จากที่อ่านๆ มานะครับ 1. ความน่าจะเป็นของความสัมพันธ์ ญี่ปุ่น - เซอร์เบีย คือ - เป็นเรื่องการเมืองระดับ FIVB คือไม่ต้องการให้มีตัวแทนจากเอเชียไปถึง 4 ซึ่งจะมากกว่า ยุโรป เสียอีก เพราะ 4 ชาติของยุโรปเป็นในฐานะเจ้าภาพเสีย 1
- เป็นเรื่องการตกลงของ เซอร์เบีย - ญี่ปุ่น เอง คือเป็นไปตามสถานการณ์ ไม่ได้ล่วงหน้าอะไร สถานการณ์มันเอื้อ ก็เลยตกลงกันเดี๋ยวนั้น สมประโยชน์ทั้งคู่
- ไม่ได้เป็นการตกลงอะไร เพียงแต่ ญี่ปุ่น ทำได้ตามเป้าหมายแล้ว ก็เลยไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นอะไรแล้ว รวมทั้งสูญเสียความมุ่งมั่นไป หรืออาจเพื่อประโยชน์อื่นๆ ของทีมตัวเอง เช่น สมมุติ เลี่ยงสายแข็ง (สถานการณ์แบบนี้ แฟนฟุตบอล จะคุ้นตากันดี)
ตอนนี้ด้วยรูปการณ์ + กับอารมณ์ (ว่ากันตรงๆ) ก็น่าจะอยู่ใน 2 ข้อแรก ซึ่งว่ากันตามจริงแล้วไม่ใช่การล้มบอล แต่เป็นการสมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย น่าจะเรียกได้ว่า "ไม่สง่างาม" มากกว่า แต่อย่างไรก็ดี ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าอย่างน้อย สาวตบญี่ปุ่นเองไม่ได้รู้เรื่องแผน (ถ้ามี) มาก่อน และอาจจะไหลๆ ตามไปตามสถานการณ์เท่านั้น จากที่เห็น ถ้าเป็นทฤษฏีที่ 1 ก็คือเป็นเรื่องการเมืองภายใน FIVB ซึ่งตรงนั้นเกินกว่าที่ใครจะไปสืบสาวราวเรื่องได้ เป็นได้แค่การคาดเดา และความเห็นจากแฟนๆ พันธ์แท้วอลเล่ย์บอลระดับนานาชาติเท่านั้น ต้องไม่ลืมอย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าจะมีทฤษฏีที่ว่าหรือไม่ มันต้องมี "ข้อแม้" อย่างหนึ่งที่สำคัญคือ ไทย ต้องตกอยู่ในสถานะที่เลือกกำหนดชะตาชีวิตตัวเองไม่ได้ หรืออีกนัยคือต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ ถ้า ไทย ไม่ตกอยู่ในช่องว่างของ ผ่าน - ไม่ผ่าน คือเต็มใบไปเลยว่า ผ่าน หรือ ตกรอบ ไม่ว่ามีทฤษฏีไหน การเมืองภายในอะไรหรือไม่ ก็ไม่มีผลกับเรา *นอกเรื่อง "ยืมจมูกคนอื่นหายใจ" ไม่ใช่ศัพท์ทางลบ กรุณาอย่าเอา "อารมณ์" มาเป็นที่ตั้งอยู่เหนือเหตุผลจนด่ากราดคนชาติเดียวกัน (เสียเอง) มันเป็นศัพท์ที่แฟนกีฬาโดยเฉพาะ ฟุตบอล จะคุ้นหูกันดีอยู่มากมานานแล้ว คือ สถานะการณ์ที่คนๆ หรือ ทีมนั้นๆ ไม่สามารถกำหนดผลลัพท์ที่ต้องการได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และแม้แต่ทีมฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกไม่ว่ายุคไหน ก็ล้วนเคยต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ทั้งนั้น ซึ่ง ไม่ได้เกี่ยวกับความ เก่ง/ไม่เก่ง หรือ ไร้ความมุ่งมั่น เพราะแม้จะใส่เกินร้อยเปอร์เซ็นต์บางครั้งก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้เช่นกัน 2. "ล้มบอล" (วอลเล่ย์) หรือไม่? ผิดมั้ย? ประเด็นเรื่อง ญี่ปุ่น