ความคิดเห็นที่ 1 ผมเชื่อว่า เจ้าของทีม ต้องการให้มีการเปลี่ยนถ่ายเลือด ส่งผลมาให้ AVB ต้องเริ่มดำเนินการ แต่ผู้เล่นหลายๆคนรู้แกว เลยรวมตัวกัน เล่น AVB เสียก่อน ดิ มัตเตโอ รู้เห็นทุกอย่าง เพียงแต่ไม่เห็นด้วย เพราะ ดิ มัตเตโอ ยังเห็นความจำเป็น และประโยชน์ ของเหล่าผู้เล่นอายุเยอะ เหล่านักเตะ เมื่อรู้ว่า ดิ มัตเตโอ เชื่อ นับถือ และอยู่ข้างเดียวกันกับพวกตน ก็กลับมาเล่น ด้วยความเป็นมืออาชีพอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของคำพูดของ ดิ มัตเตโอ ต่อ เจ้าของทีม หลังจากที่ได้ UCL แล้ว (ผมจินตนาการ เมื่อตะกี้เลยนะ) จากคุณ : กุ้ยเหลียง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 08:56:53

ความคิดเห็นที่ 2 สุดยอดครับคุณกุ้ย จากคุณ : สาย ธารี เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:01:25

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นผู้นำทหารเอาแต่บุกอย่างเดียวก็จะพากันตายหมด เป็นนักธุรกิจเอาแต่รุกไม่ดูตาม้าตาเรือก็คงหมดตูด รู้เขา รู้เรา  รู้ผ่อน รู้เร่ง กุนซือเก่งเทคนิคอีโก้สูงมีเยอะ  แต่พลาดไม่รู้เรา  ก็จะพากันตาย กุนซือรู้จริงมีน้อย จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:04:15

ความคิดเห็นที่ 4 ว่ากันด้วยเรื่องของแทคติค ถือว่า ok ในระดับนึงเลยนะ ดูได้จากนัดที่เจอบาร์ซา แต่่ที่มีมากกว่านั้นคือความเชื่อมั่นต่อลูกทีม และ มองทีมชุดนี้ได้ทะลุปรุโปร่งจริง ๆ มากกว่า จากคุณ : oommy เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:15:29

ความคิดเห็นที่ 5 รับเเน่นเเบบอิตาลีครับ จากคุณ : sitthikit2 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:25:33

ความคิดเห็นที่ 6 ผู้จัดการทีมที่ดี การคุมลูกทีมให้อยู่ก็คือความเก่งกาจอย่างนึง ฉะนั้นผมคิดว่าดิมัตเตโอเก่งครับ จากคุณ : รักเธออยู่แต่ก็รู้ว่าไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:31:06

ความคิดเห็นที่ 7 บางคนเก่งอย่างเดียว แต่วาสนาไม่มี ผลงานก็ไม่ปรากฏ บางคนเก่งพอประมาณผลงานออกมาดี ถ้าคุณเป็นเจ้าของ คุณอยากได้แบบไหนล่ะ จากคุณ : Old Castle เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:32:40

ความคิดเห็นที่ 8 แค่เอากองหลังอย่าง เบอทราน  ไปเป็นปีก  ก็เห็นถึงกึ๋นแล้วครับ  ทำในสิ่งคู้ต่อสู้คาดไม่ถึง ยอมเสียหนึ่งแต่ได้สาม   ยอมเสียที่ควรเสียแต่ที่ได้มาคุ้มกว่า ช่วยกรองรอบเบนให้ โคล ทำงานง่าย  ช่วยหยุุดการเติมของ ลาม ที่น่ากลัวมากกว่า ปิดจุดอ่อนด้านปีกของตัวเองที่ขาดรามิเรสไป  คือไม่ได้เปรียบก็ทำลายซะ   แค่นี้หยุดประสิทธิภาพการรุกของ บาเยิร์น และเสียหายหนักกว่าเชลซี   การที่ เบอทราน  เลี้ยงไม่ผ่าน ลาม ส่งลงทำไมอันนั้น ผิวเผิน ที่รู้อยู่แล้ว ถ้าเป็นกุนซือคนอื่น ก็อาจ ฝืนส่งปีกธรรมชาติที่เป็นรองลงไป  หรือ ส่ง   กองกลาง กองหน้า  อีกคนถ่างออกมาเล่นปีก   ซึ่งน่าจะเสียหายมากกว่า   เด็ดขาดครับ  คิดรอบคอบแล้วทำอะไรก็ทำซักอย่าง  ไม่กั้กครึ่งๆกลางๆ   แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 09:57:13 จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:49:13

