Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[กระทู้ยูโร 2012] 11 แข้งยอดเยี่ยมตลอดกาลฟุตบอลยูโร [ย้ายจาก : ฟุตบอลต่างประเทศ] ติดต่อทีมงาน

นับตั้งแต่มีการแข่งขันฟุตบอลยูโรเป็นครั้งแรกในปี 1960 มีบรรดาสตาร์ดังของหลากหลายประเทศร่วมตบเท้าเข้ามาโชว์ฝีเท้ามากมาย ในวันนี้ผมเลยขอนำเสนอรายชื่อยอดนักเตะ 11 คนที่เปล่งประกายได้โดดเด่นที่สุดตลอดการแข่งขันทั้ง 13 ครั้งที่ผ่านมา เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องเล็กๆน้อยๆก่อนที่ ยูโร 2012 จะเปิดฉากขึ้น

ระบบ: 3-4-1-2

ผู้รักษาประตู: ดิโน่ ซอฟฟ์ (อิตาลี; ปี 1968, 1980)
อดีตนายด่านของ ยูเวนตุส ก้าวขึ้นมาเป็นตำนานของโลกลูกหนังเมื่อสวมปลอกแขนกัปตันทีมพาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1982 ด้วยวัย 40 ปี! ทว่าผลงานของเจ้าตัวในศึกยูโรก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ตลอด 7 เกมในการลงเล่น 2 สมัย ซอฟฟ์ เสียเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น โดยนำทัพ "อัซซูรี่" ครองบัลลังก์เจ้ายุโรปในปี 1968 อีกด้วย

กองหลัง: มัทธีอาส ซามเมอร์ (เยอรมัน; 1992, 1996)
ซามเมอร์ นับเป็นนักเตะคนท้ายๆที่สร้างชื่อในตำแหน่งสวีปเปอร์ก่อนที่ตำแหน่งดังกล่าวจะหายไปจากวงการลูกหนังยุคนี้ โดย อดีตแข้งโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นปราการหลังที่เติมเกมรุกอย่างสม่ำเสมอก่อนจะซัด 2 ประตูพาขุนพล "อินทรีเหล็ก" ครองแชมป์ยูโร 1996 ได้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์อีกด้วย

กองหลัง: ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ (เยอรมันตะวันตก; 1972,1976)
ทีมชาติเยอรมันตะวันตกชุดแชมป์ยูโร 1972 ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป โดยมีผู้นำทัพชั้นยอดอย่าง เบ็คเคนบาวเออร์ ตำนานแข้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการลูกหนังเมืองเบียร์ อดีตดาวเตะบาเยิร์น มิวนิค นำทีมถล่ม อดีตสหภาพโซเวียต 3-0 ในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 1972 แต่ก็ต้องผิดหวังเล็กๆเมื่อไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้ในอีก 4 ปีต่อมา หลังจากแพ้ให้กับ อดีตเช็กโกสโลวาเกีย ในการดวลจุดโทษ อย่างน่าเสียดาย

กองหลัง: เปาโล มัลดินี่ (อิตาลี; 1988, 1996, 2000)
หนึ่งในสุดยอดแบ็กซ้ายของวงการลูกหนังโลกได้รับการเลือกให้อยู่ในทีมรวมดาราทวีปยุโรปถึง 3 ครั้ง มัลดินี่ แจ้งเกิดในเวทีระดับนานาชาติด้วยวัยเพียง 19 ปี เมื่อจัดการประกบ มิเชล ปีกขวาตัวเก่งของ สเปน ได้อย่างอยู่หมัด ใน รอบแรก ศึกยูโร 1988 แต่ก็ต้องอกหักด้วยน้ำมือของ อดีตสหภาพโซเวียต ในรอบรองชนะเลิศ นอกจากนี้ เจ้าตัวก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันอีกครั้ง เมื่อสวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมที่ทัพ "อัซซูรี่" กำลังจะเอื้อมมือไปคว้าถ้วยแชมป์แล้ว แต่ ฝรั่งเศส กลับยิงประตูตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 4 ของช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนที่ ดาวิด เทรเซเกต์ จะยิงประตูชัยให้ทัพ "ตราไก่" คว้าชัยและแชมป์ยูโร 2000 ในช่วงต่อเวลาพิเศษไปอย่างสุดระทึก

