ความคิดเห็นที่ 1 คืนวันที่ 9 มิ.ย. ปี 2004 สมัยนั้น (8 ปีเอง พูด เอ้ย! เขียนเหมือนย้อนอดีตไปไกลเลย ^^!) สมัยนั้นฟุตบอลยูโรยังเป็นการถ่ายทอดสดที่คนไทยทุกคนสามารถดูได้ (ถ้ามีทีวี) ส่วนเรื่องกล่องอะไรนั่น ไว้เป็นเรื่องของกล่องโฟมสำหรับเสบียงยามดึกแต่อย่างเดียวก็พอ คืนนั้นผมนั่งหน้าจอดูยูโร 2004 นัดเปิดสนาม กรีซทำเซอร์ไพร้ส์ขึ้นนำโปรตุเกส (คุณแชมป์สุดเท่เรียกโพรตูคอล-ลองเอาไปพูดกันดูนะครับ รับประกันว่า “คูล” สุด ๆ -*-) ไปแล้ว 1-0 ฉับพลันมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เสียงเรียกนี้ผมตั้งไว้สำหรับ 2 คน ยัยดั๊กกี้กับยัยตาโต ยัยดั๊กกี้มีสเตตัส In relationship ส่วนยัยตาโตมีสเตตัส (อยากให้) In relationship “สงสัยเป็นยัยดั๊กกี้ ไม่รับดีกว่า หงุดหงิด โปรตุเกสโดนนำอยู่ด้วย” ว่าจะไม่รับ แต่ก็ยังอุตส่าห์เหลือบตาไปมองโมโตโรลารุ่นเมกะแดนซ์ (มีไฟเรียกเข้าสลับสีราวกับเธค) เอ๊า! ยัยตาโตนี่...รีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ทันที ผมเจอยัยตาโตที่สนามฟุตบอลเพราะการแข่งขัน “ฟุตบอลกระทรวง” ที่เธอเป็นสต๊าฟจัดนั้นมาซื้อเวลารายการกีฬาที่ผมทำอยู่ ขอเบอร์โทรของเธอมาเพื่อใช้ติดต่อเรื่องงาน เช่น โทรไปถามว่า “น้องครับ ฯพณฯ นี้เป็นรัฐมนตรีว่าการหรือว่าเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงนี้ครับ?” แหม! ของยังงี้มันถาม “อากู๋” กูเกิลก็ด้าย... วันเปิดสนามฟุตบอลรายการบิ๊กบึ้ม รวบรวมรัฐมนตรี รัฐมนโทมาเตะบอลเยอะขนาดนี้ เค้าก็เลยถือคอนเซ็ปต์สุดเก๋ จัดพิธีเปิดวันเดียวกะยูโรซะเลย ผมก็เลยดีเดย์เอาวันนี้จะหาโอกาสสลัดหลุดกองหลังเข้าไปคุยกะยัยตาโต ทำสกอร์เพิ่มให้ได้เหมือนกัน ก็ทำได้ประมาณนึง จนตกดึกที่เธอโทรมาหาผมนั่นแหละ “การจัดงานวันนี้เป็นยังไงบ้างคะ?” ไม่รู้สิ ผมไม่ใช่คนที่ชอบเข้าข้างตัวเอง แต่ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้ผมได้ยินว่า “พี่คะ จะจีบหนูก็รีบจีบนะคะ” และนั่นแหละ หลังจากวันนั้นผมก็กล้าที่จะเปิดเกมรุกทุกรูปแบบ ทั้งลากเลื้อย, ทั้งสับขาหลอก, ทั้งแตะแล้ววิ่งอ้อม ฯลฯ เพื่อไปให้ถึงประตูหัวใจของเธอ ^^ ยัยตาโตเข้ามาแต่งเติมชีวิตในปี 2004 ของผมให้สดใส แต่วันนี้ เธอเป็นแค่เพียงความทรงจำแสนสวย ที่ผมทำได้แค่เข้าไปกดไลค์สเตตัสในเฟซบุ๊คของเธอเป็นครั้งคราวเท่านั้น นาน ๆ ทีที่ใครต้องการความช่วยเหลือจึงโทรหากันทีนึง... แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 55 00:03:59 จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:03:28