ความคิดเห็นที่ 9 สองถ้วยก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วครับว่าของจริง แต่จะรักษาความสำเร็จไว้ได้นานแค่ไหนเท่านั้นเพราะยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ตัวอย่างก็ที่เห็นๆกันหล่ะครับ จากคุณ : the don เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:50:44

ความคิดเห็นที่ 10 เก่งครับ แต่ไม่มี passion คือเค้าทำทีมไ้ด้ผลการแข่งขันที่ต้องการครับ แต่ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดใจให้ชวนติดตามเชียร์ครับ ซึ่งมันอาจจะฝังอยู่ในสายเลือดชาวอิตาเลียนของเค้าครับ   แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 11:52:44 จากคุณ : LOFLOF1 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:13:23

ความคิดเห็นที่ 11 ความคิดเห็นที่ 10     เก่งครับ แต่ไม่มี passion จากคุณ : LOFLOF1   เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:13:23     ^ ^ ช่วยแปลให้ทราบความหมายเป็นภาษาไทยให้ทราบหน่อยครับ "แต่ไม่มี passion" คุณให้ความหมายว่าอย่างไร ?   แปลความหมายของคุณไม่ออกจริงๆ สำหรับคห.8 คุณวิเคราะห์ได้ถูกต้องมาก    การที่ดิมัตติโอเอาเบอทรานลงสนามเนื่องจากเหตุผลที่คุณว่า    คนที่เชียร์เชลซีประจำก็ยังงงในตอนแรกเลยว่าเอาเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ลงมาทำซากอะไร     แถมยังเป็นแบบว่าแผนนี้ปิดเงียบไม่มีการปูดออกมาให้ชาวบ้านรู้ก่อนเกมด้วย        เป็นแผนที่ง่ายๆแต่ได้ประสิทธิภาพสูงมากในการปิดการบุกด้านริมเส้นของบาเยิร์น      เท่านี้ก็พอจะแสดง*กื๋น*ของคนวางแผนในเกมรับแบบนี้แล้ว จากคุณ : เสือปลาขี้เมา เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:44:18

ความคิดเห็นที่ 12 ผมก็งงอยู่ ไม่มี passion คืออะไรฟะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (ความจำสั้นสันหลังยาว) เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:47:05

ความคิดเห็นที่ 13 ได้ที่6 ในลีก  เก่งเหรอ จากคุณ : CCE9PASS เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:52:36

ความคิดเห็นที่ 14 ดวงล้วนๆๆที่เข้ามาคุมช่วงไม่มีโค้ชจริงๆๆแต่ให้เครคิตนักบอลมากกว่า จากคุณ : เล่งฮู้ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:55:18

ความคิดเห็นที่ 15 ฟังสัมภาษณ์ตั้งแต่นัดผ่านบาร์ซ่ามา ฉลาดมีไหวพริบและเป็นงาน รู้อะไรควรไม่ควรมาก ต้องยอมรับว่าบารมีเกินตัวครับคนนี้ จากคุณ : โอ๊ยเจ็บ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:57:39

