ความคิดเห็นที่ 1 ครั้งที่ 1 : ปี 1960 แชมป์ - สหภาพโซเวียต การแข่งขันฟุตบอลยูโรมาเปิดสนามนัดปฐมฤกษ์เอาในปี 1960 ซึ่งจริงๆ แล้วเรียกว่าถ้วย “ยูโรเปียน เนชันส์ คัพ” ซึ่งมีเพียงแค่ 4 ชาติที่เข้าร่วมชิงชัย ได้แก่ สหภาพโซเวียต, ฝรั่งเศส, เชกโกสโลวเกียและยูโกสลาเวีย รอบชิงชนะเลิศ เป็นการพบกันของสหภาพโซเวียตกับยูโกสลาเวีย โดยการแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้นและเร้าใจ วิกเตอร์ โปเนเดลนิก นักเตะโซเวียตซัดประตูชัยได้ในนาทีที่ 113 ปิดฉากด้วยสกอร์ 2-1 ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 18,000 คนในสนามสต๊าท พาร์ค เดอ ปรินซ์ กรุงปารีส จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:43:07

ความคิดเห็นที่ 2 ครั้งที่ 2 : ปี 1964 แชมป์ - สเปน 4 ปีต่อมา เป็นการประกาศชัยชนะแรกของทีม ‘กระทิงดุ’ สเปน ในการแข่งขันระดับทวีปนี้ได้ เมื่อเป็นเจ้าภาพและดวลกันในรอบชิงฯกับสหภาพโซเวียตอีกครั้ง และเป็นสเปนที่เอาชนะคู่แข่งอย่างโซเวียตไปได้ 2-1 คว้าแชมป์ไปกอด จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:43:37

ความคิดเห็นที่ 3 ครั้งที่ 3 : ปี 1968 แชมป์ - อิตาลี ปี 1968 กองทัพอัซซูรี เจ้าของแชมป์ฟุตบอลโลกสามสมัย เพิ่งจะได้จับถ้วยยูโรเป็นครั้งแรก แถมยังได้มาด้วยความเก่งบวกเฮง หลังจากเสมอกับสหภาพโซเวียตเจ้าเดิมในรอบรองชนะเลิศในเวลา 0-0 ต้องชี้ชะตาด้วยการโยนหัวก้อย ซึ่งฝ่ายที่เลือกถูกต้องคืออิตาลีที่ทายว่า หัว ได้ผ่านเข้าไปพบกับยูโกสลาเวียรอบชิงชนะเลิศ และเอาชนะได้ด้วยสกอร์ 2-1 อีกครั้ง จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:44:16

ความคิดเห็นที่ 4 ครั้งที่ 4 : ปี 1972 แชมป์ - เยอรมันตะวันตก ปี 1972 ‘อินทรีเหล็ก’ เยอรมันตะวันตกในสมัยนั้น ซัดลูกตุงตาข่ายอยู่ฝ่ายเดียว โดยเอาชนะสหภาพโซเวียตอีกครั้งด้วยสกอร์ 3-0 ซึ่ง 2 ลูกเป็นของตำนานอย่าง แกร์ด มุลเลอร์ ส่งผลให้ทีมชาติเยอรมันตะวันตก คว้าแชมป์ในรายการนี้ไปครอง ซึ่งอีก 2 ปีให้หลัง ทีมชุดสมบูรณ์แบบนี้ ก็คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้อีกด้วย จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:45:11

ความคิดเห็นที่ 5 ครั้งที่ 5 : ปี 1976 แชมป์ - เชกโกสโลวเกีย ปีนี้ การแข่งขันรอบรองชนะเลิศต่างเป็นนัดที่ต้องต่อเวลากันทั้งสองฝ่าย และผลก็ออกมาด้วยการที่เชกเอาชนะฮอลแลนด์ได้ 3-1 และเยอรมันชนะยูโกฯ 4-2 ทำให้ต้องไปเจอกันในนัดชิงฯ และกลายเป็นอูลี เฮอเนส นักเตะจากเมืองเบียร์ที่พลาดจุดโทษครั้งแรก ทำให้ทีมชาติเชกโกสโลวเกีย คว้าถ้วยยูโรไปครองได้สมใจ จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:45:52

