ความทรงจำของผมกับ น้องหนู
|
 |
ข่าวคุณธราวุธ นพจินดา หลายคนคงทราบดีอยู่แล้วนะครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ซึ่งสำหรับคนกีฬา ถึงแม้จะชอบหรือไม่ชอบการทำงานของเขา แต่อย่างไรก็ตามผมว่าทุกคนรู้ดี ว่าน้องหนูเป็นคนที่รักกีฬาจริงๆ
สำหรับผมถึงจะทำงานสื่อกีฬามาได้ระยะหนึ่ง แต่เพิ่งมีโอกาสร่วมงานกับคุณน้องหนู จริงๆเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งถึงอายุจะต่างกันเกือบ 1 รอบ แต่ผมก็เรียกคุณธราวุธ เหมือนกับที่คนอื่นเรียก คือ "พี่หนู"
ผมเริ่มได้โอกาสพากย์ฟุตบอลเกมแรกในชีวิต ในศึกโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส 2011 เกมระหว่างซานโตส ของเนย์มาร์ พบกับคลับ อเมริกา โดยคนที่พากย์คู่กับผม ก็คือพี่หนูนั่นแหละครับ
ซึ่งเกมแรกในชีวิตบอกตรงๆ ว่าผมสั่น คือไม่รู้จะพากย์ตอนไหน พากย์ยังไง จะหาจังหวะสอดแทรกตอนไหน คือข้อมูลมีเต็มมือ กลับได้แต่เงียบกริบ จนพี่หนู เอาปากกามาเขียน ข้อความแล้วยื่นให้ผมว่า "พูดเวลาพี่ให้สัญญาณนะ" ก่อนที่เขาจะค่อยๆลีด และทำให้ผมเริ่มได้จังหวะในที่สุด
จากนั้น ผมก็มีโอกาสพากย์ฟุตบอลกับพี่หนูหลายครั้ง จนครั้งล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี่เอง เกมซานโตส กับ โครินเธียนส์ ในโคปาลิเบอร์ตาดอเรส 2012 รอบรอง (บังเอิญที่เป็นซานโตสอีกแล้ว) ผมยังถาม พี่หนูเลยว่า เป็นไงบ้างพี่ ช่วงนี้เห็นไปพากย์วอลเลย์บ่อยนะครับ พี่หนูก็บอกว่า ช่วงนี้นอนน้อยว่ะ พากย์ต่างกีฬามันโคตรยากเลยนะ ต้องทำการบ้านมากกว่าปกติหลายเท่า เดี๋ยวจะโดนคนด่าว่าไม่รู้จริง
ตอนนั้นผมก็ไม่เคยรู้เลย ว่าจะเป็นเกมสุดท้ายของพี่หนูที่ได้พากย์ฟุตบอล ...
ในเรื่องตัวงานพี่หนูสอนผมในเรื่องเกร็ดเล็กๆ ที่ผมไม่ค่อยใส่ใจ อย่างเช่น ถ้าจะสัมภาษณ์ใครอย่าใส่แว่นดำ หรือ ถ้าจะพากย์บอลต้องเตรียมข้อมูลปลีกย่อยไว้ด้วยถึงแม้จะรู้ว่าไม่ได้ใช้ก็ตาม เช่น ระยะห่างของเมืองที่ตั้ง ของสองทีมที่แข่งกันห่างกันกี่กิโล เป็นต้น
ผมมีโอกาสนั่งคุยกับพี่หนูหลายครั้ง ซึ่งเรื่องที่ผมชอบที่สุดก็คือ เขาเป็นคนที่มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์สำคัญ ของโลกฟุตบอล หลายครั้งมาก แต่กลับทำตัวแบบโลว์โพรไฟล์ ไม่เคยกล่าวอ้างว่าเก่ง ว่าเจ๋ง
ในฟุตบอลโลก 1986 เกมระหว่างอังกฤษ กับ อาร์เจนติน่า รอบ 8 ทีมสุดท้าย พี่หนูนั่งอยู่ที่สนามอัซเตก้า และเห็นทั้งสองประตูของดีเอโก้ มาราโดน่า
ผมถามพี่หนูว่า ลูกเลี้ยงครึ่งสนามของมาราโดน่านั้นสุดยอดแค่ไหน พี่หนูบอกผมว่า สวยเกินบรรยาย ในเงื่อนไขที่ทุกอย่างมันลงตัวพอดี เพราะถ้ากองหลังอังกฤษตัวสุดท้าย เทอร์รี่ เฟนวิค ไม่โดนใบเหลืองไปแล้ว มาราโดน่าโดนเตะร่วงนอกเขตโทษแน่นอน
