่าแล้ว แต่เคมี่ ออกัสตินและเฟอร์รี่ บ็อดเด้ยังเจ็บอยู่ สตีเว่น เจอร์ราร์ดกัปตันทีมพลังไดนาโมของลิเวอร์พูลพลาดเกมกลางสัปดาห์ที่เอาชนะเชลซีไปเพราะมีปัญหาที่หลังและก็น่าจะไม่พร้อมลงเล่นในเกมนี้เช่นเดิม มักซี่ โรดริเกซคาดว่าจะได้เล่นเป็นตัวจริงและน่าจะเป็นเกมสุดท้ายของเขากับ “หงส์แดง” ด้วย เบน ฟรีคิกฟันธง : สวอนซีชนะ 3-0 ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส v ฟูแล่ม(21.00 น.) เจ้าบ้านจะไม่มีแดนนี่ โรสที่ติดโทษแบนอยู่ ในขณะที่แบ็คขวาหน้าป่วยอย่างเบนอต์ อัสซู เอก็อตโต้ก็ดันเจ็บอยู่ ฉะนั้นแล้ววิลเลี่ยม กัลป์ลาสก็จะต้องขยับออกไปยืนแบ็คในเกมนี้ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ยังไม่แน่กับปัญหาที่เอ็นร้อยหวาย ซานโดรจึงน่าจะได้ลงเล่นแทนเขาในตำแหน่งมิดฟิลด์ ฟูแล่มจะไม่มีคลิ้นท์ เด็มป์ซี่ย์เพราะเจ็บที่ขาหนีบอยู่ ในขณะที่ไรอัน รุยซ์, ดิคสัน เอตูฮูและสตีฟ ซิดเวลล์ก็นอนเตียงยาวๆกันไป เบน ฟรีคิกฟันธง : สเปอร์สชนะ 2-0 เอฟเวอร์ตัน v นิวคาสเซิ่ล(21.00 น.) เจ้าบ้านจะได้ทั้งเลจ์ตัน เบนส์, ฟีล เนวิลล์และดาร์รอน กิ๊บสันกลับมาจากอาการบาดเจ็บเพื่อลงเล่นในเกมนี้ วิคเตอร์ อนิเชเบ้และแจ็ค ร็อดเวลล์ยังคงต้องนั่งที่ข้างสนามต่อไป เพราะเจ็บที่ขาหนีบและกล้ามเนื้อหลังต้นขาตามลำดับ แดนนี่ ซิมป์สันหมดสิทธิ์ลงเล่นแน่นอน เพราะมีปัญหาบาดเจ็บที่ข้อเท้า ในขณะที่ลีออน เบสท์มีปัญหาที่ต้นขา เบน ฟรีคิกฟันธง : เสมอ 1-1 วีแกน v วูล์ฟส์(21.00 น.) เดวิด โจนส์เป็นเพียงคนเดียวของวีแกนที่มีปัญหาด้านความฟิต ก่อนที่จะลงเล่นกับอดีตต้นสังกัดของเขาในวันอาทิตย์นี้ แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่โรแบร์โต้ มาร์ติเนซกุนซือของทีมก็มีตัวเลือกให้ใช้เพียบในเกมนี้ คริสโตเฟอร์ แซมบ้าและไมเคิ่ล ไคท์ลี่ย์ต่างก็มีปัญหาและไม่แน่ว่าจะพร้อมลงเล่นในเกมนี้หรือไม่ เบน ฟรีคิกฟันธง : วีแกนชนะ 3-2 นอริช ซิตี้ v แอสตัน วิลล่า(21.00 น.) อดัม ดรูรี่ย์แบ็คของนอริชกำลังรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บที่ขาหนีบอยู่และไม่แน่ว่าจะพร้อมสำหรับเกมวันอาทิตย์นี้หรือไม่ ด้านแก๊บบี้ อักบอนลาฮอร์ของแอสตัน วิลล่านั้นมีอาการบาดเจ็บอยู่ เช่นเดียวกันกับเอมิล เฮสกีย์, ดาร์เรน เบนท์และอังเดรส ไวแมนน์ที่ต้องนั่งดูเพื่อนเล่นไปในเกมนี้ อลัน ฮัตตันมีปัญหาที่ข้อเท้า ทำให้เจมส์ คอลลินส์น่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ในขณะที่คาร์ลอส คูเอญาร์จะโยกไปเล่นแบ็คขวาในเกมนัดส่งท้ายของเขากับทีม เบน ฟรีคิกฟันธง : นอริชชนะ 1-0 สโต๊ค ซิตี้ v โบลตัน(21.00 น.) มาร์ค วิลสันปราการหลังของสโต๊คไม่แน่ว่าจะลงเล่นได้ไหม เพราะมีปัญหาบาดเจ็บที่หลัง ซึ่งทำให้เขาต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมกับควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส แอนดี้ วิลกินสันและเจอร์เมน เพนแนนท์น่าจะสลัดอาการบาดเจ็บลงเล่นให้กับทีมในเกมนี้ได้ โอเว่น คอยล์กุนซือของโบลตันหวังว่าไนเจล รีโอ โคเกอร์และมาร์ค เดวี่ส์กับดาร์เรน แพล๊ตลี่ย์จะพร้อมสำหรับเกมนี้ เกรตาร์ สไตนส์สันยังคงต้องนั่งดูเพื่อนเล่นไปก่อน เพราะเจ็บที่ต้นขาไม่หาย เบน ฟรีคิกฟันธง : โบลตันชนะ 2-1 จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 05:46:51