Post 2011-12 Season Movies hit
คอลัมน์ : เจาะข่าวฮอต โดย.. ศิวโรจน์ สายแวว
หลังเคยเปรียบสถานการณ์ของทีมลูกหนังยุโรปแต่ละทีมด้วยเพลงต่างๆ ไปแล้วเมื่อตอนต้นซีซั่น แต่โทษฐานที่ซีซั่นนี้ปิดฉากลงแบบดราม่าอย่างร้ายกาจ บีบหัวใจคอบอลจนแทบหยุดเต้น งั้นลองมาเทียบเคียงเหตุการณ์เด่นๆประจำฤดูกาลด้วยภาพยนตร์ฮิตกัน
- 2 คน 2 คน : การเบียดแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก กันจนเสียงนกหวีดสุดท้ายของเกมปิดฤดูกาล ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เกมนี้หลายคนเห็นตรงกันว่าลุ้นมากที่สุดในชีวิตการดูบอล เพราะทีมคู่ปรับแห่งเมืองอุตสาหกรรมสิ่งทอของอังกฤษ ขับเคี่ยวกันแย่งแชมป์มาตลอดฤดูกาล โดยฝ่ายแดง มีดีกรีเป็นมหาอำนาจประจำลีก ด้วยแชมป์ 19 สมัย และมีขุมกำลังรุ่นใหม่ผสมกับตัวเก๋าๆ ที่ยังเหลืออยู่ ขณะที่ฝ่ายสีฟ้า เต็มไปด้วยแข้งดังคับทีมที่ได้มาจากอำนาจเงินของ เศรษฐีน้ำมัน
หลังเกาะกลุ่มหัวตารางมาตลอดซีซั่น ผลัดกันนำผลัดกันตาม และถูกลิขิต ให้ต้องมาฆ่ากันให้ตายกันไปข้างหนึ่งในเกมสุดท้าย หลังกระเด็นพ้นทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เหมือนกันเด๊ะ ท้ายที่สุด ก็เป็น โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่พาทีมคว้าแชมป์ไปครองได้เป็นสมัยแรก ด้วยการรัว 2 ลูก ใส่ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ช่วงต่อเวลาพิเศษ ปล่อยให้ "ปีศาจแดง "ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เฉือนชนะ ซันเดอร์แลนด์ ไปได้ 1-0ก่อนต้องฝันค้าง
เรื่องทั้งหมดถ้าเปรียบไปก็คงเหมือนกับ 2 คน 2 คม หนังของ แอนดรูว์ เลา ที่เป็นการชิงไหวชิงพริบกัน ของสายลับโจร กับ สายลับตำรวจที่สลับขั้วไปฝังตัวอยู่ในฝ่ายตรงข้าม โดยก่อนจะจบเหมือนว่า ฝั่งตำรวจในคราบโจร จะชนะอยู่แล้ว แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า เจ้าตัวถูกโจรในคราบตำรวจอีกคนหนึ่ง ฆ่าตายแบบหักมุม ซะงั้น!