ความคิดเห็นที่ 16 passion คืออะไรหว่า เป็น บุคลิก ข้่างสนาม เวลาคุมทีม หรอ ? หรือว่า passion ของ รูปแบบการเล่น ถ้า อย่างหลัง ผมว่า ยังห่างกับ ที่ เสี่ยหมี ต้องการ อีกเยอะเลย แต่ถ้า เสี่ยหมี ไม่ยอมเปลี่ยน ทัศนคติ ที่ต้องการ ให้ เชลซี เล่นเหมือน บาซ่า ผมว่า ดิมัตติโอ ก็อยู่ได้ไม่ยาวครับ ปล. ถ้าเสี่ยหมี อยากได้ เชลซี สไตล์ บาซ่า ผมว่า " เป๊ป กวาดิ โอล่า" น่าจะ ย้ายเข้ามาเร็วๆ นี้.... แล้ว ดิมัตติโอ อาจจะไป คุม ลิเวอร์พูล..... จากคุณ : อยากขี่มอไซค์แต่กลัวล้ม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 11:00:48

ความคิดเห็นที่ 17 ฝีมืองั้นๆครับ เลยได้แค่ FA cup กับ UCL ไม่งั้นได้แชมป์ พรีเมียร์ กับ ลีคคัพ ด้วยแล้ว จากคุณ : via Galaxy Note (สายัณห์ ตะวันเพลิง) เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 11:22:42

ความคิดเห็นที่ 18 คห.13 มาไง ดิมัตติโอ ผมมองว่าเค้าโชคดีที่คลุกคลีกับเชลซีมาตั้งแต่เป็นนักเตะ นั่นอาจจะเป็นเพราะบารมีเค้าถึงด้วยละ นักเตะเลยเชื่อฟัง ส่วนตัวอยากให้มองยาวๆ เพราะเจอระยะยาวนี่ต้องมีเป๋ให้เห็นกึ๋นกันบ้าง ก็อยากให้เค้าเป็นโค้ชต่อไปเหมือนกัน อยากเห็นแกไปต่อในระยะยาว จากคุณ : Dj.Shadow เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 11:26:26

ความคิดเห็นที่ 19 ดิมัตเตโอ้ รู้ว่า อะไรคือจุดแข็ง-จุดอ่อนของตนและคู่แข่ง และเอาทรัพยากรณ์ที่มี มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หลายครั้งการจัดตัวดูแปลก ๆ แต่นั้นเขาคงวิเคราะห์ มาแล้ว ว่าต้องการอะไร กับคนที่เขาส่งลงไป และอธิบายงานที่นักเตะคนนั้นต้องทำได้ชัดเจน จุดแข็งของเชลซีทีมีเหลือในขณะที่เขาเข้ามาคือเกมรับ ทั้งกองหลังแบ็ก 4 และประตู ปีเตอร์ เช็ค ที่เขามั่นใจว่า จะเอาเกมรุกทุกรูปแบบอยู่ แล้วเสริมด้วยจุดเด่นของนักเตะบางคนที่เขามี อย่างรามิเรส เลยทำเกมสวนกลับมิประสิทธิภาพ เชื่อว่าถ้าเขาได้เลือกนักเตะเอง ถ้าเสี่ยหมีอยากได้เกมรุก ดิมัตเตโอคงบอก เอาตังค์มาเดี๋ยวจัดให้ จากคุณ : boonboon_sk เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 11:43:45

