ความคิดเห็นที่ 1 เป็นอีกปีหนึ่ง ที่ผ่านไปแบบ"พอมีความสุข" สำหรับแฟนบอล ดูกันไปปีหน้า ว่าจะมีอะไรให้คาดหวังมากกว่านี้ครับ เชียร์กันต่อไป จากคุณ : หลังโรง เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:07:58

ความคิดเห็นที่ 2 สิงหาคม :การจากไปของห้องเครื่อง, การรับน้องในเซนต์เจมส์ พาร์ค และโศกอนาฏกรรมในโอลด์ แทรฟฟอร์ด                  อาร์เซน่อลเปิดฤดูกาลมาด้วยการสูญเสีย 2 มิดฟิลด์ตัวสำคัญ คนแรกคือเชส ฟาเบรกาส อดีตกัปตันทีมและมิดฟิลด์ห้องเครื่องคนสำคัญ เจ้าของสถิติ 100 Assists ตลอดเวลาที่ค้าแข้งในลอนดอนเหนือ โดยตลอดเวลาของฤดูกาล 2010 เชสก็มักจะมีข่าวเชื่อมโยงถึงการกลับไปเล่นในบ้านที่บาร์เซโลน่า แม้เจ้าตัวก็ไม่เคยปริปากพูดถึงการย้ายใดๆ อาจจะเพราะต้องการให้เกียรติสโมสรต้นสังกัดหรือเหตุผลส่วนตัว แต่สุดท้าย เชสก็เลือกที่จะวิ่งตามความใฝ่ฝันในการกลับไปเล่นให้กับยอดทีมของคาตาลัน เคียงบ่าเคียงไหล่กับไลโอเนล เมสซี่ ชาบี้ เฮอร์นานเดส และอันเดรส อิเนสต้า                  จากนั้น ในนัดแรกของฤดูกาล อาร์เซน่อลต้องออกไปเยือนนิวคาสเซิลในถิ่นเซนต์เจมส์ พาร์ค พร้อมกับลองนักเตะใหม่อย่าง เเชร์วิญโญ่ ที่ซื้อมาจากลีลล์ในราคาประมาณ 10 ล้านปอนด์ ตลอดเกมนั้น แชร์วิญโญ่สามารถสร้างปัญหาให้กับฝั่งซ้ายของนิวคาสเซิลได้ตลอด แต่ไม่นาน ดาวเตะน้องใหม่ก็เจอรับน้องอย่างหนัก จากจังหวะที่ทิโอเต้แท็กเกิ้ลเเชร์วิญโญ่ในเขตโทษ แชร์วิญโญ่ล้มลงแต่กรรมการไม่เป่า แชร์วิญโญ่จึงดันตัวเองขึ้นมาพร้อมกับที่โจอี้ บาร์ตัน กระชากคอเสื้อแชร์วิญโญ่ขึ้นมา เกิดการตะลุมบอนระหว่างนักเตะทั้ง 2 ทีม แชร์วิญโญ่ซึ่งทนไม่ไหว ไปผลักโจอี้ บาร์ตันที่หัวเข้าอย่างจัง กรรมการจึงให้ใบแดงไล่ออกในนัดแรกของฤดูกาลของอาร์เซน่อล และนัดแรกในสีเสื้ออาร์เซน่อลของแชร์วิญโญ่                  เหตุการณ์หลังจากนั้นไม่มีอะไรดีขึ้นมา ซ้ำร้ายมีแต่จะแย่ลงไปเรื่อยๆ อาร์เซน่อลเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของลิเวอร์พูล พร้อมกับส่งนักเตะด้อยประสบการณ์หลายคนลงไป เอ็มมานูเอล ฟริมปง ที่ทำหน้าที่กองกลางตัวรับอย่างเต็มรูปแบบ ไล่เตะนักเตะของลิเวอร์พูลจนหลายต่อหลายคน แถมแจกนิ้วกลางให้กับลูคัส จนในที่สุดก็ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ผลในนัดนั้นอาร์เซน่อลพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 0-2 และหนึ่งในนั้น อารอน แรมซีย์ ก็เป็นคนทำเข้าประตูตัวเองอีกด้วย                  หลังจากผลการพ่ายแพ้ในนัดนั้น ซาเมียร์ นาสรี่ มิดฟิลด์คนสำคัญอีกคน ก็เลือกที่จะเก็บกระเป๋าออกจากถิ่นเอมมิเรตส์ และย้ายบ้านใหม่ไปที่เมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อไขว่คว้าหาความสำเร็จทั้งถ้วยรางวัลและเงินค่าจ้างจากทีมบลูมูน แมนเชสเตอร์ ซิตี้                  หากความเจ็บช้ำจากการพ่ายแพ้และความสูญเสียยังไม่สาแก่ใจ อาร์เซน่อลก็มีวิธีการสร้างความเจ็บปวดให้มากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ด้วยการส่งทีมทีมพิการไปโดนยำใหญ่ในเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด คาร์ล เจนกินสัน โยฮัน ชูรู ฟรานซิส ก็อกเกอแลง อาร์มอง ตราโอเร่ ชื่อเหล่านี้คือตัวจริงในวันนั้น ส่วนสำรองคือ อิ๊กนาซี่ มิกเกล เฮนรี่ แลนส์บูรี่ จิลเลส ซูนู โอซุกฮาน ออซยาคุป....                  คงไม่ต้องอธิบายว่าวันนั้นเป็นวันที่แฟนแมนยูมีความสุขแค่ไหน และแฟนอาร์เซน่อลรู้สึกแย่แค่ไหน การเข้าทำประตูของนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5 คนจากนาที 21,28,41,64,67,70,81,90 อีกทั้งแฮททริกของ เวนย์ รูนี่ ไม่เพียงพอที่จะให้สกอร์สองลูกในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของอาร์เซน่อลมีความหมาย อาร์เซน่อลต้องหอบหัวใจอันบอบช้ำกลับลอนดอนด้วยสกอร์ 8-2 และปัญหาอีกสารพัดตั้งแต่กองหน้าถึงผู้รักษาประตู และทำให้ทางสโมสรเอง ต้องประกาศคืนเงินค่าตั๋วกว่า 3,000 ใบให้กับสาวกกูนเนอร์ที่เดินทางไปชมโศกอนาฏกรรมใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด                  ผลจากความพ่ายแพ้ในนัดนั้น ถีบอาร์เซน่อลให้ตกไปอยู่ในอันดับ 17 ของตาราง มี 1 คะแนนจากการเล่น 3 นัด ผลต่างประตูได้เสียติดลบ 8 และเป็นการสตาร์ทฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 50 กว่าปี จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:10:26

ความคิดเห็นที่ 3 ผมสาบานได้ว่าดูนี่แล้วน้ำตาซึมๆครับ #ปล.ผมไม่ใช่คนอ่อนไหวง่ายๆจริงจริ๊งนะ จากคุณ : ชื่อไหนไหนก็ซ้ำ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:12:37

ความคิดเห็นที่ 4 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 17:19:43 จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:19:01

ความคิดเห็นที่ 5 กันยายน : การเข้ามาของ 5 นักเตะใหม่ ความพ่ายแพ่ต่อลูกทีมของสตีฟ คีน และลูกที่ 100 ของ RVP                  หลังจากที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับในโอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมกับปัญหาต่างๆ มากมายที่รุมเร้า และกระแสข่าวการขับไล่ อาร์แซน เวนเกอร์ สุดท้าย อาร์เซน่อลตัดสินใจดึง 5 นักเตะใหม่เข้ามา ในวันสุดท้ายของการปิดตลาดซื้อขาย ตั้งแต่กองหลังยันกองหน้า คือ ปาร์คชูยอง,แพร์ เมอร์แตซักเกอร์,มิเกล อาร์เตต้า,ยอสซี่ เบนายูน และ อังเดร ซานโตส และนักเตะเหล่านี้ คือความหวังใหม่ของอาร์เซน่อลที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของยอดทีมจากลอนดอนขึ้นมา ได้                  นักเตะใหม่ที่เข้ามา ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับทีม และเข้ากับสไตล์ของทีม แม้จะสามารถเก็บชัยชนะในการเปิดบ้านต้อนรับสวอนซี แต่ก็ต้องไปพ่ายแพ้ในถิ่นอีวู้ด พาร์ค ด้วยสกอร์ 5-3 และ 2 ใน 4 ลูกของเเบล็กเบิร์น ก็มาจากการทำเข้าประตูตัวเองของโลรอง กอสเซียลนี่ และอเล็ก ซง แต่ที่น่าเสียดายที่สุดคือ อาร์เซน่อลสามารถขึ้นนำได้ถึง 2 ครั้ง ยิงไป 5 ประตู แต่ผลออกมากลับกลายเป็นว่า ลูกทีมของสตีฟ คีน กุนซือเก้าอี้ร้อน กลับคว้าชัยชนะไปในเกมส์นี้ได้                  ไม่นานหลังจากนั้น อาร์เซน่อลก็เปิดบ้านรับการมาเยือนของโบลตัน วันเดอร์เรอร์ได้ และเเน่นอน เพชรอยู่ที่ไหน ก็ยังเป็นเพชร โรบิน ฟาน เพอร์ซี ฉายแววความเก่งกาจของกัปตัน ความหวัง และที่พึ่งสุดท้ายของทีม ด้วยการยิงประตูโบลตันในนาทีที่ 46 และ 72 และอเล็กซ์ ซง เป็นผู้มาปิดกล่องความสำเร็จด้วยการยิงอีก 1 ประตูในนาที 89 ทำให้ลูกทีมของโอเว่น คอยล์ เดินออกจากถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ด้วยมือเปล่า และทำให้โรบิน ฟาน เพอร์ซี ทำสถิติ ถล่มประตูที่ 100 ในเกมนี้ ติดทำเนียบตำนานของสโมสรไปเป้นที่เรียบร้อย                  นี่เป็นเพียงปฐมบทของความเก่งกาจ และเเววผู้นำของลูกผู้ชายที่ชื่อว่า Robin Van Persie เท่านั้น .... แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 19:03:03 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 17:28:58 จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:20:15