-The Avenger : การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกของ แมนฯ ซิตี้ ด้วยพลังของนักเตะล้นทีมที่เต็มไปด้วยปัญหาซึ่งกุนซือคุมไม่อยู่
"เรือใบสีฟ้า" เถลิงแชมป์ลีกผู้ดีสมัยแรกได้อย่างยิ่งใหญ่ จากฝีเท้าระดับเหนือมนุษย์ของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ,ดาบิด ซิลบา ,โจ ฮาร์ท ,คาลอส เตเวซ และ มาริโอ บาโลเตลลี่ โดยเฉพาะ 2 รายหลังที่ชัดเจนว่า อีโก้จัดและเกรียนเกิน จน "มันโช่" คุมไม่อยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งหมดรวมพลังกันจนระเบิดฟอร์มสุดยอดไปทั่วฟลอร์หญ้า ทีมไหนก็เอาไม่อยู่ ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด คงประจักษ์ดีและน้ำตาตกมาแล้ว
สถานการณ์ของ แมนฯ ซิตี้ ภายใต้น้ำมือของนายใหญ่วัย 47 กะรัต ดูๆไปแล้วก็คล้ายกับ The Avenger หนังจากการ์ตูนรวมก๊วนยอดมนุษย์ที่ นิก ฟิวรี่ ผู้รวมทีมคุมลูกน้องไม่ค่อยอยู่ แต่เมื่อทุกคนรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว และใช้ของดีที่ตนมีให้เป็นประโยชน์ ก็จะสามารถกู้โลกไว้ได้ นั่นเอง
- Warhorse : การคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรกของ เชลซี ซึ่งต้องฝันฝ่าอุปสรรคนานับประการ
"สิงโตน้ำเงินคราม" เปิดฤดูกาลอย่างเร้าใจ และเต็มไปด้วยความหวัง หลังได้ตัว อันเดร วิลลาช-โบอาช อดีตมือขวาของ โชเซ่ มูรินโญ่ มาเป็นผู้จัดการทีม แต่ 8 เดือนถัดมาก็เกิดรอยปริแตกในถิ่น แสตมฟอร์ด บริดจ์ เพราะบรรดาแข้งขิงแก่ อาทิ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ,ดิดีเย่ร์ ดร็อกบา และ แอชลี่ย์ โคล พร้อมใจก่อกบฏไม่เล่นตามที่สั่ง ฉุดผลงานของทีมให้ร่วงไปด้วย
ทว่าสถานการณ์ของ "เดอะ บริดจ์" ก็ดีขึ้นผิดหูผิดตา ชนะหลายเกมต่อเนื่องเป็นซีรี่ย์เกาหลี หลัง โรแบร์โต ดิ มัตติโอ ได้เลื่อนจากท่านรองขึ้นมาเป็น ฯพณฯ กุนซือรักษาการณ์ จนท้ายที่สุดจบซีซั่นพร้อมแชมป์ เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเฉพาะรายการหลังที่ต้องคาราวะให้กับหัวใจและความนิ่งของนักเตะวัยเก๋าแห่งค่ายสิงห์ทุกคน
การที่ "อาร์ดีเอ็ม" พาทีมคว้าแชมป์ยุโรป และทำให้ฝันของ โรมัน อบราโมวิช เป็นจริง หลังผ่านผู้จัดการทีมมาหลายคน เปรียบไปก็คล้าย Warhorse ผลงานชิ้นล่าสุดของ สตีเฟ่น สปิลเบิร์ก ผู้กำกับเชื้อสายยิวคนดัง ที่เล่าเรื่องการผจญภัยของม้าศึก ตั้งแต่ที่มันถูกชาวนาผู้เชื่อมั่นในศักยภาพของมันซื้อมาแบบไม่ฟังคำทัดทานของคนใกล้ชิด ผ่านเจ้าของและคนขี่ระหว่างสงครามมานับไม่ถ้วน จนที่สุดได้กลับมาอยู่กับเจ้าของเดิม ได้อย่างเหลือเชื่อและประทับใจคนดู นั่นเอง
- Hurt Locker : ซีซั่นที่ผิดหวัง และเต็มไปด้วยปัญหาของ ลิเวอร์พูล จน เคนนี่ ดัลกลิช ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม
ดัลกลิช เข้ามารับมางานหน 2 พร้อมความหวังที่สดใส เนื่องจากครั้งแรกเคยพาทีมคว้าความสำเร็จมามากมาย และยังมีทั้ง หลุยส์ ซัวเรซ และ แอนดี้ คาร์โรลล์ เป็นอาวุธสำคัญอีกด้วย แต่ "หงส์แดง" ก็ทำผลงานขึ้นๆลงๆ แถมยิงแม่นคานมากกว่าส่งลูกเข้าไปตุงตาข่าย และทำได้แค่นำ แชมป์ คาร์ลิ่ง คัพ มาสู่ถิ่นแอนฟิลด์ จนบรรดาสาวก ต้องช้ำซ้ำซ้อน จบซีซั่นด้วยที่ 8 ต่ำกว่าซีซั่นที่แล้ว 2 ขั้น และนำไปสู่การแยกทางกัน ในที่สุด
ถ้าจะว่าไป สถานการณ์ของ "เดอะ เร้ดส์" และนายใหญ่เลือดสกอต ก็เหมือนกับหนังวีรบุรุษกู้ระเบิด เจ้าของรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเมื่อปี 2009 โดยตัวเอกของเรื่องรู้ทั้งรู้ว่าเป็นงานที่เต็มไปด้วยปัญหาและเสี่ยงต่อชีวิต แต่ก็ยังทำเพราะมีความเชื่อมั่นนั่นเอง
- Chronicle : การคุม เชลซี ไม่อยู่มือ จนถูกปลดของ "เอวีบี"
อดีตโค้ช ปอร์โต้ คืนสู่ถิ่นเก่าในบทบาทใหม่ พร้อมความหวังท่วมท้น และการต้อนรับจากอบอุ่นจากแฟนนานุแฟนของ "สิงห์บลูส์" แต่หลังผลงานไม่เข้าตา และการเจอนักเตะประสบการณ์สูงซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแข็งขืน ทำให้ "เสี่ยหมี" ตะเพิดพ้นตำแหน่งแบบเจ็บช้ำ จนถูกมองว่าขึ้นมาเร็วเกินไป และชั่วโมงบินยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการคุมทีมใหญ่ จนทำให้ความสำเร็จอย่างมหาศาลพร้อมสถิติต่างๆก่อนหน้านี้ของเจ้าตัวแทบไร้ค่าไปเลย
การเปลี่ยนจากกุนซือความหวังใหม่มาเป็นผู้จัดการทีมเกรียนๆ คนหนึ่งของ โบอาช คล้ายกับ Chronicle หนังยอดมนุษย์สุดแนว ที่เล่าเรื่องวัยรุ่นที่ได้พลังพิเศษมาจากวัตถุลึกลับต่างดาวด้วยภาพแบบตากล้องสมัครเล่น ซึ่งหลังได้พลังมาทั้ง 3 ก็ใช้มันกันอย่างสนุกมือ จนกลายเป็นคนดังขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดเมื่อเจอภาวะกดดันจนคุมตัวเองและอำนาจพิเศษไม่ได้ ก็ต้องจบชีวิตสังเวยให้กับความทะเยอทะยานของตัวเอง
- Fast5 : การพา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ลา ลีกา ในฤดูกาลที่ 2 ในการรับงานของ โชเช่ มูรินโญ่
หลังทำได้แค่ แชมป์ โกปา เดล เรย์ เมื่อซีซั่น 2010-11 ถัดมาในซีซั่น 2011-12 กุนซือชาวโปรตุเกส ก็ประสบความสำเร็จในการส่ง "ราชันชุดขาว" คืนสู่บัลลังก์ลีกแดนกะทิง ได้เป็นสมัยแรกในรอบ 4 ปี พร้อมสร้างสถิติ เป็นสโมสรแรกที่ทำถึง 100 แต้ม โดยจากทั้งหมด 38 นัด ชนะ 32 นัด แพ้ 4 เสมอ 2 ทิ้งห่าง บาร์เซโลน่า คู่ปรับตลอดกาล ถึง 9 แต้ม
ถ้ามันยังไม่หนำใจ เรอัล ก็ยิงประตูอย่างระห่ำกระฉูด ซัดไปทิ้ง 121 ประตู แม้ในเวทียุโรป จะกอดคอตกรอบรองฯ พร้อม "เจ้าบุญทุ่ม" หลังแพ้ บาเยิร์น มิวนิค ก็ตาม
การเถลิงความสำเร็จของ "โลส บลังโกส" พูดไปก็เหมือนกับ หนังรถซิ่งสุดระห่ำ ภาค 5 ที่เป็นการสานต่อความสำเร็จจากภาคก่อนๆ ที่กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมพลังดาราคับจอ จนกวาดรายได้ทั่วโลกไปสิ้น 626 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 18,000 ล้านบาท) ขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินมากที่สุดในปี 2011
ศิวโรจน์ สายแวว
http://www.siamsport.co.th/Column/120523_198.html