 |
ขอยกมาจาก กระทู้เก่านะคะ ขอบคุณ ข้อมูลจากคุณ boonchait
บอลสั้น(บอลเร็ว) แบบ A มีทั้ง สั้นหน้า หรือ A หน้า , สั้นหลัง หรือ A หลัง คือตัวตีบอลเร็วจะวิ่งมาตีบอลใกล้ๆ กับตัวเซ็ต
---------------------------เน็ต------------------------------- A [setter] A
บอลสั้น แบบ B หรือ บอล X (บางคนเรียกว่า บอลซี่) คือตัวตีบอลเร็ว จะวิ่งไปตีบอลห่างจากตัวเซ็ตมากกว่าแบบ A (ลูกที่นุช ชอบยัดบอลให้หน่องตี) และอีกตำแหน่งคือบอลไหลหลังยาว (ลูกถนัดของแจ็ค)
---------------------------เน็ต------------------------------- X [setter] ไหลยาว
บอล B หรือ คือบอลที่ตัวเซ็ตจะเซ็ตบอลสูงกว่าบอลสั้น ปกติมักจะอยู่ตรงกลางสนาม แต่การเล่นสูตรจะต้องให้ตำแหน่งบอลอยู่เลยจากตำแหน่งตัวตีบอลเร็วไปอีก
---------------------------เน็ต------------------------------- Bหน้า [setter] Bหลัง
บอล B ที่นิยมใช้ก็มี - บีทับ หรือ ทับ X คือตัวตีบอลเร็วจะกระโดด(หลอก)อยู่ใกล้กับตัวเซ็ต แล้วคนที่ตีบอลจริงๆ จะอยู่ใกล้กับตัวตีบอลเร็ว จะมีทั้งทับหน้า (สูตร: A หน้าหรือ X หน้า + บี) และ ทับหลัง (สูตร: A หลัง + บีหลัง)
---------------------------เน็ต------------------------------- B A [setter] A B
- บีแทรก คือตัวตีบอลหลักจะอยู่ตรงกลางระหว่างตัวตีบอลเร็วและตัวเซ็ต สูตรนี้ตัวตีบอลเร็ว จะวิ่งบอล X และไหลยาวเท่านั้น เพราะจะต้องเผื่อพื้นที่ให้ตัวตีบอลหลักวิ่งมาตีตำแหน่งนี้
---------------------------เน็ต------------------------------- X B [setter] B ไหลยาว
การเล่นบอลสูตร ต้องอาศัยการฝึกซ้อมที่ชำนาญและความคล่องตัว เพราะอาจเกิดการผิดพลาดในการวิ่งสลับตำแหน่งได้ เป็นสไตล์การเล่นของทีมที่ตัวเล็กและรวดเร็ว เพื่อสร้างความหลากหลายเกมรุก หากเล่นบอลหัวเสาอย่างเดียวจะเสียเปรียบเพราะบล็อกจะมาเร็วมาก เผลอๆ 6 มือทีเดียวเลย และที่สำคัญที่สุด "ตัวเซ็ต" ที่เป็นผู้สร้างสรรเกมให้หลากหลาย และจะดึงบล็อกได้ดีแค่ไหน อย่างเช่นบอลที่สูตรงามที่สุด คือบอลทับ X ที่เป็นลูกปิดแม็ตช์ชิงแชมป์เอเชียนั่นเอง
จากคุณ |
:
คนรักชิสุตัวน้อยๆ
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.ค. 55 11:49:40
|
|
|
|
 |