ความคิดเห็นที่ 6 ตุลาคม : เริ่มต้นเดือนด้วยความพ่ายแพ้ต่อทีมในลอนดอน 2-1 จบปลายเดือนด้วยชัยชนะเหนือทีมในลอนดอน 5-3                    อาร์เซน่อลเริ่มต้นเดือนตุลาคมด้วยการออกไปเยือนท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ คู่ปรับตลอดกาลในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน การเผชิญหน้ากับอดีตนักเตะอาร์เซน่อล ที่เคยประกาศตัวว่า "เล่นที่อาร์เซน่อลแล้วค่อดมีความสุข จะให้เล่นฟรีๆก็ยังได้" เอ็มมานูเอล อาร์เดบายอร์ สร้างความปั่นป่วนให้กับแผงหลังของอาร์เซน่อลมาทั้งเกม แม้จะไม่ได้เป็นคนทำประตู เเต่ 2 ลูกของท็อตเเน่ม ที่ได้จากราฟาเอล ฟานเดอร์ฟาร์ท และ ไคลย์ บาร์สลีย์ ก็เพียงพอที่จะทำให้ไก้เดือยทอง คว้าสามแต้มไปกอด พร้อมกับความสุขที่มีชัยเหนืออริร่วมเมืองได้                    ไม่นาน อาร์เซน่อลต้องออกไปเยือนมาร์กเซย ในศึก UCL ในเกมที่ทุกอย่าง ทำท่าว่าจะจบลงที่ผลเสมอใน Stade Velodrome แต่ด้วยลูกเปิดจากโยฮัน ชูรู มาที่หน้ากรอบเขตโทษ แชร์วิญโญ่รับพลาด บอลไปเข้าทาง อารอน แรมซีย์ แล้วยิงเข้าไปในนาทีที่ 90 นับเป็น Away Game ในแชมป์เปี้ยนส์ลีกที่เก็บคลีนชีตได้ในรอบหลายปี และที่สำคัญ ชื่อคนเปิดบอลกับชื่อคนยิง ยังทำให้แฟนๆอาร์เซน่อลต้องตะลึงพรึงเพริด ขยี้ตากันเป็นแถว....                    ใช่แล้ว คน Assist คือ โยฮัน ชูรู ส่วนคนยิงคือ อารอน แรมซีย์                    และเเล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เข้าทางอาร์เซน่อล กับเกมแห่งฤดูกาลที่เหล่าสาวกกูนเนอร์ไม่มีวันลืม การเดินทางไปเยือนถิ่นสเเตมฟอร์ด บริดจ์ของเชลซี คงทำให้กูนเนอร์คิดว่า "แค่ผลเสมอออกมาก็พอแล้ว" แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะวันนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะเป็นใจให้เหล่ากูนเนอร์ ได้ฉลองกันเต็มที่ แม้จะโดนขึ้นนำถึง 2 รอบจากลูกยิงของแฟรงค์ แลมพาร์ด และ จอห์น เทอร์รี่ และถูกตามตีเสมอด้วยลูกยิงของฮวน มาต้า แต่ด้วยฟอร์มที่เฉียบขาด การประสานงานเป็นทีมเวิร์ก และท่า "เทอร์รี่จับกบ" ก็ทำให้สาวกอาร์เซน่อลได้เฮด้วยสกอร์ถลุงเจ้าบ้านไปถึง 5-3 และที่สำคัญ 3 ลูกมากการยิงของกัปตัน โรบิน ฟาน เพอร์ซี ที่โชว์ฟอร์มสุดยอดด้วยการป่วนกองหลังเชลซีตลอดเวลา และยิงลูกปิดกล่องด้วยเท้าซ้ายหนีมือปีเตอร์ เช็ก เข้าไปอย่างสวยงาม แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 19:03:36 จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:27:37

ความคิดเห็นที่ 7 กว่ากระทู้นี้จะเสร็จคงดึกๆ มาอ่านทีเดียวตอนค่ำๆก็ได้ค่ะ เราจะอยู่ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะเสร็จ จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:30:56

ความคิดเห็นที่ 8 ขออนุญาตปาดครับ จะรออ่านนะครับขอบคุณล่วงหน้า ^^ ------------- คลิป #3 มันปนๆ นะครับ แรกๆ ซึมๆ คลอๆ หลังๆ ฮึกเหิม...บางระจันๆๆ จากคุณ : toschatz เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:40:57

ความคิดเห็นที่ 9 ปาดหน่อย ฤดูกาลที่แล้วเราเริ่มจาก 100 ลดๆๆ ลงไปเหลือ 0 ฤดูกาลนี้เริ่มจาก 0 ขยับๆ ไปที่ 100 ครับ ความรู้สึกเลยสมหวังมากกว่าผิดหวัง เพราะจะรู้สึกจริงๆก็ต่อเมื่อจบฤดูกาล ฤดูกาลที่แล้ว เราเกาะแย่งแชมป์กับแมนยู แต้มสูสีกันมาก จนถึงสิบนัดสุดท้าย นัดที่เราแพ้ให้กับเบอร์มิ่งแฮมในนัดชิง นั่นแหละครับ หายนะของทีม ฟอร์มหลุดลุ่ยจากที่ 2 ลงไปที่สี่อย่างรวดเร็ว จากคุณ : GunnerLoveLove เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:41:54