กองกลาง: วิลฟรีด ฟาน มัวร์ (เบลเยี่ยม; 1980)
มิดฟิลด์วัย 35 ปี เป็นผู้บันทึกตำนานสุดประทับใจให้กับ ทีมชาติเบลเยี่ยม ในฟุตบอลยูโร 1980 ย้อนไปเมื่อปี 1972 ฟาน มัวร์ เป็นหนึ่งในผู้ยิงประตูให้ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เชือด อิตาลี 2-1 ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่เจ้าตัวกลับได้รับบาดเจ็บขาหัก ทำให้ฟอร์มการเล่นเริ่มที่จะไม่เหมือนเดิมก่อนจะหายหน้าหายตาจากทีมชาติไปร่วม 5 ปี ในที่สุด อดีตดาวเตะสตองดาร์ ลีแอช ก็ได้รับการเรียกตัวอีกครั้ง และเขาก็ไม่ทำให้ กีย์ ธีส์ ตำนานกุนซือทีมชาติเบลเยี่ยม ไม่ผิดหวัง หลังจากฝ่าด่านไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ เยอรมันตะวันตก 2-1 และได้เป็นแค่รองแชมป์ก็ตาม

กองกลาง: กุนเทอร์ เน็ตเซอร์ (เยอรมันตะวันตก; 1972)
เน็ตเซอร์ เป็นนักเตะคนสำคัญที่พา ทีมชาติเยอรมันตะวันตก คว้าแชมป์ยูโร 1972 หลังจากระเบิดฟอร์มเก่งอย่าต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเกมถล่ม อังกฤษ 3-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก ที่ เวมบลีย์ รวมถึงเกมนัดชิงชนะเลิศ ที่ไล่ต้อน อดีตสหภาพโซเวียต ไปอย่างสบายๆ 3-0 ทว่า อดีตสตาร์โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค กลับไม่สามารถเปล่งประกายความโดดเด่นในยามลงรับใช้ชาตินับแต่นั้น หลังจากถูก โวล์ฟกัง โอเวอร์ราธ อดีตเพลย์เมคเกอร์โคโลญจน์ ก้าวขึ้นมาบดบังรัศมี

กองกลาง: ซีเนอดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส; 1996, 2000, 2004)
อดีตแข้งเบอร์ 1 ของโลก แทรกตัวเองเข้ามาสู่ทีมชาติฝรั่งเศสชุดลุยศึกยูโร 1996 ได้สำเร็จ ทว่าไม่ได้ฉายแววเด่นแต่อย่างใดจนกระทั่งเจ้าตัวก้าวขึ้นสู่ช่วงพีคของอาชีพค้าแข้งในอีก 4 ปีต่อมาหลังจากเพิ่งประกาศศักดาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ได้อย่างยิ่งใหญ่ อดีตจอมทัพยูเวนตุส ซัดฟรีคิกเป็นประตูชัยในเกมชนะ สเปน ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนที่จะสังหารจุดโทษเป็นประตูโกลเด้นโกลพาทัพ "ตราไก่" สอย โปรตุเกส ในรอบรองฯและคว้าแชมป์ในเกมนัดชิงฯ กับ อิตาลี นอกจากนี้ ในยูโร 2004 "ซิซู" ยังคงโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมเมื่อยิงถึง 3 ประตู แต่ "เลส์ เบลอส์" ก็ต้องตกรอบก่อนรองฯ หลังจากแพ้ กรีซ เจ้าของแชมป์ในปีดังกล่าว

กองกลาง: ดราแกน ซายิช (ยูโกสลาเวีย; 1968, 1976)
ซายิช เป็นหนึ่งในสุดยอดปีกซ้ายของวงการลูกหนังยุโรปด้วยลีลาการกระชากลากเลื้อยสุดอันตราย เจ้าตัวคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในศึกยูโร 1968 หลังจากยิงประตูชัยพา อดีตยูโกสลาเวีย สอย อังกฤษ ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะยิงประตูนำในเกมนัดชิงฯกับ อิตาลี แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเป็นแค่รองแชมป์หลังจาก "อัซซูรี่" เป็นฝ่ายคว้าชัย 2-0 ในนัดรีเพลย์ ส่วนในปี 1976 อดีตดาวเตะเร้ดสตาร์ เบลเกรด ก็ต้องผิดหวังในรอบตัดเชือก เมื่อพ่ายให้กับ เยอรมัน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-2 ก่อนจะคว้าอันดับ 4 ไปครองในที่สุด