ความคิดเห็นที่ 2 ผมตื่นขึ้นมาบนรถทัวร์ของนครชัยแอร์ตอนใกล้ ๆ ตีหนึ่ง เช็คผลบอลในเฟซบุ๊คเลยรู้ว่าโปแลนด์เสมอกับกรีซ 1-1 เลวานดอฟสกียิงได้ซะด้วย ^^ กลับบ้าน เดี๋ยวไปดูรัสเซียโซ้ยกะเช็คซะหน่อย แล้วพรุ่งนี้ ผมจะหวลคืนสู่สนามบอลไทยอีกครั้ง หลังจากถูกงาน ๆ ๆ และงานพรากตัวไปจากสังเวียนหญ้าเขียวขจี ศุลกากร สเตเดียม ซอยลาดกระบัง 54 คือจุดหมาย บีบีซียูที่เริ่มสลัดรากความจุฬา ยูไนเต็ดของตนเองออกไปเรื่อย ๆ จะออกไปลุ้นเข้ารอบกับเจ้าบ้าน “ไลออน เกต” ศุลกากร ยูไนเต็ด ผมเริ่มเชียร์จุฬา ยูไนเต็ดเมื่อปี 2009 ตามหลังเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่เรียนคณะเดียวกัน ซึ่งเข้ามาช่วยประชาสัมพันธ์และสร้างกระแสให้กับทีม มีการตั้งฉายาใหม่ให้อิงกับท้องถิ่นและดูติดดินมากขึ้นว่า “เสือสามย่าน” มีการนำน้อง ๆ ที่คณะมาสร้างสีสันในสนามหรือที่เราเรียกว่า “Pink Panther Girls”...เชื่อเหอะว่า ถึงวันนี้แฟนบอลเกือบทุกทีมก็ยังจำใบหน้าหวานใสของน้อง ๆ กันได้อยู่ กระแสของทีมเริ่มดีขึ้น ปลายฤดูกาลมีกองเชียร์ที่สมัครใจมาเชียร์ทีมด้วยตนเองโดยไม่มีข้าวกล่องหรือเสื้อเชียร์ล่อ แต่การออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ไม่สามารถฉุดรั้ง “เสือสามย่าน” ตัวนั้นให้หลุดจากนรกไปได้ T_T ปี 2010 จุฬา ยูไนเต็ดจึงต้องกลับมาผจญภัยอยู่บนเส้นทางดิวิชัน 1 :( กองเชียร์กลุ่ม Pink Power ในปัจจุบัน (กลุ่มกองเชียร์ที่สนับสนุนบีบีซียูและจามจุรี ยูไนเต็ด) หลาย ๆ คนบอกว่า “ผูกพัน” กับ “เสือสามย่าน” ชุดนั้นที่สุด ผมก็รู้สึกอย่างนั้น นี่คือครอบครัวที่แสนอบอุ่น ถ้าจะให้ต้องบินไปสงขลาเพื่อเชียร์ทีม ผมก็พร้อมจะบิน! (ด้วยเงินส่วนตัว ไม่ต้องพึ่งพาให้ “ทีม” ช่วย “พา” ไปแต่อย่างใด) การเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์ ไม่มีใครรู้หรอกว่านั่นคือขวบปีสุดท้ายที่ชื่อทีม “จุฬา ยูไนเต็ด” ปรากฏอยู่ในพงศาวดารฟุตบอลไทยเพราะปีต่อมา นายทุนที่เข้ามาทำทีมนั้นเล่นแร่แปรธาตุ จนกลายร่างเป็น “บีบีซียู” ไปอย่างที่เห็น แล้วก็เริ่มลดความเป็นจุฬา ยูไนเต็ดลงเพื่อสร้างฐานกองเชียร์ใหม่ (ได้ผลแค่ไหน ผมขอละข้ามไปนะครับ) ความเป็นจุฬา ยูไนเต็ดที่ยังผูกพันกองเชียร์กลุ่ม Pink Power ให้ยังอยู่กับทีมก็คงจะมีแค่เพียงน้อง ๆ นักฟุตบอลสายเลือดสีชมพูเท่านั้นเอง ในเวลาเดียวกัน การถือกำเนิดของจามจุรี ยูไนเต็ดยังทำให้อาการ “ปันใจ” ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมา และค่อย ๆ ทำให้บีบีซียูเลือนไปทีละเล็ก ละน้อย จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:05:10

ความคิดเห็นที่ 3 ผมก้าวขึ้นสู่ขบวนแอร์พอร์ตลิงค์ ปลายทางของผมคือสถานีลาดกระบัง คิดว่าจะค่อยมั่ว ๆ หาทางไปยังสนามต่อหลังจากนั้น ผมเคยไปศุลกากร สเตเดียมอยู่ครั้งเดียว...เมื่อสองปีก่อน คราวนั้นติดรถ “โต” รุ่นน้องคณะ แกนนำสำคัญคนหนึ่งในการสร้างกระแสให้กับทีมจุฬา ยูไนเต็ดเมื่อ 2-3 ปีก่อน หลังจากเปิดฤดูกาลด้วยการแพ้แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด 0-1 โดนศรีราชาบอมบ์เละ 2-5 ในศึกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2010 การมาเยือน “สมุทรปราการ คัสตอม ยูไนเต็ด” (ชื่อในปีนั้น) ถือเป็นไฟท์บังคับที่ทีมต้องชนะ ถ้ายังอยากรักษาเป้าหมายการหวลคืนสู่ไทยพรีเมียร์ลีกภายในปีเดียวเอาไว้ต่อไป วันนั้นเสือสามย่านโดนนำไปก่อนจากลูกจุดโทษ ก่อนที่อดุลย์ หมื่นสมานจะเปิดคอร์เนอร์ให้ชัยณรงค์ ทาทองโหม่งตีเสมอสำเร็จ เป็นประตูแรกของบี้หลังจากกลับมาจากการบาดเจ็บยาวด้วย ครึ่งหลังแม้เสือสามย่านจะบุกแหลก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้อยู่ดี จบ 3 นัด ก็เลยมีแค่แต้มเดียว สถานการณ์ดูเหมือนจะหดหู่สุด ๆ? ไม่หรอก อดุลย์ หมื่นสมานในฐานะกัปตันทีมเป็นคนที่ทำให้บรรยากาศหลังเกมคึกคักเพราะคอยกระตุ้นน้อง ๆ ในทีม รวมทั้งชักชวนกองเชียร์ด้วย “แม็ทช์หน้าไปสงขลามั้ยพี่?” “ผมน่ะจองตั๋วเครื่องบินตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาลแล้ว” ผมย้อนกลับไป จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:06:04