ไม่ได้ใส่เต็มร้อยนั้นค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ว่าคนที่ดูสดหรือดูเทปก็เห็นตรงกันว่า ญี่ปุ่น ผ่อนเครื่องลงอย่างเห็นได้ชัด และสร้างความไม่พอใจไม่เฉพาะกับคนไทย (หรอก) เพราะฉะนั้น เคลียประเด็นแรกที่ว่า ญี่ปุ่น ผิดปกติหรือไม่ ตอบว่า "ใช่" ประเด็นถัดมา ล้มบอลหรือไม่ "ผ่อนเครื่อง" กับ "ล้มบอล" คนละความหมายกัน ผ่อนเครื่อง หมายถึงทีมนั้นๆ ไม่ได้เล่นเต็มที่ 100% ในเกมหนึ่งๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในกีฬาแทบทุกประเภท ด้วยเพราะในแต่ละเกม แต่ละแมตช์ แต่ละรายการนั้น แต่ละทีมเองก็จะมี goal หรือ "เป้าหมาย" ของตัวเอง ซึ่งหากได้ผลลัพท์ตามนั้นแล้ว ก็มักจะผ่อนเครื่องลง ด้วยหลายๆ เหตุผล ไม่ว่าจะ ถนอนสภาพร่างกาย ทดสอบ-ทดลองตัวผู้เล่น/แท็คติค ที่ไม่สามารถทำได้ในเกมที่ต้อง "เน้น" ผลการแข่งขัน เป็นต้น รวมไปถึงการผ่อนคลายลงตามธรรมชาติหลังจากที่ เครียด หรือบดบี้ด้วยสมาธิมาตลอดเกม ใครที่เคยเล่นกีฬาจริงจังเอาผลการแข่งขันเองก็อาจจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ ส่วน "ล้มบอล" หมายถึง การสมยอม เล่นเพื่อผลการแข่งขันที่ได้กำหนดไว้แล้วโดยมีผลประโยชน์ต่อทีมใดทีมหนึ่งหรือทั้งสองทีม โดยปกติในภาษาฟุตบอล "ล้มบอล" จะหมายถึงการ "กำหนดผลการแข่งขันล่วงหน้า" โดยมุ่งเน้นเพื่อผลประโยชน์ (โดยมากหมายถึง เงิน) ต่อใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นในกรณีที่เป็นเรื่องของ "ผลประโยชน์นอกสนาม" มีหลักฐานว่าพูดคุยตกลงกัน จะถือว่าผิดร้ายแรงและมีโทษหนักหนาตามมา อย่างที่ยอดทีมฟุตบอลในลีกมักโรนีเคยถูกทั้งปรับเงิน, ตัดแต้ม ไปจนถึงปรับตกชั้น ก็เห็นกันมาแล้ว ทีนี้ มีอีกแบบหนึ่ง คือ การ "ทีมหนึ่ง ลงเล่น เพื่อผลการแข่งขันของอีกทีมหนึ่งโดยตรง" คือไม่มีเรื่องเงินทองนอกสนามมาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของการสมยอมผลประโยชน์ในการแข่งขันโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าเป็นจริงอันนี้ก็จะถือว่า ผิด และต้องรับโทษอยู่ดี เพียงแต่มักจะไม่ร้ายแรงเท่าผลประโยชน์ทางเงินทองนอกสนาม (ปัญหาคือมันพิสูจน์ได้ยาก) มาถึงตรงนี้ เราคัดกรองหา "ความน่าจะเป็น" ได้หลายๆ อย่างแล้ว 1. ญี่ปุ่น ผ่อนเครื่องลง (แต่ เป็นไปอย่างจงใจ หรือ ผ่อนตามธรรมชาติ?) 2. ญี่ปุ่น ผ่อนเครื่องลง โดยได้ตระหนัก หรือรับรู้ หรือ "จงใจ" เพื่อผลประโยชน์ของทีมใดทีมหนึ่ง (เซอร์เบีย) โดยเฉพาะเจาะจงหรือไม่ (ขั้น advance คือ สมมุติ ทำเพื่อเซอร์เบีย เพื่อ FIVB อีกที) 3. ถ้า ญี่ปุ่น ผ่อนเครื่องลง เพื่อตัวเองอย่างเดียว (เลี่ยงสายแข็ง, เลิกเน้น, เก็บแรง, หมดแรงกระตุ้น, ทดสอบอะไรใหม่ๆ ฯลฯ) โดยไม่ได้ตระหนัก หรือทำเพื่อเฉพาะเจาะจงในการเอื้อผลประโยชน์ให้ทีมใดทีมหนึ่งจะถือว่า ญี่ปุ่น ไม่ผิด และเป็นสิ่งที่ทำกันปกติแพร่หลายทั่วไปในวงการกีฬา