ความคิดเห็นที่ 1 Cerezo Osaka 2006-2010 จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 22:51:03

ความคิดเห็นที่ 2 คากาวะก้าวเข้าสู่เส้นทางฟุตบอลอาชีพ ในปี 2006 เมื่อ Cerezo Osaka ได้คว้าตัวไปร่วมทัพก่อนที่จะจบมัธยมปลายด้วยซ้ำ (อายุ 17 ปี) ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกของเจลีก ที่ได้รับสัญญานักเตะอาชีพทั้งที่ยังเรียนอยู่ แต่ในปีนั้นทีมของเขากลับตกชั้นลงสู่เจลีก2 โดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้ลงสนามเนื่องจากยังเรียนไม่จบ ทำให้ภารกิจช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่เจลีกอีกครั้งก็ได้เริ่มขึ้นในปีต่อมา ในปี 2007 คากาวะได้เริ่มต้นรับใช้สโมสร โดยลงเล่นไปทั้งหมด 35 เกม ทำได้ 5 ประตู กับอีก 9 แอสซิสต์ ถึงจะไม่เพียงพอทำให้ทีมเลื่อนชั้น (จบอันดับที่ 5) แต่ก็สามารถแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงของทีมมาได้สำเร็จ ในปี 2008 ลงเล่น 35 เกม ยิง 16 จ่ายอีก 10 พา Cerezo เลื่อนขึ้นมาอีกหนึ่งอันดับ (ที่ 4) ในขณะที่ฝีเท้าของเขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 22:53:50

ความคิดเห็นที่ 3 จนในที่สุด ปี 2009 คากาวะก็โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ลงเล่น 44 เกม ยิงไปถึง 27 ลูก กับจ่ายอีก 11 ลูก พาต้นสังกัดจบที่ 2 ได้เลื่อนชั้นกลับขึ้นสู่เจลีกอีกครั้ง โดยคากาวะยังเป็นดาวซัลโวในปีนั้น และเป็นผู้เล่นดาวรุ่งที่ถูกยกย่องมากที่สุดคนหนึ่งอีกด้วย จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 22:54:18

ความคิดเห็นที่ 4 การประสานงานของคากาวะกับเพื่อนร่วมทีม เป็นสิ่งที่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอลได้มากมาย นี่คือ Golden Combination แห่ง Cerezo Osaka เบอร์ 8 ชินจิ คากาวะ และ เบอร์ 7 ทาคาชิ อินุอิ แสดงให้เห็นว่าเซนส์บอลของทั้งคู่มีเคมีเข้ากันได้เป็นอย่างดี (ขณะนี้อินุอิอยู่กับ VFL Bochum ของบุนเดสลีกา 2) จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 22:54:51

ความคิดเห็นที่ 5 ช่วงต้นปี 2010 คากาวะได้วาดลวดลายและสร้างความปั่นป่วนให้กองหลังในเจลีกได้อย่างมาก เขาลงเล่นในลีกสูงสุดนี้ ไป 11 เกม และยิงไปถึง 7 ประตู ช่วยให้ทีมออกสตาร์ทได้อย่างดีเยี่ยม แต่แล้วการแข่งขันครั้งใหม่ของเขาก็ได้เริ่มต้น เมื่อตลาดนักเตะของยุโรปเปิดตัว นี่คือฟอร์มโดยรวมของชินจิ คากาวะในการรับใช้สโมสรแรกในเส้นทางฟุตบอลอาชีพ Cerezo Osaka จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 22:55:41

ความคิดเห็นที่ 6 ลืมลงรูป- -* แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 55 22:59:55 แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 55 22:59:43 จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 22:57:09

ความคิดเห็นที่ 7 Borussia Dortmund 2010-2012 จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:00:31

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อตลาดนักเตะได้เปิดขึ้น การค้าแข้งในญี่ปุ่นของคากาวะก็ปิดตัวลง เขาลงเล่นให้ Cerezo ไปทั้งหมด 127 นัด ยิง 57จ่าย 30 การโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดดังไปถึงหูเจอร์เก้น คล็อปป์ โค้ชหนุ่มของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และเขาก็ไม่รอช้า ได้ทำการยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อตัวมิดฟิลด์รายนี้ทันที คากาวะย้ายมาอยู่ดอร์ทมุนด์ด้วยค่าตัว 350,000 ยูโร เขาก้าวเท้าเข้าสู่เยอรมันโดยปราศจากความกดดันและความคาดหวังจากแฟนบอล เชื่อได้เลยว่าแฟนบอลดอร์ทมุนด์ในขณะนั้นมีน้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อของเขา บางคนอาจคิดว่า เอาเงิน 350,000 นั้นไปทำอย่างอื่นจะไม่ดีกว่าหรือ? จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:01:04

ความคิดเห็นที่ 9 ทันทีที่ทีมเริ่มแข่งขันอุ่นเครื่องปรีซีซั่น ความมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น เมื่อเขาได้รับโอกาสลงสนาม ก็สามารถเรียกเสียงฮือฮามากมายจากแฟนบอล ความคล่องตัว,การคอนโทรลบอล,การจ่าย,การจบสกอร์ เล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก นี่คือสิ่งที่คากาวะแสดงให้เห็น แฟนบางส่วนอาจคิดว่า ถ้าได้หมอนี่มานั่งสำรอง ก็คงไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ชินจิยังคงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้โค้ชและแฟนบอลจนสามารถครอบครองตำแหน่งตัวจริงได้อย่างไร้ข้อกังขา ไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังขำขันกับการย้ายทีมครั้งนี้อยู่ ล้วนแต่ต้องเงียบสนิท เมื่อคากาวะแสดงให้เห็นว่า เขามีดีเพียงใด! เมื่อบุนเดสลีกาฤดูกาล 2010-2011 ได้เริ่มขึ้น คากาวะได้ลงสนามเป็นตัวจริงตั้งแต่เกมแรกที่เจอกับเลเวอร์คูเซ่น ถึงแม้จะไม่สามารถเก็บชัยชนะมาได้ แต่ความสามารถของเขาก็ได้เริ่มเปล่งประกายในวงการฟุตบอลเยอรมันทันที ถัดมา 1 สัปดาห์ ประตูแรกในบุนเดสลีก้าของเขาก็ถูกยิงเข้าสู่ก้นตาข่าย ในเกมที่เจอกับโวล์ฟบวกส์ นำดอร์ทมุนด์เก็บ 3 แต้มแรกได้สำเร็จ และอีกสัปดาห์ถัดมา ดอร์ทมุนด์พบชาลเก้ ในนัดที่ 3 ของบุนเดสลีกา ฮีโร่คนใหม่ก็ได้กำเนิดขึ้น จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:03:35