ความคิดเห็นที่ 6 ครั้งที่ 6 : ปี 1980 แชมป์ - เยอรมันตะวันตก ในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงระบบนิดหน่อย การเตะรอบ 8 ทีมที่จะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่อิตาลี จะถูกแบ่งออกเป็น 2 สาย และแข่งแบบพบกันหมด จากนั้นทีมที่มีคะแนนสูงสุดจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้ และก็เป็นทัพ ‘อินทรีเหล็ก’ อีกครั้งที่กลับมาผงาดโดยชิงชนะเลิศกับม้ามืดอย่างเบลเยียม และนัดนั้นฮอสท์ รูเบสช์ ซัดคนเดียว 2 ลูกพาทีมชาติของเขาคว้าแชมป์ด้วยสกอร์ 2-1 ได้อีกสมัย  จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:47:02

ความคิดเห็นที่ 7 ครั้งที่ 7 : ปี 1984 แชมป์ - ฝรั่งเศส มีการยกเลิกการแข่งขันชิงที่ 3 ออกในปีนี้ รวมทั้งยกเลิกทีมอันดับ 3 ออกจากรายการ และรอบชิงชนะเลิศในปี 1984 เป็นการพบกันของฝรั่งเศสและสเปน โดย ‘สี่ทหารเสือ’ มิเชล พลาตินี, ฌอง ติกานา, อแลง กิเรสและหลุยส์ เฟอร์นานเดซ นำทัพ ‘ตราไก่’ ในฐานะเจ้าภาพพิชิตสเปนได้ด้วยสกอร์ 2-0 และเป็นแชมป์ครั้งแรกของรายการนี้สำหรับฝรั่งเศส  จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:47:55

ความคิดเห็นที่ 8 ครั้งที่ 8 : ปี 1988 แชมป์ - ฮอลแลนด์ ปีนี้เป็นปีทองของสามดาวดังอย่าง รุด กุลลิต, มาร์โก แวน บาสเทนและแฟรงก์ ไรจ์การ์ด พวกเขานำทีมฮอลแลนด์คว้าถ้วยยูโรได้ครั้งแรก โดยแวน บาสเทนทำแฮททริคใส่เยอรมัน ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับสหภาพโซเวียตอีกครั้ง และสร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ให้ทีม ‘อัศวินสีส้ม’  จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:48:37

ความคิดเห็นที่ 9 ครั้งที่ 9 : ปี 1992 แชมป์ - เดนมาร์ก ปีแห่งการพลิกล็อคครั้งมโหฬารครั้งแรกในรายการนี้ ม้ามืดอย่างเดนมาร์กเอาชนะแชมป์เก่าอย่างฮอลแลนด์ได้ และลิ่วเข้าชิงกับทีมแกร่งอย่าง ‘อินทรีเหล็ก’ เยอรมันอีกครั้ง ที่เพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาในปี 1990 โดยเดนมาร์กพลิกเอาชนะชนิดหักปากกาเซียนด้วยสกอร์ 2-0 ซึ่งเครดิตทั้งหมดทั้งมวลเป็นของปีเตอร์ ชไมเคิล ที่กลายเป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของโลกทันทีในปีนั้น  จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:49:40

ความคิดเห็นที่ 10 ครั้งที่ 10 : ปี 1996 แชมป์ - เยอรมนี การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นในปีนี้ และมีทีมต้องการร่วมชิงชัยถึง 48 ทีม และปีนี้ ทางฟีฟ่าได้เพิ่มโควตาทีมในรอบสุดท้ายเป็น 16 ทีม แบ่งออกเป็น 4 สาย และทีมที่มีคะแนนอันดับที่หนึ่งและสองจะได้ทะลุเข้าไปสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ โดยใช้ระบบแพ้คัดออกทันที ก่อนผ่านเข้าสู่รอบลึกๆ ถัดไป และปีนี้เป็นปีแรกที่ใช้ระบบการหาผู้ชนะแบบ ‘โกลเดนโกล’ กองทัพเยอรมันหวนคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในปีนี้ โดยเอาชนะคู่ปรับเก่าอย่างอังกฤษในรอบรองชนะเลิศ ด้วยการดวลจุดโทษ เมื่อพบกับเชกในรอบชิงฯ โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ ก็กลายเป็นฮีโร่ที่ระเบิดฟอร์มเหมาคนเดียว 2 ประตู ซึ่งประตูที่ 2 เป็นลูก ‘โกลเดนโกล’ ตามกฎใหม่ของฟีฟ่า ยังผลให้เยอรมนีคว้าแชมป์รายการนี้อีกครั้งหนึ่ง จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:50:46