ความคิดเห็นที่ 4 “สถานีต่อไป ลาดกระบัง” เสียงนั้นปลุกผม พร้อมกับลบภาพความทรงจำเมื่อ 2 ปีก่อนออกไป...หรือบางทีไม่ใช่เสียงบอกสถานีหรอกที่ทำแบบนั้น สถานการณ์บางอย่างในทีมบีบีซียูต่างหาก สถานการณ์ที่ผมขอใช้นิกเนมว่า “วิถีของฟุตบอล” ก็แล้วกัน ไม่แน่ ที่ศุลกากร สเตเดียมวันนี้ คู่หูเปิดมุม-โหม่งตีเสมอเมื่อสองปีก่อนอาจจะต้องนั่งจับเจ่าอยู่ข้างสนามก็ได้ จากกระแสข่าวการย้ายทีมที่มาแรงเหลือเกินของทั้งคู่ “ผมได้รับอนุญาตจากสโมสรให้คุยกับทีมอื่นได้” อดุลย์ให้การเรื่องข่าวย้ายทีม “ตอนนี้ก็มีปตท.ระยองกับอินทรีเพื่อนตำรวจที่ติดต่อเข้ามา ก็พิจารณาจากหลายอย่างครับ ด้วยอายุที่มากขึ้น นี่อาจจะเป็นการย้ายครั้งสุดท้ายของผมด้วย” แทบไม่น่าเชื่อว่า “กัปตันทีม” ขวัญใจมหาชนคนนี้จะมีวันที่ต้องจากลา “บ้าน” ที่เขารักไป ทั้ง ๆ ที่จะว่าไปแล้วหนุ่มวัย 31 ปีคนนี้ทำหน้าที่ “ผู้นำ” ได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในและนอกสนาม “อย่างที่ผมบอกว่าผมอายุมากขึ้น ก็เลยอยากลงสนามบ่อย ๆ เพื่อจุดไฟในอาชีพนักบอลของตัวเองด้วย” บังดุลชี้แจง จากที่เคยเป็นตัวหลักอยู่ในแผงรับทางกราบซ้ายมาโดยตลอด ปีนี้กัปตันทีมชาวสตูลกลับต้องนั่งจับเจ่าอยู่บนม้านั่งสำรองซะมากกว่า บางทีอาจจะเป็นอาการ “เจ็บ” ที่พรากบังดุลจาก 11 คนแรกผสมโรงกับผู้เล่นแบ็กซ้ายที่ลงไปก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมนั่นก็เป็นได้ จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:06:59

ความคิดเห็นที่ 5 ในขณะที่ชัยณรงค์ ทาทอง อดีตดาวซัลโวดิวิชัน 1 เมื่อ 2 ปีก่อน ดาวยิงขวัญใจชาว Pink Power แต่ไม่ใช่ขวัญใจของ “Big Power” (เอ๊ะ! หรือว่า “Dark Power”) บางคนในทีมก็มีข่าวโยงกับยักษ์ใหญ่อย่างเอสซีจีฯ หลาย ๆ คนเป็นห่วงบี้ว่าที่ถิ่นเอสซีจี สเตเดียมนั่นอาจจะไม่ใช่สวรรค์เหมือนดั่งคิดเพราะอาจจะต้องใส่สนับก้นนั่งดูพี่มุ้ยยิงประตูแทนก็เป็นได้ “ผมเชื่อว่าการเป็นนักฟุตบอล...เราต้องต่อสู้ครับ” ดาวซัลโวคนเก่งแสดงความมุ่งมั่น สองดาวเตะซึ่งเปรียบเสมือนสายใยแห่งความผูกพันที่ร้อยดวงใจของชาว Pink Power ไว้กับทีมแปลกหน้าทีมนี้กำลังจะขาดลง และไม่แน่...ใครจะไปรู้ล่ะว่า “น้อง ๆ นักบอลเลือดชมพู” คนอื่น ๆ จะเลือกเส้นทางเดียวกับสองซุป’ตาร์นั่นด้วยไหม? วันเวลาของชาว Pink Power กับบีบีซียูทีมนี้ใกล้ถึงกาลอวสาน... มีล็อกอินในพันทิพท่านนึงพูดถึงประเด็นนี้ว่า... เปรียบได้ดั่งแฟนวิมเบิลดันที่จำต้องทิ้งมินตัน คีย์ดอนเพื่อไปเชียร์เอเอฟซี วิมเบิลดัน! จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:07:53