ความคิดเห็นที่ 10 ก่อนเกมเจอกับชาลเก้ คากาวะบอกว่าทีมของเขาจะสามารถคว้าชัย และเขาจะยิง 2 ประตู นั่นอาจเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองหากทำไม่ได้อย่างที่พูดไว้ แต่ก็นั่นแหละ 1 ลูกผ่านนอยเออร์ 2 ลูกผ่านนอยเออร์ จบเกมที่ดอร์ทมุนด์ชนะ 3-1 การยิง 2 ประตูของคากาวะทำให้ดอร์ทมุนด์สามารถเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลไปได้ แฟนบอลดอร์ทมุนด์ทุกคนจดจำวันนั้นได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มจากญี่ปุ่นที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน ยิงประตูดับคู่แข่งได้ถึงบ้าน ชื่อของเขาโด่งดังไปทั่วเยอรมันในเวลาไม่ถึง 3 เดือนนับตั้งแต่ย้ายมา จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:04:13

ความคิดเห็นที่ 11 "แนวทางการเล่น และความคล่องตัว คือสิ่งที่ทุกคนเห็นกันเสมอเมื่อเขาลงสนาม ทำให้เกิดคำชมมากมายจากเพื่อนร่วมทีม เด็กหนุ่มคนนี้เสกสรรค์ทุกอย่างได้ดั่งใจเหมือนเป็นเทวดา" - นูริ ซาฮิน อดีตเพื่อนร่วมทีมของคากาวะกล่าว จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:06:34

ความคิดเห็นที่ 12 ฟอร์มของคากาวะมีส่วนช่วยในการไต่อันดับของดอร์ทมุนด์เป็นอย่างมาก ลงเล่นเป็นตัวจริง 17 นัดในครี่งฤดูกาลแรก สามารถยิงได้ถึง 8 ประตู โค้ชทีมอื่นๆต้องหาทางรับมือกันจ้าละหวั่น ทำอย่างไรจึงจะหยุดซูชิบอมเบอร์ผู้นี้ได้ และจากฟอร์มที่สุดยอดนี้เอง ทำให้คากาวะได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ในครึ่งฤดูกาลแรก รับการโหวตจากผู้เล่นในลีกว่าเป็นสุดยอดแห่งการค้นพบประจำฤดูกาล สื่อต่างๆพากันเล่นข่าวทีมใหญ่แสดงความสนใจดาวเตะรายนี้เป็นจำนวนมาก (แน่นอนหนึ่งในนั้นมีแมนฯยูไนเต็ดอยู่ด้วย) แต่ข่าวต่างๆก็เงียบหายไป เมื่อตัวเขาได้รับบาดเจ็บจากการรับใช้ชาติ ในการแข่งขันฟุตบอล Asian Cup 2011 จนต้องพักยาวเกือบ 4 เดือน จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:07:41

ความคิดเห็นที่ 13 การบาดเจ็บของคากาวะมีส่วนต่อการลุ้นแชมป์ของดอร์ทมุนด์ไม่น้อย การขาดเขาทำให้ทีมมีทีเด็ดการจบสกอร์ในแดนกลางลดน้อยลง แต่ระบบที่เจอร์เก้น คล็อปป์วางไว้นั้นทำให้ทีมยังสามารถบุกตะลุยเก็บแต้มจนคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี พร้อมกับการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของมาริโอ เกิตเซ่ ดาวรุ่งชาวเยอรมันที่ได้รับโอกาสลงสนามโชว์ฝีเท้ามากขึ้นจากการบาดเจ็บของคากาวะนั่นเอง คากาวะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในนัดสุดท้ายของฤดูกาล โดยลงมาเป็นตัวสำรอง แฟนบอลก็ให้การต้อนรับการกลับมาเป็นอย่างดีด้วยการตะโกนเรียกชื่อของเขา หลังจากจบแมตซ์นั้นแชมป์แรกในชีวิตของเขาก็มาอยู่ในมือ ไม่ต้องสงสัยว่าเขาเป็นส่วนที่สำคัญที่ทำให้ทีมเสือเหลืองได้รับเกียรติยศในครั้งนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูกาลต่อไป จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:08:26

ความคิดเห็นที่ 14 ฟอร์มโดยรวมของคากาวะกับฤดูกาลแรกในยุโรป จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:09:00

ความคิดเห็นที่ 15 บรรยากาศของแฟนๆตะโกนร้อง Kagawa Chant จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:09:28

ความคิดเห็นที่ 16 และแล้วฤดูกาลใหม่ก็ได้เริ่มขึ้น บุนเดสลีกา 2011-2012 นี่คือฤดูกาลที่ 2 ของคากาวะที่ตอนนี้ไม่ใช่ผู้เล่นโนเนมอีกต่อไปแล้ว เขาแบกทั้งความคาดหวังและความกดดันไว้เต็มบ่า สิ่งที่เขาทำไว้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว คือสิ่งที่แฟนบอลตั้งความหวังให้เขาเล่นได้เหมือนเดิม ไม่สิ ดีกว่าเดิม คากาวะและดอร์ทมุนด์เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ได้อย่างย่ำแย่ 6 นัดแรกของฤดูกาล ชนะได้เพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น (แพ้ 3 เสมอ 1) กว่าเขาจะยิงลูกแรกของฤดูกาลได้ก็ต้องรอถึงนัดที่ 6 เลยทีเดียว ที่แย่ยิ่งกว่าคือพกฟอร์มที่ว่านี้ไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีกส์ ทำให้ทีมเป๋ไปพอสมควร และคากาวะก็ไม่แคล้วถูกตั้งคำถามว่าฟอร์มฤดูกาลที่แล้วหายไปไหน จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:10:13

ความคิดเห็นที่ 17 ฟอร์มที่ดรอปลงไปทำให้เจอร์เก้น คล็อปป์ตัดสินใจจับเขาไปเป็นตัวสำรองเพื่อให้เวลาพักผ่อนฟื้นตัวให้เต็มที่ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง คากาวะกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง ถึงจะไม่ทันการในเวทียุโรป แต่เขาก็พาดอร์ทมุนด์ กรุยทางไต่อันดับจากอันดับ 11 ขึ้นมาจบเป็นอันดับ 2 ในลีกครึ่งฤดูกาลแรก เริ่มต้นครึ่งฤดูกาลหลัง คากาวะที่เหมือนชาร์จพลังมาเต็มที่ก็ทั้งยิงทั้งจ่ายพาทีมเก็บชัยรวด 7 นัดแรก ทำแต้มทิ้งชาลเก้และกลัดบัค เข้าสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์กับบาเยิร์น มิวนิคอย่างเต็มตัว จนในที่สุดพวกเขาก็ป้องกันแชมป์ไว้ได้สำเร็จ ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างบาเยิร์นถึง 8 แต้ม สร้างสถิติแต้มมากสุดในประวัติศาสตร์ และไม่แพ้ใคร 28 นัดติดต่อกันนับตั้งแต่พลาดท่าพ่ายฮันโนเวอร์ในนัดที่ 6 โดยคากาวะลงทำศึกบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ไป 31 นัด ยิงไป 13 จ่ายอีก 11 ลูก จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:12:09