ความคิดเห็นที่ 20 สไตล์การเล่นไม่มีเสน่ห์? รู้รึเปล่าว่าจริงๆแล้วปรัชญาของดิมัตเตโอนี่คือการเล่นเกมรุกเลยนะ ไม่งั้นโบอาสจะดึงมาเป็นผู้ช่วยทำไม ตอนคุมเวสบรอมก็เน้นบอลคอนโทรลเป็นหลัก แต่บางครั้งมันต้องดูสภาพทีมด้วยครับ เห็นบางคนพูดเรื่องศักยภาพของเชลซีแบบนี้สามารถเล่นได้ดีกว่านี้ บอกตรงๆถ้าเป็นเมื่อสามปีก่อนก็พอจะบุกแหลกได้อยู่ แต่ตอนนี้หลายคนฟอร์มดร็อปลงไป แม้แต่แกนหลักอย่าง ดร็อกบา แลมพาร์ด เทอร์รรี่ โคล พวกนี้ไม่ได้ท็อปฟอร์มและปราดเปรียวเหมือนก่อนนะ คือมีช่วงที่ดีและไม่ดีสลับกันไปตลอดทั้งซีซั่น ไม่ต้องพูดถึง กาลู มาลูด้า มิเกล โบซิงว่า ที่แบบว่าตกไปเยอะจริงๆ และด้วยฟอร์มแบบนี้แหละ เวลาไปเล่นบอลเร็วหรือ high line บุกทั้งแผงตั้งแต่กองหลังแบบโบอาสเลยดับอนาถ ดิมัตเตโอเห็นตรงนี้อยู่แล้วว่าปัญหาของเชลซีคืออะไร เลยกลับมาใช้จุดเด่นของทีมคือเกมรับกับความเก๋าของนักเตะที่มีแทน ผลงานก็เลยกลับมาดี อีกอย่างการกระตุ้นลูกทีมนี่ดีมากนะ หลายคนที่ไม่ได้รับโอกาสในยุคโบอาสอย่างกาลูและมิเกลเหมือนกลับมาเกิดใหม่ ในขณะที่บอลชายเดี่ยวอย่างสเตอร์ริดจ์หลุดจากทีมไปเลย ถ้าลองมีนักเตะให้เลือกอย่างที่ต้องการ มีการเปลี่ยนแปลงทีมเอานักเตะเกมรุกเข้ามาผลัดใบ ผมก็คิดว่าเค้าสามารถทำทีมให้เอนเตอร์เทนได้เหมือนกัน โค้ชที่ดีคือโค้ชที่สามารถดึงเอาศักยภาพของนักเตะในทีมออกมาได้มากที่สุด และรู้ว่าควรจะเล่นโดยเลือกแผนการเล่นแบบไหนถึงจะเหมาะกับนักเตะที่มี ผมเชื่ออย่างนั้น และอันที่จริงกับถ้วย UCL ผมก็ไม่เห็นใครจะได้มันมาแบบฟลุ๊คๆซักทีนะ เพราะมันไม่ได้แข่งแค่นัดเดียว แต่ต้องลงแข่งถึง 13 นัด แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 12:18:21 จากคุณ : BlueLightS เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 12:16:05

ความคิดเห็นที่ 21 ดิมัตติโอ เข้ามาตอนค่อนข้างเหลือความหวังน้อยทุกอย่าง EPL นี่หมดลุ้นไปตั้งแต่ก่อนเข้ามาทำทีม UCL โดนนาโปลีนำ 3-1 แต่พลิกกลับมาชนะเข้ารอบได้ ผ่านบาร์ซ่า ล้มบาร์เยิน ได้แชมป์ FA cup เล่นเต็มที่หวังอย่างน้อยได้ไปบอลยุโรป  ยุโรป้าก็ยังดี(ลุ้นที่ 4ลำบาก) จากที่เห็นถ้วยที่ต้องทิ้งแน่ๆคือ พรีเมียร์นัดหลังๆจึงแพ้บ้าง เสมอบ้าง แล้วไปเน้นบอลถ้วยแทน เพราะยังต้องการไปเตะบอลยุโรปอยู่ แต่สไตร์ทำทีม ไม่ถูกใจเสี่ยหมีแน่ๆ  มันเอ็นเตอร์เทรนไม่พอ แต่เอนเตอร์เทรนแต่ทีมไม่ได้อะไรเลยก็ไม่ถูกใจเสี่ยอีก  เสี่ยหมีน่าจะทำทีมเองจะดีกว่านะ จากคุณ : ชุ่มฉ่ำ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 12:46:02

