 |
คุณ คห 36, 40 คือยังงี้
ตั้งแต่ตอนเซ็ท 2 ขณะที่นาดาลนำ 5-3 นาดาลก็ไปแจ้งว่าควรให้หยุดเกม (ทั้งๆที่โมเมนตัมกำลังอยู่ฝั่งตัวเองเต็มๆ) เพราะเห็นว่าพื้นเริ่มเปียกเกินแล้ว แต่ทางผู้จัดคงอยากให้เสร็จไวๆ ก็เลยไม่ฟัง ให้เล่นต่อ (แทนที่จะจัดเริ่มแข่งให้มันเร็วขึ้นแต่แรก)
ซึ่งการที่ฝนตกพรำๆมาตั้งแต่แรก ทำให้พอมาถึงเซ็ท 3 พื้นออกแนวเป็น mud มากกว่า clay ดังที่คุณ คห 20 ว่าไว้
ลูกเทนนิสก็เปียกๆหนักๆ (บอลเปียก พื้นเปียก สปินไม่ออก ไม่เด้ง) และความถนัดในเคลื่อนไหวที่รวดเร็วบน clay -ก็เริ่มแย่ลงๆ ซึ่งสองจุดใหญ่นี้เป็นผลร้ายเต็มๆต่อเกมของนาดาลที่เตรียมตัวมาเพื่อเล่นบน clay และพึ่งพาการตีให้บอลท๊อปสปิน
(คือเกมของคนแบบนาดาลจะปรับตัวได้ช้า เมื่อเจอสภาพ surface อื่นๆ ซึ่งคนที่ถนัด clay court โดยธรรมชาติ จะมีปัญหานี้แทบทุกคน ดังจะเห็นได้ว่าคนถนัดคอร์ทดิน ที่ไปประสพความสำเร็จบนพื้นผิวอื่นนั้นแทบไม่มี และต้องอาศัยการฝึกปรับตัวจูนมาล่วงหน้าอย่างหนัก)
ต่างจากโยโควิช ซึ่งลูกเก่งของเค้าคือการยิงลูก flat ตรงๆ (ซึ่งเค้าเล่นได้ดีอยู่แล้ว บนทุกพื้นผิวโดยรวมๆ) ซึ่งถ้าเป็นแข่งผิว hard court ก็เป็นทีของเค้า ที่จะกินนาดาลอยู่แล้ว
สรุปประเด็นสั้นๆคือ After all this is a clay court tournament. คือรายการคอร์ทดิน ก็ควรให้มันเป็นดินอย่างที่มันควรจะเป็น แล้วแข่งกัน ผู้จัดก็ต้องพยายามจัดการเท่าที่จะทำได้ (พอวันนี้ฝนตกอีก ราฟาเลยบอกเลย "save the balls" คือช่วยเก็บลูกอย่าให้เปียก)
ปีนี้ค่อนข้างทุลักทุเลมาก (เราจึงได้บอกว่า สร้างหลังคาเถอะ อย่ายึดติดประเพณีมาก สภาพอากาศเดี๋ยวนี้มันแปรปรวน) ซึ่งจริงๆถ้าผู้จัดรู้พยากรณ์อากาศอยู่แล้ว เลื่อนให้เร็วขึ้น แข่งทันก่อนที่ฝนจะทำสนามเปลี่ยน ก็คงไม่มีปัญหาคาใจใครๆหรอก
จากคุณ |
:
ตะวันที่ชื่อจันทรา
|
เขียนเมื่อ |
:
12 มิ.ย. 55 01:04:32
|
|
|
|
 |