ความคิดเห็นที่ 11 ครั้งที่ 11 : ปี 2000 แชมป์ - ฝรั่งเศส นี่คือครั้งแรกที่มีการเป็นเจ้าภาพร่วมระหว่างสองประเทศ และในครั้งนี้เป็นฮอลแลนด์และเบลเยียม โดยที่หลังจากนั้นอีกสองปี เกาหลีใต้และญี่ปุ่นก็ได้จัดฟุตบอลโลกร่วมกันบ้าง ทีม     ‘ตราไก่’ ได้มีโอกาสสัมผัสถ้วยแชมป์อีกครั้ง หลังจากดาวิด เทรเซเกต์ ตัวสำรองซูเปอร์ซับที่ถูกเปลี่ยนลงมาซัดประตู ‘โกลเดนโกล’ เชือดทีมอีตาลีลงในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 คว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2  จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:51:30

ความคิดเห็นที่ 12 ครั้งที่ 12 : ปี 2004 แชมป์ - กรีซ ความมหัศจรรย์และค่ำคืนของแจ็คผู้ฆ่ายักษ์เกิดขึ้นอีกครั้งในยูโรฯ ครั้งนี้ โดยในปีนี้ได้มีการยกเลิกกฏ ‘โกลเดนโกล’ ออกแล้วใส่ ‘ซิลเวอร์โกล’ ลงไปแทน ซึ่งมีโอกาสได้ใช้เพียงครั้งเดียวในรอบก่อนรองชนะเลิศระหว่างทีมชาติกรีซ และสาธารณรัฐเช็ก ก่อนที่ทีม ‘เทพนิยาย’ จะเอาชนะไปได้ และตะลุยจนถึงรอบชิงชนะเลิศแบบไม่มีใครคาดคิดกับการพบกับโปรตุเกส และลูกโหม่งของจอร์จ อันดราเด ก็ปลิดชีพ ‘ฝอยทอง’ ด้วยสกอร์ 1-0 สร้างตำนานทีมเล็กที่เถลิงแชมป์ยูโรฯ ได้สำเร็จอย่างเหลือเชื่อที่สุด  จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:52:09

ความคิดเห็นที่ 13 ครั้งที่ 13 : ปี 2008 แชมป์ - สเปน ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ โดยมี 16 ชาติแกร่งที่ต้องฝ่าด่านอรหันต์จากรอบคัดเลือกกว่า 51 ทีมทั่วยุโรป สำหรับประเทศเจ้าภาพได้รับสิทธิ์อัตโนมัติเช่นเดิม จึงเหลือโควตาเพียง 14 ทีมเท่านั้น รอบชิงชนะเลิศที่แอร์นส์ท ฮัปเปิล สตาดิโอน ประเทศออสเตรียเป็นการพบกันระหว่างแชมป์ 3 สมัยอย่างเยอรมัน และสเปน แชมป์ 1 สมัยในรายการนี้ ก่อนที่เฟอร์นานโด ตอร์เรสจะซัดประตูโทนในนาทีที่ 33 บันทึกประวัติศาสตร์อีกครั้งที่นี่ จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:53:05

ความคิดเห็นที่ 14 ครั้งที่ 14 : ปี 2012 แชมป์ - ? โปแลนด์และยูเครนได้รับเลือกจากคณะกรรมการสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2007 ในพิธีคัดเลือก ณ เมืองคาร์ดิฟฟ์ ราชรัฐเวลส์ โดยได้คะแนนมากกว่าอิตาลี, โครเอเชีย, ฮังการี และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมี 16 ชาติในรอบสุดท้าย โดยครั้งต่อไปใน ยูโร 2016 จะถูกเพิ่มเป็น 24 ชาตินั่นเอง  จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:54:21

ความคิดเห็นที่ 15 อังกฤษ   เคยใกล้เคียงที่สุดรอบที่เท่าไร ครับ จากคุณ : วิตามิน เค เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:03:42