ความคิดเห็นที่ 18 หลังจากป้องกันแชมป์ลีกได้แล้ว อีกแชมป์หนึ่งที่ดอร์ทมุนด์มีโอกาสลุ้นคือบอลถ้วยเดเอฟเบโพคาล ซึ่งคู่แข่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน บาเยิร์น มิวนิคเจ้าเก่านั่นเอง ในเกมนี้คากาวะงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ถูกที่ถูกเวลา 4 ใน 5 ประตูที่ดอร์ทมุนด์ทำได้ คากาวะมีส่วนร่วมทั้งหมด โดยยิง 1 จ่าย 1 และทำทางอีก 2 เท่านั้นก็เพียงพอให้ดอร์ทมุนด์ครอบครองแชมป์บอลถ้วยและเป็นดับเบิ้ลแชมป์หนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร อีกทั้งเป็นการเอาชนะบาเยิร์นได้ 5 นัดติดต่อกัน โดยในเกมเดเอฟเบโพคาลนี้เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันก็ได้เข้าไปชมด้วย จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:13:09

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นฤดูกาลที่มีทั้งขึ้นและลง แต่ที่สุดแล้วคากาวะก็พิสูจน์ว่าเขาเป็นคีย์แมนคนสำคัญของดอร์ทมุนด์ชุดนี้จริงๆ ตลอด 2 ฤดูกาลคากาวะลงสนามให้ดอร์ทมุนด์ไป 71 นัดในทุกรายการ ยิงไป 29 จ่าย 13 ลูก โดยหลังจบเกมบอลถ้วยนี้เองข่าวก็เริ่มออกมาหนาหูว่าเขาจะไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดและเตรียมพร้อมหาความท้าทายใหม่ โดยเป้าหมายในครั้งนี้ของเขานั้นอยู่ที่การไปทำศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษนั่นเอง จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:13:50

ความคิดเห็นที่ 20 ประตูและแอสซิสต์ที่ทำได้ในฤดูกาลนี้ จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:14:30

ความคิดเห็นที่ 21 Manchester United 2012-???? จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:16:05

ความคิดเห็นที่ 22 ตลาดนักเตะได้เปิดขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้จะเป็นการย้ายตัวที่น่าตื่นตาตื่นใจ จากนักเตะที่น้อยคนที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่นจะรู้จักเมื่อ2 ปีก่อน สามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมในลีกใหญ่ของยุโรป พาทีมเป็นแชมป์ลีก 2 สมัยติด และได้แชมป์บอลถ้วยอีก 1 สมัย เป็นเครื่องการันตีว่าฝีเท้าของซามูไรคนนี้ไม่ธรรมดา จากนี้ไปจะเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าศักยภาพของเขาจะไปได้สูงระดับไหน กับทีมที่มีชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด! จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:16:28

ความคิดเห็นที่ 23 [บทความแปล] คากาวะ จะเพิ่มศักยภาพของยูไนเต็ดได้อย่างไร? จุดแข็ง การเลี้ยงบอล – เขาเป็นผู้เล่นที่มีความคล่องตัวสูง และมีความสามารถด้านเทคนิคที่ดี คงไม่แปลกที่จะเห็นเขาเลี้ยงบอลหรือพลิกบอลผ่านผู้เล่นคนอื่นอยู่เรื่อยๆ วิสัยทัศน์ – เขามีค่าเฉลี่ยในการจ่ายคีย์พาส 2 ครั้งต่อเกมตั้งแต่ย้ายมาดอร์ทมุนด์เมื่อปี 2010 และมีเปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลตามช่องที่แม่นยำถึง 55.6% การยิง  – คากาวะชอบที่จะลองยิงไกลเมื่อมีโอกาส ถึงแม้เขาจะไม่มีสกอร์จากการยิงไกลในฤดูกาลนี้ แต่เขามีโอกาสในการทำได้สูงในอนาคต ด้วยการยิงไกล 7 จาก 15 ครั้งนั้นทำให้ผู้รักษาประตูต้องออกแรงบินปัดอยู่เสมอ การจบสกอร์ – คากาวะพังประตูบาเยิร์นในนัดชิงเดเอฟเบโพคาล เป็นประตูที่ 17 ในฤดูกาลนี้ ที่ยอดเยี่ยมคือเป็นการทำประตูจากตำแหน่งกองกลาง และไม่ใช่แค่จำนวนประตูเท่านั้นที่น่าจับตามอง ยังมีโอกาสในการทำประตูอีกมากที่ถูกส่งมาถึงเขาในแต่ละเกม ราวกับมีแม่เหล็กดึงดูดบอลอย่างไงอย่างงั้น เขายังเป็นผู้เล่นที่เปลี่ยนโอกาสเป็นประตูด้วยอัตรา 20.6% ในฤดูกาลนี้ จุดอ่อน การปะทะและเกมรับ – จุดอ่อนสำคัญของเขาคือการปะทะ เมื่อคากาวะเสียบอลจากการปะทะ เขาจะมีความกระตือรือร้นในการวิ่งตามคู่แข่งเพื่อแย่งบอลกลับคืนมา จนทำให้บางครั้งอาจเกิดการทำฟาล์วแบบง่ายๆจากการแย่งบอล อย่างไรก็ตามความคล่องตัวอย่างที่ดาวิด ซิลบา หรือฮวน มาต้ามี ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถกลบจุดอ่อนตรงนี้ไปได้ คากาวะมีส่วนร่วมกับการตั้งรับของดอร์ทมุนด์น้อยจากการเล่นในตำแหน่ง trequartista หรือเป็นเพลย์เมคเกอร์ที่จะดันขึ้นสูง คอยวิ่งหาช่องว่าง และรอบอลเพื่อทำเกมบุก หรือแม้แต่ขึ้นไปทำประตู จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:19:40