ความคิดเห็นที่ 10 ปาดได้มั๊ยนิ ส่วนตัวผม ได้ที่ 3 ยังไงก็ไม่เหมือนได้แชมป์ครับ ภาพรวมอาจจะดูเหมือนดี ผลงานสามนัดแรกจมท้ายตารางแล้วกลับมาจบที่ 3 ได้ ผมสรุปเป็นข้อๆดังนี้ 1. ทีม mismanagement ตั้งแต่ต้นซีซั่น ปล่อยให้เปิดซีซั่นทั้งๆที่ทีมพิการ ปล่อยให้ช่วงเวลาซัมเมอร์อันยาวนานเสียไปโดยปล่าวประโยชน์ ไม่มีการซื้อตัวแทนเซสก์และนาสรี่แบบสมน้ำสมเนื้อ จนโดนทะลวงไส้ 8-2 แล้วถึงจะซื้อแบบ panic buy หลายๆคน แม้กระทั่งต้องไปยืมตัวทีมอื่นมา 2. แพ้คู่ปรับอย่างแมนฯยูฯด้วยสกอร์ 8-2 ส่วนตัวผมรับไม่ได้ และสโมสรไม่ได้คืนเงินค่าตั๋วให้นะ แค่บอกว่าตั๋วเกมเยือนเกมหน้าฟรีจ้ะ แต่ค่าเดินทางออกเองนะจ๊ะ (เกมเยือนนัดถัดมาแพ้แบล็คเบิร์น 4-3 หืม !?) 3. โชคดีมากที่ปีนี้ RVP องค์ลง ฟอร์มพีคพอดี แถมไม่เจ็บเลยอีกต่างหาก 4. โชคดีอีกที่เชลซีปีนี้ฟอร์มห่วยสุดๆในช่วงที่โบอาสคุม เพราะว่ากันตามตรง ด้วยศักยภาพของเชลซีควรจะทำได้ดีกว่านี้ รวมทั้งโชคดีอีกที่คาเปลโล่ลาออกพอดี ทำให้แคมป์ไก่ระส่ำระสาย ฟอร์มหลุดไปพักใหญ่ 5. หมดมุขถึงขั้นต้องไปยืมตัวอองรีมาเล่นให้ (ไม่รู้ว่าส่วนนึงยืมมาเพื่อลดกระแส เพื่อเอาใจแฟนส่วนนึงด้วยหรือเปล่า) เกมเจอแบล็คเบิร์น นำเค้าขาดลอย แทนที่จะส่งปาร์คที่มีสัญญาอยู่กับทีมระยะยาว (กว่าอองรี) กลับส่งอองรีที่ยืมมาเล่นแป๊บๆลงแทน สรุปซื้อปาร์คมาทำไม ไม่มีโอกาสแม้จะได้พิสูจน์ตัวเอง 6. บอลลีกหมดลุ้นตั้งแต่ไก่โห่ แต้มตามแชมป์ 19 คะแนน 7. บอลถ้วยไม่ได้ลุ้นซักถ้วย แถมแชมเปี้ยนส์ลีกโดนมิลานถล่มยับ 4-0 8. แทนที่จะเข้าป้ายที่ 3 สบายๆช่วงปลายซีซํ่น ดันสติแตกเหมือนทุกปี ทำแต้มหลุดหายกับเกมที่ควรจะไม่พลาด ทั้งแพ้วีแกนในบ้าน เสมอนอริช แถมนัดสุดท้ายถ้าไม่ได้โกล์ WBA สงเคราะห์ให้ ป่านนี้คงจบที่ 4 ไปแล้ว สรุปคือ ความเห็นส่วนตัว ปีนี้ไม่มีผลงานอะไรดีขึ้นเป็นชิ้นเป็นอันแม้แต่น้อย จบที่ 3 ไป UCL ก็เท่านั้น เพราะยังไงไปเล่นก็ไม่มีทางได้แชมป์อยู่แล้ว โควต้า UCL มันก็แค่ตำแหน่งที่ทางยูฟ่าเค้ากำหนดให้เพิ่มเพื่อหวังผลกำไรก็เท่านั้น ไม่ได้แปลว่าทีมจะประสบความสำเร็จอะไร เมื่อก่อนจบอันดับ 3 ก็ได้แค่ไปเล่นยูฟ่าคัพ ต่อไปเห็นพลาตินี่บอกอาจจะให้โควต้าไปเล่น UCL ได้ 6 ทีม จบที่ 6 ก็คงถือว่าเป็นความสำเร็จ? ผมว่าทีมเรามีศักยภาพที่จะทำได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกปี แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำ มันขาดนิดขาดหน่อยทุกปี ก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แมนฯยูฯปีนี้ว่ากันตามตรงก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนปีก่อนๆที่มีโรนัลโด้อยู่ ซิตี้ก็ไม่ได้เป็น unbeatable ขนาดนั้น เกมนอกบ้านออกทะเลก็เยอะ จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:50:58

ความคิดเห็นที่ 11 พฤศจิกายน : เมสซี่สิงร่างอเล็กซ์ ซง การกลับมาเยือนของซาเมียร์ นาสรี่ และลูกยิงดับฝันของเซอร์จิโอ้ อเกวโร่                  สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งในฤดูกาลนี้ คือการฉายแววเจิดจรัสของกองกลางตัวรับอย่าง Alex Song ที่แต่ก่อน ได้ฉายาจากเหล่ากูนเนอร์สในเมืองไทยว่า "น้องซง ลงเป็นเซ็ง" การเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับ เซส ฟาเบรกาส ยอดมิดฟิลด์ระดับโลก คงทำให้ซงได้อะไรมาบ้าง ไม่มากก็น้อย จากแต่ก่อนที่ต้องคอยสนับสนุนการเล่นของเซสด้วยการคอยไล่ตัดเกมให้ แต่ตอนนี้ เมื่อ Alex Song ดันตำแหน่งขึ้นมาสูง การเข้าฟอร์ม และการประสานงานกับโรบิน ทำให้ความเก่งกาจของซง ได้เจิดจรัสออกมา โดยเฉพาะในเกมที่เเข่งกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แชมป์บุนเดสลีกา                  หากใครยังจำได้ ในเกมนั้น เหล่ากันเนอร์สหลายๆคน หมายมั่นปั้นมือจะดูฟอร์มการเล่นของมาริโอ เกิตเซ่ เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญที่มีข่าวโยงกับอาร์เซน่อล แต่เกิตเซ่ก็มีอันต้องออกจากสนาม เนื่องจากอาการบาดเจ็บ แถมดอร์ทมุนด์ ยังไม่มีสเวน เบนเดอร์ ที่ถูกเท้าของโทมัส แฟร์มาเล่น อัดเข้าไปที่กรามจนกรามหัก ทำให้เกมของดอร์ทมุนด์สะดุด โดยเฉพาะเมื่อปะทะกับ อเล็กซ์ ซง ที่สวมวิญญาณเมสซี่ ลากบอลจากเกือบกึ่งกลางสนาม ผ่านผู้เล่น 3 คน แล้วชิปอย่างสวยงามให้โรบิน ฟานเพอร์ซีโหม่งเข้าไป ในวินาทีนั้น หลายๆคนคงอ้าปากค้าง กับโค-ตะ-ระ-สกิลของไอ้หนูจากแอฟริกา พร้อมกับอุทานไปว่า เมิงทำได้ไง                  ทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้เหมือนจะดีขึ้น เเต่ไม่นานก็ต้องสะดุดลง เมื่อสิ้นเดือน อาร์เซน่อลมีเกมพบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในบ้าน พร้อมกับการกลับมาเยือนของซาเมียร์ นาสรี่ อดีตมิดฟิลด์ที่ตอนนี้ กลายเป็นศัตรูของเหล่าสาวกกูนเนอร์สไปแล้ว ทุกครั้งที่นาสรี่ได้บอล ก็จะมีแต่เสียงโห่ และเพลงประจำตัวก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมา จาก "Na Samri Nasri Nasri Samir Nasri" กลายเป็น "Samir, you're c***,you're c***. Samir, you're c***" ร้องแบบนี้ทำเอานาสรี่อยากออกจากสนาม เกือบเปลี่ยนตัวผิดทีเดียว                  แม้ว่าจะเล่นเกมในบ้าน แต่ประสบการณ์และความเก๋าของอาร์เซน่อล ก็ไม่สามารถสู้ทีมสำรองแมนซิตี้ได้ จากจังหวะเตะมุมของอาร์เซน่อล บอลหลุดไปที่เอดิน เซโก้ ไปเกือบสุดสนามส่งบอลให้อเกวโร่ และ ตู้ม! 1-0 ทั้งๆที่อาร์เซน่อลเป็นฝ่ายบุกทั้งเกม                  ดูเกมนี้แล้วเข้าใจเลย ว่าชุดใหญ่ ชุดสำรอง ชุดเล็ก มักตายน้ำตื้นกับแทคติก "อุดทั้งเกม ตู้มเดียวจอด" และแน่นอน อาร์เซน่อลหลุดไปแล้ว 1 รายการ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 19:19:04 จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:57:04

ความคิดเห็นที่ 12 ## 10 ปาดได้เลยค่ะ ตามสบาย อันนี้แค่อยากเขียนเอาไว้อ่านเล่นเท่านั้น เเต่พอดีคิดว่าถ้าได้มาลองแบ่งปันกับสมาชิกห้องศุภด้วยน่าจะดีกว่า เราก็ไม่เคยรู้สึกนะคะว่าได้ที่ 3 เหมือนได้เเชมป์ แต่อันนี้เราเอาคำพุดมาจากมาร์ติน คีโอน (รึเปล่าไม่แน่ใจ) ที่พูดหลังจากนัดแพ้ยับ 8-2 ว่า "ปีนี้ ถ้าอาร์เซน่อลได้ที่ 3 ก็เหมือนได้เเชมป์" หลายๆสิ่งหลายๆอย่างจะตามด่าตามว่าเวนเกอร์มันก็ถูก เเต่ที่อยู่ในจุดนี้เราว่า "ส่วนหนึ่ง" ก็เพราะเขาเอง เราตามอาร์เซน่อลมาอาจจะไม่ได้หลายปีขนาดนั้น แต่ก็พอจะเข้าใจว่าการนำสภาพทีมกระท่อนกระแท่น มาจบอันดับ 3 ในลีกได้มันยากขนาดไหน เราไม่ได้สนับสนุนให้เวนเกอร์อยู่ต่อนะคะ และไม่ได้สนับสนุนให้เค้าไปแบบไร้เกียรติ แล้วเดี๋ยวเราจะสรุปให้ว่าเพราะอะไร จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:05:19