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องเก่งไม่เก่ง  นี่ ผมเฉยๆ  นะ   ก็คิดว่ามีฝีมือในระดับหนึ่ง ที่คุมทีมในขณะที่ระส่ำระสาย แล้วผลงานออกมาตั้งขนาดนี้ แต่เก่งอย่างเดียว คงไม่พอ ซึ่งผมคิดว่า มัตติโอ นี่ มีเฮงเต็มที่เลยละครับ  ในขณะที่นักเตะสามารถเล่นได้ตามที่กำกับ   โมเมนตัมในแต่ละเกม นัดสำคัญๆ ก้มักเป็นใจเสมอ เอานัดกับบาร์ซ่า ที่คัมน์ นู ก็ได้  ก็ได้ โดนนำไป 2 ลูก แถม จอห์น เทอรี โดนไล่ออก ยังไงก็กลับมาไม่ได้   แต่ลูกยิงคลาสสิค ของรามิเรซ ในช่วงทดเจ็บ ลูกเดียวแท้ๆ  ที่ทำให้ทีมเข้าชิง( ไม่นับลูกของตอเรส นะครับ เพราะถึงตอเรส ยิงไม่ได้ เชลซี ก้เข้าชิงด้วยประตูทีมเยือนอยู่ดี)   มีลูกเซฟสุดยอดของเช็ก จากการโหม่งสะบัดของปูโยล อีก   และใครจะคิดบ้างละครับ ว่า นักเตะอย่าง เมสซี กับ ร็อบเบน นี่จะมาพลาดจุดโทษในเกมกันง่ายๆ ถ้านัดชิง เชลซีแพ้  มัตติโอ ก็คงโดนบ่นว่า จัดตัวลงไปตั้งรับอย่างเดียว  คำพูดถึงก็จะต้องเปลี่ยนไปแน่ๆ   ทำนองเหมือนกับตอนที่ ราเอล เบนิเตช คุมลิเวอร์พูลพลิกกลับมาตีเสมอ มิลานได้ ด้วยการถอดกองหลังแล้วเพิ่มกองกลางลงไป  พอชนะ เซียนๆ นอกสนาม ก็ ออกมาชมกันว่า เก่งแก้เกม ได้ตรงจุด  ทีนี้ ในเกมนั้น ถ้า เกิดลิเวอร์พูลโดน สอยประตูเพิ่ม จาก 3 ลูก ที่โดนในครึ่งแรก  คนที่อยู่นอกสนาม ก็ต้องออกมาด่า ราฟา กันอีกแน่ ว่า ทำไมไม่รู้จักเล่นเซฟไว้วะ  ดัน(เจือก) ไปแลก เอ้า เลยพังกัน พอดี       แต่อย่างว่า แหละครับ ในโลกของฟุตบอล ไม่มีคำว่า ถ้า แล้วก็ความสำเร็จ กับความผิดหวัง มันก้ต่างกันแค่เส้นบางๆ เส้นเดียว  คนชนะ เท่านั้นแหละ ที่จะพูดได้เสียงดัง   กรณีเอาเบอทราน ไปเล่นปีก  แล้วทีมชนะ  แสดงว่า กุนซือเก่ง  แต่ถ้าทีมเกิดแพ้  คน ก็ต้องบอกว่า เฮ้ย มันคิดทำอะไรของมัน จริงมั้ย อิ..อิ..อิ.. จากคุณ : อาร์คีมิดิส เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 12:52:01

ความคิดเห็นที่ 23 โอ้ว! เทพหลังเกมเพียบเลย จากคุณ : ชอบเลี้ยงปลา เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 13:03:27

ความคิดเห็นที่ 24 ตาม คห.8 กล้าที่จะคิด กล้าที่จะเสี่ยง   ผลสำเร็จหรือล้มเหลว มันต่างกันนิดเดียว จะฮีโร่ หรือ ซีโร่ มันอยู่ที่สำเร็จหรือล้มเหลว ซึ่ง ดิมัตเตโอ ทำสำเร็จ จากคุณ : Longinus เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 13:58:24