ความคิดเห็นที่ 6 สิบเอ็ดคนแรกของ “บิ๊กแบง” เกมนี้ไม่มีอดุลย์ หมื่นสมานตามคาด กัปตันคนเก่งของเราก็เลยไปเชียร์เพื่อน ๆ อยู่กับกองเชียร์กลุ่มเล็ก ๆ อย่างกลุ่ม Pink Power ซะ ส่วนชัยณรงค์ ทาทองนั้นได้ลงล่าตาข่ายในเกมนี้! “ไม่คิดว่าจะได้ลงวันนี้เลยครับเพราะถ้าลงแล้ว ผมจะไม่มีสิทธิ์เล่นถ้วยนี้ให้กับเอสซีจีฯอีก” บี้ เดอะ จุฬาเผย “ไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นเกมสุดท้ายของผมหรือเปล่า? เกมไทยพรีเมียร์ลีกวันพุธที่จะถึงผมอาจจะไม่ได้เล่นกับทีมนี้แล้วก็ได้...” วันนี้บี้ถูกวางให้ยืนเป็นกองหน้าคนเดียว แพ็กกลางไว้ถึง 5 คน ได้แก่โกเบนาน เอ็นกาตตา, อดิศักดิ์ กานู (กัปตันทีม), ภาณุวัฒน์ ญาณอัมพรพิพัฒน์, สลาฮูดิน อาแว โดยมีกิตติศักดิ์ ปิ่นทองที่อาจจะหนุนขึ้นไปช่วยชัยณรงค์ในแดนหน้าอีกแรงนึง แผงหลังไล่จากขวามาซ้ายประกอบไปด้วยมงคล “ดิ ออยเลอร์” วรพรม, เคนเนธ อักเปเซ, วิราชโรจน์ จันทร์เต็งและไมตรี กุหลาบขาว ผู้รักษาประตูวันนี้ใช้บริการพรชัย จันทร์อินทร์ ในขณะที่เจ้าบ้านนั้นมาในระบบ 4-3-3 ใช้นิคม เข้มแข็งเป็นผู้รักษาประตู แผงหลังไล่เรียงจากขวามาซ้ายประกอบไปด้วยพีระพงศ์ อุดทา, ฮา เจ ซอง, ธงชัย มาลัยทองและชวฤทธิ์ เขียวชะอุ่ม แดนกลางประกอบไปด้วยกิตติภัทร วงษ์สมบัติ, สุจินดา สิงหราชและนักเตะที่เพิ่งย้ายมาจากจันทบุรีอย่างพันตรี หมัดอาดัม กองหน้าใช้ณรงค์ฤทธิ์ สามนปาล กัปตันทีมยืนเป็นหน้าเป้า มีสุทิน เอี่ยมสะอาดกระชากทางขวาและจุง ยุน ที่ข่าวบอกว่าเป็นนักเตะทีมชาติเกาหลีใต้ชุด U-21 ที่ทีมได้มาใหม่ประจำการทางด้านขวา จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:09:03

ความคิดเห็นที่ 7 ผมมาถึงสนามเอาก็ 20 นาทีผ่านไปแล้ว สอบถามน้าคนหนึ่งที่ยืนข้าง ๆ ได้ความว่า “เบอร์ 32 ยิงนำในนาทีที่ 7” บีบีซียูเป็นทีมระดับไทยพรีเมียร์ลีก ส่วนศุลกากร ยูไนเต็ดเป็นทีมระดับดิวิชัน 2 ถ้าผมจะคิดว่าทีมเยือนนำก็ไม่ใช่เรื่องแปลก? “บีบีซียูนำหรอครับ?” ผมถาม “ทีมผมนำสิ” น้าแกตอบเสียงงอน ๆ คุยกันอยู่แป๊บ ๆ หันกลับมาที่สนาม เหล่านักเตะเจ้าบ้านกำลังเฮกันยกใหญ่ จุง ยุน ดาวเตะเกาหลีใต้ซัดประตูที่ 2 ได้ กลับบ้านดีไหมนี่? อารมณ์นั้นผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ -*- เกมของทีมเยือนดูแป๊กไปซะอย่างงั้น นาทีที่ 27 สุทินลากขึ้นมาทางขวาแล้วก็ซัดให้เจ้าบ้านนำห่าง 3-0 จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:10:07