ความคิดเห็นที่ 24 โดยรวม แมนฯยูไนเต็ด เน้นการจ่ายบอลสั้น ครองบอล และคอนโทรลบอลในแดนฝั่งตรงข้าม ด้วยค่าเฉลี่ยในการครองบอลต่อเกม57.3% เป็นอันดับที่สี่ รองจาก อาร์เซน่อล (59.6%) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (57.7%) และสวอนซี ซิตี้ (57.6%) คากาวะเองก็เล่นบอลสั้น เฉลี่ยการส่งบอลยาวของเขาอยู่ที่ 1.7 ต่อเกมตั้งแต่ย้ายมาดอร์ทมุนด์ เขาน่าจะทำได้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราการส่งบอลสำเร็จอยู่ที่ 78.7% ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะสามารถปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นของยูไนเต็ดได้อย่างแน่นอน ยูไนเต็ดยังคงไว้ซึ่งความน่ากลัวในแผงแนวรุก กดไปถึง 89 ประตู ในฤดูกาลนี้ เป็นรองแค่แมนฯซิตี้ (93 ประตู) และยังเป็นทีมที่เปลี่ยนโอกาสเป็นประตูสูงสุดในลีกด้วยอัตรา 13.8% คากาวะได้พิสูจน์แล้วว่าเขาเป็นทีเด็ดในการจบสกอร์ และสามารถสร้างปัญหาให้ผู้รักษาประตูจากการยิงไกล เฟอร์กูสันนั้นมีปัญหาขาดการทำประตูจากมิดฟิลด์ ทำให้รูนี่ย์ต้องลงต่ำมาเพื่อล้วงบอล และด้วยการซัดให้ดอร์ทมุนด์ 29 ประตูในระยะเวลาสองปีจากตำแหน่งกองกลางตัวรุก คากาวะสามารถแก้ปัญหานั้นได้แน่นอน จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:20:33

ความคิดเห็นที่ 25 อย่างไรก็ตาม อย่างที่เรารู้กันว่ายูไนเต็ดไม่มีตำแหน่งที่เจาะจงว่าเป็นกลางรุกในแผนการเล่น เฟอร์กูสันใช้ระบบ 4-4-2 มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง การปรับตัวให้เข้ากับความยืดหยุ่นของแทคติกของรูนี่ย์ก็ช่วยได้มาก ด้วยการเล่นในตำแหน่ง deep-lying forward.คอยเชื่อมระหวางกองกลางและกองหน้า ดังนั้นคำถามที่ว่าเมื่อคากาวะมาจะเล่นตำแหน่งไหนจึงเกิดขึ้น ดังที่กล่าวไปก่อนหน้า เขาเล่นในตำแหน่ง trequartista ที่ดอร์ทมุนด์ เขาได้รับทั้งความคุ้นเคยและความเพลิดเพลินต่ออิสระในการเคลื่อนที่ในระบบ 4-2-3-1 หากเฟอร์กูสันต้องการหาผู้เล่นตำแหน่ง  deep-lying playmaker (ตัวโฮลบอล) และจับคากาวะไปในตำแหน่งนั้นแล้วละก็ อาจจะเป็นการย้ายทีมที่ผิดพลาดก็เป็นได้ จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:21:35

ความคิดเห็นที่ 26 มีตัวอย่างให้เห็นก่อนหน้านี้ เมื่อเฟอร์กูสันได้ลองนำกองกลางตัวรุกมาเล่นต่ำ แน่นอนเขาคือ แอนเดอร์สัน ซึ่งเคยได้รับคำชมว่าเป็นดาวรุ่งในตำแหน่งกลางรุกในขณะนั้น จบบัดนี้ยังต้องพยายามเล่นเพื่อให้คุ้มกับความคาดหวังตั้งแต่ที่ย้ายมาโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยหลักอาจเป็นเพราะโดนจับให้เล่นต่ำลงก็เป็นได้ ถึงแม้จะมีสมรรถภาพและความสามารถทางเทคนิคที่ดี แต่กลางชาวบราซิเลี่ยนผู้นี้ก็(เกือบจะ)ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการปรับตัวกับตำแหน่งกองกลางตัวทำเกม ถึงแม้จะมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองน้อยเนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บรุมเร้าอยู่บ่อยๆก็ตาม ปัญหาเดียวกันอาจเกิดขึ้นกับคากาวะหากเฟอร์กูสันยังต้องการวางนักเตะในตำแหน่งที่ไม่ถนัด จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:22:05

ความคิดเห็นที่ 27 การปรับเปลี่ยนระบบอาจเป็นสิ่งที่จำเป็นหากต้องการดึงศักยภาพของคากาวะออกมา การปรับระบบเป็น 4-2-3-1 หรือ 4-4-1-1 ด้วยคากาวะซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ถนัดจะช่วยลดความกดดันให้รูนี่ย์ ที่ต้องลงมาสร้างโอกาสให้เพื่อนแทนการจบสกอร์ด้วยตัวเอง มันจะเป็นทางเลือกที่ดีหากเฟอร์กูสันจะจับรูนี่ย์กลับสู่ตำแหน่งหน้าเป้าเป็นอย่างที่ควรจะเป็น อาจไม่ใช่ข่าวดีสำหรับแดนนี่ เวลเบ็คและฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ที่จะมีโอกาสลงสนามน้อยลง อย่างไรก็ตาม มองโดยภาพรวมในทีม เฟอร์กูสันจะได้รับทั้งคุณภาพและความหลากหลายในการทำเกมบุกมากยิ่งขึ้น การปรับแผนนี้ก็เป็นข่าวดีสำหรับแอนเดอร์สันในการแย่งชิงตำแหน่งกับคากาวะเพื่อให้ได้รับโอกาสลงเล่นในตำแหน่งที่เขาถนัด จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:23:49

ความคิดเห็นที่ 28 ในอีกทางหนึ่ง อาจจะเป็นคากาวะเองที่ต้องนั่งสำรอง หากเฟอร์กูสันยังคงใช้ระบบ 4-4-2 ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่นมีโอกาสลงสนามจากม้านั่งสำรอง หรืออาจจะเป็นตัวจริงในเกมอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีกส์ หรือบอลถ้วย เพื่อการโรเตชั่นผู้เล่นที่มีอยู่ แต่การมีคากาวะก็ช่วยให้เฟอร์กูสันมีแผนการเล่นให้ใช้หลากหลายมากยิ่งขึ้น สามารถเปลี่ยนจาก 4-4-2 เป็น 4-4-1-1 หรือ 4-2-3-1 ซึ่งแผนสุดท้ายจะทำให้รูนี่ย์ได้คนคอยซัพพอร์ต แทนที่จะต้องลงมาซัพพอร์ตเพื่อนในระบบเดิม เฟอร์กูสันยังแสดงให้เห็นความตั้งใจในการเพิ่มสปีดให้กับเกมรุกของทีม ด้วยการทำประตูจากการโต้กลับเพียง 2 ประตูในฤดูกาลนี้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ทีมต้องการ ความคล่องแคล่วและวิสัยทัศน์ของคากาวะจะช่วยปรุงแต่งเกมสวนกลับของยูไนเต็ดให้อันตรายขึ้นได้อย่างแน่นอน จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:24:16

