ความคิดเห็นที่ 1 ไม่โทษใคร แต่ผมมองว่า กองหน้า ของ บาเยิร์น มิวนิค ชุดนี้มีปัญหา โกเมซ ใช้โอกาสเปลือง (มันน่าซื้อมายืนคู่กับคาร์โรล์จริงๆ) อาศัยความสามารถ ของ ร็อบเบน และ ริเบอร์รี่ มากไปหน่อย ครับ ส่วนจุดเปลี่ยนของเกมส์ ก็ตอนนำอยู่ เปลี่ยน แนวรุกออกแล้ว ส่งตัวรับมาโดนตีเสมอ ริเบอร๊ เจ็บ ไปกันใหญ่ ครับ ที่สำคัญ จุดโทษ ของร็อบเบน ช่วงต่อเวลา ทีผลต่อสภาพจิตใจนักเตะมาก ครับ จากคุณ : วิตามิน เค เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 15:26:29

ความคิดเห็นที่ 2 นั่นคือจุดเปลี่ยนจุดหนึ่ง แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือ รอบ้บนยิงจุดโทษไม่เข้ามากกว่า จากคุณ : flybigbear เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 15:28:54

ความคิดเห็นที่ 3 มุลเลอร์ออกไม่เท่าไหร่ แต่พอโดนตีเสมอดิ เฮ่ย เปลี่ยน มุลเลอร์ ออกทำไมฟระะะะะะะะะะ จากคุณ : Ethan_Ko เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 15:51:49

ความคิดเห็นที่ 4 จุดเปลี่ยน คือปีเตอร์ เช็คครับ เซฟลูกยิงของรอบเบนได้ และรอบเบนเอง ก็ยิงนกเรื่อยเปื่อยหลายลูกมากๆ (จริงๆก็ทั้งทีมแหละ) การเปลี่ยนตัวเอามุลเลอร์ออกมีผลมากทีเดียวครับ ถ้าไม่โดนตีเสมอ ก็ถือว่าคิดถูก แต่พอโดนตีเสมอ ผลมันส่งเป็นทางตรงกันข้ามเลย จากคุณ : ซันโกะ เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 16:12:35

ความคิดเห็นที่ 5 ภาพชี้ชัด อนาโตลี ตีโมชุค แอบจับถ้วยขณะเดินลงสนาม ตามรอยคนมือบอนแล้วชวดแชมป์ไปอีกคน ภาพจากการถ่ายทอดสดชี้ชัด อนาโตลี ตีโมชุค กองหลังจำเป็นของบาเยิร์น มิวนิค แอบจับถ้วยขณะเดินลงสนามก่อนแข่ง ก่อนหน้านี้เคยมีหลายคนที่แอบจับถ้วยก่อนแข่งในเกมนัดชิงแชมเปียนส์ลีก แล้ว "โดนดี" กันไป ลูโดวิช ชูลี เมื่อครั้งเล่นให้โมนาโก แอบจับถ้วยแบบนี้ก่อนลงสนามเตะกับปอร์โต้ เกมนั้นทีมของชูลีแพ้ไป 3-0 และชูลี่ถูกเปลี่ยนออกด้วยอาการบาดเจ็บ เจนนาโร กัตตูโซ ก็เป็นอีกคนที่มือบอน แอบจับถ้วยก่อนลงไปดวลแข้งกับลิเวอร์พูล เอซี มิลานออกนำสบาย ๆ 3-0 ในครึ่งแรก และกัตตูโซคงคิดว่าคราวนี้ล้างอาถรรพ์ได้แน่นอน แต่ก็อย่างที่รู้กัน ลิเวอร์พูลไล่ยิงตีเสมอ และเอาชนะในการดวลจุดโทษในที่สุด ล่าสุดเป็นอนาโตลี ตีโมชุค กลางรับของบาเยิร์น ที่เกมนี้ลงมาเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็น เสือใต้บุกเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ก็ทำได้เพียงประตูเดียวในนาทีที่ 82 แต่ก็ถูกตีเสมอทันควันในนาทีที่ 88 ก่อนจะนำไปสู่บทสรุปการดวลจุดโทษที่แสนดราม่า บาเยิร์นของตีโมชุคคนมือบอน พ่ายแพ้ไปในที่สุด credit : goal.com/th ทั้ง 2 ทีมทำหน้าที่เดินตามแผนได้อย่างดีแล้วครับ จุดเปลี่ยนของเกมส์คือความยอดเยี่ยมของดรอกบาและเช็ก ที่ทำให้เชลซียังอยู่ในเกมส์จนถึงช่วงดวลจุดโทษ พอถึงช่วงยิงจุดโทษ มันก็เหมือนโยนเหรียญขึ้นไปบนฟ้าแล้วรอให้มันเผยออกมาว่าจะเป็นหัวหรือก้อย บางทีเทพธิดาแห่งชัยชนะก็แอบเป็นกิ๊กกับเทพแห่งโชคชะตานะครับ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 16:13:04