สรุป ต้องแยกแยะให้ออก ว่า ญี่ปุ่น ผ่อนเครื่องลงด้วยเหตุผลอะไร ถ้าผ่อนลงตามธรรมชาติของกีฬาที่ได้ผลลัพท์ตามต้องการแล้ว ถือว่า "รับได้" และขอย้ำว่าเป็นเรื่องปกติในวงการกีฬา แต่ถ้า ญี่ปุ่น ผ่อนแรงลงโดยมีเหตุผลอื่นใด โดยเฉพาะการเอื้อประโยชน์ให้ "เซอร์เบีย" นอกจากจะเสียมารยาทอย่างร้ายแรงแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าจะมี กฏ โดยตรงมารองรับหรือไม่ แต่ถึงมี ก็เชื่อได้ว่าการสอบสวนเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะคาดหวังอะไรได้ทั้งนั้น ยังต้องไม่ลืมอีกด้านหนึ่งว่า ถ้า ญี่ปุ่น เลือกที่รักมักที่ชังจริงๆ ก็ยังไม่น่าจะอยู่ในกงการของ FIVB ที่จะลงมือทำอะไร หรือถ้าเป็นในกีฬาประเภทอื่นๆ ก็ไม่น่าจะมีกฏรองรับ เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ว่า เปลี่ยนญี่ปุ่นเป็น กัมพูชา ตรงนี้เราจะแปลกใจหรือช็อคหรือไม่ถ้าในระหว่างทีมวอลเล่ย์บอลเองจะมีการ "เลือกที่รักมักที่ชัง" เพียงแต่ ถ้าเปิดเผยจริงๆ โต้งๆ ก็อาจจะถูกประนามว่าไร้สปิริต ไม่สง่างาม อะไรแบบนั้น เพราะกีฬาต้องมีความเป็นกลาง เท่าเทียม ไม่ปะปนกับความรู้สึกส่วนตัว แต่ในทางปฏิบัติก็อีกเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะในกีฬา ฟุตบอล ดังที่จะเห็นได้ชัดว่า "ตามหน้ากระดาษ" แล้วทุกทีมเท่าเทียมกัน เหมือนกัน ได้แต้มเหมือนกัน แต่สมมุติ ทีม A เป็นอริกับ ทีม B ทั้ง 2 ทีมจะเน้นผลการแข่งขัน (เวลาเจอกันโดยตรง) เป็นพิเศษ ถึงขั้นประกาศว่าจะสะใจหรือดีใจเป็นพิเศษ ต่างๆ เหล่านี้เป็นต้น ทั้งที่ตามกฏแล้วก็ได้แต้มเท่าเดิม เพียงแต่ในกีฬา วอลเล่ย์บอล อาจจะไม่คุ้นกับอารมณ์ ลำเอียง รัก ชอบ เกลียด แบบรุนแรงแบบในกีฬา ฟุตบอล ตรงนี้ก็คือแยกแยะออกมาเลยว่า ญี่ปุ่น ผ่อนเครื่องลง ด้วยสาเหตุอะไร เพราะชัดเจนว่าผ่อน แต่เพราะเพื่อตัวเอง หรือเพื่อใคร หรือเลือกที่รักมักที่ชัง (ซึ่งไม่น่าจะใช่ เพราะระหว่าง ไทย-ญี่ปุ่น ไม่ได้มีอะไร) ตรงนี้ที่ยาก เพราะมันบอกได้ยาก พิสูจน์ได้ยาก ทำได้เพียงคาดเดา สาดทฤษฏีสมคบคิดต่างๆ นานาตามแต่อารมณ์จะพาไป แต่หลักฐานทางพฤติกรรมและเหตุผล ยังไงก็เบาบาง ผมคิดว่าไม่มีคนไทยคนไหนคิดว่า ทีมชาติไทย ไม่สมควรได้ไปโอลิมปิค ไม่ว่าจะเค้าจะลำเอียง ชาตินิยม หรือไม่ก็ตาม คือไม่ว่าจะมองตามเนื้อผ้าหรือมองด้วยหัวใจ ทีมชาติไทยก็ทำได้ดี ปัญหาอยู่ตรง "หน้ากระดาษ" คือ ไม่มีใครตั้งคำถามถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของเรา แต่นั่นไม่ได้ช่วยในเรื่องอันดับหรือแต้ม ซึ่งไม่ใช่กำหนดหรือชี้วัดได้ด้วยความมุ่งมั่นหรือหัวใจ เป็นเรื่องของผลการแข่งขัน เหมือนกีฬาฟุตบอลที่บางคนจะพล่ามเรื่องเล่นดีแต่แพ้ หัวใจเต็มร้อย ฯลฯ พาลแขวะกัดทีมที่เล่นได้ผลการแข่งขัน *ทีมชาติไทย ไม่ได้ไปโอลิมปิคเพราะ ญี่ปุ่น