ความคิดเห็นที่ 16 ^^รอบรองตัวเองเจ้าภาพปี 1996  ส่วนห่างสุดก็ Euro 1992 กับ 2008 หนีตกรอบคัดเลือกไปก่อน จากคุณ : miroslav เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:14:21

ความคิดเห็นที่ 17 #16 ที่3 1968 มากกว่า   1992 ไม่ได้ ตกรอบ คัดเลือกนิ  นั่งดูอยู่  พอจำได้ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 55 22:28:45 จากคุณ : เเมนเอล เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:26:20

ความคิดเห็นที่ 18 เฮ้ย มันมีทายหัวก้อยจริง ๆ ด้วยแฮะ สงสัย เซป แบล็ตเตอร์ จะอยากรื้อเอาระบบนี้กลับมาใช้อีก 55 จากคุณ : โหม่งเห็ด เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:52:31

ความคิดเห็นที่ 19 ดีนะที่ไม่ได้ทายหัวก้อยในนัดชิง ไม่งั้นคงโดนง้อว่า แชมป์หัวก้อยแน่ จากคุณ : Mr.Moohpee เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 02:01:24

ความคิดเห็นที่ 20 ปี 1968 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ยูโกสลาเวีย กับ อิตาลี่ ต้องเล่นกัน 2 แม๊ตซ์นะครับ หลังจากที่เสมอกันมา 1 - 1 ในเกมแรก อีกสองวันต่อมา ทั้งสองทีมก็ต้องมาลงเล่นกันใหม่อีกหน และเป็น อิตาลี ที่สามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2 - 0 ครับผม ส่วนปี 1988 มาร์โค ฟาน บาสเท่น ไม่ได้ทำแฮทริคในเกมรอบรองชนะเลิศกับ เยอรมันตะวันตก นะครับ เกมนั้น... เยอรมันตะวันตก ได้ประตูออกนำไปก่อนจากจุดโทษของ โลธ่าร์ มัทเธอุส ก่อนที่ ฮอลแลนด์ จะมาตีเสมอได้จากลูกจุดโทษของ โรนัลด์ คูมันส์ และ ฟาน บาสเท่น มายิงลูกตามนํ้าตัดสินชัยให้ทีมอัศวินสีส้ม ได้ในปลายครึ่งเวลาหลัง แต่เขาสามารถทำ 3 ประตูได้ ในเกมรอบแรกกับทีม อังกฤษ ครับผม ข้อมูลในบทความคลาดเคลื่อนไปหน่อยนะครับ ...                                                                                                             > Shine on you crazy diamond < จากคุณ : Romancini เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 04:08:56

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับ มีเกร็ดขำๆ มาเล่ากันฟังครับ จากรูป ในหัวข้อกระทู้ และ # 5   จำได้ว่า ตอนนั้นยังเด็กมาก แต่เห็นรูปนี้ ใน ซอคเกอร์ (สมัยนั้น ออกเป็นรายเดือน)  ยังคิดว่า ซอคเกอร์มั่วข้อมูล  เพราะบอกว่า ทีมเช็กเป็นแชมป์ชูถ้วย แต่นักเตะใส่เสื้อ ตราเยอรมันกันทั้งนั้น  แถมยังเขียนไปหาพี่โย่งที่ ตอบปัญหาคัมภีร์ลูกหนัง ในหนังสือตอนนั้นอีก   แบบว่า มั่นใจว่า ซอคเกอร์มั่วแน่นอน เจอพี่ โย่ง ตอบ(ในหนังสือ) แบบนิ่มๆ ว่า ก็ทีมเช็กเขาแลกเสื้อกับทีมเยอรมันแล้วไง พ่อหนูน้อย    ....ผลก้คือ หน้าแตก ดังเพล้ง เป็นเสี่ยงๆ  อิ..อิ..อิ..อิ จากคุณ : อาร์คีมิดิส เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 09:03:00

ความคิดเห็นที่ 22 ลูกโหม่งของ อันเจลอส ชาริเตอัส ครับที่ปลิดชีพฝอยทอง  อันดราเด เป็นกองหลังฝอยทองเอง จากคุณ : 123 ปลาฉลามขึ้นบก เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 16:20:39