ความคิดเห็นที่ 8 ถัดมาอีกนาทีเดียวพันตรีรับใบเหลืองเมื่อไปฟาวล์สลาฮูดิน นาทีที่ 31 บีบีซียูทำท่าว่าจะกลับสู่เกมได้เมื่อธงชัย มาลัยทองปราการหลังศุลกากร ยูไนเต็ดทำฟาวล์คู่แข่งในกรอบเขตโทษ เคนเนธขอรับบทบาทเพชฌฆาตเอง ส่ายก้นอาด ๆ ก้าวเข้าไปซัด...โอ้!นิคม ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นดักทางถูก เซฟไว้ได้อย่างสุดยอด! ทำไมต้องเป็นเคนเนธ “ผมก็ไม่รู้ว่ามันมั่นใจอะไร” พี่บิ๊ก วีรยุทธ โพธารามิก ผู้จัดการทีมบีบีซียูว่า “ตอนซ้อมเคนเนธยิงได้ดีมาก ยิง 10 ลูกก็เข้า 10 ลูก ก็เลยขอยิงเอง” ชัยณรงค์ (ที่น่าจะเป็นเพชฌฆาตซะมากกว่า) ชี้แจง จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:10:57

ความคิดเห็นที่ 9 ท้ายครึ่งแรก วรชัย สุรินทร์ศิริรัฐ เฮดโค้ชชั่วคราวของทีมเยือนปรับทัพเล็กน้อยส่งมุสซา ซิลลาลงมาแทนเอ็นกาตตา แล้วก็เป็นอดีตนักเตะทหารบก, เมืองทองฯและบางกอกกลาสคนนี้นี่แหละที่จุดความหวังให้กับทีมได้ ทำชิ่ง 1-2 กับเพื่อน ก่อนจะหลุดเข้าไปยิงตุงตาข่าย ไล่ขึ้นมาเป็น 1-3 ได้สำเร็จ จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:11:36

ความคิดเห็นที่ 10 เกมที่สุดเหงาหงอยในครึ่งแรกของบีบีซียูถูกปลุกให้ตื่นจากหลับใหลในครึ่งหลังเมื่อได้เขี่ยปุ๊บก็เข้าโจมตีคู่แข่งปั๊บเลย และแค่นาทีเดียวเกมก็ทำท่าจะมันส์ เมื่อทีมเยือนไล่มาเป็น 2-3 ได้สำเร็จ จากลูกเปิดทางกราบขวา ฮา เจ ซอง ปราการหลังศุลกากร ยูไนเต็ดถึงกับฮาไม่ออกเมื่อโดนชัยณรงค์เข้ากดดัน จนต้องสกัดเข้าประตูตัวเองซะงั้น เครื่องจักรสีชมพูเดินเครื่องอย่างคึกคัก จนสุจินดาต้องสังเวยใบเหลืองจากการดับเครื่องชนกิตติศักดิ์ ปิ่นทองในนาทีที่ 49 นาที 56 เพชฌฆาตบี้ไหลให้ซิลลายิง โชคร้ายที่บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย นาทีถัดมา”ไลออน เกต” ส่งศักรินทร์ มิ่งสมรลงมาแทนกิตติภัทร จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:12:09

ความคิดเห็นที่ 11 บีบีซียูพยายามโหมเพื่อตีเสมอให้ได้ ส่วนศุลกากร ยูไนเต็ดก็ใช่ว่าจะยอมศิโรราบง่าย ๆ นาที 68 จุง ยุนมีโอกาสสับไก แต่พรชัยก็เซฟชีวิตให้กับทีมเยือนได้ “เกาหลีตัวนี้ใช้ได้เลย” เสียงอื้ออึงดังขึ้นแถว ๆ ที่ผมยืนอยู่...ซึ่งเป็นคนของศุลกากร ยูไนเต็ดทั้งนั้น โค้ชเก๋ วรชัยตัดสินใจเพิ่มตัวรุกลงไปกดดันเจ้าบ้านอีกในนาทีถัดมา ส่งจาคอบลงมาแทนภาณุวัฒน์ ในขณะที่เมือง กาญจน์สุจิตต์ รักษาการเฮดโค้ชเจ้าถิ่นก็ไม่ยอมน้อยหน้า ส่งสมเจตน์ เกษารัตน์ลงมาเติมความสดในแดนกลางแทนสุจินดาในนาทีที่ 73 โอกาสตีเสมอของบีบีซียูหลุดลอยไปอีกครั้งในนาทีที่ 74 เมื่อคุณสุวัฒน์ วงศ์สุวรรณ ผู้ตัดสินปฏิเสธจุดโทษจากจังหวะที่จาคอบถูกสกัดล้มลงในเขตโทษ ถัดมาอีก 2 นาทีชัยณรงค์ก็มาได้ใบเหลืองจากจังหวะที่ยกขาสูงเข้าหน้าของฮา เจ ซอง แล้วพี่หลีแกก็ออกแอคชันประมาณ “โดน 10 เจ็บซะ 100” ซึ่งพอบี้ได้ของสมนาคุณจากคุณสุวัฒน์ปุ๊บก็ลุกขึ้นมาเล่นต่อปั๊บเหมือนกัน นาทีที่ 78-79 บี้มีโอกาสสองหนซ้อน ๆ แต่ก็ไม่เป็นประตูอีก จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:12:55

