 
ความคิดเห็นที่ 12 |
การเตะที่ใช้ปลายนิ้วเท้าเจาะที่หมายนั้น มักจะใช้ในกรณีสวมรองเท้าเท่านั้น และส่วนใหญ่จะเป็นมวยจีนเหนือ ท่ายืนจะไม่ย่อต่ำ(ขาม้า)แบบมวยใต้ เวลาต่อสู้กัน มักยืนย่อเพียงเล็กน้อย ฝ่าเท้ายังคงดูดติดพื้นตอนเตะ ไม่เหมือนมวยไทยที่ฝ่าเท้าข้างที่ยืนจะกระดกซ่นเท้าเวลาที่ทำการเตะข้างใดข้างหนึ่ง ส่วนการเตะแบบไม่มีรองเท้านั้น คงไม่มีใครฝึกให้ปลายนิ้วเท้าแข็งแรงแบบใช้นิ้วมือ(ไม่ว่าจะจิ้มโดยห้านิ้วมือ สองนิ้วมือ(ชี้กับกลาง) หรือนิ้วเดียว(ชี้) หรือแม้แต่ครึ่งนิ้วชี้) ท่ากระทำเหล่านี้จะใช้ในกรณีกระทำเฉพาะจุดเจาะจงเท่านั้น และมีใช้เฉพาะในมวยจีนขั้นสูง ไม่ได้ใช้กระทำพร่ำเพื่อ เราจะสังเกตุได้จากคาราเต้สมัยเดิมที่ยังใส่เกี๊ยะกัน เวลาจะสู้กันยังต้องสลัดเกี๊ยะทิ้ง ใช้เท้าเปล่า (จัดคาราเต้เป็นมวยใต้)ท่าเตะของคาราเต้ก็เตะเฉพาะจุดเช่นกันโดยใช้ทั้งซ่นเท้า และอุ้งเท้าส่วนบริเวณล่างของนิ้วเท้ากระทำการกระแทกไปตามลำตัวที่มีจุดสำคัญของเครื่องใน ถ้าเป็นการเอียงตัวเตะก็ใช้บริเวณริมฝ่าเท้าด้านยาวระหว่างนิ้วกับซ่นกระแทก ท่าเตะของจีนมักใช้ปลายรองเท้าจิกกระแทกไปยังจุดที่อันตราย รวมทั้งสามารถใช้ส่วนอื่นๆของรองเท้าเตะไปยังจุดลำตัวได้อีกหลายวิธี หันกลับมายังการเตะของมวยไทย ยังคงเป็นท่ายืนสูง ย่อน้อยมาก เวลาเตะมักใช้ลำขาทั้งท่อนเริ่มจากเข่า และบริเวณหน้าแข้งทั้งลำไปจนถึงเกือบถึงข้อต่อของเท้า อาศัยแรงเหวี่ยงหมุนของลำตัวพาท่อนขาทั้งท่อนอัดเข้าสู่จุดหมายตั้งแต่ล่างพับในพับนอก เอว ชายโครง ไปจนถึงก้านคอ ของคู่ต่อสู้ ผมถึงกับรู้สึกถึงแรงเตะกระสอบทรายของคุณสกัดตอนที่ผมยืนข้างกระสอบทรายว่ามันแรงจริงๆ การกระทำการเตะแบบมวยไทยจึงไม่สามารถทำได้ในท่ายืนแบบมวยจีน ท่ามวยจีนจะใช้ท่านี้ได้ในกรณีย่อตัวลงล่างแล้วเตะกวาดเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ล้มลง ครับ ท่าเตะที่ใช้กันก็มีอยู่เพียงเท่านี้ ไม่มีท่าเตะที่พิสดารอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว แต่ละท่าก็ล้วนแต่สามารถสกัดคู่ต่อสู้ได้ทั้งนั้น ไม่มีท่าใดเหนือกว่าท่าใด อยู่ที่จังหวะของคู่ต่อสู้ที่เปิดช่องว่างให้กระทำ การป้องกันท่าเตะมีได้โดยการหลบหลีกทิศทางที่โจมตีมา หรือไม่ก็ใช้ลำแขนทำการบล๊อกไว้ซึ่งสมารถลดแรงเตะได้ระดับหนึ่ง หรือไม่ก็ใช้การบล๊อกด้วยลำแขนท่อนบนซึ่งผ่านการฝึกมาแล้วจนสามารถรับแรงเตะที่รุนแรงได้
จากคุณ |
:
SURAWISH
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.ค. 55 03:24:59
|
|
|
|