อีกเรื่องที่ พี่หนูมีส่วนเกี่ยวข้องก็คือ โศกนาฏกรรมที่ฮิลส์โบโร่ ซึ่งพี่หนูนั่งอยู่ที่นอร์ธสแตนด์ ห่างจากจุดที่เกิดเหตุ สแตนด์ฝั่งเลปปิ้ง เลน แค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น พี่หนูบอกผมว่า เข้าใจเหตุผลที่เคนนี่ ดัลกลิช ยังคงฝังใจ ก็เพราะขนาดพี่หนูกว่าจะลืมภาพแฟนบอลเสียชีวิตได้ยังใช้เวลาหลายปี
ผมเคยบอกพี่หนูไว้ว่า วันไหนถ้าพี่ว่าง ผมขอให้พี่เล่าเรื่องทั้ง บอลโลก 86 และ ฮิลส์โบโร่ บันทึกเหตุการณ์ไว้หน่อยนะครับ ทั้งเรื่องราว บรรยากาศ และความรู้สึก เพราะคนไทยที่ได้ไปเห็นเหตุการณ์นี้กับตา อาจจะมีแค่พี่หนูคนเดียวก็ได้ เขาก็รับปากผมว่า "เมื่อไหร่ก็ได้" เพียงแต่คำว่า "เมื่อไหร่ก็ได้" มันไม่มีโอกาสมาถึงแล้วเท่านั้นเอง
เมื่อวานซืน (จันทร์ที่ 18 มิถุนายน) ผมเจอกับพี่หนูอีกครั้ง และขอให้เขาช่วยวิเคราะห์เกม ที่เยอรมัน กับกรีซ ในยูโร รอบควอเตอร์ไฟนอล ซึ่งพี่หนูก็พูดได้อย่างฉะฉาน มีใส่มุกตลอด และดูแข็งแรงปกติดีมาก
วันนั้นแกแอบบ่นว่า เสียดายที่อาจไม่ได้ดูยูโรทุกนัดอย่างที่ตั้งใจ เพราะช่วงปลายเดือนนี้ต้องเดินทางไปสวีเดน เพื่อไปทำข่าว นักเรียนไทยแข่งบอลเยาวชนรายการสตูร์เช่อร์ คูเพ่น และก็ไม่รู้ที่สวีเดนจะถ่ายยูโรทุกนัดเหมือนไทยรึเปล่า
ผมก็ถามแกว่า จริงๆบอลเยาวชน พี่ไม่ต้องไปเองก็ได้นี่ เขาก็บอกว่า บอลของไทยถึงจะเป็นบอลเด็ก แต่ก็น่าจะให้ความสำคัญมากกว่าฟุตบอลยูโรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราโดยตรงไม่ใช่หรอวะ ?
นั่นคือครั้งสุดท้าย ที่ผมได้คุยกับพี่หนู โดยไม่รู้เลยว่าวันรุ่งขึ้น พี่เขาจะไม่อยู่ในโลกแล้ว
ยอมรับว่าตอนรู้ข่าวแล้วน้ำตาไหล .. จริงอยู่ว่าผมกับพี่หนู อาจไม่ได้มีเวลาร่วมกันเป็นสิบปี แต่ผมก็รู้สึกเคารพพี่หนู ในฐานะพี่ และในฐานะครู
ผมขอโทษพี่นะครับ ที่บางครั้งก็แอบแซวพี่ เวลาพี่พากย์ในบางครั้ง เช่นการตะโกน โกลลลลลลลลลล ! ลากเสียงยาวๆแบบนักพากย์อเมริกาใต้ เวลามีคนยิงประตู ผมขอโทษพี่นะครับ ที่เวลาพากย์บอลบางครั้ง หัวตื้อหัวตันคิดอะไรไม่ออก เงียบไปเลย ปล่อยให้พี่พูดอยู่คนเดียว
พี่หนูครับ ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆหลายอย่างที่พี่เคยมอบให้นะครับ
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครอง และนำพาให้พี่ไปสู่สุคติในภพหน้าครับ
จากคุณ |
:
ปล่อยใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
20 มิ.ย. 55 09:35:17
|
|
|
|