ความคิดเห็นที่ 12 10 นาทีสุดท้าย สายฝนเริ่มพร่างพรายลงมาราวกับต้องการบอกลาอะไรสักอย่าง ฮอสเซียน นิสซิมถูกเปลี่ยนลงมาแก้เกมเป็นคนสุดท้ายของทีมเยือน โดยลงมาแทนสลาฮูดินในนาทีที่ 82 ช่วงท้ายเกมยังคงดุเดือดไม่จาง นักเตะทั้งสองทีมมารับใบเหลืองทีมละใบ ก่อนที่ศุลกากร ยูไนเต็ดจะใช้โควต้าเปลี่ยนตัวสุดท้าย ส่งศิทธวุฒิ ไสวศรีลงมาแทนสุทิน แม้จะพยายามตีเสมอเท่าไหร่ แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายบีบีซียูก็เลยกลายเป็นยักษ์ที่โดนแจ๊คอย่างศุลกากร ยูไนเต็ดล้ม ลงด้วยสกอร์ฉิวเฉียด 2-3 จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:13:25

ความคิดเห็นที่ 13 “ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องของการโรเตชัน” พี่บิ๊ก วีรยุทธ โพธารามิก ผู้จัดการทีมบีบีซียูพูดถึงการจัดผู้เล่นสำรองลงหลายคน “ผู้เล่นชุดนี้ก็เคยเล่นด้วยกันมา ผมมองว่าครึ่งแรกเราเล่นเฉื่อยกันมากกว่า ครึ่งหลังดีขึ้น ความจริงน่าจะเสมอนะ จุดโทษลูกนั้นน่าจะทำได้” ในขณะที่น้องบี้ ชัยณรงค์ ทาทองให้ทัศนะถึงเกมที่อาจจะเป็นเกมสุดท้ายในเสื้อสีชมพูว่า “อึดอัดมาก เกมเราต่อกันไม่ติดเลย แล้วครึ่งแรกเราก็เสียเปรียบทางลมด้วย โดนโต้กลับแต่ละทีก็โดนเลย ฟุตบอลอ่ะนะ ถ้าโดนนำ 3-0 ผมว่ามันยากที่จะกลับมาได้ ซึ่งเราก็เกือบทำได้เพียงแต่ยังไม่นิ่งพอเท่านั้นเอง” จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:13:55

ความคิดเห็นที่ 14 บีบีซียูอำลาจากเส้นทางโตโยต้า ลีกคัพปีนี้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันชัยณรงค์ ทาทองที่เคยสร้างความสุขให้กับทีมที่มีรากอยู่ที่สามย่านทีมนี้มาตลอด จบเกมนี้ก็อาจจะต้องถึงเวลาอำลาเช่นกัน “ใจหายเหมือนกันนะ ผมอยู่ที่นี่มาจนมันเหมือนบ้านไปแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งบ้านหลังนี้ก็ไม่อบอุ่นเหมือนดั่งเดิมซะแล้ว...” ดาวซัลโวเลือดศรีสะเกษเผยความรู้สึกด้วยความยากลำบากราวกับมีก้อนอะไรจุกในลำคอ ผมคุยกับบี้พอหอมปากหอมคอจากนั้นก็เดินไปคุยกับบังดุลต่อ (อดีต) กัปตันทีมบอกเล่าอนาคตของตนเองว่า “สองทีมที่ผมคุยด้วย ถ้าจะให้ผมเลือก...ผมยอมรับว่าอยากเล่นในระดับไทยพรีเมียร์ลีกนะ อยากพิสูจน์ตัวเองในระดับนี้ แล้วผมอายุเยอะแล้วด้วยถ้ารออีกทีมขึ้นชั้นมา อายุก็มากขึ้นไปอีก” แม้อยากจะให้อดุลย์อยู่เป็นมิ่งขวัญของทีมต่อไปนาน ๆ แต่ถ้าวันนี้ “บ้าน” หลังนี้ไม่อบอุ่นเสียแล้ว ผมก็เชียร์ให้แบ็กซ้ายวัย 31 ปีคนนี้ออกเดินทางและผจญภัยบนถนนลูกหนังสายใหม่...สายที่น่าจะอาบทาไปด้วยสีเลือดหมูสายนั้น “ยอมรับว่าใจหายถ้าต้องจากไป ผมอยู่ที่นี่มานาน ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ผมทำทุกอย่างเพื่อสโมสร เพื่อน้อง ๆ บางทีอาจจะมากกว่าทำเพื่อตัวเองซะด้วยซ้ำ แต่งานเลี้ยงมันก็ต้องมีวันเลิกลาอยู่ที่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนเท่านั้นเอง...” บังดุลทิ้งท้ายไว้แบบนั้น แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 55 22:28:35 จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:14:55