อาจจะจริงครึ่งหนึ่ง เพราะก็เป็นพวกเราเองที่พาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์ "สีเทา" ครึ่งๆ กลางๆ เมื่ออยู่ในสถานการณ์พลิกคว่ำพลิกหงาย ที่ต้องลุ้นได้เพียงผ่านหน้าจอทีวีแล้ว ผลจะอย่างไร ก็คงทำได้แค่ยอมรับมัน อย่างที่เกริ่นไว้แล้วว่า ไม่ว่าทฤษฏีฮั้วต่างๆ เหล่านั้นจะจริงเท็จแค่ไหน อย่างไร หรือไม่ มันมี "ข้อแม้สำคัญ" อย่างหนึ่งคือ ทีมชาติไทย จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพึ่งพาผลของคู่อื่นด้วย แล้วเป็น ทีมอื่น เป็น ญี่ปุ่น เป็น เซอร์เบีย หรือปล่าว ที่พาให้เรามาตกในสถานการณ์ก่อนหน้าเกมอัปยศนั้น หรือว่าเป็น ตัวเราเอง? โทษคนอื่นนั้น ได้ ทำง่ายด้วย แต่ในกรณีที่ ญี่ปุ่น ทำลงไปด้วยความเลวร้ายจริงๆ ก็ต้องถือว่าสมควรประนามด้วยประการทั้งปวง แต่ตบมือข้างเดียวไม่ดังฉันใด ถ้าเราทำได้ดีกว่านี้ หรือถ้าเราไม่ใช่มืออีกข้างที่ไปขึ้นเขียงรออยู่แล้ว ให้ญี่ปุ่นผุดมาจากนรกแค่ไหน เราก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ ให้ประธาน FIVB ก็ทำอะไรเราไม่ได้ ครึ่งๆ ก็แล้ว ด่าเค้าครึ่งนึง แล้วก็ต้องกลับมาดูแลกันเอง พัฒนาตัวเองกันต่อไปด้วย เกมอัปยศนั้น เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง แต่ผู้คนลืมไปหมดแล้วว่ารากฐานมัน กว่าเรื่องราวจะดำเนินไปถึงจุดนั้นได้ ญี่ปุ่น-เซอร์เบีย ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราเลย เรามาของเราเอง และก็ต้องไปต่อเองอีกด้วย สุดท้าย ท้ายสุด ฝากแฟนกีฬาชาวไทยใช้สติ ใจเย็นๆ คุยกันด้วยเหตุผล อย่างหวงชาติไว้รักคนเดียว อย่าให้ทุกคนต้องเป็นคน "เอาพรรคเอาพวก" จนหูหนวกตาบอด ไม่รับรู้อะไร เหมือนที่สังคมบ้านเรามันผุพังดังเช่นทุกวันนี้ ถ้าหากให้เป็นเหมือนเกาหลีเหนือ ที่ซ้ายหันขวาหัน รักชาติแบบไม่ต้องคิด ไม่ลืมหูลืมตา ผมคงรักชาติได้ไม่ดีพอจริงๆ ปิดท้าย ขอให้กำลังใจนักกีฬาวอลเล่ย์บอลไทยทุกคน อะไรที่ใช้คำว่า "ทีมชาติไทย" จะไม่ได้ตายไปพร้อมกับตัวบุคคลหรือตัวนักกีฬา แต่เกียรติและศักดิ์ศรีมันคงอยู่ตลอดไป ไม่มีคนไทยคนไหน ไม่รับรู้ความสามารถและความโด่งดังของทีมวอลเล่ย์บอลสาวไทย ฮ็อตมานานหลายปีแล้ว อิอิ ความผิดหวังของคนดูอย่างพวกเราๆ คงไม่ได้ครึ่งของคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไปอย่างสาวๆ ที่น่ารักทุกคน ขอบคุณด้วยที่สู้เพื่อเพื่อนร่วมชาติมาจนขนาดนี้ แต่มันยังไม่จบเท่านี้ อนาคตยังมีเสมอ โลกก็เห็น ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร เกียรติ และ ศักดิ์ศรี สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด หากต้องไปโอลิมปิคแบบไร้ศักดิ์ศรี (เช่นที่พวกเขาทำ) มาเล่นที่โรงยิมแถวบ้านผม ยังมีคุณค่าต่อผู้ชมมากกว่าเลย สู้!
จากคุณ |
:
art_sarawut
|
เขียนเมื่อ |
:
28 พ.ค. 55 20:11:52
|
|
|
|