ความคิดเห็นที่ 29 จบแล้วครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกัน หวังว่าจะช่วยให้รู้จักเจ้าหนุ่มซามูไรคนนี้มากยิ่งขึ้น ขอบคุณข้อมูลและคลิปจาก siamsport,wikipedia,youtube,schwatzgelb บทความแปลจาก footyplace ด้วยครับผม^^ จากคุณ : Scizer เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:35:15

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณครับ ปัญหาเดียวที่จะทำให้คากาว่าแสดงฝีเท้าออกมาไม่ได้เต็มที่ คือ ความแข็งแกร่ง และความดดันที่อาจจะมากขึ้น บอลอังกฤษอย่างที่รู้ เข้าหนักกันอยู่แล้ว หวังว่าความไวและความพริ้วคงทำให้คากาว่าเอาตัวรอดได้ ขออย่างเดียว...อย่าเจ็บหนัก คิดถึงสมัยที่โชจิ โจได้รับสัญญาไปร่วมทีมรีล บายาโดลิด นัดเปิดตัวโจทำได้เจ๋งมากเหมาสองลูกทำให้ทีมชนะ 2-1 ได้ MOM ด้วยคะแนนความสามารถ 9 เต็ม 10 แต่หลังจากนั้น โจโดนประกบติด ที่เคยยิงได้ก็เล่นไม่ออก แถมโปรแกรมไปเจอมาดริด บาร์ซ่าอีก แค่ได้ยิงก็ดีถมเถไปแล้ว เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ระหว่างนั้นโจได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าระหว่างเกมทีมชาติ สปีดต้น การยิงของโจ มีปัญหาอย่างชัดเจน 14 นัดหลังจากนั้น โจทำได้เพียง 1 assist ซึ่งไม่เพียงพอกับการต่อสัญญาฉบับถาวรจากรีล บายาโดลิด พากลับมาอยู่ญี่ปุ่น โจคนเดิมหายไป แต่ไปได้โจจอมฝืดกลับมาแทน โจทำกายภาพบำบัด วิ่งขึ้นภูเขาหิมะ อาการก็ยังไม่ดีขึ้น หลังจากนั้น โจเล่นไม่ออกและดูจะสูญเสียความมั่นใจอะไรหลายๆอย่าง น่าเสียดายฝีเท้ามาก ที่กองหน้าคนนึงต้องมาเล่นไม่ออกตอนอายุ 25-26 เท่านั้น เคสคากาว่าน่าจะแปลกออกไป สิ่งที่เขาทำได้ในเยอรมนีจะดึงดูดคู่ต่อสู้มาหาเขามากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ คุณสมบัติเรื่องทนถึก เราอาจจะเห็นจากตี๋ปาร์ค แต่กลับชินจิ ผมยังไม่แน่ใจ และภาวนาว่าเขาไม่ควรเจ็บหนักในช่วงแรกของการมาเล่นที่อังกฤษ คากาว่าเล่นที่อังกฤษได้ไหม ได้แน่นอน พลิกเกมได้ เปลี่ยนเกมได้ เล่นได้หลายตำแหน่งในหลายแทคติค เชื่อว่าไม่น่ามาล้มเหลวที่อังกฤษ สมัยอยู่เซเรโซ่ ชินจิเฉิดฉายเกินอายุ และเขานี่แหละคือคนบุกเบิกในพวกเยอรมันเริ่มหาของดีราคาถูกในเจลีกมากขึ้น แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 55 00:03:15 จากคุณ : MoMo says เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 00:02:22

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณครับ รอเบอร์เสื้ออย่างเดียวแล้วตอนนี้ ปีนี้ไม่พลาดเสื้อ ฤดูกาล 2012-2013 แน่ๆ จากคุณ : [R][A][I][J][I][N] เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 00:02:55

ความคิดเห็นที่ 32 โหวตให้ครับ จากคุณ : Lind Say "gorgeous" เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 00:40:24

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากครับ เป็นบทความที่เยี่ยมยอดจริงๆ จากเดิมที่แม้ผมจะเคยตามฟอร์มคากาวะมาแบบผ่าน แต่ผมยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในฝีเท้าของเขาเท่าไหร่จนได้ติดตามมข้อมูลเค้าอย่างละเอียด รวมถึงกระทู้นี้ ซึ่งทำให้ผมเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองต่อคากาวะอย่างสิ้นเชิง และต่อจากนี้ถึงแม้เค้าจะประสบปัญหาหรือโดนโจมตีแค่ไหน ผมก็จะอยู่ข้างเขาเสมออย่างแน่นอน จากคุณ : A E Y A U D D A เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 01:03:01

ความคิดเห็นที่ 34 โหย เราให้กระทู้นี้ทรงคุณค่า :) จากคุณ : city of the damn เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 07:16:21

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณมากๆ ค่ะ สำหรับข้อมูลที่รวบรวมมาให้อ่าน เราเริ่มติดตามคากาวะ ตั้งแต่เห็นท่านเซอร์โผล่ไปนั่งดูเกมกับบาเบิร์นนั่นล่ะค่ะ เท่าที่เคยตามดูคลิปนักเตะหลายๆ คน ที่เคยมีข่าวโยงกับแมนยู เรารู้สึกว่า ดูคลิกคากาวะแล้วเพลินมากที่สุด คงเพราะเราค่อนข้างชอบนักเตะที่ประสานงานกับเพื่อนด้วยมั้งคะ ดูแล้วมันไหลลื่น เพลินตาดี ชอบมากกว่าพวกที่ความสามารถเฉพาะตัวเยอะๆ เลี้ยงเองยิงเองคนเดียว ได้แต่หวังว่า กลางแมนยู คงจะไม่เอื่อยเกินไป และคงหาคนที่เคมีเข้ากันได้ ตอนนี้ก็รอแค่เบอร์เสื้อคากาวะเท่านั้นแหละ จะไปสอยมาเป็นบุญตาซะหน่อย แทบจะอดใจรอดูฤดูกาลใหม่ไม่ไหวละค่ะ ><" จากคุณ : Zestzy_Girlz เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 08:27:06