ความคิดเห็นที่ 13 #10 รายละเอียด คุณนักมายากลแห่งรัสเซีย เป็น fact       อ่านยังไงก็ใช่ ตามนั้น แต่มันดูหดหู่พิกล      ส่วนรายละเอียด คุณ หมอ_คับ เป็น Emotion      อ่านแล้วแม้มันจะเลวร้าย แต่มันแฝงไปด้วยความหวังนิดๆ โดยส่วนตัวนะครับ เสพข้อมูล fact มาอิ่มทั้งฤดูกาลแล้ว ยังไงขอดื่มด่ำกับความสำเร็จที่จบที่3 ดีกว่า ^^ จากคุณ : toschatz เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:26:31

ความคิดเห็นที่ 14 ธันวาคม : ฉลองครบรอบ 125 ปีกับการก่อตั้งสโมสร ,ลูกยิงสุดสวยของ RVP ,และ Boxing Day สุดโหด                    เดือนนี้คือเดือนฉลองการก่อตั้งสโมสร 125 ปีของอาร์เซน่อล บรรดาเหล่านักเตะที่ จขกท. ทั้งเคยเห็นและไม่เคยเห็นต่างมาร่วมเป็นสักขีพยานการฉลองกันคับคั่ง ทั้งการเปิดตัวอนุสาวรีย์ 3 ตำนานรอบเอมิเรตส์ การเชิญศิทย์เก่ามาร่วมแสดงความยินดี ที่ดังๆก็มี Bob Wilson Charlie George David O'Leary Anders Limpar Ian Wright และอดีตนักเตะสโมสร ที่ จขกท. คุ้นเคย อย่าง Ray Parlour Robert Pires >////< Jens Lehmann หรือกระทั่งนักเตะที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ย้ายไปกี่สโมสร เหล่ากูนเนอร์สทุกคนก็จำเขาได้ดี Thierry Henry                   ในวันรวมศิทย์เก่า เป็นวันเดียวกันกับวันแข่งเอฟเวอร์ตัน และที่ขาดไม่ได้ คือสกอร์สุดคลาสสิกของทีม ด้วยการยิงประตูสุดคลาสสิกของกัปตัน และลูก Killer Pass สุดคลาสสิกของอเล็กซ์ซง โรบินรับลูกมาจากซงแบบไม่ต้องแต่ง กระโดดยิงกลางอากาศ ลูกเข้าเสาไกลแบบที่ทิม ฮาร์เวิร์ดได้แต่มองตาม แหมมม บรรยากาศสุดคลาสสิกจริงๆ                   ยิ่งเป็นเดือนธันวาคมแล้ว ก็ยิ่งเป็นเดือนแห่งความใจหายใจคว่ำ โดยเฉพาะบ็อกซ์ซิ่งเดย์ 3 นัดที่อาร์เซน่อลทำได้เพียงเสมอวูลฟ์ในบ้าน (พร้อมกับอาการ "องค์ลง" ของ เวนย์ เฮนเนสซี่) ชนะQPR ในบ้าน (ลูกหลุดเดี่ยวของวัลคอตต์ที่ถือเป็น Missed of the season) และแพ้ฟูแล่มนอกบ้าน (จากลูกยิงในนาทีสุดท้ายของซาโมร่า บร๊ะเจ้า!) อาร์เซน่อลส่งท้ายปีด้วยอันดับ 3 ในตาราง แต่ต้อนรับปีใหม่ด้วยอันดับ 4 ในตาราง เห็นอันดับตารางแล้วปรับอารนณ์กันไม่ทันทีเลย  แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 19:02:24 จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:41:10

ความคิดเห็นที่ 15 ปีหน้าเอาใหม่ครับ ฤดูกาลนี้ผมว่า ฟอร์มเราไม่คงที่เลยอ่ะ นัดจะดีก็ดีใจหาย นัดจะแย่ก็แย่โคตรๆๆๆ ไม่เป็นไรสิ่งที่ผิดพลาดมันแก้ไขกันได้ เจอกันใหม่ฤดูกาลหน้าครับ ยังเชื่อมือบอสอยู่เหมือนเดิม มิเปลี่ยนแปลง จากคุณ : Jetfire เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:44:06

ความคิดเห็นที่ 16 สังเกตว่าแมนยูฯจะมีปฏิกิริยาที่เสียแชมป์ให้ซีตี้ โดยพูดถึง 50 ล้านปอนด์อัพเพื่อเตรียมซื้อนักเตะ ทีมปืนอาจจะว่างแชมป์มานานเกินไป จนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการมาของซิตี้และสเปอร์ ไม่เสริมมาก ไม่ใช้เงินทุ่ม เจียดเงินอย่างคุ้มค่าทุกปอนด์ จบที่ 3 คือความสำเร็จของทีม และแนวทางนี้ทำท่าว่า จะกลายเป็นเอกลักษณ์ของทีมแห่งลอนดอนทีมนี้ไปแล้ว   ผมลองย้อนนึกกลับไปสมัยเริ่มเชียร์ปืนใหม่ๆ สมัยมีอดัมส์ มีเบิร์คแคม มีวิเอร่า ฯลฯ แม้ไม่ได้แชมป์ทุกปี แต่เบียดสู้กับแมนยูฯได้สมศักดิ์ศรี และมีแชมป์ติดไม้ติดมือ ทั้งลีก ทั้งเอฟเอ ผมลองจินตนาการว่า ถ้าผมเพิ่งเริ่มมาดูบอลอังกฤษ แล้วมาดูปืน ดูแมนยู ดูซิตี้ นาทีนี้ ผม เฮ้อ... ขอสารภาพว่า ไม่แน่ใจว่า ตนเองจะตัดสินใจเป็นแฟนปืน เป็นกูนเนอร์ จากคุณ : Younger Pat เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:50:23

ความคิดเห็นที่ 17 ขออนุญาตปาด มาแปะ ซง องค์เมสซีลง เผื่อจะได้เก็บทู้นี้ไว้อ่าน จากคุณ : JoNoTo เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:51:12

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่่ามันต้องดูนโยบายของเจ้าของทีมด้วยอ่ะครับ สังเกตุมาหลายๆๆปี โดยเฉพาะปีหลังๆไม่เน้นแชมป์เท่าไำหร่(พูดตามตรง) เน้นติดอันดับ Top4 เจ้าของทีมก็คงพอใจแล้วมั้ง ตราบใดที่ตัวผู้เล่นแบบนี้ แล้วยังได้ไปเตะ UCL ทุกปี ผมว่านโยบายคงยังเหมือนเดิมล่ะครับ แบบจะให้งบมาซื้อสตาร์ดังๆ คงเป็นไปได้ยากมากกกกกกกกกก แต่ตอนต้นฤดูกาล เ้ค้าคงกลัวมันจะแย่ไปกว่านั้นเลยให้งบมาจัดหนักไปตอนเปิดตลาดรอบ 2 จากคุณ : Jetfire เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 19:04:39

ความคิดเห็นที่ 19 มกราคม : การกลับมาของอองรี และการเปลี่ยนตัว 50,000 ครั้งของเวนเกอร์                     เดือนนี้อาจทำเอาหลายคนน้ำตานองหน้า กับการกลับมาของอองรีในสีเสื้อปืนอีกครั้ง แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะสั้นๆของการยืมตัวแค่2 เดือน แต่ความทรงจำมากมายของเหล่ากูนเนอร์ต่อคิง ก็ถึงคราวพรั่งพรู เมื่ออองรีถูกยืมตัวมาจากนิวยอร์ก เรด บูล และถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาที 68 แทนมารูยาน ชามัคในเกมเอฟเอคัพที่พบกับลีด จากนั้นนาที 75 อองรีรับบอลมาจากอเล็กซ์ ซง เเปเล่นทางยิงเข้าเสาไกล แล้วดีใจกับท่ายียวนรอบเอมิเรตส์ แถมไปกอดกับเวนเกอร์อีก น้ำตาของเหล่ากูนเนอร์หลายๆคนคงไหลออกมาไม่รู้ตัว                     การเข้ามาของคิงก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ในทีมดีขึ้น นักเตะสมาธิหลุด เล่นไม่เป็นสัปปะรด แถม RVP ถูกจับทางได้เล่นไม่ออก สุดท้ายทีมกระท่อนกระแท่น ออกไปเยือนสวอนซีด้วยความปราชัย กับลูกยิงของวัลคอตต์ที่เข้าไปในนาที 69 ดีใจได้ไม่ถึง 1 นาที ก็โดนเกรแฮมยิงเข้าไปในนาทีที่ 70 ตัดภาพไฮไลท์ไม่ทันเลยจริงๆ                     เดือนนี้  นัดสำคัญบิ๊กแมตช์คงอยู่ที่เกมส์กับเเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่หลายๆคนคาดว่าจะได้เป็นเกม "ล้างแค้น" แต่สุดท้าย กลายเป็นเกม "ย้ำแค้น" เพราะตลอดเกมเป็นแมนยูที่ครองเกมบุก และขึ้นนำด้วยประตูของวาเลนเซีย แต่เมื่ออาร์เซน่อลมีโอกาส พร้อมกับการ Assist ของ อเล็กซ์ ออกเลด-เชมเบอร์เลน เด็กวัย 18 ปีค่าตัว 10 ล้านจากถิ่นนักบุญ เชื่อว่าตอนนั้น ทุกคนคิดว่าทุกอย่าง กลับมาอยู่ในมือของอาร์เซน่อล                     แต่ความเก๋าหรือจะสู้ความติสท์ โรบินยิงทีมผีแดงในนาที 70 นาที 73 เวนเกอร์ก็จัดการเปลี่ยนตัวเชมเบอร์เลนออก เอาอาชาวินเข้า พร้อมกับอาการ "ไก่ตาแตก" ของเหล่ากูนเนอร์ส ที่งงว่า "จะเปลี่ยนตัวทำไมคร๊าบพี่" แล้วก็ได้เรื่อง นาที 81 ผู้เล่นของแมนยูลากบอลไปทางฝั่งพี่ม้า แต่อาร์เซน่อลสกัดไว้ไม่ได้ และ ตู้ม! เป็นประตู!                     อู้หู ไม่ติสท์จริงทำไม่ได้นะครับพี่! จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 19:18:04