ความคิดเห็นที่ 6 จขกท คนที่เปลี่ยนมาแทน มุลเลอร์ไม่ใช่คนยิงจุดโทษพลาด อิวิก้า โอลิซนะครับ แต่เป็นฟานบุยเต็ง ที่ลงมาเสริมเกมรับ โดยเอาฟานบุยเต็งมาเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟแล้วดันติโมชุคมาเล่นกลางรับ โอลิซลงมาเล่นแทนริเบรี่ ที่เจ็บหลังจากโดนดร๊อกบาทำฟาวส์ ในช่วงต่อเวลา จากคุณ : Mica เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 16:21:49

ความคิดเห็นที่ 7 ที่กองหน้ายิงเรื่อยเปื่อย เพราะเชลซีไม่ได้ปล่อยให้ล่อเป้าสบายด้วยครับ มีบีบ มีเบียดตลอด ร๊อบเบน หรือริเบรี่ ก็ถูกดักบังคับให้ลากตัดเข้าใน ไม่ได้ปล่อยให้ผ่านบอลสะดวก ในเกมส์เมื่อคืนเชลซีคุมพื้นที่ดีมากครับ จากคุณ : ป่วนกระโทก เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 16:25:27

ความคิดเห็นที่ 8 แต่เอาจริง ๆ เสือใต้เปลี่ยนรูปแบบการบุกไปมามาก ๆเต็มที่แล้วอะเน้อ (ลองดูตำแหน่งหลัก ๆอย่าง รอบเบว ,ริเบรี่ ฯลฯ สลับไปมาสุด ๆ แต่จุดที่ไม่เปลี่ยนมันคือ เกมรับ เชลซี (+ ดวงอีกนิด :) ของเขาแน่นอนจริง ๆอะครับ จากคุณ : Ethan_Ko เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 16:31:37

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่แปลกที่ยิงเรื่อยเปื่อย ลงไปเล่นเกมส์รับ 11 คนซะงั้น ไม่เว้นดรอกบา  มันจะเจาะไปยิงยังไง จะโยนก็ติด จะลากตัดก็โดนบล๊อค แล้วเชลซีก็เล่นบอลรอโดน แต่โดนลูกเดียวเท่านั้นเองครับ แถมได้โหม่งทีเดียวเข้าไปเลยซะงั้น จากคุณ : miroslav เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 16:38:39

ความคิดเห็นที่ 10 1.โกเมสเมื่อวาน ขาดๆเกินๆไปหลายลูกเลย 2.เตะมุมเกือบ 20 ครั้ง แต่ไม่เข้าเป้าเลย 3.ลูกโทษของร็อบเบน 4.ความเหนียวแน่น เล่นเป็นระเบียบของเชลซี 5.สุดท้ายความกดดัน แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 55 16:41:03 จากคุณ : Eye of Sauron เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 16:40:54

ความคิดเห็นที่ 11 จุดเปลี่ยนคือมีตอเรสในสนาม 50 ล้านปอนด์คุ้ม นัดชิงแทบทุกรายการตอเรสไม่ต้องเด่นแต่มีส่วนร่วมเล็กๆเสมอ ชิงยูโรคราวก่อนยิงเยอรมัน ชิงแชมใปโลก ส่งบอลให้เชสแล้วต่ออิเนสตร้า เมื่อคืนทำให้ได้เตะมุมประตูตีเสมอ ตัวนำโชคชัดๆสำหรับทีมที่ยังไม่มีเกียรติประวัติมาก่อนนะ จากคุณ : bobenz เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 16:58:13

ความคิดเห็นที่ 12 จุดเปลี่ยนคือ ความสากกะเบือ ของโกเมซครับ อย่างน้อยๆครึ่งแรกต้องได้ 1 ประตู  ถ้าเทียบกับดรอกบา นี่ต่างกันจมเลยยย จากคุณ : 123 ปลาฉลามขึ้นบก เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 17:02:03

ความคิดเห็นที่ 13 จุดเปลี่ยนคือโกเมส องค์ไม่ลงค่ะ จากคุณ : BaiToei LovE Lahm เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 17:09:52

ความคิดเห็นที่ 14 การที่กองหน้าขาดความคมอย่างแรงครับ...ยิงนกตกปลาไปเรื่อย...กลายเป็นว่าต่อมาบาร์เยินต้องลองการยิงจากตัดเข้ากลางของปีก...ทั้งรอบเบน ริเบอรี่ ก็ยิงทั้งยิงขว้างไปเรื่อยอีก กลายเป็นว่าบาร์เยินลองจากแถวสองอีกครั้ง ทั้งมิดฟิลตัวรับตัวจ่าย ทั้ง โกรส(ไม่แน่ใจชื่อ) ชไวไตเกอร์ ก็ยังยิงทิ้งขว้าง...ก ถ้าสังเกตุดู โอกาสในการยิงสูงเหลือเชื่อ แต่%ตรงกรอบยังไม่ถึง 1ใน3 ต่อให้ตรงกรอบ จะกินปีเตอร์เช็๋ค จากลูกยิงไกล ผมว่ายากเอาอยู่ ถ้ากองหน้าคมจริง ใส่สกอร์ไปตั้งแต่ครึ่งแรก...เกมส์ก็น่าจะจบไปแล้ว.... จากคุณ : toto_otto เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 17:13:23