ความคิดเห็นที่ 36 เคยอ่านจาก 442 Kagawa เป็นนักเตะที่เข้าถึงง่ายมากๆ เวลาว่างก็ไปทานอาหารญี่ปุ่นร้านประจำ คือถ้าใครไปร้านนี้ก็เจอเขาได้ แถมมีแฟนๆ จากญี่ปุ่นจัดทัวร์แฟนคลับ Kagawa มาหาถึงเยอรมัน ก็ได้เจอ Kagawa ด้วย เอาของขวัญวันเกิดมาให้เยอะแยะเลย : ) จากคุณ : Hermy เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 08:38:59

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นประวัติแล้วน่าสนใจมากเลยนะครับ ดังตั้งแต่ยังเด็กนี่เอง แต่ที่ผมสงสัยคือป๋าจะเอามาเล่นยังไง เรื่องความฟิต ร่างกายผมไม่ค่อยห่วง ปาร์คน่าจะแนะนำอะไรได้บ้าง จากคุณ : แข้งบวม เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 08:45:43

ความคิดเห็นที่ 38 ขอให้มาแจ่มๆด้วยเถิด จากคุณ : dabodabo55 เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 09:35:25

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านแ้ล้ว เด็กหงส์อย่างผมเอาใจช่วยครับ เก่ง มุ่งมั่น ฝีมือจริงๆ จากคุณ : Hernf@ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 09:48:26

ความคิดเห็นที่ 40 เอาเบอร์7ไปโล้ด ตำนานเบอร์7ไปโล้ด!! จากคุณ : มีความสุขบนความทุกข์ของตัวเอง เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 09:55:49

ความคิดเห็นที่ 41 ..กับคากาวะนี่ผมเฉยๆนะ กลัวจะมาเหมือนปาร์คอีก สุดท้ายก็สนับก้นยาว คากาวะผมว่าสไตล์ก็คล้ายๆปาร์คนะครับ ชอบสอดขึ้นมายิ่ง การครองบอล การไปกับบอลดี จ่ายบอลก็ถือว่าดี แต่กับเกมในอังกฤษผมว่าลำบาก เพราะยังไงเรื่องแรงปะทะก็สำคัญเสมอ อย่างปาร์คพอเจอเบียดหนักๆผมเห็นกระเด็นทุกที ..ผมมองว่าป๋าอาจจะเอามาแทนสโคลส์ ตำแหน่งนี้พอไม่มีสโคลส์ก็ไม่มีใครเล่นได้ เพราะสโคลส์นั้นครบเครื่อง ทั้งตัดบอล จ่ายบอล และยิงไกล เรื่องยิงไกลผมว่าคากาวะก็ยังไม่เด่นนะครับ ผมว่าแมนยูขาดตัวยิงไกลดีๆ มานานแล้ว หมดสโคลส์ก็ไม่มีใคร ทีมอื่นๆ เค้ามีกันทุกทีม เชลซีมีแลมพาร์ด ลิเวอร์มีเจอร์ราด แมนซิมียาย่า มีตัวยิงไกลดีๆผมว่าเกมมันจะหลากหลายขึ้น แต่แมนยูไม่มีก็ต้องเจาะเข้าเขตโทษอย่างเดียว ..ถ้านับเฉพาะญี่ปุ่นผมยังอยากได้ฮอนดะมากกว่า เพราะตัวใหญ่กว่า จ่ายบอลจังหวะเดียวทำได้ดี (ดูจากนัดล่าสุดที่เจอออสเตรเลีย) และที่สำคัญฮอนดะยิงไกลดีมาก ..แต่ยังไงก็ยังเอาใจช่วยครับ เพราะซื้อมาแล้ว ลป.ผมเด็กผีนะ จากคุณ : AB Rh+ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 10:15:40

ความคิดเห็นที่ 42 พูดถึงเซเรโซ่ โอซาก้าเมื่อไหร่นึกถึงหน้า ฮิโรอากิ โมริชิม่าทุกทีในวินนิ่งภาคเก่าๆโคตรชอบ จากคุณ : god batigoal เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 10:31:50

ความคิดเห็นที่ 43 หมอนี่ของจริง ดูมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว จากคุณ : Kadaj17 เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 11:38:48

ความคิดเห็นที่ 44 วิเคราะห์ได้ดีมากครับ ผมชอบกระทู้แบบนี้มากเลย กดโหวดให้แรงๆครับ สำหรับผม ตำแหน่งที่คิดว่าคากาวะจะทำได้ดี คือหน้าต่ำ แบบที่เค้าเคยโชว์ให้ดูที่ดอร์ทมุนด์ กับระบบ 4-2-3-1 แต่ดูจากที่เซอร์โปรดปรานการเล่นแบบ 4-4-2 และถ้าป๋าแกไม่คิดจะเปลี่ยนระบบ ก็หวังว่าแกจะดันรูนี่ย์ขึ้นไปเป็นหน้าเป้า แล้วส่งคากาวะเป็นตัวต่ำ ในสูตร 4-4-1-1 ขออย่างเดียว อย่าเอาคากาวะเล่นเป็นปีก หรือที่แย่กว่านั้น คือเอาเป็นตัว Hold บอล รับรองว่าโดนรับน้องจากขาโหดแน่นอนครับ ผมไม่ใช่แฟนแมนยูฯ แต่ก็เชียร์คากาวะอย่างเต็มที่ครับ (แต่ถ้าเล่นไม่ออกจริงๆ ป๋าปล่อยมาไก่ก็ได้นะครับ พี่ฟาร์ทผมชักจะโรยละ ) จากคุณ : Sorry_I can't be perfect เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 12:10:45

ความคิดเห็นที่ 45 อยากรู้ว่าแมนยูจะเอามาเล่นตรงไหน จำได้ว่าตอน veron เฟอร์กี้ปรับไปเล่น 4-4-1-1 ฟอร์มวูบลงไปเลย จากคุณ : Mesia_82 เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 13:11:13

ความคิดเห็นที่ 46 ผมดูคลิป Cerezo combiantion แล้ว   กลับชอบสไตล์ของ เบอร์ 7 อินุอิ มากกว่าครับ เจ๋งไม่แพ้กันเลย จากคุณ : Mr.Papirus เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 14:01:22

ความคิดเห็นที่ 47 ขนาดหนูน้อยใน 29 ยังหลงรักอ่ะ ^^ จากคุณ : สาวเกาหลี เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 17:25:29