ความคิดเห็นที่ 20 สำหรับการซื้อตัวผู้เล่นนี่ผมไม่หวังมากนะ เพราะนโยบายของบอร์ด แต่ขอเถอะการจัดตัวผู้เล่นลง สไตล์การบุก และระเบียบในเกมรับนี่ อยากให้มันดีขึ้นจริงๆ หวังว่าได้มือขวาคนใหม่แล้วจะปรับปรุงระบบให้มันดีขึ้นด้วยนะครับ จากคุณ : RedPizza เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 19:20:03

ความคิดเห็นที่ 21 กมุภาพันธ์ : อาร์เซน่อลถูกเขี่ยตกรอบบอลถ้วย 2 รายการในรอบ 3 วัน และเกมส์ที่ดีที่สุดของฤดูกาล "ARSENAL 5- 2 TOTTENHAM HOTSPUR"                  เดือนกุมภาพันธ์อาร์เซน่อลยังคงเมาหมัดจากเดือนมกราคม ชัยชนะเหนือแบล็กเบิร์น โรเวอร์ 7-1 เเฮททริกของ RVP บวกกับลูกยิงในนาทีสุดท้าย ในพรีเมียร์ลีกเกมสุดท้ายของเธียร์รี่ อองรีในนัดที่ชนะซันเดอร์แลนด์ (ละครบทนี้เพื่ออองรีโดยเฉพาะ) อาจทำให้แฟนปืนหลายคนคิดว่า เรากลับมาแล้ว ก็นั่นแหละค่ะ เรากลับมาได้แค่ไม่นาน ก็ต้องกลับไปสู่กับความจริงที่ปวดร้าว การบุกไปเยือนเอซี มิลาน และความพ่ายแพ้แบบไม่มีลุ้นอะไร มิลานปิดเกมอาร์เซน่อลอยู่หมัด โรบิน ฟาน เพอร์ซี ที่พึ่งคนเดียวของทีม ไม่สามารถทำอะไรได้ แถมโดนกองหน้า 3 ประสานของมิลานป่วนจนกองหลังทำอะไรก็ไม่ถูก 1 ลูกจากบัวเต็ง 2 ลูกจากโรบินโญ่ และอีก 1 ลูกจากสลาตัน แค่นี้ก็เพียงพอทำให้คืนวันพุธหลังวันวาเลนไทน์ กลายเป็นนรกขุมย่อมๆของพลพรรคกันเนอร์ส                แค่นั้นยังไม่พอ อีก 3 วันอาร์เซน่อลกลับไปเยือนถิ่นสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ก็ถูกย้ำแค้นด้วยสกอร์ 2-0 หนึ่งในนั้นคือการทำเข้าประตูตัวเองของ ออกเลด-เชมเบอร์เลน ปิดฉากเอฟเอคัพฤดูกาลนี้ไปเรียบร้อย และที่สำคัญ อาร์เซน่อลพลาดปิ๋วหมดทุกถ้วย                ในภาวะที่ทีมกลับมาเจอวิกฤติอีกครั้ง และการถูกประเมินว่า "เป็นรอง" ทีมท็อตเเน่ม ฮอตสเปอร์ อาร์เซน่อลก็พาทีมกลับมา แถมกลับมาด้วยอารมณ์ดราม่าเหนือความคาดหมาย โดนยิงนำไปก่อน 2-0 แต่ก็ไล่กลับคืนมาทีละลูก ทีละลูก ความอดทน ความมุ่งมั่น การเล่นเป็นทีม เคาท์เตอร์แอทเเทคที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกโหม่งของซานย่า ลูกยิงสุดสวยของ RVP จากลูกยิงลิตเติ้ล โมสาร์ท -โทมัส โรซิคกี้ ในรอบหลายปี ลูกยิงของปีกจรวด ธีโอ วัลคอตต์ นำ 3 แต้มและความภูมิใจมาให้ชาวปืนโตสำเร็จ สิ่งเหล่านี้บ่งบอกได้เลยว่า "ถ้าอาร์เซน่อลต้องการแล้ว มีหรือจะทำไม่ได้ คำถามคือ ต้องการมันจริงๆ รึเปล่า"                สิ่งโดดเด่นในนัดนี้ ถ้าพูดจริงๆแล้ว คือการกลับมาของโทมัส โรซิคกี้ ที่ทนนั่งสำรองตลอด ทนเจ็บเป็นปี และคำสบประมาทที่ว่า ดับไปเรียบร้อย รอวันขายออกอย่างเดียว กลับฉายแววเฉิดฉาย เดินเกมรุกของอาร์เซน่อลให้ไหลลื่น สุดท้าย เวนเกอร์ตอบแทนความดีของกัปตันทีมชาติเช็ก ด้วยการต่อสัญญาให้อยู่กับอาร์เซน่อล แม้เจ้าตัวอายุจะเข้าเลข 3 แล้วก็ตาม จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:06:40

ความคิดเห็นที่ 22 ผมอาจจะขวางโลกไปบ้างแต่ในแง่มุมผมถ้าทีมมีแชมป์บอลถ้วย แต่ไม่ได้ไป UCL ผมก็ไม่เอา การไม่ได้เล่นถ้วยใหญ่นักเตะดีๆ คงไม่ยอมย้ายและเมื่อนั้นจะทำให้เราปั้นนักเตะแล้วขายกินอย่างเต็มตัว ลำพังตอนนี้ก็เหมือนเป็นอะคาเดมี่ให้แมนฯ ซิตี้และบาร์เซโลนาแล้ว จากคุณ : Tiekung เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:08:01

ความคิดเห็นที่ 23 นักเตะที่ขาดไม่ได้สำหรับผมมี อาร์เตต้า เชสนี่ ซง RVP ครับ การกำหนดทิศทางเกมส์ การขึ้นเกมส์ ผ่อนเกมส์ ตัดเกมส์ พี่อาร์ตทำได้ดีแทบทุกอย่าง  ถึงบางจังหวะจะม้วนมากไปนิด แต่รวมๆแล้วอาร์เตต้าทำได้ดีมากในปีแรก ที่ต้องปรับปรุงคือปีกทั้งสองข้าง แชร์วิญโญ่เลื้อยดี แต่เปิดกับยิงยังแย่   ส่วนธีโอเลี้ยงแย่แต่เปิดกับยิงค่อนข้างดี สลับกันแฮะ กองหลังท้ายๆเริ่มเป๋  ที่ไว้ใจได้มีแค่สองคนคือสัญญากับกอส นอกนั้นยังเหวอ แฟร์มาเล่นที่เคยไว้ใจได้ ก็เป็นไปกับเขาด้วย ถ้ายอมทุ่มเงินซื้อตัวเจ๋งจริงๆ ด้วยระบบทีมที่ดีอยู่แล้ว+รักษาตัวเก่งๆเอาไว้  ก็ขอหวังซักแชมป์นึง มือขวาคนใหม่อย่างสตีฟ โบลด์ อาจจะช่วยให้เกมส์แน่นขึ้น ผมไม่รู้ว่าปีหน้าจะดีขึ้นหรือแย่ลง แต่ผมมีความสุขและอินไปทุกครั้งที่ดูอาร์เซนอล Once a Gooner always a Gooner Together ครับ ทุกท่าน แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 20:47:23 จากคุณ : ice-gooner เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:46:17

ความคิดเห็นที่ 24 นัดปลดล็อคของ Tomas Rosicky นี่ สุดยอดจริงๆ ชนะไก่กุ๊กๆ 5-2 สนุกมากๆ จากคุณ : ทำหน้าไม่เล่น เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:55:27