ความคิดเห็นที่ 15 หลังจากพูดคุยกันจบแล้ว ฝนที่ตั้งเค้าว่าจะตกตั้งแต่ท้ายเกมก็เทลงมาอย่างหนัก บางทีฟ้าอาจจะอยากบอกลาบีบีซียู หรือไม่แน่ก็อาจจะบอกลาสองนักเตะสัญลักษณ์แห่งทีมสีชมพูทีมนี้ ผมยังติดฝนอยู่ที่สนามเพราะรอน้องสาวกับสามี...เอ่อ...ของน้องสาวนะ ไม่ใช่ของผม รอทั้งสองคนขับรถมารับเพื่อแวะไปทานมื้อเย็นด้วยกัน สายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาทำให้ภาพสนามฟุตบอลสีเขียวข้างหน้าดูพร่าเลือน ไม่ต่างจากกาลเวลาที่มักทำให้ความทรงจำหลาย ๆ อย่างเลือนลางลงเสมอ ๆ ผมเคยมีความสุขช่วงสั้น ๆ กับยัยตาโต ถึงวันนี้ความสัมพันธ์ของเราเลือนลางลงตามกาลเวลา...แต่ความทรงจำถึงเธอยังคงแจ่มชัดเสมอ เช่นกันกับบีบีซียู...ก็จุฬา ยูไนเต็ดนั่นแหละ หากนักเตะสายเลือดสีชมพูพากันตบเท้าออกจากสโมสรนี้ตามอดุลย์และชัยณรงค์จริงอย่างที่ร่ำลือกัน กาลเวลาก็คงจะทำให้ความผูกพันของผมลดน้อยลงเช่นกัน แต่...ช่วงความทรงจำดี ๆ จะยังคงอยู่ในใจเสมอ ต่อไปนี้นะ...แม้จะไม่ได้ตามเชียร์ทีมอย่างสม่ำเสมอ แต่ผมคิดว่าจะแอบ “กดไลค์” บ้างตามวาระโอกาส ^-’)b แบบที่ผมทำกับยัยตาโตนั่นแหละ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 55 00:04:41 จากคุณ : baevi เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:15:49

ความคิดเห็นที่ 16 มีแต่เงิน มันซื้อความสำเร็จไม่ได้หรอก ผมยังยืนยันคำนี้นะ ปีที่แล้วขึ้นชั้นมาได้เพราะกินบุญเก่าช่วงเจียมเนื้อเจียมตัว ล่าสุดได้ มหาเทพสุดยอดเอ็กสตรีมสเปเชียลอัลตร้าแม็กซิมั่มอัลติเมตออฟเอฟเอทีแอนด์ยูนิเวิร์ส อย่างท่าน "ชาญวิทย์ ผลชีวิญย์" ไปร่วมงานด้วยแล้ว จองศาลาวัดล่วงหน้าได้เลยครับ จากคุณ : Ace striker เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:24:12

ความคิดเห็นที่ 17 T-T จากคุณ : ChubbyGal เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:28:17

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วเราจะคิดถึงนาย ... บี้ พี่บัง และนักเตะคนอื่นๆที่ยังไม่เป็นข่าว... จากคุณ : immarch เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:57:10

ความคิดเห็นที่ 19 ตัวดีๆเยอะนะ แต่ผมไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรในทีมรึเปล่า รวมไปถึงสนามเหย้าก็ยังไม่มี ฐานแฟนบอลเลยยังไม่แน่น จากคุณ : Fluk_Trafford เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 23:09:46

ความคิดเห็นที่ 20 อนาคตคงเหลือแต่ BB แต่ไม่มี CU จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 23:19:28

ความคิดเห็นที่ 21 กดไลค์ จากคุณ : g9hp เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 23:23:15

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นบทความแรกของพี่แบะที่อ่านแล้วหดหู่ :( จากคุณ : only_one_oat เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 23:24:31

ความคิดเห็นที่ 23 #19 ... แบบนี้มันต้องมีปัญหาแหละครับ เพราะเหล่าแฟนบอล คงไม่ออกมาน้ำตาคลอเบ้าแบบนี้แน่ๆ .. ทำไงได้ .. เราไม่ใช่คนจ่ายเงิน จะให้ทำตามใจกองเชียร์คงไม่ใช่แน่ๆ T_T จากคุณ : immarch เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 23:33:16

ความคิดเห็นที่ 24 คงต้องกลับสู่ "บ้านเรา" จริงๆ เสียละกระมัง... See You At C.U.!!! จากคุณ : new kid in town เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 00:23:41