ความคิดเห็นที่ 25 เท่าทีดูการวางแผนก็โอเคนะครับ นัดเจอบาซ่า นาโปลี สเปอร์ หงส์ นัดที่เน้นผลได้อย่างต้องการ แก้เกมส์พอได้ แต่อยากเห็นชัดๆอีกสักปี จะของแท้รึเทียม จากคุณ : บ้านพี่ถุงเงินน้องถุงทอง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:13:20

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่านัดสำคัญคือ นัดที่สอง หลังจากแพ้นาโปลีมานะครับ นี่คือเขาเริ่มจากติดลบเลย เพราะแพ้นัดแรกไปถึง 2 ลูก หลังจากนั้น ก็วางแผนนัดต่อนัด เรียกว่า เรื่อง แทคติค เก่งทีเดียวครับ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:33:27

ความคิดเห็นที่ 27 CCE9PASS  คุณเป็นอะไรมากมั๊ยรึอิจฉาที่เชลซีขโมยซีน แชมป์พรีเมียร์แรกของซิตี้ จากคุณ : bobenz เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:59:27

ความคิดเห็นที่ 28 เก่งหรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้าคุมนักเตะให้เชื่อฟังได้ อะไร อะไร ดีๆ หลายๆ อย่างก็จะตามมา จากคุณ : Ziron เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 15:23:29

ความคิดเห็นที่ 29 สไตล์เน้นรับของ ดิ มัตเตโอ เหมาะกับบอลถ้วยเป็นรอบๆครับ คล้ายๆกับหงส์ยุคอุลลิเยร์นั่นแหละ โดยเฉพาะเวลาเจอทีมระดับเดียวกัน หรือทีมที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งต้องมาเปิดหน้าบุกใส่อยู่แล้ว ดิมัตเตโอสามารถเล่นอุดแล้วสวนกลับได้ แต่ในเกมลีก ซึ่งต้องมีเกมบุกตะลุยที่มีประสิทธิภาพมากพอ จึงจะเก็บแต้มได้สม่ำเสมอนั้น ตอนที่โบอาสออกไป เชลวีอยู่อันดับ5 แต่ดิมัตเตโอมารับช่วงต่อ ทำทีมจบที่อันดับ6 เท่านี้ก็พอเห็นอะไรบ้างไม่มากก็น้อยล่ะครับ จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 15:30:46

ความคิดเห็นที่ 30 โบอาสพลาดที่ไม่โละ ดิมัตเตโอ้ ทำถูกที่ไม่โละ แต่ต่อจากนี้ จะโละไม่โละ จะดำเนินการเชลซีไปรูปแบบไหนก็เอาเลยนะพี่ ท่าน จะขายใครเก็บใครไว้ก็เอา ตามแทคติค ที่พี่ท่านคิดเลย ถ้าได้ทำนะ อย่าครึ่งๆกลางๆอีก จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 15:32:06

ความคิดเห็นที่ 31 #29 ถ้าช่วงนั้นโบอาสอยู่ต่อกล้าฟันธงว่าต่ำกว่าอันดับ6แน่ๆ เพราะอะไร..คุณลองไปดูโปรแกรมหลังช่วงที่โบอาสกระเด็นออกไป ต้องนำมาพาทีมกลับเข้าฝั่งเปิด(เกมรุก)สู้ไม่เกรงกลัว3ประสานหน้าของนาโปลี โดยการถล่ม4-1 เก่งแต่เกมรับจริงๆดิมัตเตโอ.... และหลังจากนั้นเชลซีต้องเตะถี่มากเลือดแทบกระเด็นเป็นเวลา2เดือน ใน1สัปดาห์ต้องมาคุมทีม3แมตท์ หรือไปดูช่วงกลางเมษาหฤโหดก็ได้คับ คุณน่าจะพอเห็นอะไรที่มากกว่าการจบฤดูกาลด้วยอันดับ6 แล้วจบด้วยแชมป์ยูโรเปี้ยนและเอฟเอคัพน่ะครับ จากคุณ : Devil_AusTin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 16:39:09