ความคิดเห็นที่ 25 มีนาคม : ชัยชนะในนาทีสุดท้ายที่แอนฟิลด์, เกมครึ่งเเรกกับมิลาน และการควบมาจากครึ่งสนามของแฟร์มาเล่น              อาร์เซน่อลเปิดเดือนมีนาคมด้วยแมช์สุดมันส์ กับชัยชนะในนาทีสุดท้ายจากลูกยิงของโรบินในแอนฟิลด์ ใครจะไปเชื่อ ว่าอาร์เซน่อลจะสามารถโค่นลิเวอร์พูล (ที่ตอนนั้นเพิ่งได้ถ้วยคาร์ลิ่งคัพมาหมาดๆ) ลงได้ด้วยการที่ไม่ได้ลูกเตะมุมเลยซักลูก อีกทั้งลิเวอร์พูลยังเจอเสา-คาน และโกล์เทพ วอยเช็ค เซียสนี่ ที่เซฟลูกโทษของเดิร์ก เคาท์ ออกไป แถมยังตามไปเซฟลูกยิงซ้ำอีก เหลือเชื่อจริงๆ             หลังจากที่อาร์เซน่อล บุกไปเยือนลิเวอร์พูลแล้ว ก็ถึงคราวต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของมิลาน และใครจะเชื่อว่า ในครึ่งเเรกของเกม อาร์เซน่อลเป็นฝ่ายที่ดาหน้าบุกอย่างเด่นชัด ทุกคนวิ่งไม่มีถอย ไล่บอลกันเต็มที่ ลูกที่หนึ่ง ลูกที่สอง ลูกที่สาม ทั้งสามลูกใน 45 นาทีกับโคตรทีมจากอิตาลี ความหวังเล็กๆที่จะได้เห็นทีมรักเข้ารอบคงอยู่ไม่ไกล             แต่ก็แค่นั้นแหละค่ะ อาร์เซน่อลทุ่มเททุกอย่างที่มีในครึ่งแรก พอออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วกลับเป็นคนละเรื่อง มิลานแก้เกม เปลี่ยนแทคติกมาเป็นอย่างดี แม้มิลานจะไม่ได้ประตูเพิ่ม ก็ไม่เสียเพิ่ม สุดท้าย กลายเป็นอาร์เซน่อลที่ต้องเดินคอตกออกไปแม้จะได้ผลชนะในบ้าน และความรู้สึกฉิวเฉียดที่จะได้เข้ารอบ UCL ก็หายไปทันที ปิดฉาก UCL ในฤดูกาลนี้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย             หลังจากนั้นไม่นาน อาร์เซน่อลก็เปิดบ้านรับการมาเยือนของสาลิกาดง ที่นัดนี้ มีดราม่าย่อมๆ ระหว่างโรบินและทิม ครูล ทิมครูลหวังจะใช้เเทคติกถ่วงเวลาด้วยการออกบอลช้า ทำให้โรบินโมโห ทั้งคู่ปากเสียงเล็กๆน้อยๆหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไร จนนาทีที่ 93 แฟร์มาเล่นวิ่งครึ่งควบสนามมายังหน้ากรอบเขตโทษ ซัดประตูชัยให้อาร์เซน่อลได้สำเร็จ คราวนี้แหละ โรบินกับทิมครูลเกรียนแตกทั้งคู่ เกิดปากเสียงกันยกใหญ่ กัปตันที่ควรจะใจเย็นห้ามลูกทีมไม่ให้ไปมีเรื่องกับฝั่งตรงข้าม กลับโดนลูกทีมห้ามซะงั้น สุดท้ายอาร์เซน่อลชนะไป 2-1 และทำสถิติพรีเมียร์ลีก  Come back เอาชนะหลังจากโดนยิงไปก่อน 4 นัดติดต่อกัน จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:05:53

ความคิดเห็นที่ 26 ขอปาดหน่อยเด้อ อย่าว่ากัน ผมคิดว่า งานนี้ บอสทำตัวเองครับ ทำมาหลายปีแล้วด้วย ทีมเรา คือทีมลุ้นแชมป์ หลายปี ที่เรามีช่วงโอกาสนำจ่าฝูง แล้วนักเตะก็เจ็บกลางฤดูกาลทุกที แต่บอสกลับเลือกที่จะไม่เสริมทัพ แต่พึ่งดาวรุ่งแทน หลังจากนั้นก็เป๋ไปเองสะงั้น สรุป ไม่เห็นด้วยกับหัวกระทู้ครับ ที่3 ก็คือ ที่3 ครับ ไม่เหมือนแชมป์ ปีนี้มือเปล่าเป็นปีที่ 7 แล้ว อย่าหลอกตัวเองเลย คอยดูกันว่า ทัพ gunner จะเตรียมพร้อมแค่ไหนกัน จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:26:29

ความคิดเห็นที่ 27 เมษายน : ลูกยิงแถวสองของอาร์เตต้าต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้วีแกนคาบ้าน และอาการติสท์แตกท้ายฤดูกาล              พอต้นเดือนปุ๊บ พลพรรคดิกูนเนอร์สก็ได้เฮปั๊บ จากการเปิดบ้านรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ตอนนั้นอยู่อันดับ 2 และหากอาร์เซน่อลเอาชนะได้ ก็จะทำให้ช่องว่างของซิตี้และยูไนเต็ดเพิ่มเป็น 8 แต้ม มากพอที่จะบั่นทอนกำลังใจซิตี้ ให้หลุดจากการไล่ล่าเเชมป์              แน่นอน อาร์เซน่อลไม่ทำให้ผิดหวัง แม้จะทำเกมบุกทั้งเกม แต่ก็ไม่สามารถทำประตูได้ จนอาร์เตต้าเห็นช่อง แล้วยิงจากแถว 2 (ซึ่งปกตินักเตะอาร์เซน่อลไม่ค่อยจะทำ) Boom! โกโก้ครั้นช์ เป็นประตู วันนั้นท้องฟ้าอาจจะไม่สีฟ้าเท่าไหร่ในเอติฮัด แถมใบแดงของบาโลเตลี่จากการไล่เตะนักเตะอาร์เซน่อลเกือบทั้งทีม คงทำให้หลายๆคนตายใจว่า ปีนี้ถ้วยพรีเมียร์คงผูกโบว์สีแดงดำแน่ๆ              แต่ก็นั่นแหละ การชนะซิตี้อาจมีผลต่อการลุ้นเเชมป์ของสองทีมเมืองเเมนเชสเตอร์ และการรั้งอันดับ 3 ของอาร์เซน่อล แต่ทุกปี ปัญหาเดิมๆก็เกิด คือเป๋ท้ายฤดูกาล อาร์เซน่อลพ่ายวีแกนที่หนีตกชั้นสุดชีวิตไปด้วยสกอร์ 2-1 ลูกยิง 2 ลูกที่ห่างกันแค่ 1 นาทีของวีแกน ก็ทำเอาแฟนบอลกระอัก อาร์เซน่อลก็พยายามบุก แต่ดีที่สุดคือเอาคืนมาได้ 1 ลูก จากนั้นก็เหลว แพ้ทีมท้ายตารางคาเอมิเรตส์              อาการเป๋ยังคงต่อเนื่อง อาร์เซน่อลต้องเจอเชลซี (ทีมสำรอง) ในบ้าน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าเชลซีจะเพิ่งออกไปเจอบาร์เซโลน่ามาก็ตาม และผลก็ยังไม่เป็นใจ เมื่อเจอสโตก ทีมที่อาร์เซน่อล "แพ้ทาง" มาโดยตลอด ลูกเซฟจากปากประตูในช่วงท้ายเกมของซานย่ามากพอที่จะทำให้อาร์เซน่อลได้ผลเสมอออกจากบริทาเนีย แถมการโห่อารอน แรมซีย์ (ที่ขาหักในสนามนี้) และแฟนๆสโตกก็ออกมาเยาะเย้ยท่าทางฉุนเฉียวของเวนเกอร์ เห็นแล้วก็ได้เเต่เศร้าใจดีแท้              คะแนนตอนนี้ อาร์เซน่อลมี 66 คะแนน ห่างจากท็อตแน่ม 4 คะแนน แต่ท็อตแน่มมีเกมอยู่ในมือ ที่ 3 เริ่มสั่นคลอนซะแล้ว จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:28:15

ความคิดเห็นที่ 28 +ผมคิดเหมือน#22 +ผมก็อยากให้ปืนได้แชมป์ แต่ ในเมื่อเรามีทรัพยากรเท่านี้ได้เท่านี้ผมว่าเหมาะสม  ถ้าหากเทียบเทียบค่าสัมประสิทธิ์ต่างๆในตัวนักเตะเรากับทีมแชมป์แมนซิ หลายต่ำ  แหน่งเรายังสู่เขาไม่ได้ ถึงเราเคยชนะแต่มวลรวมเขาดีกว่า มันคือความจริงที่เรา  ต้องยอมรับให้ได้ ถ้าหากต้องการแชมป์เราก็ต้องหานักเตะที่ดีเขาสู่ทีมให้ได้ก่อน  ให้คงเส้นคงวากว่านี้ จากคุณ : khun12 (khun12) เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:45:49