ความคิดเห็นที่ 25 บังดุลจะย้ายจริงๆหรอเนี่ย T_T จากคุณ : kannesta เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 00:37:00

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้า นู เชียร์ โล ต้น กับ ปอ ยังอยู่ก็ตามเชียร์ต่อไปล่ะครับ จากคุณ : TEsPatA เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 01:19:53

ความคิดเห็นที่ 27 คุณเต้คิดว่าจะได้อยู่เหรอครับ ขนาดตัวนอกแค่คุยกับกัปตันทีมสนิทสนม (เพราะเป็นมุสลิมด้วยกัน) ยังสั่งห้ามโค้ชเอาลงถึงจะหายเจ็บกลับมาแล้ว จนตอนนี้ลอยแพไปแล้ว แล้วน้อง ๆ ที่ว่ามานั่น มีอะไรบังออกหน้าให้หมด มันจะเหลือมั้ยครับ เอาว่าต่อไปนี้ ไม่ว่าไอ้ทีมนี้มันเปลี่ยนชื่อเป็นหอกอะไรอีก ผมถือว่าไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกัน โดยเฉพาะที่นี่ ผมจะไม่ตอบคำถามเรื่องอะไร เกี่ยวกับทีมนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะมันไม่มีราคาสำหรับผมให้เข้าไปยุ่งกันอีก แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 55 01:42:34 จากคุณ : Ace striker เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 01:31:21

ความคิดเห็นที่ 28 ผมไปดูจุฬาบ่อยๆในปี2007-2008 เชียร์ขวัญใจผม กิตติพล ปาภูงา จุฬาเป็นทีมที่อนาคตดี นักเตะรุ่นใหม่ไฟแรงเยอะ ไม่น่าเชื่อว่า ณ.ตอนนี้ ทีมจะเป็นอย่างนี้ ขอเป็นกำลังใจแฟนจุฬาแล้วกันครับ จากคุณ : ไก่ทอด_หาดใหญ่ (dakandaX) เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 12:59:20

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณสำหรับกระทู้โดนใจกระทู้นี้ึ้ค่ะ ขอบคุณพี่ดุลย์ ขอบคุณบี้ ขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่อยู่กับทีมมาตลอด ขอบคุณที่เห็น"ใจ"สำคัญกว่าเงิน เชียร์มา 7 ปี มีพี่ดุลย์คนเดียวที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน ไม่เข้าใจว่าคิดอะไรและคิดได้อย่างไร ไม่มีอะไรจีรังและแน่นอนจริงๆ ขอให้ทุกคนมีเส้นทางที่สดใส เชื่อเสมอว่าคนดีย่อมต้องได้ดีแน่นอนค่ะ เชียร์กันตลอดไปค่ะ เลือดสีชมพู จากคุณ : NooNoeI เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 13:37:08

ความคิดเห็นที่ 30 #28 ครับ ถ้าว่างๆ ลองแวะมาดูจามจุรี ยูไนเต็ดที่สนามจุ๊บสิครับ ยอมรับว่าจามฯ ยูฯ ในตอนนี้ยังไม่ใช่ "ทีมมหัศจรรย์" แบบในยุค 2007-2008 แต่มันก็กำลังค่อยๆ เป็นครับ ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน "ทีมมหัศจรรย์" ทีมที่สองจะเกิดขึ้นครับ จากคุณ : new kid in town เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 15:38:48

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพหนึ่งภาพ แทนคำนับพันครับ... (รูปอยู่ที่ คห. ถัดไปครับ...) แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 55 19:25:36 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 55 19:24:55 จากคุณ : new kid in town เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 15:40:17

ความคิดเห็นที่ 32 คามนี้ครับ... จากคุณ : new kid in town เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 19:26:11

ความคิดเห็นที่ 33 เอาจริงๆ กับกองเชียร์ฝั่งจัสมิน แม้วิธีการเชียร์จะไม่เหมือน แม้เขาจะถูก treat มากกว่าพวกเรา (มีรถรับส่ง, ข้าวกล่องและเสื้อฟรี) แต่หลายๆ คนเขาก็รักทีมในแบบของเขา ถ้าผมจะรำคาญ คงจะรำคาญบรรดา "ขุนพลอยพยัก" ทั้งหลาย ที่ใช้ FB ด่านักบอลที่ตัวเองไม่ชอบหน้าว่า "ไม่มีใจ" อยู่นั่นแหละ แต่พอพูดถึงผู้บริหาร จะมีคำพูดประมาณ "ขอให้ศรัทธาในผู้บริหาร" อยู่ร่ำไป... อยากบอกว่า "นักบอลไม่มีใจ" หรือ "เอ็งเอาแต่ใจ" กันแน่ฟะ!!! แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 01:05:30 จากคุณ : new kid in town เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 00:57:50