ความคิดเห็นที่ 32 29 หลายครั้ง ท่าน ซาโนะสุเกะ เมื่อก่อนก็วิจาร์ณมีเหคุมีผลนี่ครับ แต่หลังๆมาก็วิจาร์ณเหมือนเดิม แต่เหมือนปิดตาข้างเดียวพูดไม่หมดเพี้ยนนิดๆ  อย่าเลยครับเสียดายความรู้  ความสามารถ ผมว่าที่  31  พูด  ท่านซาโน๊ะคงรู้แก่ใจดี  ท่านอาจจะได้รับความกดดันและอารมณ์วัฒนธรรมช่วงหลัง ของทีมมากจึงเพี้ยนไป  เราก็ไม่เคยบอกว่า  ดิมัตเตโอ จะทำทีมคงเส้นคงวาในพรีเมียร์ ได้ดีมากๆแน่นอน  แต่จะเอาใครมาล่ะอย่าง มู ก็ไปแล้ว  เท่าที่ผ่านแม้สั้นๆแต่ผลงานควรให้โอกาสไหม   ส่วนเกมส์รุกท่านไม่ต้องเป็นห่วงแทนเราครับ  ดิมัตเตโอ  ธรรมชาติ เป็น กองกลางตัวรุก  ระดับทีมชาติชั้นนำ   คงไม่ถึงขนาดบอกให้ลูกทีมอุดทุกเกมส์ หรือ ถึงกับบุกไม่เป็นแน่   อีกอย่างทีมเราเชียร์ วิจาร์ณตามความเป็นจริงครับจะได้เห็นปัญหา  ไม่ต้อง  เกาะกระแส  สร้างข่าวที่ไม่น่าสร้าง มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนอกจากหลอกตัวเองไปวันๆ  ..... แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 18:25:52 จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 18:11:01

ความคิดเห็นที่ 33 RDM คุมในลีก 10 นัด แพ้ 3 (ซิตี้, นิวคาสเซิ่ล, ลิเวอร์พูล) เสมอ 3 (สเปอร์, ฟูแล่ม, อาเซน่อล) ชนะ 4 (วิลล่า, วีแกน, คิวพีอาร์, แบล็คเบิร์น) เกมประทับ รวมทุกรายการ 4-1 นาโปลี, 5-2 เลสเตอร์, 5-1 สเปอร์, 6-1 คิวพีอาร์, 2-2 บาซ่า, 2-1 ลิเวอร์พูล, 1-1 บาเยิร์น ต้องบอกว่าในบอลถ้วย RDM พาเชลซีไปได้ดีเกินคาดจริงๆ ส่วนในลีกส่วนตัวยังคิดว่ากลางๆ ซึ่งก็เข้าใจได้ ถ้ามีเวลามากกว่านี้ อาจจะทำได้ดีกว่านี้ (แต่ไม่เสมอไป ดูอย่าง KD ของลิเวอร์พูลที่ตอนเข้ามาแทน RH ทำได้ดีมาก แต่ก็กลับมาแย่ลงไปอีกในฤดูกาลถัดมา) ส่วนหนึ่งคิดว่ามันเป็น contrast ที่เห็นได้ชัดๆ ด้วยระหว่างยุคของ AVB กับ RDM มันต่างกันราวฟ้ากับเหว ทำให้คนหลังเท่เลย ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้ดีขึ้นจริงๆ นั่นแหละ ส่วนตัวยังอยากเห็นผลงานแบบเต็มๆ ของเจ้าตัว จัดมาเต็มๆ ฤดูกาล แบบนั้นจะพูดได้ชัด แต่ ณ ตอนนี้ ผลงาน 2 บอลถ้วย ถ้าไม่ให้เครดิต RDM ก็ไม่รู้จะให้ใครแล้วจริงๆ :D แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 19:39:25 จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 19:37:53