ความคิดเห็นที่ 29 พฤษภาคม : ที่ 3 ความหวังสุดท้ายของอาร์เซน่อล การลุ้นจนจบฤดูกาล และการอำลา แพท ไรซ์                อาร์เซน่อลในโมงยามนี้คือหมดลุ้นเเชมป์ทุกถ้วย ทุกอย่าง สิ่งเดียวที่หวังได้คือการลุ้นที่ 3 แต่ก็นั่นแหละ "เป็นเเฟนปืนต้องอดทน" คำพูดฮิตติดลมบนรู้จักกันทุกยุคทุกสมัย ยังคงความคลาสสิกไว้เหมือนเดิม เราอดทน อดทนกันมาจนถึงนัดสุดท้าย อดทนกับฤดูกาลยาวนาน 10 เดือน อดทนกับการร้างแชมป์ 7 ปี               อาร์เซน่อลเปิดบ้านรับนอร์ริชซิตี้ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กองหลังอาร์เซน่อล ก็ทำให้มันมีอะไรขึ้นมา การนำเร็วจากลูกยิงของเบนายูน ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น พอเจอลูกยิงของฮูลาฮานและโฮลท์ ในนาทีที่ 12 และ 27 ก็เป็นอาร์เซน่อลที่ต้องไล่ตามตีเสมอในบ้าน แต่ก็เป็นโรบินที่เหมายิง 2 ลูกในครึ่งหลัง ให้อาร์เซน่อลนำ 3-2 ตอนนี้หลายคนอาจจะคิดว่า "นกขมิ้นเสร็จแน่" แต่กลับเป็นปืนที่โดนเอง หลังจากนั้น 5 นาทีนอริชตีเสมอเป็น 3-3 โรบิน ฟานเพอร์ซี ยิงขาแทบหักยังได้เเค่เสมอ แถมยังต้องไปลุ้นคู่ท็อตแน่มและนิวคาสเซิลให้เสมอหรือแพ้อีก อะไรมันจะขนาดนั้น               แต่ก็นั่นแหละ จะด้วยเวนเกอร์ดวงเเข็ง เก้าอี้ไม่มีวันกระเด็นหรือยังไงก็ไม่ทราบ กลายเป็นว่า นิวคาสเซิลแพ้แมนซิตี้ ท็อตแน่มเสมอวิลล่า ผู้กุมดวงชะตากลับมาเป็นอาร์เซน่อลอีกครั้ง               แต่นัดสุดท้ายของฤดูกาล อาร์เซน่อลก็ไม่เคยทำให้หายใจโล่งได้เลย การออกไปเยือนเวสต์บรอม และได้ลูกนำในนาทีที่ 4 ก็ไม่เคยทำให้หายใจได้ทั่วท้อง เพราะนาทีที่ 10 และ 15 ก็เป็นเวสต์รอมที่ยิงเเซง โอ๊ะ! ตารางแบบ Live เห็นอาร์เซน่อลหล่นไปที่ 4 แล้วเเทบเป็นลม จากนั้นซานโตสก็มายิงอีก 1 ลูก และเป็นกอสเซียลนี่ ที่ได้ลูกส้มหล่นเพราะโกลสำรองเวสบรอมชกผิดเหลี่ยม เดาะเข้าไปง่ายๆ แล้วอาร์เซน่อลก๋เปลี่ยนเกมรุกมาเป็นรับ ได้บอล-เตะสาด 11 คนในกรอบเขตโทษ กับที่ 3 และการไม่ต้องลุ้นเชลซีช่างมีความหมาย สุดท้าย ผลการเเข่งขันเป็นของอาร์เซน่อล ชนะ 3-2 และไป UCL แบบไม่ต้องลุ้น               ท้ายเกมส์มีการอำลาแพท ไรซ์ มือขวาของเวนเกอร์ที่หมดสัญญาหลังจากฤดูกาลนี้ จบตำนาน 44 ปีของลูกหม้อสโมสร จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:54:58

ความคิดเห็นที่ 30 จบแล้วค่ะ 10 เดือนของอาร์เซน่อล ที่ผ่านด้วยกันมาทุกอย่าง ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ทั้งผิดหวัง ทั้งสมหวัง ทุกสิ่งทุกอย่างในช่วงระยะเวลา 10 เดือน เหมือนกับละครเรื่องหนึ่งจริงๆ โพสต์แต่ละอันอาจจะยาวหน่อย อาจจะอ่านกันไม่ไหว ก็เลือกอ่านเฉพาะเดือนที่อยากอ่านก็ได้ค่ะ แต่ขอความกรุณาช่วยเก็บกระทู้นี้ลงคลังด้วยนะคะ เพราะเราอยากให้นี่เป็นเหมือนกระทู้ได้อารี่ในแต่ละซีซั่น วันไหนที่อยากจะคิดถึง ก็จะไปขุดกันขึ้นมาดู ทุกวันนี้ บางครั้งเรายังไปนั่งอ่านกระทู้เก่าๆในคลัง พออ่านแล้วก้ใจหาย ช่วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปมากจริงๆ ค่ะ หากเราหยิบกระทู้นี้ขึ้นมาอ่านในอีก 4-5 ปีข้างหน้า คาดว่าหลายๆสิ่งหลายๆก็คงเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 22:05:06

ความคิดเห็นที่ 31 เขียนดีค่ะ อ่านแล้วเห็นภาพเลย เก็บเข้าคลังกระทู้ให้แล้วนะคะ จากคุณ : YesterdayOnceMore เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 22:21:57

ความคิดเห็นที่ 32 ส่วนเรื่อง "ได้ที่ 3 ก็เหมือนได้เเชมป์" เอาเข้าจริงๆ เราว่า มันก็ไม่เหมือนซะทีเดียว ที่ 1 ได้เเชมป์อย่างเป็นรูปธรรม ที่ 3 ได้เเค่เงินและการได้ไปเตะ UCL แต่พอลองย้อนนึกดูแล้ว การได้ที่ 3 ฤดูกาลนี้ (สำหรับเรา) ถือว่าไม่น่าเกลียด ด้วยศักยภาพนักเตะที่มี ด้วยศักยภาพโค้ชที่มี ด้วยอะไรหลายๆอย่าง มันก็ทำให้เรากลายเป็นอดีตทีมลุ้นเเชมป์อย่างเต็มตัว แต่มองอีกแง่นึงนะคะ เพราะ "อะไรหลายๆอย่าง" เช่นกัน ที่ทำให้เราไม่กลายเป็นทีมกลางตาราง หรือต้องไปวิ่งหนีตกชั้นเหมือนบางทีม สำหรับเวนเกอร์ การพาทีมจบที่ 3-4 ในหลายๆฤดูกาลที่ผ่านมา หลายคนอาจจะมองว่า นี่ไม่ใช่การประสบความสำเร็จ เราก็ไม่เคยมองค่ะว่านี่คือความสำเร็จ แต่จะบอกว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงก็คงไม่ถูกซะทีเดียว ผู้จัดการทีมหลายคนทำทีมลุ้นเเชมป์ให้ตกลงไปกลางตาราง ทำทีมกลางตารางให้มาเป็นทีมลุ้นเเชมป์ หรือทำทีมลุ้นเเชมป์ตกชั้นก็มี แต่ไม่ว่ากี่ปีๆ สิ่งหนึ่งที่เวนเกอร์ไม่เปลี่ยนคือ การรักษามาตรฐานไม่ให้ต่ำเกินไป (แต่ก็ไม่สูงพอเช่นกัน) ถ้าจะบอกว่าเป็นดวงแข็งของเเกก็อาจจะถูก แต่อีกครึ่งหนึ่งก็อย่าลืมให้เครดิตฝีมือด้วยนะคะ ไม่ใช่ทุกคนที่เจอแบบเวนเกอร์และจะกลับมาได้ แต่อีกแง่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะพาทีมไปเจอวิกฤตหนักๆเช่นกัน จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 22:23:17