ความคิดเห็นที่ 48 เรื่องจับไปเล่นตรงไหน ถนัดหรือเปล่า เราว่าเซอร์มีทเรียนมาหลายคนแล้ว เรารอแค่ว่า..เมื่อไหร่ฤดูกาลจะเริ่มแค่นั้น จากคุณ : นารีผวา เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 19:35:11

ความคิดเห็นที่ 49 แมนยูต้องลองเล่นแบบนี้ก็ได้ถ้าจะเน้นกลาง 4-4-1-1 เอาคากาวะเป็นหน้าต่ำ รูนี่ย์หน้าเป้าไม่ต้องห่วงเกมส์รับ จากคุณ : tottui เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 19:40:44

ความคิดเห็นที่ 50 ถ้าเล่น 4-2-3-1 หรือ 4-4-1-1 ใครจะเป็นคู่กลางเนี่ย ถ้าทอม เคลฟเวอร์รี่หายเจ็บ(จริงๆก็หายแล้วแหละ แค่รอคืนฟอร์มแบบต้นฤดูกาลที่แล้ว) แล้วได้เล่นกลาง โดยมีคากาวะเป็นหน้าต่ำ ก็น่าสนใจนะเนี่ยกับมิติเกมรุกของทีมว่าจะเป็นยังไง แต่ปัญหาคือคนที่จะมาเล่นกลางอีกตัวนี่แหละ ถ้าหากลางรับดีๆมาเพิ่มไม่ได้ ก็อาจจะใช้คาร์ริกต่อไปก่อนละมั้ง (จริงๆผมว่าคาร์ริกก็ดีนะ เพียงแต่มีจุดอ่อนเวลาเจอทีมเล่นบีบเร็วนี่แหละ) แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 55 21:04:04 จากคุณ : yutei เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 21:01:15

ความคิดเห็นที่ 51 ชอบ Kagawa มากๆ ครับ ตัวแทนของชาวเอเชีย อีกคนในเวที พรีเมียร์ลีค จากคุณ : TourzNexusz เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 21:20:39

ความคิดเห็นที่ 52 เห็น อินุอิ กับ คากาวะ แล้วทำให้นึกถึงคู่นี้ขึ้นมา จากคุณ : flukekawa omega เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 21:22:07

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณสำหรับกระทู้คุณภาพครับ ได้รู้จักคากาวะมากขึ้นเยอะเลย ดูคลิป Golden Combination นั่นแล้ว ความรู้สึกเหมือนดูสึบาสะชิ่งกับมิซากิจริงๆ ใครพอมีข้อมูลของเบอร์7นั่นมั้ยครับ จะว่าไปผมว่าจินตนาการในเกมสูงกว่าคากาวะอยู่นิดๆนะ แต่คากาวะเด่นกว่าเรื่องการเลี้ยงและการจบสกอร์ จากคุณ : maezono_no7 เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 22:20:44

ความคิดเห็นที่ 54 จริงครับ เทียบกับบาร์ซ่าแล้ว อินุอินี่คงประมาณ ชาบี้ ส่วนคากาวะก็สไตล์ อิเนียสต้า แต่มาอยู่กับยูไนเต็ดจะเล่นเข้าขากับรูนีย์แบบนี้รึเปล่า กลัวจะทับตำแหน่งกัน แต่เชื่อว่าการไปกับบอล และการวิ่งทำทางน่าจะเป็นหน้าที่ของคากาวะ เพราะรูนีย์มักจะชอบเป็นคนออกบอลมากกว่า แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 55 23:12:28 จากคุณ : A E Y A U D D A เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 23:11:10

ความคิดเห็นที่ 55 ตี๋ปาร์คจัดเครื่องดื่มพิเศษให้คากาวะเพิ่มความฟิต จากคุณ : Ezlo เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 23:33:03

ความคิดเห็นที่ 56 อยากเห็นคากาวะลงวาดลวดลายให้ทีมแล้วคร้าบ >< จากคุณ : Winraul เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 23:41:49

ความคิดเห็นที่ 57 แมนยูก็เคยเล่น 4231 หรือ 433 นะ ปีที่ได้ 2 แชมป์ EPL + UCL น่ะ กลางสาม เฟล็ท คาร์ริค สโคลส์ หน้าสาม เตเวซ รูน โด้ บวกกับกองหลังปีนั้นเหนียวมาก ผลงานเลยดี ป๋าซื้อมาแล้วคงให้เป็นตัวจริงเลยแหละ อยู่ที่ว่าจะเล่นแผนไหน จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 00:25:10