มิดฟิลด์ตัวรุก: มิเชล พลาตินี่ (ฝรั่งเศส; 1984)
ไม่มีนักเตะคนใดในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งยุโรปมีอิทธิพลต่อทีมได้เท่ากับที่ พลาตินี่ มีต่อ ทีมชาติฝรั่งเศส ในยูโร 1984 โดยเจ้าตัวมีบทบาทและความสำคัญต่อทีมเหมือนกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า ตำนานเพลย์เมคเกอร์ของ อาร์เจนติน่า ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 เลยทีเดียว พลาตินี่ มีอิสระในการสร้างเกมรุกอย่างเต็มที่ในการประจำแหน่งอยู่ข้างหน้ามิดฟิลด์ 3 ทหารเสือเลือดน้ำหอมอย่าง หลุยส์ แฟร์กน็องเดซ, ฌ็อง ติกาน่า และ อแล็ง ชิแรส ในการแข่งขันเพียงแค่สมัยเดียว อดีตดาวเตะยูเวนตุส ยิงไปถึง 9 ประตู โดยเป็นแฮตทริคถึง 2 ครั้ง และมีประตูสำคัญอย่างประตูชัย 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษกับ โปรตุเกส และประตูเบิกร่องในเกมที่ชนะ สเปน 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศ

กองหน้า: แกร์ด มุลเลอร์ (เยอรมันตะวันตก; 1972)
มุลเลอร์ เป็นนักล่าประตูในกรอบเขตโทษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการลูกหนังโลก เมื่อดูจากสถิติจำนวนประตูของเจ้าตัวในทุกรายการรวมถึง ศึกยูโร 1972 ที่ อดีตหัวหอกบาเยิร์น มิวนิค เหมาซัด 2 ประตูในเกมรอบรองฯที่ชนะ เบลเยี่ยม 2-1 ก่อนจะเบิ้ลอีก 2 ประตูพา เยอรมันตะวันตก คว้าชัยเหนือ อดีตสหภาพโซเวียต 3-0 ในนัดชิงชนะเลิศ โดยในรอบคัดเลือก มุลเลอร์ จัดการสอย 6 ประตูจาก 6 ทั้งนี้ อดีตดาวเตะเจ้าของฉายา "ไอ้ลูกดินระเบิด" มีสถิติในนามทีมชาติอันน่าเหลือเชื่อเมื่อยิงไปทั้งสิ้น 68 ประตูจาก 62 เกม!

กองหน้า: มาร์โก แวน บาสเท่น (ฮอลแลนด์; 1988, 1992)
แวน บาสเท่น เป็นสัญลักษณ์ของทีมชาติฮอลแลนด์ชุดแชมป์ยูโร 1988 ภายใต้การคุมทัพของ "ท่านนายพล" ไรนุส มิเชลส์ โดยเจ้าตัวครองรางวัลดาวซัลโวของการแข่งขันหลังจากยิงไป 5 ประตู จากแฮตทริคในเกมกับ อังกฤษ มาจนถึง ประตูชัยดับเยอรมันตะวันตก และปิดท้ายด้วยลูกวอลเล่ย์สุดงามในเกมนัดชิงฯ กับ อดีตสหภาพโซเวียต โดยว่ากันว่าประตูดังกล่าวเป็นประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่มีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมาเลยทีเดียว แต่ถัดมาอีก 4 ปี อดีตหัวหอกเอซี มิลาน ต้องพบกับฝันร้ายเมื่อเจ้าตัวยิงจุดโทษไม่เข้าในการดวลลูกโทษตัดสินกับ เดนมาร์ก เจ้าของแชมป์ในปีดังกล่าว ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่ขุนพล "อัศวินสีส้ม" จะตกรอบไปในท้ายที่สุด

credit : www.siamsport.co.th

 
 

จากคุณ : เลขาลิขิต
เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 11:23:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com