ความคิดเห็นที่ 33 mixed emotions ครับสำหรับผม เรามีเกมที่ดีที่สุดในชีวิตให้ดูในฤดูกาลนี้ แล้วก็มีเกมบัดซบที่สุดอยู่ด้วย เราอยากจะดีใจกับอันดับสาม แต่พอโค้งสุดท้ายก่อนนัดปิดฤดูกาลนั่นมันแทบไม่ใช่ผลงานของเราเลยที่ช่วยให้เรายึดอันดับไว้ได้ คู่แข่งเองต่างหากที่อับโชคเหลือเชื่อ ก่อนจะสรุปว่าเราฟื้นขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ได้ อย่าลืมดูด้วยว่าสเปอร์ต้นฤดูกาลตกต่ำกว่าเรา แต่จบแพ้เราแต้มเดียว ทั้งที่มีช่วงพังพินาศนานเป็นเดือนด้วยข่าวจะเสียผู้จัดการให้ทีมชาติด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้ อนาคตของกัปตันเรายังไม่รู้เลยว่าจะอยู่ที่นี่หรือที่ไหน จากคุณ : โอ๊ยเจ็บ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 22:40:05

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่รู้สินะ เราว่าปัญหาใหญ่ๆที่มีของเวนเกอร์ ไม่ใช่เกมรับ ไม่ใช่การไม่ทุ่มซื้อ ไม่ใช่นโยบาย 30ปี แต่เป็นความหยิ่งทะนงในตนเอง หากเวนเกอร์คิดจะดันลูกรัก ก็จะดันอยู่อย่างนั้น ตะบี้ตะบันดันลงไปทั้งๆที่เหมือนส่งเด็กไปให้โดนด่า หากคิดจะดรอปใคร ก็จะดรอปอย่างนั้น ชาตินี้อย่าหวังจะได้ผุดได้เกิด หรือหากคิดจะเล่นแผนไหน ก็จะเล่นเเต่แผนนั้น เพราะคิดว่า ถ้าทำไปเรื่อยๆ อดทนไปเรื่อยๆ สุดท้ายผลก็จะเป็นของเรา ซึ่งความหยิ่งทะนงมันก็มีข้อดีของมัน และมีข้อเสียของมัน แต่ตอนนี้ มันเริ่มส่งผลเป็นข้อเสียมากกว่า แผนการเดิมๆมันเริ่มไม่เวิร์ก ด้วยตัวผู้เล่นในทีมส่วนใหญ่ที่ไม่ถึงขั้น ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บซ้ำๆเดิมๆในทุกฤดูกาล  ด้วยปัญหาแต้มหล่นตอนท้ายเกม และอีกสารพัดปัญหา ที่คอยบั่นทอนอาร์เซน่อลไปเรื่อยๆ และกัดกินทำให้เราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ถามว่าปัญหาเหล่านี้มันแก้ได้มั้ย ได้ค่ะ อาจต้องอาศัยเวลา อาจต้องอาศัยเงิน แต่เรื่องพวกนี้มันแก้ได้ เราว่าทรัพยากรทุกอย่างเวนเกอร์มีอยู่ในมือ อยู่ที่ว่า เค้าจะยอม "เปิดใจ" รับฟังคนรอบข้างบ้างรึเปล่า จากคุณ : หมอ_คับ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 22:47:59

ความคิดเห็นที่ 35 #34 เห็นด้วยเลยครับ เวนเกอร์แก รั้น มากเกินไป อยากให้ฤดูกาลหน้า บอสเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างบ้าง จากคุณ : RedPizza เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 23:01:46

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : Tear_the_World เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 00:32:43

ความคิดเห็นที่ 37 ผมไม่เห็นด้วยน่ะ กับคำที่ว่า ทีมมีศักยภาพแค่นี้ทำผลงานได้แค่นี้ก็ดีแล้ว เพราะว่าไอ้ที่ทีมเรามีศักยภาพแค่นี้ ก็เพราะเวงเกอร์เลือกจะให้มันเป็นอย่างนี้เองไม่ใช่เหรอ เวงเกอร์เลือกที่จะขายแบ๊คดีๆอย่างเอบูเอ้แค่เพราะได้แบ๊คนอกลีคอย่างเจนกินสันเข้ามา เวงเกอร์เสียผู้เล่นตัวหลักไปถึง 3 คน แต่เลือกจะไม่แก้ไขอะไร เพราะเชื่อว่าดาวรุ่งในทีมทดแทนได้ โชคดีอย่างหนึ่งตรงที่ดาวรุ่งเหล่านั้นพิสูจน์ได้เร็ว ว่าฝีเท้ายังดีไม่พอ และกระดูกยุงเกินไปจนยืนระยะไม่ได้ เราถึงได้ผู้เล่นดีๆอย่างเตต้าหรือโตสเข้ามาได้ทันเวลา ผลงานที่ 3 ในปีนี้ ถ้าจะให้เครดิตใคร ผมให้กับเทพีแห่งโชคดีกว่า เราโชคดีแค่ไหน ที่แพ้แมนยุ 8-2 ไม่งั้นเวงเกอร์คงไม่ตาสว่าง โชคดีแค่ไหนที่กิบบ์และสัญญาเจ็บ ไม่งั้นเราคงไม่ได้โตส โชคดีแค่ไหนที่ได้เตต้ามาทันในวินาทีสุดท้าย ไม่งั้นเราคงไม่ได้ฟันเฟืองตัวสำคัญของทีมมา โชคดีแค่ไหนที่แบ๊คเจ็บระเนระนาด แต่เซ็นเตอร์เรายังพอแทนได้ โชคดีแค่ไหน ที่โรบินไม่เจ็บเลยในปีนี้ และสุดท้าย เราโชคดีแค่ไหนที่ทีมเราสะดุดหลายต่อหลายครั้ง แต่ทีมคู่แข่งเราก็สะดุดด้วยเหมือนกัน กลับเวงเกอร์ ผมสิ้นหวังกับเขาไม่แล้วล่ะครับ ผมไม่คิดหรอกครับว่าคนอย่างเขาจะปรับเปลี่ยนอะไรได้ จะให้เปิดใจ จะให้เขาเลิกรั้น คงเป็นได้แค่ความฝัน เพราะถ้าเขาคิดได้เราคงไม่มือเปล่ามา 7 ปีแบบนี้หรอก จากคุณ : Good night my dearest เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 07:32:31

ความคิดเห็นที่ 38 เขียนได้ดีครับ เก็บรายละเอียดสำคัญได้เยอะเชียว แต่มีบางจุดผิดพลาดนะครับ ขอแก้ดังนี้ครับ ความคิดเห็นที่ 5 # แบล็กเบิร์นชนะเรา 4-3 ครับ ไม่ใช่ 5-3 ความคิดเห็นที่ 6 # นักเตะสเปอร์ที่ยิงเราลูกสุดท้าย (2-1) คือ ไคล์ วอล์กเกอร์ ครับ ไม่ใช่ ไคล์ บาสรี่ ยังไงเราก็จะเชียร์กันต่อไปครับ Once A Gooner, Always A Gooner ครับ จากคุณ : แต้วแว้ว เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 09:21:19

ความคิดเห็นที่ 39 ผมพอใจกับฤดูกาลนี้คับ ปีนี้ไก่กับนิวมาแรงจริง ๆ แต่เราก็จบเหนือไก่กับนิวจนได้ แมนยูพลาดทุกถ้วย  (ถ้า)เชลซีที่กดขี่เรามาหลายปีปีหน้าไม่ได้เล่นยูซีแอว  เหอะๆ นี่แหละความสุขของแฟนปืนอย่างผม จากคุณ : pingchun เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 09:31:45

ความคิดเห็นที่ 40 ชอบคะ เขียนได้ดีทีเดียว เก็บเข้าคลังกระทู้เรียบร้อยแล้ว ได้ที่ 3 ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว มีแค่ฤดูกาลใหม่ ที่ต้องเริ่มกันอีกครั้ง อยู่ที่สโมสรจะดำเนินการเช่นไร โหยหาแชมป์บ้างไหม หรือจะย่ำอยู่กับที่เหมือนเดิม คำตอบอยู่ที่ฤดูกาลหน้า Together จากคุณ : koy_onair เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 12:35:51

ความคิดเห็นที่ 41 i love this team จากคุณ : Dr.Jackass. เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 12:41:00

ความคิดเห็นที่ 42 อ๊ากกกกกกกก...กระทู้ดูดกิฟท์อ่ะ ขอบคุณ จขกท สำหรับกระทู้ดีๆ สิงหาค่อยมาลุ้นกันใหม่ แต่ว่าขอเถอะนะขอนักเตะบิ๊กๆ บ้างเหอะ จากคุณ : รุ้งสามสาย เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 12:58:42

ความคิดเห็นที่ 43 เก็บเรียบร้อย เขียนได้ดีค่ะ บรรยายได้เห็นภาพ เข้าถึงอารมณ์มากๆ จากคุณ : JoNoTo เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 23:38:19

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆครับ นั่งอ่านเพลินมาก ปีหน้าเชียร์กันใหม่ หวังว่าไดอารี่ในปีหน้าจะมีรูปฟาน เพอร์ซี่ชูถ้วยซักใบอยู่ด้วย T^T จากคุณ : หมูกรีซลี่คลั่ง เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 14:22:36