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณครับ ข้อมูลเยอะจริงๆ :) จริงๆ ก็ยังคิดอยู่เหมือนกันครับ เพราะอย่างที่เห็นว่าแมนฯยูไนเต็ด ไม่ค่อยหรือไม่เคยได้ใช้งานกองกลางตัวรุกที่ยืนสูงสักเท่าไหร่ อาจจะมีบางเกมที่จัด 4-5-1 ที่เราจะเห็น กิ๊กส์ ดันขึ้นไปช่วย รูนี่ย์ อะไรแบบนั้น ซึ่งเกิดไม่บ่อย การมาของ คากาวะ ไม่น่าใช่การมาแบบเป็นตัวสำรองถาวร ดังนั้นจึงสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ป๋ากี้ จะจัดระบบอย่างไร? ปกติแล้ว ดอร์ทมุน จะใช้ระบบ 4-2-3-1 -------------------- Lewandowski ----------------- ------------------------------------------------------ -- Grobkruetz -------- Kagawa --------- Kuba -- ------------------------------------------------------ ----------------- Kehl -------- Bender ------------ ------------------------------------------------------ -- Schmelzer ------------------------- Piszczek -- ---------------- Subotic --- Hummels ------------ ------------------------------------------------------ ---------------------- Weidenfeller ---------------- ประมาณนี้ ซึ่งถ้าดูตรงนี้ ก็ถือว่าเป็นรูปแบบที่แมนฯยูไนเต็ดพอจะคุ้นเคยและจัดเหมือนกัน ซึ่งจริงๆ มันก็คล้ายๆ กับ 4-4-2 ของปีศาจแดง โดยที่ รูนี่ย์ จะทำหน้าที่คล้ายๆ คากาวะ คือวิ่งพล่านลงมาลึกถึงตรงกลาง และทิ้ง เวลเบ็ค หรือ ชิชา ไว้ข้างบนคนเดียว แปลว่า ในความน่าจะเป็น บางที ก็อาจจะเหมือนการวิเคราะห์ ที่ คากาวะ อาจได้ทำหน้าที่หน้าต่ำหรืออารมณ์เพลเมคเกอร์อย่างเต็มตัว โดยมี คาริค, เฟลทเชอร์, สโคลส์, แอนเดอร์สัน, กิ๊กส์ คอยอยู่ตรงกลางเพียวๆ แนวรุก จะมี 4 คนที่ช่วยๆ กันคือ รูนี่ย์, คากาวะ, วาเลนเซีย/นานี่/ยัง โดยมี พาร์ค เป็นตัวสอดแทรก แล้วปล่อยให้พวก CM จริงๆ อย่าง คาริค, เฟลช, สโคลส์ ฯลฯ คอยทำหน้าที่ป้อนบอลคืน วน process ในการรุกต่อไปเรื่อยๆ ----------------- Rooney ------------------- ---------------------------------------------- -- Young ----- Kagawa ----- Valencia -- ---------------------------------------------- ------------ Carrick -- Fletcher ----------- ---------------------------------------------- -- Evra ------------------ Jones/Rafael -- ------------- Vidic --- Ferdinand --------- ---------------------------------------------- ----------------- De Gea ------------------- จะเวิร์คหรือไม่ ก็ยังบอกยาก เพราะถ้าเป็นอย่างที่เดากันจริงๆ คากาวะ ก็แทบจะมาแทนที่บทบาทเดิมของ รูนี่ย์ กันเลยทีเดียว เรื่องความแข็งแกร่งนั้นจริงๆ ไม่ห่วง เพราะอย่างที่เห็นว่าขนาด พาร์ค ก็ยังเอาตัวรอดได้ สิ่งที่จะทำให้ไม่รอดในอารมณ์นี้ อาจเป็นความสามารถในการหลีกเลี่ยงการปะทะ อย่าง พาร์ค ที่จะสอดส่ายหาช่องว่างได้ดี ไม่ใช่พวกที่ชอบเลี้ยงบอลเข้าจี้ แตะบอลหนีแล้ววิ่งกวด แบบ นานี่ หรือ วาเลนเซีย ซึ่งอาจจะทำให้เสียเปรียบในเรื่องแรงปะทะ คากาวะ เล่นในเยอรมันมาแล้ว 2 ปี ไม่ต้องห่วงเรื่องแรงปะทะหรอกครับ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบอลเยอรมันกับบอลอังกฤษมีความแตกต่างกันพอสมควร คงต้องดู เจ้าตัวจะต้องใช้เวลาปรับตัวมากน้อยแค่ไหน แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 55 00:29:03 จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 00:27:54

ความคิดเห็นที่ 59 หน้าตาดี ราศีจับมาก จากคุณ : เส้นใหญ่พิเศษ เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 01:37:45

ความคิดเห็นที่ 60 ดูจากการเล่นของแกแล้ว ต้องบอกว่าสไตล์แมนยูต้องเปลี่ยนแน่ๆ เพราะดูแล้วเป็นพวกคิดเร็วทำเร็ว ถ้ามีคนจ่ายให้ดีๆนะจรัสแน่ๆ จากคุณ : qerlic เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 01:53:34

ความคิดเห็นที่ 61 สนใจแต่เมียมัน หึหึ... จากคุณ : แม่กลองที่รัก เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 16:08:30

ความคิดเห็นที่ 62 นี่มันคู่แข่ง messi ชัดๆ จากคุณ : SkillFull เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 16:32:50

ความคิดเห็นที่ 63 ดูคคห.4 นึกถึงสึบาสะกับมิซากิเหมือนกันครับ อาจจะไม่เว่อร์เหมือนในการ์ตูน แต่ความรู้สึกเดียวกัน จากคุณ : Olivier เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 19:47:10

ความคิดเห็นที่ 64 โดยส่วยตัวถูกชะตาตั้งแต่เห็นแวบแรก                                                           เห็นแววตาหมอนี่ ก็รู้ว่าฉลาดเป็นกรด ถ้าไม่เตะบอลก็คงเป็นหมอ มีเสน่ห์ทั้งหน้าตาและลีลาการเล่น  การไปกับบอลมีความหลากหลาย คาดเดายาก ตัวเล็กไปนิด แต่มีสมองไว้ชดเชย ถ้าไม่ตายหรือพิการไปก่อน ฟันธงแบบไม่กลัวหน้าแหกเลยว่า คากาวะจะเป็นหนึ่งในตำนาน... จากคุณ : ไม่เล่นการเมือง เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 19:59:15

ความคิดเห็นที่ 65 ในตำแหน่งหน้าต่ำ ไม่น่าแย่งตำแหน่งตัวจริงจากรูนได้ เพราะรูนเล่นในลีกนี้มานาน บารมีสูงแล้วครับ บังบอลเนียนๆ เซนเตอร์ก็ไม่กล้าเตะใส่แล้ว คากาวะในช่วงเริ่มต้น น่าจะสำรองรูนนี่แหละ โดย รูน เวลเบค จะเป็นคู่ยืน เมื่อต้องไปเยือนทีมใหญ่ๆ แล้วจะเน้นครองบอล น่าจะได้เห็นคากาวะ ลงมายืนกลางสูง โดยถอดเวลเบค ออกไป ส่วนชิชา ปีที่แล้วเล่นนอกกรอบห่วยมาก คงถูกลดชั้นไปเป็นตัวสำรอง ลงมาเป็นทีเด็ดในการเข้าทำประตูช่วงท้ายเกมส์เท่านั้น จากคุณ : vdi เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 21:58:51

ความคิดเห็นที่ 66 น่าจะเป็น "คางาวะ" จากคุณ : Meursault เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 12:55:48

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นแฟนบอล สโมสรผึ้งน้อย (Borussia Dortmund) มาหลายปี พอได้ยินชื่อ Kagawa เล่นอยู่ในทีม Dortmund ดีใจจนน้ำตาปริ เพราะน้อยมากที่จะได้ยินชื่อนักเตะจากเอเซีย ไปเล่นในสโมสรในยุโรป และก็รู้สึกเสียใจที่ Kagawa เล่นอยู่ที่  Dortmund แค่ 2 ปี แต่ถ้าย้ายไปอยู่สโมสรดีๆมีรายได้สูงๆก็ยินดีด้วยค่ะ เพราะอาชีพนักบอล เมื่อถึงจุดสูงสุดก็ควรรีบโดยเอาไว้...ขอให้ประสบความสำเร็จในอาชีพนะคะ. จากคุณ : จิงโจ้ยักษ์ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 20:34:57

ความคิดเห็นที่ 68 ดูไปดูมา หน้าตาเหมือน บอย AF3 (แฟนสวยมาก) จากคุณ : Greenbay เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 10:31:41