ความคิดเห็นที่ 15 ร็อบเบ็นฝืนเล่นเดี่ยวหลายจังหวะมาก แถมยังชอบตัดเข้าในเเล้วยิงนกตาย ถ้ายังไม่เปลี่ยนทัศนะคติการเล่นผมว่าพี่เสือคงว่าวอีกนาน จากคุณ : โอซาก้า เลิฟเว่อร์ เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 17:23:35

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อคืนเชียร์บาเยิร์นครับ และเห็นสิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนเต็มไปหมด ตั้งแต่ลูกยิงติดเซฟไปชนเสาของร็อบเบนแล้ว แต่ที่เชลซีเป็นแชมป์ได้ผมให้เครดิตกับดิมัตเตโอครับ ผมเชื่อว่าที่เอาบาเยิร์นอยู่ได้ไม่ใช่เพราะดวงทั้งหมด แต่เป็นเพราะดิมัตเตโอทำการบ้านมาหนักมากก่อนเกม การผ่านบอลเข้าเขตโทษตรงกลางของบาเยิร์นถูกกองหลังเชลซีดักไว้ได้หมดเลย ลูกเลี้ยงเลาะเข้ามายิงของร็อบเบนก็เหมือนทุกคนรู้ทันหมด ส่วนลูกเตะมุมที่มันไม่ได้ผลสักครั้งเพราะจะมีนักเตะเชลซีอย่างน้อยหนึ่งคนวิ่งตามวิถีบอลไปจนสุดทุกครั้งไม่ว่าลูกจะถูกเปิดไปลงไหน นักเตะบาเยิร์นไม่มีโอกาสได้เล่นลูกเตะมุมง่ายๆเลย (มีจังหวะนึงตอนท้ายๆ ตอร์เรสเป็นคนลงไปวิ่งตามวิถีบอลด้วย ผมเชื่อว่าเพราะโค้ชสั่งมา ใครอยู่ใกล้บอลสุดให้วิ่งตาม) ส่วนลูกตีเสมอของดร็อกบาก็เป็นลูกสูตรที่เห็นใช้กันบ่อยๆ ไปออกันอยู่ไกลๆเพื่อให้มีพื้นที่ตรงเสาแรกแล้ววิ่งโฉบมาทำประตู เรียกได้ว่าเมื่อคืนเป็นโชว์ตำราพิชัยยุทธของดิมัตเตโอเลยครับ น่าเสียดายมากถ้าเชลซีจะไม่ใช้งานเขาต่อ จากคุณ : EVgreen เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 17:35:09

ความคิดเห็นที่ 17 ผมรำคาญรอบเบน กับโกเมซมาก ริเบรี่ คือปีกอันดับ 1 ของโลกเลยครับ แท้จริง  รอบเบนนี่บ้าไปแล้วหวงบอลเว่อร์ๆ จากคุณ : miroslav เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 17:35:22

ความคิดเห็นที่ 18 มูลเลอร์ออกส่งบุยเต็งเข้า โอลิคที่ยิงจุดโทษไม่เข้า เปลี่ยนกับริเบรี่จ้า จากคุณ : แต๋วแหน่ว เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 18:20:25

ความคิดเห็นที่ 19 รอบเบนฝืนๆ แต่ต้องให้เครดิทเชลซีด้วยที่บีบที่ไล่ แล้วไปเล่นฝั่งซ๊ายเจอแอชลีย โคล. ไม่ใช่งานง่ายที่จะผ่านนะครับ โกเมซช่วงต้นฤดูกาลฮอทมาก ท้ายฤดูกาลสงสัยกระสุนหมด อีกอย่างเชกก็เล่นดีด้วย ปีนี้นอนมาผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแน่นอน จากคุณ : NO one see ME เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 20:02:08

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าอยากรู้ว่าเก่ง หรือ โชค ต้องไปถาม บาร์ซ่า สิครับ โดนอีหรอบเดียวกันเลย จากคุณ : Night Claw เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 21:52:52

ความคิดเห็นที่ 21 อีกอย่างที่ต้องยอมรับคือเมื่อวานร๊อบเบอรี่คู่นี้บอดทั้งคู่ครั ยิงนกตายไปแปด เข้าตาคนดูไปสาม ส่่วนโกเมซต้องหาครกให้แกแล้วล่ะ จากคุณ : คุณชายทหารไทย เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 21:57:27

ความคิดเห็นที่ 22 #7 ขอบคุณครับ...จำผิด :-P จากคุณ : รักนะสาวแว่น!!! (archparty) เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 22:31:21

ความคิดเห็นที่ 23 จุดเปลี่ยนคือเล่นในบ้านครับ ทำให้ไม่ได้แชมป์ ถ้าเล่นบ้านเชลซีอาจจะได้แชมป์ไปแล้ว หุๆ จากคุณ : suruchs เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 01:51:04